คืนวันพิเศษรอบกองไฟ ไอ้ธงที่วางแผนเอาไว้เป็นอย่างดีจะขอเหมยลี่สาวเนิร์ดประจำมหาวิทยาลัยเป็นแฟนให้ได้เพื่อต้องการชนะพนันกับไอ้ต๊อบ
"พี่เอาขนมมาให้เหมยครับ" ธงยื่นขนมในมือมาให้เหมย "ขอบคุนอย่างเดียวหรอ มากกว่าขอบคุณได้ปะ"ธงเริ่มเกมส์ประสาทที่จะเล่นกับใจของเหมย "พี่ธงพูดไปเรื่อย ..."เหมยเงยหน้าส่งยิ้มให้ธงอย่างน่าเอ็นดู แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อธงจู่โจมเหมยอย่างไม่ทันตั้งตัว "อุ๊บ .....!"เหมยตาโตตกใจเมื่อใช้มือหนาจับหน้าของเหมยให้อยู่นิ่ง ธงประกบจูบเหมย อย่างเอาเปรียบและจงใจ โดยเหมยไม่รู้ว่าถูกแอบถ่ายวีดีโอไว้ด้วย.. "ปล่อยนะพี่ธง ..!"เหมยโกรธธง "พี่ขอโทษเหมย ก็เหมยน่ารักพี่อดใจไม่ไหวเลยหลุดควบคุมตัวเอง ขอโทษนะครับ"ธงจงใจทำแล้วใช้มือหนาลูบหัวเหมย "เหมยไม่โกรธก็ได้ค่ะแต่อย่าทำอีกนะค่ะ"เหมยเปลี่ยนจากโกรธเป็นเขินจนอายม้วนเพราะไม่เคยมีแฟนมาก่อน หลังจากเหตุการณ์ที่ธงได้จู่โจมเหมยแบบไม่ได้ตั้งตัวแล้วได้ให้ต๊อปแอบอัดคลิปเอาไว้เพื่อทำอะไรบางอย่าง "มึงเอาจริงเหรอวะ ถ้าเกิดน้องมันรู้ทีหลังว่ามึงหลอก น้องมันจะเสียใจมากนะเว้ย" สกายพยายามห้ามเพื่อนไม่ให้ทำร้ายจิตใจของเหมยลี่ "ไอ้สกาย มึงเป็นอะไรมากป่ะ ปกติกูไม่เห็นมึงจะปกป้องใคร ขนาดคู่นอนมึง พวกกูขอมึงยังยกให้เลย กับยัยเหมยลี่นี่ทำไมวะ" ธงหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด "ไม่มีอะไรพิเศษเลยเว้ย แค่กูสงสารน้องมันที่ต้องมาเจอคนเหี้ย ๆ อย่างมึงเนี่ย" สกายหันไปด่าไอ้ธงเพื่อนรัก "โถ่ไอ้สกาย มึงใจเย็นๆ ดิวะ มันก็แค่เกมๆ นึงเอง" ต๊อปหันไปบอกสกายอย่างติดตลก "เอาไว้กูไปหลอกจีบน้องสาวมึง มึงก็จำคำนี้ไว้นะเว้ยว่าเป็นแค่เกม ๆ นึง" สกายหงุดหงิดไม่พอใจเพื่อนทั้งสองคนที่ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง "โอ้โห ไอ้เวร มึงนี่ปากคอเราะร้ายจังนะเว้ย ไอ้สกาย" ไอ้ต๊อบหันไปตอบกลับเพื่อนรัก ค่ำคืนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง มีการเล่นเกมพี่รหัสน้องรหัสและเล่าเรื่องสยองขวัญมากมาย เป็นการกระชับความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องเป็นอย่างดี เสียงหัวเราะครึกครื้นรอบกองไฟกองใหญ่ กับนักศึกษามหาวิทยาลัยร่วมร้อยคนที่นั่งรายล้อมกันผลัดกันเล่าเรื่องสนุกสนานและเรื่องผีที่น่าขนลุก "ค่ำคืนนี้เราจะมีค่ำคืนแสนพิเศษระหว่างคนสองคนที่กำลังจะเกิดขึ้น" ไอ้ต๊อบที่ยืนขึ้นในฐานะเดือนมหา'ลัยได้ประกาศบางสิ่งบางอย่างรอบกองไฟ "ขอเชิญน้องเหมยลี่ คณะเอกภาษาไทย มายืนที่หน้ากองไฟด้วยครับ ขอเสียงปรบมือด้วยทุกคน" ไอ้ต๊อบที่สร้างสถานการณ์ช่วยเพื่อนรัก "และขอเชิญคุณธง แขกกิตติมศักดิ์ของค่ำคืนนี้ที่มีบางสิ่งบางอย่างจะบอกกับน้องเหมย" เสียงปรบมือเฮลั่นด้วยความลุ้นระทึกใจว่าธงนั้นจะทำอะไรที่พิเศษให้กับเหมยลี่ "พี่ธงมีอะไรเหรอคะ ทำไมถึงต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้" เหมยลี่ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่กำลังจะเกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้น ผ่านไปอยู่ๆก็มีการฉายโปรเจคเตอร์ไปที่ผนังขณะที่ต๊อบเป็นคนเปิดโปรเจคเตอร์นั้นเองกับมือเป็นรูปภาพของเหมยกับธงกำลังยืนจูบกันอยู่ที่ใต้ต้นไม้เมื่อช่วงเย็นก่อนเวลารอบกองไฟ "กรี๊ด.."เสียงสาวๆพากันกรี๊ดกร๊าดเหมือนอิจฉาบุญวาสนาของเหมย ที่ได้เดือนมหาลัยอยากธงมาประกบจูบสักครั้ง "ปิดเดี๋ยวนี้นะพี่ต๊อบที่ทำบ้าอะไรอ่ะ..!" เหมยเริ่มตาแดงกล่ำ เพราะต๊อบได้ทำล่วงเกินขอบเขตมากจนเกินไป เจสซี่รีบเดินไปหาเครื่องโปรเจคเตอร์เพื่อจะกระชากปลั๊กและปิดทันที "พวกพี่เล่นบ้าอะไรอ่ะมันจะเกินไปแล้วนะ"เจสซี่หันไปด่าไอ้ต๊อบและธง "พวกพี่ก็แค่อยากจะบอกว่าจริง ๆ แล้วน้องเหมยเนี่ยไม่ได้ยากอย่างที่ใครๆเขาบอกเลยดูสิ" "แต่นี่มันเป็นการทำลายชื่อเสียงกับชีวิตผู้หญิงคนนึงเลยนะคะพวกพี่มีสมองหรือเปล่า"เจสซี่ด่าอย่างไม่ไว้หน้า เหมยที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายกำลังจับจ้องมาที่เธอน้ำตาเริ่มเอ่อคลอกับสิ่งที่เพิ่งจะผ่านไป "นี่มันอะไรกันคะพี่ธง"เหมยหันหน้าไปถามธงพร้อมกับสีหน้าที่เศร้าหมองน้ำตาดูจะไหลแหล่ไม่ไหลแหล่ "ขอเชิญน้องใบเฟิร์นขึ้นมาด้วยครับ" ไอ้ธงที่ยืนถือดอกกุหลาบช่อโตในมือ มันสั่งพิเศษมาจากในตัวเมืองก่อนที่จะมางานปฐมนิเทศในครั้งนี้ ใบเฟิร์นเองที่ไม่รู้เรื่องแต่ก็ต้องลุกขึ้นมาเพราะทุกคนก็เชียร์ให้ลุกขึ้นและปรบมือกันสนั่นลั่นบริเวณลานกางเต็นท์ "มีอะไรหรือเปล่าคะ เรียกเฟิร์นขึ้นมาทำไม" ผู้หญิงสองคนกับผู้ชายหนึ่งคนที่ยืนอยู่หน้ากองไฟ ทุกคนก็แอบงงและสงสัยว่าทำไมธงถึงได้เรียกบุคคลที่สาม อย่างใบเฟิร์นน้องสาวของต๊อบ เดือนมหา'ลัยขึ้นมายืนเคียงข้างแล้วปล่อยให้ เหมยลี่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม "แกว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าวะ" นักศึกษาปีสามคู่เก่าคู่เดิมกระซิบกระซาบกัน "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นเรื่องที่ดีสักเท่าไหร่นะ อารมณ์เหมือนมือที่สามอะไรเงี้ย" "งั้นเราก็คอยดูกันต่อไป ดูซิว่าพี่ธงเขาจะทำอะไร" ทุกสายตานับร้อยคู่จับจ้องไปที่คนทั้งสามคนที่ยืนขึ้นรอบกองไฟ โดยที่ไม่รู้ว่าเดือนมหา'ลัยอย่างธงต้องการจะเปิดตัวแฟนอย่างเป็นทางการ "วันนี้ขอให้ทุกคนเป็นพยานให้ฉันที่จะขอหญิงสาวที่อยู่ตรงนี้เป็นแฟน" ธงประกาศกร้าวให้ทุกคนที่นั่งอยู่บริเวณรอบกองไฟได้ยินอย่างชัดเจน ทุกคนอึ้งอ้าปากค้างกับสิ่งที่ธงได้พูดเพราะการที่ธงพูดเช่นนี้แปลว่าต้องมีหนึ่งคนเสียใจ แต่ทุกคนก็เห็นได้ชัดเจนตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาธงเฝ้าตามจีบเหมยลี่ ทำราวกับว่าเหมยลี่เป็นแฟน ไปรับไปส่งเหมยลี่ในทุกๆ วันแถมเมื่อตอนก่อนรอบกองไฟก็ยังยืนจูบกันอยู่เลยทำให้ทุกคนเองก็เข้าใจว่าธงจะขอเหมยลี่เป็นแฟน "อุ๊ย! พี่ธงโคตรอบอุ่นเลยอ่ะ ฉันอิจฉายายเหมยลี่มากเลย" นักศึกษาสาวๆ ต่างพากันอิจฉาเหมยลี่ "อ้าว แล้วทำไมถึงให้น้องสาวของพี่ต๊อบมายืนด้วยอ่ะ ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย" "เออว่ะ ฉันก็เหมือนแกเลย ไม่เก็ตอ่ะ" ระหว่างที่ทุกคนกำลังซุบซิบนินทาและฮือฮากับสิ่งที่ธงประกาศอยู่ตรงหน้า ในหัวใจของธงตอนนี้ ต้องการชนะเกมพนันกับไอ้ต๊อบให้ขาดลอยไปเลย และป้องกันไม่ให้ไอ้ต๊อบกีดกันไม่ให้เขาคบกับใบเฟิร์นน้องสาวของมันอีกต่อไป "ใบเฟิร์นเป็นแฟนกับพี่นะ" ไอ้ธงพูดจบก็คุกเข่าลงแล้วขอใบเฟิร์นเป็นแฟนต่อหน้าเหมยลี่ "นี่มันอะไรกัน" เหมยลี่ถึงกับยืนอึ้งตะลึงค้างราวกับวิญญาณหลุดลอยละลิ่วออกจากร่าง แล้วสิ่งที่ผ่านมาคืออะไร สิ่งที่ธงทำกับเธอนั้นหมายความว่ายังไง "พี่ธงพูดจริงเหรอจ๊ะ" ใบเฟิร์นทำเสียงสองเสียงสาม ท่าทีกระดิกกระด๊า เอามือปิดปากแล้วจ้องมองเย้ยหยันไปที่เหมยลี่ราวกับผู้ชนะ "พูดจริงสิ ใบเฟิร์นจะยอมเป็นแฟนพี่หรือเปล่า" ธงหันไปมองหน้าของเหมยลี่ที่ตอนนี้หน้าเปลี่ยนสีซีดเป็นไก่ต้ม "เหมยลี่ช่วยเป็นพยานรักให้พี่ระหว่างใบเฟิร์นด้วยนะ" ธงหันไปพูดเสียงราบเรียบโดยไม่แคร์หัวใจและความรู้สึกของเหมยลี่ว่าจะจะเป็นเช่นไร "ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้..!!" เสียงกระซิบแผ่วเบาออกจากลำคอราวกับจะขาดใจ น้ำตาใส ๆ เริ่มไหลออกจากหางตาแล้วค่อย ๆ อาบใบหน้านวลขาวจนกระทบกับแสงที่กองไฟอย่างชัดเจน "ทำอะไรอ่ะ พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะเหมยลี่" ธงหันไปตอบเสียงห้วนๆ อย่างไม่พึงพอใจและแสดงออกคนละขั้วกับก่อนหน้านี้ "การที่พี่มารับมาส่งเหมย พาเหมยไปกินข้าว ทำดีกับเหมยทุกวัน ซื้อน้ำให้เหมยกิน ติวหนังสือกับเหมย" "ดูหนังด้วยกัน แล้วก่อนรอบกองไฟที่พี่......จูบเหมย หมายความว่ายังไงอ่ะ" เหมยลี่พรั่งพรูคำพูดออกมาจากหัวใจ น้ำตาใสๆ หยดจากหน้าจนมันไหลหยดลงดินอย่างน่าสงสาร "เหมยคิดไปเองหรือเปล่า พี่ก็ทำอย่างนี้กับทุกคนนะ พี่ว่าเหมยคิดมากไปแล้ว" ธงรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ แล่นเข้ามากลางหัวใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ในใจจะมีคำตอบชัดเจนว่าต้องการคบกับใบเฟิร์น แต่พอเห็นน้ำตาของเหมยลี่ก็มีความรู้สึกผิดขึ้นมาในหัวเพียงชั่ววูบ "พี่ไม่รักเหมย พี่ไม่ชอบเหมย แล้วพี่มาแกล้งทำดีกับเหมยทำไม" เหมยลี่ที่กำโหลดาวพับเอาไว้ในมือแน่น เธอตั้งใจจะยื่นนี้ให้กับธงได้ดูถึงความตั้งใจของเธอที่มีต่อธง "เหมยคิดไปเองทั้งนั้น พี่ไม่ได้ทำอะไรเหมยเลย ผู้หญิงใคร ๆ เขาก็เอากันได้ป่ะ" ธงที่พูดออกมาโดยไม่อายและไม่ได้รู้สึกแคร์ความรู้สึกของเหมยลี่เลย "ไอ้ธง ไอ้ชาติหมา มึงจะชั่วกับเพื่อนกูเกินไปละ..!" เพียะ..! เจสซี่ที่โกรธจนควันออกหูก็เดินไปตบหน้าของธงโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และยืนขึ้นมาคว้าแขนของเหมยลี่แล้วเดินออกจากกองไฟ พาเหมยลี่กลับเข้าไปในเต็นท์นอน ขวดโหลดาวร่วงหล่นจากมือของเหมยเธอซุ่มทำคนเดียวอย่างตั้งใจมาตลอด 1 เดือนเพราะอยากจะเปิดโอกาสให้กับธงเธอคิดว่าธงคงจริงใจกับเธอ สิ่งที่เจสซี่พยายามเตือนเธอกลับไม่เคยฟังหรือใส่ใจเลย เหมยลี่เอาแต่ร้องไห้ตาบวมเป่ง ความรู้สึกเสียใจพรั่งพรูจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไร ในขณะนั้นจิตใจของเหมยดำดิ่งเกินกว่าจะควบคุมเอาไว้ได้หลังจากจบกิจกรรมนิเทศในครั้งนั้น เรื่องราวของเหมยก็ดังกระหึ่มไปทั่วมหาวิทยาลัย เหมยถึงกับล้มป่วยและมีอาการซึมเศร้ารักษาตัวอยู่เป็นอาทิตย์ กว่าจะกลับมาเรียนและทำให้เหมยไม่กล้าที่จะไว้ใจใครอีกเลย นั่นเป็นเหตุทำให้เหมย กลัวการพบเจอผู้คนและการมีแฟนจนมาถึงปัจจุบันนี้....ไม่กี่วันก่อนจะต้องไปสอนพิเศษให้หนูลิลลี่ที่บ้านของอาชา เหมย มีนัดสำคัญที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ เธอได้รับเชิญให้ไปออกบูธพบปะแฟนคลับในงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ "พี่เหมยคะเดี๋ยวจะมีแฟนคลับมาขอลายเซ็นหนังสือพี่เหมยนั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวตุ๊กตาจะไปเตรียมของมาให้พี่อยากได้อะไรบอกตุ๊กตานะคะน้องรีเซฟชั่นคนที่คอยเคลียร์ทุกอย่างให้กับเหมยเป็นคนน่ารักมากชื่อตุ๊กตาวิ่งทำโน่นทำนี่ไม่หยุดขอบใจมากจ้ะตุ๊กตาเดี๋ยวถ้าพี่อยากได้อะไรพี่บอกนะหลังจากนั้นไม่นานเหล่าบรรดาแฟนคลับก็เริ่มทยอยมาพูดคุยและขอลายเซ็นจากเหมยหลังจากที่นวนิยายเล่มล่าสุดของเธอได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยผู้คน เหมย ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ที่บูธของเธอ แจกลายเซ็นและพูดคุยกับแฟนๆ อย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องพักเข้าห้องน้ำเหมย เดินออกมาจากบูธ สองมือถือแก้วกาแฟเย็นที่เพิ่งซื้อมาอย่างเร่งรีบ เพราะเธอรู้ว่ามีแฟนคลับจำนวนมากรออยู่ที่บูธ เธอพยายามเดินหลบหลีกฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ แต่แล้ว..."โอ๊ะ!"เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกับแรงปะทะ ร่างของเห
ผ่านไปไม่นานผลงานของเสือก็ออกฤทธิ์ เพราะนายธวัชชัยโทรตามให้ธงไปดูเครื่องซีลชาในไร่ทันที เพราะถ้าหากไปช้าอาจจะทำให้เครื่องมีปัญหาหนัก“ฮัลโหลครับคุณธวัชชัย” นายธงรีบรับโทรศัพท์“คุณธงอยู่ไหนครับเนี่ย ผมให้เด็กไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ พอดีเครื่องซีลมีปัญหาน่าจะต้องรีบเข้ามาดูเลย” ธวัชชัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ตอนนี้เลยเหรอครับ แต่นี่มันนอกเวลางานแล้วนะครับคุณธวัชชัย” ธงรีบปฏิเสธ“ผมเข้าใจครับ แต่เราเป็นช่างรีแพร์ ช่างซ่อมบำรุง ต่อให้นอกเวลางาน หากเครื่องมีปัญหาเราก็ต้องจัดการทันที อย่าให้มันลุกลามครับ นั่นเป็นหน้าที่ของเรา” สิ่งที่ธวัชชัยพูดทั้งหมดเกิดขึ้นจริง ทำให้ธงเถียงไม่ออก เพราะด้วยเงินเดือนที่มากเป็นแสนๆ ของเขา หมายถึงต้องแลกมาซึ่งเวลาชีวิตและพร้อมสแตนด์บายตลอดเวลาในการทำงาน“ก็ได้ครับ อีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปถึง” ธงวางสายจบก็เตรียมจะร่ำลาพ่อแม่ของเหมย เขารู้สึกโกรธมากที่ครั้งนี้อาชาก็ทำกับเขาแบบเดิม“พ่อกับแม่ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงานเร่งด่วนเข้ามา” ธงพูดจบก็ยกมือไหว้พ่อแม่ของเหมยแล้วขับรถออกจากไร่ไปทันทีเสือที่เห็นดังนั้นก็ถ่ายรูปขณะที่ธงกำลังขับรถออกไปส่งไปให้กับอาชาเพื
เหมยที่กำลังจัดสวนดอกไม้เล็กๆ หลังบ้านอยู่กับหนูน้อยลิลลี่ ทั้งสองคนช่วยกันลงกล้าดอกไม้ ผลัดกันรดน้ำอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะคึกคักดังไปเกือบถึงหน้าบ้าน"คุณครูขา อันนี้สวยมากเลยค่ะ สีขาวนี่ดอกอะไรคะ" หนูน้อยลิลลี่ชี้ไปที่ดอกไม้สีขาวชนิดหนึ่งที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล"อันนี้เรียกว่ามะลิซ้อนจ้ะ มันจะผลิบานและส่งกลิ่นหอมมากๆ ยิ่งเวลาเช้าก็จะยิ่งผลิบาน พอแดดออกก็จะบานมากไปอีก" เหมยหันมาตอบลิลลี่ผู้น่ารักอย่างเอ็นดูลิลลี่เดินตรงไปที่แปลงดอกมะลิซ้อนแล้วเด็ดมาดอกหนึ่ง พร้อมกับเดินมาหาเหมยที่กำลังก้มๆ เงยๆ เอาดินใส่กระถางเพื่อเตรียมต้นกล้าดอกกุหลาบ"ทำอะไรคะลิลลี่" เหมยหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นถามหนูน้อยผู้น่ารัก"ลิลลี่จะเอาดอกไม้ใส่ไว้ที่ผมของคุณครูค่ะ จะได้สวย แล้วคุณครูก็จะได้มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ด้วย" ลิลลี่พูดกับเหมยอย่าง น่ารัก"โถ ลิลลี่จ๋า" เหมยอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ จึงรับดอกไม้จากมืออวบอูมเล็กของลิลลี่ เอาดอกมะลิมาเหน็บไว้ข้างหู ไม่อยากให้ลิลลี่ต้องเสียใจ"สวยไหมคะ" เหมยยิ้มแล้วหันมาถามลิลลี่"สวยมากเลยค่ะคุณครูขา ลิลลี่ขอเอา 1 ดอกได้ไหมคะ ใส่หูแบบคุณครูค่ะ" ลิลลี่เงยหน้าขออนุญาตเหมย"ได้ค
ทางด้านเมฆินทร์ ศัตรูตัวฉกาจของธุรกิจมหาวิทยาลัยของอาชา พ่อของเมฆินทร์คือคนที่พยายามฟ้องร้องพ่อของอาชาเมื่อหลายสิบปีก่อนจนครอบครัวแทบล้มละลาย แต่เมื่อพ่อของอาชาสู้มาจนถึงวินาทีสุดท้ายก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองและมหาวิทยาลัยจึงรอดพ้นคำครหา และได้ฟ้องกลับพ่อของเมฆินทร์หลายพันล้านบาทที่จะต้องจ่ายสำหรับมูลค่าความเสียหายและชื่อเสียงที่เสียไป สรุปว่าพ่อของอาชาชนะในคดีฟ้องร้องครั้งนี้ ทำให้พ่อของเมฆินทร์ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินพันล้านบาทเพื่อชดใช้ให้กับมหาวิทยาลัยของพ่ออาชา"สักวันหนึ่ง กูจะต้องทำให้ครอบครัวของมึงต้องพังพินาศอีกครั้ง"นายอนันทชัยคนที่พยายามล้มครอบครัวของอาชาได้ทำการสาปแช่งขณะที่ได้ฟังคำตัดสินจากศาลยุติธรรม"มีอยู่ต่อหน้าศาลนะคุณอนันทชัยกรุณาสำรวมด้วย"เมื่อผู้พิพากษาได้ทำการเคาะไม้และแถลงการณ์คำตัดสินออกมาพ่อของอาชาเพียงแค่เดินออกจากศาลด้วยความสง่างามและจากวันนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นเหตุทำให้พ่อของเมฆินทร์โกรธแค้นและสอนให้เมฆินทร์โกรธแค้นตระกูลของอาชา ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร เมฆินทร์มักจะพยายามตัดหน้าและช่วงชิงความเป็นหนึ่งในธุรกิจนั้นเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน โครงการขยายมหาว
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้อาชาตัดใจจากดารินอย่างเด็ดขาด แม้กระทั่งวันที่เขาใช่ไมเคิลขับรถมาที่อพาร์ทเม้นท์เดิม อาชาเดินมา บอกลาดาริน เธอก็ยังแสดงท่าทีรังเกียจใส่เขายิ่งกว่าไส้เดิมกิ้งกือ"ดารินครับ ผมเคารพการตัดสินใจของคุณนะ ผมแค่จะมาลาคุณเท่านั้น" แม้อาชาจะถูกสวมเขา แต่ในขณะนั้นหัวใจของเขากลับหลงรักผู้หญิงไม่ดีอย่างดารินไปแล้ว"ไปเถอะค่ะ! ไปแล้วไม่ต้องกลับมานะ! หวังว่าคุณจะโชคดี!" ดารินพูดจบก็ปิดประตูใส่หน้าอาชาอย่างไม่ใยดีอาชาลากกระเป๋าเดินออกจากอพาร์ตเมนต์แห่งนั้น ขึ้นเครื่องบินกลับไทยทันที ขณะอยู่บนเครื่อง เขาก็เปิดโหมดเครื่องบินไว้ จึงไม่ได้อ่านข้อความที่แม่ส่งมาให้"อาชา ลูกกลับมาบ้านเราได้แล้วนะ! เราชนะคดีความทุกข้อกล่าวหาไม่มีมูลความจริง ส่วนคนที่ฟ้องร้องคุณพ่อก็โดนคุณพ่อฟ้องกลับ ตอนนี้ทางนั้นคงหนักไม่น้อย ทุกอย่างกลับมาเป็นของเราแล้วนะ" แม่ของอาชาส่งข้อความมาในมือถือกระทั่งอาชากลับมาเหยียบแผ่นดินไทยและเปิดโทรศัพท์ ข้อความนับสิบข้อความก็เด้งขึ้นมา เขาจึงเลือกเปิดอ่านข้อความที่สำคัญที่สุดนั่นคือข้อความจากครอบครัวเมื่อเขาเปิดอ่านข้อความที่แม่ส่งมา เขาก็ร้องไห้โฮ เขาไม่รู้เลยว่าพ
ป้าข้างห้องที่เห็นอาชา เธอเกิดความสงสารและสังเวชใจ อาชานั่งเฝ้ารอดารินที่หน้าห้องตั้งแต่เช้ายันเย็นแบบนี้อยู่สองวันแล้ว แต่ดารินไม่ได้กลับมานอนที่อพาร์ตเมนต์ของเธอตั้งแต่วันที่เธอรู้ว่าอาชากำลังจะล้มละลายกลับเงียบหายไม่ติดต่อไม่อ่านข้อความโทรก็ไม่รับตัดสายและบล็อกทุกอย่างหัวใจของอาชามันเจ็บจนชาไปหมด"มันเป็นเรื่องจริง ป้าไม่ได้โกหกเธอหรอก" ป้าผู้หญิงต่างชาติพูดกับอาชาและอยู่ดี ๆ ก็ได้พูดเล่าเรื่องต่างๆให้กับอาชาได้ฟัง"ขอบคุณครับ" อาชาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูด เขายังเลือกที่จะเชื่อใจดาริน ผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจ อาชาจึงยังคงนั่งเฝ้ารอดารินอยู่ที่หน้าห้อง จนเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่งเสียงเอะอะโวยวายพูดคุยหยอกล้อกันเสียงดังมาจากหน้าลิฟต์ชั้นที่ 6 อาชาอาศัยอยู่ชั้นที่ 7 ส่วนชั้นที่ 6 เป็นชั้นที่ดารินอาศัยอยู่ อาชานั่งคอยดารินอย่างใจจดใจจ่อและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าดารินจะไม่ทิ้งและไม่เป็นอย่างที่ป้าข้างห้องได้บอกกับเขาแต่แล้วความฝันความหวังทั้งหมดก็พังทลายลงเมื่ออาชาได้เห็นภาพ ของดารินมา ปรากฏตรงหน้า แต่เธอไม่ได้มาคนเดียว เพราะข้างกายเธอมีผู้ชายผมสีทองมาด้วย"เดฟคะ ดารินบอกแ