สองสามวัน เหมยพาเจสซี่ท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่อย่างเต็มอัตรา ทั้งกิน เที่ยว ดื่มดริ้งค์ สองคนนั้นพากันเมาหัวราน้ำกลับมาที่บ้านสวนของแม่น้ำฟ้า แม่ของเหมยทุกวัน
"โอ๊ย กี่โมงแล้วอ่ะยัยเหมย" เสียงอ้อแอ้ ทสะโหลสะเหลของยายเจสซี่ที่ลุกขึ้นมาจากเตียง สภาพทั้งสองคนดูเหมือนซอมบี้ เพราะพากันเมาจนสนุกสุดเหวี่ยง "ฮืม...ไม่รู้เหมือนกัน" เสียงครางยานอู้อี้ของเหมยพยายามควานหาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างเตียงเพื่อดูเวลา "ตายแล้ว! เที่ยงแล้วยัยเจสซี่ ลุกๆ เร็วๆ วันนี้เรามีนัดต้องไปงานเลี้ยงคืนสู่เหย้าไม่ใช่หรอ ของมหาลัยอ่ะ" ก่อนหน้านี้ได้มีเทียบเชิญจากเหล่าเพื่อนเก่าที่พากันเชิญให้ทุกคนกลับไปงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียน "ตายแล้ว ฉันก็ลืมเสียสนิทเลย! ลุกๆๆ" ทั้งสองรีบพากันลุกพรึ่บออกจากเตียงเพื่อไปเตรียมตัวงานในคืนนี้ เจสซี่ที่เตรียมตัวจะแปลงโฉมเพื่อนสาวที่เป็นเหมือนยายป้าเพิ้ง ให้ทุกคนในงานได้สวยตะลึง ในเมื่อแผลในใจของเหมยคือเรื่องเมื่อหลายปีก่อน วันนี้เจสซี่จะเป็นคนลบแผลในใจนี้ออกไปจากหัวใจของเพื่อนเอง "โอ๊ย ยายเจ๊ส แค่งานคืนสู่เหย้า แกจะต้องเลือกชุดเสื้อผ้า หน้า ผมอะไรให้ฉันขนาดนี้ ฉันไม่ได้ไปเดินพรมแดนนะยะ" เหมยที่โวยวายเพื่อนรักอย่างเจสซี่ออกแนวรำคาญ "ไม่ได้หรอก ฉันจะทำให้เพื่อนของฉันสวยที่สุดในงานคืนสู่เหย้าคืนนี้ ทุกคนจะต้องตะลึงและจำแกไม่ได้ เชื่อฉันสิ" เจสซี่พูดจบก็หมุนซ้ายหมุนขวาออกแบบทรงผมที่ดำดกปกหลังของยายเหมยให้ดูทันสมัยมากขึ้น ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง กินเวลามาจนถึงเกือบสี่โมงเย็น สองเพื่อนสาวสลับกันแต่งตัวเป็นคอสตูมให้กันและกันระหว่างเจสซี่และเหมย "โถ่ ยัยตัวแสบ สวยขนาดนี้ยังจะแต่งอะไรนักหนา" เหมยแซวเจสซี่เพื่อนรักที่วันนี้เลือกใส่ชุดสีแดงเพลิงประกาย เอาเป็นว่าคนทั้งงานจะมองเจสซี่เป็นตาเดียวแน่นอน "แกน่ะไปเปลี่ยนชุดสักที ผมได้ หน้าผ่านสวยตะลึงตึงขนาดนี้ ฉันอยากเห็นแกใส่ชุดที่ฉันเลือกอ่ะ ไปเร็วๆ เลย" เจสซี่ที่จับเพื่อนรักดันเข้าไปในห้องน้ำที่ตัวเองได้เตรียมเสื้อชุดเดรสสีดำเอาไว้ให้ "โอ๊ย ยายเจ๊สซี่ใจเย็นๆ เดี๋ยวฉันจะรีบเปลี่ยนแล้วจะออกไปให้ดู" พูดจบเหมยก็เข้ามาเปลี่ยนชุดตามคำสั่งของเพื่อนตัวแสบ "ยัยเจสซี่ นี่มันชุดอะไรวะเนี่ย!" เสียงตะโกนดังออกมาจากในห้องน้ำ "ชุดที่เหมาะสำหรับให้แกไปเหยียบหน้า ไอ้ธงยังไงล่ะ ในเมื่อมันทำให้แกมีแผลในใจ วันนี้ฉันจะพาแกไปเหยียบหน้ามันเอง" เจสซี่ตะโกนกลับไป คำว่า 'ไปเหยียบหน้าไอ้ธง' ทำให้หัวใจของเหมยมีพลังขึ้นมา เพราะรู้สึกโกรธเคืองและยังอับอายอยู่ในหัวใจในวันที่โดนหักหน้าจนต้องหยุดเรียนไปเกือบอาทิตย์ ผ่านไปสักพัก ร่างเล็กที่สูง 157 ซม. หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โต ถูกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อยืดตัวโคร่งมาหลายปี ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักในแบบฉบับสาวเหนือ "โอ้โห! เหมย แกสวยมาก ฉันไม่เคยคิดว่าฉันสวยขนาดนี้" เจสซี่ถึงกับตะลึงอ้าปากค้างในความสวยของเพื่อนสาว เหมยที่ได้ยินคำชมจากเพื่อนก็ใช้มือเกาไปที่หัวด้วยความเขินอาย "แกไม่ได้โกหกฉันใช่ไหมยัยเจ๊สซี่"เหมยถามทวนอีกครั้ง "ฉันเป็นเพื่อนแกนะ ฉันจะโกหกแกทำไม แกสวยมาก สวยมากจริงๆ นะ" "ต่อไปนี้แกจะต้องเปลี่ยนการแต่งตัวใหม่ หลังจากจบงานคืนสู่เหย้าเราจะไปตี้กันต่อ" เจสซี่ที่พูดจบก็จัดการเอาเพื่อนมาแต่งเสริมเติมหน้าและทำผมให้เข้ากับชุดอีกครั้ง จนเวลาที่ทุกคนรอคอยมาถึงมหาวิทยาลัย ดังในตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นงานคืนสู่เหย้า ลูกศิษย์เก่าที่ได้เรียนจบไปในวันนี้ ทุกคนได้พากันมาหมด ทุกคนต่างแต่งตัวสวย เท่ หล่อ มาพร้อมรถหรูหลายคัน ต๊อบ ธง และสกายที่เป็นเดือนมหาลัยในรุ่นนั้นก็ยังคงเป็นที่จับตามองของสาวๆ ดั่งเช่นเมื่อก่อน ในรุ่นปี 3 และปี 4 ทุกคนถูกเชิญมาจนครบ ทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติเหมือนกับว่ากำลังถามหา "นี่ มีใครเห็นยัยเจสซี่กับยัยเด็กเนิร์ดที่ชื่อเหมยป่ะ ฉันยังไม่เห็นนางมาเลย" ตะวันคือหนึ่งในคนที่เรียนจบในรุ่น ได้หันมาคุยกับเพื่อนสาว "เออ ฉันก็ไม่เห็นมานะ เป็นฉัน ฉันก็ไม่อยากมาหรอก มีเรื่องซะขนาดนั้น ขนาดเรื่องผ่านมานานแล้วนะ ถ้าให้เอามาเล่าใหม่ก็ยังตลกอยู่เลยอ่ะ" สองสาวพากันเม้าท์มอยเจสซี่และเหมยอย่างออกรสออกชาติ "เฮ้ย ไอ้ต๊อบ เป็นไงบ้างวะเพื่อน" ธงที่เดินไปตบ่าของต๊อบเบาๆ ด้วยความคิดถึง "แหม ไอ้ธง นานๆ เจอกันที" ต๊อบที่ไปทำงานต่างประเทศไปกลับ ไปกลับอยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้ไม่ค่อยได้เจอกับธง และด้วยสภาวะการเจริญเติบโตและหน้าที่การงานทำให้ทั้งสองต้องห่างกันไป "เฮ้ยนั่นไอ้สกายนี่หว่านั่งหล่อเป็นคุณชายเชียว" ต็อบหันไปเห็น สกายที่มาในมาดลุคคุณชายสะอาดดูดีในชุดเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็คสีดำ "อ้าวเฮ้ยพวกมึงเป็นไงบ้างวะไม่เจอกันนานเลย" สกายที่ตอนนี้ได้ทำธุรกิจของครอบครัวคือศูนย์พ่นสีรถยนต์และตัวถังเขาได้ใช้ความรู้ของเขาบางส่วนไม่ได้เต็มร้อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกขัดใจสักเท่าไหร่ "พวกกูสบายดีว่าแต่มึงเถอะธุรกิจเป็นไงบ้างวะได้ข่าวว่าพ่อยกให้หมดเลยนี่"ธงหันไปพูดกับสกาย "เรื่อย ๆ กว่ามึงช่วงนี้เศรษฐกิจแม่งขึ้นๆลงๆ แต่ก็ดีนะมีฐานลูกค้าเก่าแล้วก็ขยายลูกค้าใหม่" สกายที่เป็นเถ้าแก่เต็มตัวและเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่ขยายตลาดผ่านโลกโซเชียลมากขึ้น "เฮ้ยแล้วสรุปมึงกับเฟิร์นเป็นไงบ้างวะยังคบกันอยู่ป่ะ"สกายหันมาถามธงถึงเฟิร์นน้องสาวของต๊อบ "โหตอนนั้นกูยังเด็กก็ไม่ได้คบกันนะแต่กูกับไอ้ต๊อบก็ยังเหมือนเดิม"ธงหันมาตอบพร้อมกับส่งยิ้ม เรื่องราวในวันวานทำให้ทุกคนโตขึ้น ธงเองก็ไม่ได้คบกับเฟิร์นแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องกับ เหมยในคราวนั้น ธงก็ทำใจจะคบกับเฟิร์นต่อไม่ได้ เพราะรู้สึกผิดต่อเหมยเหมือนกันที่ทำให้เหมยต้องหยุดเรียนไปในวันที่เกือบจะสอบ "เฮ้ย มึงแล้วเฟิร์นเป็นไงบ้าง" ธงหันไปถาม ต๊อบด้วยความเป็นปกติ "ยัยเฟิร์นน่ะหรอ ตอนนี้กูไม่ให้น้องทำงานทำการอะไรเลย เที่ยวไปวันๆ" ต๊อบหันไปตอบเพื่อนรัก "แล้วตั้งแต่มาทำไมยังไม่เห็นน้องเหมยเลยวะ" ธงเองก็มีความคิดถึงเหมย เพราะว่าเหมือนเป็นคนในตำนานของมหาวิทยาลัยในรุ่นของตนเองเลยก็ว่าได้ "ยัยเหมย คณะเอกภาษาไทยป่ะ" ต๊อบหันไปทำท่าขมวดคิ้วถาม "ก็เออดิวะ นี่ตั้งแต่มาเพื่อนมากันจนจะครบ แล้วเห็นแต่ว่ายายเหมยก็กับเจ๊สซี่ ยังไม่มา" "แต่หัวหน้ารุ่นของเราก็ส่งจดหมายเทียบเชิญไปให้ทุกคนครบนะ" ธงหันมาอธิบายให้ ต๊อบฟังอย่างละเอียด เหมือนงานกำลังจะเริ่ม มีพิธีการกล่าวเปิดงาน ทุกอย่างดูเป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้ แต่แล้วขณะที่ทุกคนกำลังหันไปที่เวที ก็มีเสียงรถคันหรูสีดำแล่นมาจอด นั่นคืออาชา รัตนภูมิไพเดช ลูกเจ้าของมหาวิทยาลัยที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกได้ไม่ถึงปี และก็พ่วงด้วยตำแหน่งพ่อเลี้ยงไร่ชาที่ดังที่สุดในเชียงใหม่ "เฮ้ย แก นั่งรถใครอ่ะ โคตรหรูเลยอ่ะ รถรุ่นนี้โคตรแพงเลยอ่ะจะบอกให้" สาวๆ พากันซุบซิบ ส่วนบรรดาหนุ่มๆ ก็พากันหันไปจ้องมองเป็นตาเดียว เพราะก็รู้สึกสงสัยว่ายังเหลือใครในรุ่นหรือเปล่า แต่คนที่ก้าวลงมาคือหนุ่มกล้ามโตสูงยาวเข่าดี ใบหน้าหล่อคมเข้มดูสุขุมและสง่างามอายุประมาณ 45 ปี แต่ความหล่อเหลาราวกับฟ้าประทานใบหน้าลูกครึ่งไทยอังกฤษ ความสูง 195 cm กล้ามล่ำบึกบึน ใส่สูทเนี้ยบสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับบอดี้การ์ดสองคนประกบซ้ายขวาเปิดประตูให้ พิธีกรที่กล่าวเปิดงานก็ได้ฉายแสงสปอร์ตไลท์ไปที่ชายหนุ่มคนนั้น "ก่อนที่เราจะเริ่มพิธีใดๆ ขอเชิญคุณอาชา รัตนภูมิไพเดช เจ้าของมหาวิทยาลัย มากล่าวเปิดพิธีเป็นเกียรติแก่นักศึกษารุ่นเราด้วยครับ ขอบคุณครับ" รุ่นพี่ประจำรุ่นได้เปิดเรียนเชิญอย่างเป็นพิธีการ เสียงรองเท้าหรูกระทบบนพื้น เดินก้าวขึ้นไปบนเวทีใหญ่ สาวๆ ต่างพากันกรี๊ดกร๊าดที่เห็นหนุ่มหล่อมาดเข้ม ใบหน้าไร้ซึ่งรอยยิ้มแต่กลับดึงดูดใจ แต่ก่อนที่อาชาจะก้าวขึ้นมาบนเวที ก็มีรถอีกคันมาจอดต่อท้าย รถสีขาวอีโคคาคันเล็ก และคนที่ลงมาสองคน ทำให้ทุกคนในงานกลับมาจ้องมองเป็นตาเดียวเช่นกัน เจสซี่และเหมยสองสาวในชุดราตรีเปิดไหล่ คนนึงสวมใส่ชุดสีแดง คนนึงสวมชุดสีดำ เหมยปล่อยผมยาว ปกหลังเสยขึ้นเล็กน้อยพอให้เห็นใบหน้างาม ขนตาเรียงเป็นแพ ใบหน้าถูกแต่งแต้มเครื่องสำอางจนลงตัว นิ้วมือเรียวเล็กเปิดประตูลงมาพร้อมกับยืนเก้ๆ กัง ๆ "เฮ้ยๆ ไอ้ธง นั่นมันใครวะ โคตรสวยเลยอ่ะ รุ่นเรามีคนสวยขนาดนี้จริงหรอวะ" ธงเองก็จ้องมองผู้หญิงทั้งสองตาเป็นมัน แต่ที่เขาสะดุดใจที่สุดคือผู้หญิงที่ใส่ชุดเดรสสีดำ...ทางด้านธงและดารินก็ยังคงไม่ยอมแพ้ แม้ว่าดารินจะแพ้อย่างราบคาบเมื่อเจออาชาเล่นไม้แข็ง ให้บอดี้การ์ดลากเธอออกจากไร่ชาพรหมเทพอย่างไม่ใยดี แถมยังสั่งห้ามไม่ให้ดารินเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเขาอีก ขณะที่ทั้งสองกำลังพลอดรักกันอยู่ที่โรงแรมเดิม ธงที่รู้สึกถึงแรงแค้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยิ่งวิ่งเข้าใกล้เหมยมากเท่าไหร่ เหมยก็ยิ่งวิ่งออกห่างเขามากเท่านั้น ธงรู้สึกเหมือนเสียศักดิ์ศรีและโดนหยามหน้า "ดารินครับ ทำไมคุณถึงได้ทำพลาดขนาดนั้น คุณไม่เคยรู้เลยเหรอว่าไอ้อาชามีหลานสาว" ธงที่นอนอยู่บนตักของดารินก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ "แล้วใครมันจะไปรู้ล่ะคะ ว่าอีเด็กเปรตนั่นจะเป็นหลานสาวของอาชา" ดารินก็รู้สึกโมโหไม่น้อยที่อยู่ดี ๆ ก็ต้องมาล้มละลายเพียงเพราะเด็กคนเดียว "แล้วเราจะทำยังไงต่อไปล่ะครับดาไหนจะมีไอ้เมฆินทร์อีกคนนึงที่มาตามป้วนเปี้ยนจีบเหมย" ธงก็ยังคงอยากเอาชนะอาชาและเมฆินทร์อยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของเหมยและอาชาได้ก้าวหน้าเกินกว่าที่เขาจะแตะถึง "เหลือแต่คุณแล้วค่ะที่ต้องเข้าไปทำลายความสัมพันธ์ของสองคนนั้น เอาให้ทั้งสองคนมันแตกหัก ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันยิ่งดี แล้ว
เมฆินทร์ที่กลับจากการทำธุระของตัวเองก็คิดถึงเหมยไม่แพ้อาชาหรือธง วันนี้เขาตั้งใจจะเข้าไปเจอเหมยที่คาเฟ่และซื้อของมากมายกลับมาฝากเธอ “ถังลี่ วันนี้กูจะเข้าไปที่ไร่ชาพรหมเทพ จะเอาของที่กูซื้อไปฝากคุณเหมย มึงให้เด็กเอาของขึ้นรถให้กูด้วย” เมฆินทร์หันไปสั่งบอดี้การ์ดคู่ใจ “ผมจัดการให้นายเรียบร้อยแล้วครับ นายจะไปเลยไหมครับ” ถังลี่หันมาถามผู้เป็นนาย เมฆินทร์พยักหน้า เขาลุกออกจากห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์หรูแล้วก้าวขึ้นรถสไตล์ยุโรป ใจของเขาอยากจะเจอหน้าสวย ๆ ของเหมย และเขาก็อยากจะเข้าไปสืบหาเรื่องราวของอาชาที่จะทำการเซ็นสัญญากับมิสเตอร์จางเพื่อตัดหน้าบริษัทของเขาด้วย “ได้ครับนาย แต่ว่านายมั่นใจเรื่องที่ดินที่เราซื้อไว้ให้มิสเตอร์จางจริง ๆ ใช่ไหมครับ” ถังลี่รู้สึกว่าอาชามีความเงียบผิดปกติ “มีอะไรหรือเปล่าวะ” เมฆินทร์หันมาถามขณะกำลังดูตารางงานอยู่ด้านหลังรถ “ผมว่าบอดี้การ์ดของไอ้อาชาและตัวมันเงียบผิดปกติ เพราะโครงการนี้มันเคยคิดจะสู้กับเราหลายหน ทำไมมันถึงเงียบหายไป” ถังลี่รู้สึกถึงความผิดสังเกต “มันก็จริงอย่างที่มึงพูด ส่งคนของเราจับตาดูมันทุกฝีก้าว ลองดูว่ามันจะบินไปสิงคโปร์เมื่อไหร่
อาชาปลดพันธนาการที่ข้อมือเหมยออก ช้า ๆ แต่ยังคงจับมือเธอไว้มั่น เขายิ้มเจ้าเล่ห์ "เราลองเปลี่ยนท่ากันหน่อยดีไหมครับคนดีของพี่..." เหมยพยักหน้าเล็กน้อยด้วยใบหน้าแดง ระเรื่อ เธอเชื่อใจเขาอย่างเต็มเปี่ยม อาชาจึงค่อย ๆ พลิกร่างบางของเหมยให้นอนคว่ำลงช้า ๆ จากนั้นใช้เนคไทผูกข้อมือทั้งสองข้างของเธอไขว้ไปด้านหลังอย่างชำนาญ การถูกมัดในท่านี้ทำให้เหมยรู้สึกอ่อนแอแต่ก็ตื่นเต้นจนหัวใจเต้นระรัว "แบบนี้... เราจะรู้สึกถึงพี่ได้ชัดเจนขึ้น พี่จะเอาเหมยจน เหมยร้องขอให้พี่หยุด..." อาชากระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูของเหมย ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาทำให้ขนอ่อน ๆ ทั่วร่างของเธอตั้งชัน เหมยพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงก็ติดอยู่ในลำคอ อาชาโน้มตัวลงไปจูบแผ่นหลังเนียนนุ่มของเหมยช้า ๆ ไล่ขึ้นไปตามกระดูกสันหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสอันเร่าร้อนของเขาทำให้เหมยบิดกายเล็กน้อยด้วยความรู้สึกที่พุ่งพล่านขนลุกซู่ไปทั้งกาย "พะ พี่... อาชาขา.....อ้าส์ ซี๊ด..." เหมยครางชื่อเขาเบา ๆ น้ำเสียงแหบพร่าด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ "ใช่ครับ... พี่อยู่นี่แล้ว" อาชาตอบ พลางใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามแนวสะโพกผายของเธออย่างยั่วยวน เ
หลังจากผ่านพ้นเรื่องของดารินไปอาชาสั่งห้ามบอดี้การ์ดทุกคนห้ามให้ดารินกลับมาเหยียบไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยทุกพื้นที่ของตระกูลเขา ห้ามดารินเข้ามาก้าวก่ายโดยเด็ดขาด "ไอ้เสือบอกบอดี้การ์ดทุกคน ถ่ายทอดคำสั่งของกูลงไป ห้ามให้ดารินเหยียบเข้ามาทุกพื้นที่ของตระกูลกู แม้แต่เงาก็ห้ามให้มาใกล้..! อาชาเขารู้ว่าผู้หญิงอย่างดารินทั้งอันตรายและเจ้าเล่ห์จึงเลือกที่จะปกป้องเหมยและลิลลี่ให้ออกห่างจากผู้หญิงอย่างดาริน "ครับนายผมจะรีบถ่ายทอดคำสั่งของนายทุกคำออกไปในกลุ่มบอดี้การ์ดของเราครับนาย" "คืนนี้ผมว่าเป็นคืนที่ดีนะครับนาย" "มันเป็นคืนที่ดียังไงวะ" อาชาสงสัยเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆเสือก็พูดขึ้นมา "เพราะคืนนี้นายธงมักจะออกไปทุกคืน วันเสาร์และกลับมาในวันจันทร์เช้า เพื่อทำงาน ผมอาจจะใช้โอกาสทองและจังหวะนี้" "ในการหาข้อสงสัยของผมเพราะมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลที่ผมสัมผัสได้" เสือรายงานบางอย่างให้กับอาชาได้ฟังเพราะเขาก็แอบสงสัยพฤติกรรมของธงมานานแล้ว "ดีกูเองก็ไม่ไว้ใจมัน มันจงใจปล่อยข่าวเสียหายให้กับเหมย เรื่องของมันกับเหมยในอดีตกูคงจะยอมง่าย ๆ ไม่ได้หรอก" อาชาเองก็ไม่ได้ละทิ้งเรื่องพวกนี้แต่เขาให้มันเป็นเพี
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ชุลมุนที่คาเฟ่ ดารินก็ได้พบกับ อาชา ในที่สุด เธอเดินเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้มหวานหยด ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอนั่งรออาชาหลายชั่วโมงกว่าที่อาชาจะยอมให้เธอเข้าพบ "อาชาคะ ดาคิดถึงคุณจังเลยค่ะ" ดารินเอ่ยเสียงหวาน พร้อมกับทำท่าจะโผเข้ากอด แต่อาชากลับถอยห่างออกมาเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย "คุณดาริน มาทำอะไรที่นี่" อาชาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่ต้องการจะข้องแวะกับอดีตที่เลวร้าย "อะไรกันคะอาชา ทำไมพูดกับดาแบบนี้ล่ะคะ ดาก็แค่อยากมาเยี่ยมคุณ มาทวงถามความรักเก่า ๆ ของเราคืน" ดารินแสร้งทำเป็นตัดพ้อ ใบหน้าแสดงความเศร้าสร้อยอย่างจงใจ "สงสัยความรักที่ผมเรียกคุณไป 10 ล้านคงไม่พอซะแล้วมั้ง คุณยังมีแรงมาระรานวุ่นวายกับผมอยู่แบบนี้"อาชาพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยันและรู้สึกรังเกียจผู้หญิงอย่างดารินที่สุด "โธ่อาชาคะ คุณไม่เห็นจะต้องแจ้งความเอาเรื่องดารินขนาดนั้นเลยค่ะ คุณก็รู้ว่าดารินไม่มีอะไรที่จะสู้กับคุณได้" "ดารินแค่อยากมาถามหาความเห็นใจจากคุณบ้างก็เท่านั้น ใจดีกับดารินหน่อยนะคะ" ดารินเกาะแข้งเกาะขาอาชาไม่ยอมปล่อยเอาแต่ทำท่าทีออดอ้อนออเซาะเพื่อให้อาชาใจอ่อน เหมือนฝันของดารินกำ
ธงเริ่มปฏิบัติการตามแผนของดารินอย่างเคร่งครัด เขายังคงส่งของขวัญและดอกไม้ให้เหมยเช่นเคย แต่คราวนี้มาพร้อมข้อความที่ดูเหมือนจะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจเหมยมากยิ่งขึ้น เช่น "รู้ว่าเธอเหนื่อย พักผ่อนบ้างนะ" หรือ "หวังว่าดอกไม้ช่อนี้จะทำให้วันของเธอสดใสขึ้นมาบ้าง" ซึ่งเป็นข้อความที่ดารินแนะนำให้ใช้เพื่อสร้างความรู้สึกผูกพันทางอารมณ์"พี่ส่งดอกไม้ให้ครูเหมยทุกวันเลยอ่ะผมเป็นครูเหมยนี้ผมละลายหมดแล้วนะ"ไอ้เต้เดินมาแซวธงเมื่อเห็นว่ายังคงใช้ให้เต้ไปส่งดอกไม้"มันก็ต้องขยันหน่อยเว้ย.!!อยากได้เขากลับมาก็ต้องเอาใจเขาบ้าง"ธงพูดลอยๆ"คราบพี่" ไอ้เต้กับไอ้ต้นหนาวถึงกับหลุดหัวเราะในขณะเดียวกัน ธงก็เริ่มหาโอกาสพูดคุยกับเหมยมากขึ้น โดยอาศัยสถานการณ์ที่พบกันโดยบังเอิญในที่ทำงาน หรืออ้างเรื่องงานเข้ามาพูดคุย "อรุณสวัสดิ์ครับเหมย" ธงที่มาคาเฟ่แต่เช้าเพื่อมาดักรอเหมยและลิลลี่ที่จะมานั่งในห้องประจำเพื่อเรียนหนังสือเปลี่ยนบรรยากาศไม่ใช่ภายในบ้านพักตากอากาศ"อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ธง"เหมยยิ้มให้อย่างเป็นมิตรช่วงนี้เธออาจจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย