เหมยที่กำลังจัดสวนดอกไม้เล็กๆ หลังบ้านอยู่กับหนูน้อยลิลลี่ ทั้งสองคนช่วยกันลงกล้าดอกไม้ ผลัดกันรดน้ำอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะคึกคักดังไปเกือบถึงหน้าบ้าน
"คุณครูขา อันนี้สวยมากเลยค่ะ สีขาวนี่ดอกอะไรคะ" หนูน้อยลิลลี่ชี้ไปที่ดอกไม้สีขาวชนิดหนึ่งที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล "อันนี้เรียกว่ามะลิซ้อนจ้ะ มันจะผลิบานและส่งกลิ่นหอมมากๆ ยิ่งเวลาเช้าก็จะยิ่งผลิบาน พอแดดออกก็จะบานมากไปอีก" เหมยหันมาตอบลิลลี่ผู้น่ารักอย่างเอ็นดู ลิลลี่เดินตรงไปที่แปลงดอกมะลิซ้อนแล้วเด็ดมาดอกหนึ่ง พร้อมกับเดินมาหาเหมยที่กำลังก้มๆ เงยๆ เอาดินใส่กระถางเพื่อเตรียมต้นกล้าดอกกุหลาบ "ทำอะไรคะลิลลี่" เหมยหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นถามหนูน้อยผู้น่ารัก "ลิลลี่จะเอาดอกไม้ใส่ไว้ที่ผมของคุณครูค่ะ จะได้สวย แล้วคุณครูก็จะได้มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ด้วย" ลิลลี่พูดกับเหมยอย่าง น่ารัก "โถ ลิลลี่จ๋า" เหมยอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ จึงรับดอกไม้จากมืออวบอูมเล็กของลิลลี่ เอาดอกมะลิมาเหน็บไว้ข้างหู ไม่อยากให้ลิลลี่ต้องเสียใจ "สวยไหมคะ" เหมยยิ้มแล้วหันมาถามลิลลี่ "สวยมากเลยค่ะคุณครูขา ลิลลี่ขอเอา 1 ดอกได้ไหมคะ ใส่หูแบบคุณครูค่ะ" ลิลลี่เงยหน้าขออนุญาตเหมย "ได้ค่ะ งั้นลิลลี่รอคุณครูอยู่ตรงนี้นะคะ" เหมยเดินตรงไปที่แปลงดอกมะลิแล้วก็เด็ดมาให้กับลิลลี่ 1 ดอก พร้อมกับทัดหูของลิลลี่เหมือนของเธอ "ลิลลี่สวยเหมือนคุณครูหรือยังคะ" ลิลลี่ถาม "สวยมากค่ะ สวยกว่าคุณครูอีกนะ" สองสาวพากันหัวเราะอย่างติดตลก ทางด้านธงที่ลุกไปไหนไม่ได้เพราะถูกพ่อกับแม่ของเหมยดึงรั้งเอาไว้หน้าบ้านไม่ให้เข้ามาเจอหน้าเหมย ทั้งที่ธงได้ยินเสียงของเหมยชัดเจน "เป็นอะไรหรอลูก เบื่อคนแก่หรือไง" พ่อบุญทองแกล้งทำเป็นถาม ทั้งที่รู้สึกอยากจะเอาปืนลูกซองเป่ากบาลของธง เพราะยิ่งนึกว่าทำให้ลูกสาวของพ่อบุญทองเสียใจจนเกือบจะลาจากโลกนี้ไป ทำให้พ่อบุญทองยังรู้สึกโกรธแค้นอยู่บ้าง "เปล่าหรอกครับพ่อ วันนี้ผมจะมาขอฝากท้องกับพ่อแล้วก็แม่ที่นี่ได้ไหมครับ" ธงจึงเปลี่ยนแผนทันทีเพราะรู้แล้วว่าคงยังไม่ได้เจอหน้าเหมยเวลานี้แน่นอน "ก็ตามใจสิลูก พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร" พ่อบุญทองพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน "ขอบคุณครับคุณพ่อ" ธงยกมือไหว้ ผ่านไปไม่นานรถหรูยุโรปสีดำก็แล่นมาจอดคู่กับรถไฟฟ้า สง่าราศีช่างดูแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เสือเดินลงมาจากรถแล้วก็เปิดประตูให้กับอาชา เพราะวันนี้เขามีสัญญาว่าจะมากินข้าวเย็นกับลิลลี่และพ่อแม่ของเหมย แต่เมื่อเขายืนขึ้นตรง สายตาก็ไปพบกับร่างผู้ชายที่เขาคุ้นตานั่นคือธง คนที่เขาอยากจะส่งไปเฝ้ายมบาลและทำให้หายไปจากโลกนี้มากที่สุด "มึงธงมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" อาชาตวาดลั่น เหล่าบอดี้การ์ดที่ทั้งปลอมตัวและยืนประจำจุดก็พากันถึงกับเหงื่อแตกพรากๆ "พี่ใจเย็นก่อนนะ มันเป็นนอกเวลางาน ผมก็ทำอะไรมากไม่ได้" เสือพยายามปลอบใจให้อาชาใจเย็นลง "ไม่เป็นไร กูเข้าใจ งั้นมึงรอกูอยู่นี่แล้วกัน ส่วนลูกน้องก็ให้มันผลัดเปลี่ยนเวรมายืนเฝ้าที่นี่ให้มากขึ้นกว่านี้หน่อย" เสร็จแล้วอาชาก็หยิบเงินสด 100,000 บาทออกมาแล้วยื่นให้กับเสือ "นายให้เงินผมทำอะไรครับ" เสือหันมาถามอาชาอย่างรู้สึกงงๆ "เอาเงินพวกนี้ไปแจกจ่ายให้กับบอดี้การ์ดของเรา ใครที่ทำให้ไอ้ธงออกจากบ้านนี้ได้ก่อนที่กูจะกินข้าวเย็น กูให้มันหมดปึกนี้เลย" เสือถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ไม่คิดว่าเจ้านายของเขาจะหวงเหมยมากๆ "ได้ครับพี่ เดี๋ยวพวกผมจัดให้" เสือพูดจบ เมื่อถูกเจ้านายอัดฉีด มันก็ต้องรวมหัวกับเหล่าบอดี้การ์ดหัวกะทิ ส่วนอาชาก็เดินใส่สูทเข้ามาในบ้านเพื่อมาหาหนูน้อยลิลลี่และครอบครัวของเหมยตามที่เขาได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่เช้า "พ่อแม่สวัสดีครับ ลิลลี่ล่ะครับ" อาชาไม่สนใจธงเลยแม้แต่น้อย เขามองว่าธงเป็นเพียงธาตุอากาศ มาอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ก็เท่านั้น "อยู่หลังบ้านนะลูก เข้าไปสิ" พ่อบุญทองเอ่ยปากบอกให้อาชาเข้าไปหาลูกสาวและหลานสาวของเขา อาชาชายตามองธงอย่างเป็นผู้ชนะและมีชัยเหนือกว่า ธงเป็นไหนๆ เขาเดินย่างกรายเข้าไปในบ้านอย่างรู้สึกภูมิใจ "อ้าวพ่อ แล้วทำไมพ่อไม่ชวนเขามานั่งคุยด้วยกันล่ะ" ธงหันไปถามพ่อของเหมย "เอ้า พ่อจะชวนเขามาทำไม ในเมื่อพ่อก็มีธงแล้วไง ธงก็อยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ไม่เห็นจะเหงาเลย ปล่อยให้เขาไปหาหลานสาวเขาเถอะ" พ่อบุญทองรู้สึกสะใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำ แต่มันก็ยังไม่ได้ถึงครึ่งกับสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าทำกับลูกสาวเขาเอาไว้ในอดีต "โธ่เว้ย ใครๆ ก็พากันกีดกันกูหมด" ธงคิดอยู่ภายในจิตใจ เสือและลูกน้องบอดี้การ์ดที่อยู่ในบ้านสวนของพ่อแม่เหมยก็พากันวางแผนว่าจะทำยังไงให้ธงออกไปให้ทันก่อนที่จะได้กินมื้อเย็น และสิ่งที่เขาคิดออกก็คือแผนการเดิมที่ใช้ก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่เขาที่เป็นคนโทรตาม เสือยกหูโทรหาธวัชชัย วิศวกรช่างซ่อมบำรุงฝ่ายหัวหน้าที่อยู่ไร่ชา เป็นผู้ควบคุมดูแลงานต่อจากเสืออีกต่อหนึ่ง และเป็นหัวหน้าตรงของธง "ฮัลโหล สวัสดีครับคุณเสือ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ" ธวัชชัยเอ่ยถามจากปลายสาย "ผมอยากขอให้คุณโทรหาคุณธงเพื่อเข้าไปตรวจดูว่าเครื่องซีลซองชาของเรา มันมีปัญหาหรือเปล่า" "เพราะเมื่อเช้าเห็นว่ามันดังก๊อกแก๊กตรงสายพานและระบบความร้อนในการซีล" สิ่งที่เสือพูดเป็นเรื่องจริง เพียงแต่เขาไม่ได้บอกให้ธงได้รับรู้ เพราะธงเป็นช่างฝึกฝนทดลองงาน เขาจะต้องสอดส่องเรียนรู้งานให้มากกว่านั้น "จริงเหรอครับ เดี๋ยวผมไปดูให้ก็ได้ครับ ไม่ต้องถึงคุณธงหรอก" นายธวัชชัยไม่รู้อะไรบางเลยก็อาสาอยากจะทำให้ "ไม่ได้หรอกครับคุณธวัชชัย ผมอยากให้คนของเราที่มาฝึกงานได้มีวิชาความรู้เพื่อกลับไปในกรุงเทพฯ แล้วจะได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนได้ถูกต้อง" เสือได้พูดอธิบายเหตุผลตามหลักเกณฑ์ให้กับนายธวัชชัย หัวหน้าฝ่ายวิศวกรซ่อมบำรุงได้ฟัง "ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับคุณเสือ ผมก็ไม่ทันคิด คิดแต่ว่าจะจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง เดี๋ยวจะหาว่ากั๊กวิชารุ่นน้อง" นายธวัชชัยถึงกับคุยโอ้อวดพร้อมกับหัวเราะติดตลก "ถูกต้องแล้วครับคุณธวัชชัย ฝากคุณธวัชชัยโทรตามคุณธงเดี๋ยวนี้เลยนะครับ เพราะว่าเดี๋ยวเกิดมันมีปัญหามากกว่านี้" "เมื่อเช้าเห็นตรงระบบความร้อนขึ้นแจ้งเตือนไฟสีแดงด้วย" ธวัชชัยที่ดูแลอุปกรณ์การซีลชามานานเขาก็รู้ทันทีว่าน่าจะมีปัญหาที่ระบบตัวเครื่องเพียงแต่น่าจะมีอะไรบางตัวหลุดออก "งั้นเดี๋ยวผมโทรหาคุณธงเดี๋ยวนี้เลยครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณเสือ ทุกวิชาความรู้ผมจะถ่ายทอดให้กับคุณธงเป็นอย่างดี" ธวัชชัยก็อดคุยโวไม่ได้ในความรู้ประสบการณ์ของตัวเอง "ดีครับผม ฝากด้วย" พูดจบเสือก็วางสายและรอดูผลงาน "โอ้โหพี่เสือ พี่นี่ร้ายจริงๆ เลย พี่เคยทำแบบนี้กับผมป่ะเนี่ย" บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เสือได้พูดขึ้น "ไม่ได้หรอกเว้ย นายอัดฉีดมาปึ้งขนาดนี้ กูพาพวกมึงไปกินข้าวได้สบาย" เสือที่ใจป้ำกับเหล่าลูกน้องของตัวเอง "โอ้โหนายผมก็ใจดี ลูกพี่ผมก็ใจใหญ่ สบายแล้วผมเดือนนี้เงินเหลือ" บอดี้การ์ดอีกคนที่ยืนอยู่ก็เสริมทัพ....เมฆินทร์ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะมาหาอาชาเพื่อดื่มด่ำกับไร่ชาที่คาเฟ่ วันนี้เขาก็ได้ก้าวเข้ามาในไร่ชาของอาชาจริง ๆ บรรยากาศยามบ่ายคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปและเซลฟี่ รถเข้าออกวันละไม่ต่ำกว่า 40-50 คัน"ที่นี่เหรอวะ ถังลี่ ไร่ชาพรหมเทพ? บรรยากาศก็ดูดีใช้ได้เลยนะ" เมฆินทร์ที่มาพร้อมกับถังลี่ บอดี้การ์ดคู่ใจเอ่ยขึ้น เขากล้าหาญและเด็ดเดี่ยว เดิมทีตั้งใจจะนำบอดี้การ์ดมาด้วยหลายคน แต่ไม่อยากให้ผู้คนแตกตื่น จึงเลือกมากับถังลี่เพียงสองคน"ใช่ครับนาย ที่นี่แหละไร่ชาของพรหมเทพ" ถังลี่ยืนประกบอยู่ด้านหลัง"งั้นมึงสั่งกาแฟกับชามาให้กูอย่างละแก้ว วันนี้กูก็อยากกินขนมหวานด้วย เผื่อจะได้ปะทะกับเจ้าของคาเฟ่" คำพูดของเมฆินทร์ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่เขาเตรียมพร้อมจะปะทะคืออาชา เพราะวันนี้เขากล้ามาเหยียบถึงถิ่นบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ที่เห็นว่าศัตรูมาเหยียบถึงถิ่นก็รีบเข้าไปรายงานเสือ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล เพราะวันนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ"พี่เสือ ไอ้เมฆินทร์มันมาพร้อมกับลูกน้องคนนึง" บอดี้การ์ดชุดดำรีบวิ่งเข้ามาบอก"จัดคนของเราเฝ้ารอบ ๆ อย่าให้มีปัญหา เดี๋ยวไปกูเ
ไม่กี่วันก่อนจะต้องไปสอนพิเศษให้หนูลิลลี่ที่บ้านของอาชา เหมย มีนัดสำคัญที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ เธอได้รับเชิญให้ไปออกบูธพบปะแฟนคลับในงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ "พี่เหมยคะเดี๋ยวจะมีแฟนคลับมาขอลายเซ็นหนังสือพี่เหมยนั่งรอตรงนี้นะเดี๋ยวตุ๊กตาจะไปเตรียมของมาให้พี่อยากได้อะไรบอกตุ๊กตานะคะน้องรีเซฟชั่นคนที่คอยเคลียร์ทุกอย่างให้กับเหมยเป็นคนน่ารักมากชื่อตุ๊กตาวิ่งทำโน่นทำนี่ไม่หยุดขอบใจมากจ้ะตุ๊กตาเดี๋ยวถ้าพี่อยากได้อะไรพี่บอกนะหลังจากนั้นไม่นานเหล่าบรรดาแฟนคลับก็เริ่มทยอยมาพูดคุยและขอลายเซ็นจากเหมยหลังจากที่นวนิยายเล่มล่าสุดของเธอได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยผู้คน เหมย ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่ที่บูธของเธอ แจกลายเซ็นและพูดคุยกับแฟนๆ อย่างสนุกสนาน จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องพักเข้าห้องน้ำเหมย เดินออกมาจากบูธ สองมือถือแก้วกาแฟเย็นที่เพิ่งซื้อมาอย่างเร่งรีบ เพราะเธอรู้ว่ามีแฟนคลับจำนวนมากรออยู่ที่บูธ เธอพยายามเดินหลบหลีกฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ แต่แล้ว..."โอ๊ะ!"เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกับแรงปะทะ ร่างของเห
ผ่านไปไม่นานผลงานของเสือก็ออกฤทธิ์ เพราะนายธวัชชัยโทรตามให้ธงไปดูเครื่องซีลชาในไร่ทันที เพราะถ้าหากไปช้าอาจจะทำให้เครื่องมีปัญหาหนัก“ฮัลโหลครับคุณธวัชชัย” นายธงรีบรับโทรศัพท์“คุณธงอยู่ไหนครับเนี่ย ผมให้เด็กไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ พอดีเครื่องซีลมีปัญหาน่าจะต้องรีบเข้ามาดูเลย” ธวัชชัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ตอนนี้เลยเหรอครับ แต่นี่มันนอกเวลางานแล้วนะครับคุณธวัชชัย” ธงรีบปฏิเสธ“ผมเข้าใจครับ แต่เราเป็นช่างรีแพร์ ช่างซ่อมบำรุง ต่อให้นอกเวลางาน หากเครื่องมีปัญหาเราก็ต้องจัดการทันที อย่าให้มันลุกลามครับ นั่นเป็นหน้าที่ของเรา” สิ่งที่ธวัชชัยพูดทั้งหมดเกิดขึ้นจริง ทำให้ธงเถียงไม่ออก เพราะด้วยเงินเดือนที่มากเป็นแสนๆ ของเขา หมายถึงต้องแลกมาซึ่งเวลาชีวิตและพร้อมสแตนด์บายตลอดเวลาในการทำงาน“ก็ได้ครับ อีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปถึง” ธงวางสายจบก็เตรียมจะร่ำลาพ่อแม่ของเหมย เขารู้สึกโกรธมากที่ครั้งนี้อาชาก็ทำกับเขาแบบเดิม“พ่อกับแม่ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีงานเร่งด่วนเข้ามา” ธงพูดจบก็ยกมือไหว้พ่อแม่ของเหมยแล้วขับรถออกจากไร่ไปทันทีเสือที่เห็นดังนั้นก็ถ่ายรูปขณะที่ธงกำลังขับรถออกไปส่งไปให้กับอาชาเพื
เหมยที่กำลังจัดสวนดอกไม้เล็กๆ หลังบ้านอยู่กับหนูน้อยลิลลี่ ทั้งสองคนช่วยกันลงกล้าดอกไม้ ผลัดกันรดน้ำอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะคึกคักดังไปเกือบถึงหน้าบ้าน"คุณครูขา อันนี้สวยมากเลยค่ะ สีขาวนี่ดอกอะไรคะ" หนูน้อยลิลลี่ชี้ไปที่ดอกไม้สีขาวชนิดหนึ่งที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล"อันนี้เรียกว่ามะลิซ้อนจ้ะ มันจะผลิบานและส่งกลิ่นหอมมากๆ ยิ่งเวลาเช้าก็จะยิ่งผลิบาน พอแดดออกก็จะบานมากไปอีก" เหมยหันมาตอบลิลลี่ผู้น่ารักอย่างเอ็นดูลิลลี่เดินตรงไปที่แปลงดอกมะลิซ้อนแล้วเด็ดมาดอกหนึ่ง พร้อมกับเดินมาหาเหมยที่กำลังก้มๆ เงยๆ เอาดินใส่กระถางเพื่อเตรียมต้นกล้าดอกกุหลาบ"ทำอะไรคะลิลลี่" เหมยหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นถามหนูน้อยผู้น่ารัก"ลิลลี่จะเอาดอกไม้ใส่ไว้ที่ผมของคุณครูค่ะ จะได้สวย แล้วคุณครูก็จะได้มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ด้วย" ลิลลี่พูดกับเหมยอย่าง น่ารัก"โถ ลิลลี่จ๋า" เหมยอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ จึงรับดอกไม้จากมืออวบอูมเล็กของลิลลี่ เอาดอกมะลิมาเหน็บไว้ข้างหู ไม่อยากให้ลิลลี่ต้องเสียใจ"สวยไหมคะ" เหมยยิ้มแล้วหันมาถามลิลลี่"สวยมากเลยค่ะคุณครูขา ลิลลี่ขอเอา 1 ดอกได้ไหมคะ ใส่หูแบบคุณครูค่ะ" ลิลลี่เงยหน้าขออนุญาตเหมย"ได้ค
ทางด้านเมฆินทร์ ศัตรูตัวฉกาจของธุรกิจมหาวิทยาลัยของอาชา พ่อของเมฆินทร์คือคนที่พยายามฟ้องร้องพ่อของอาชาเมื่อหลายสิบปีก่อนจนครอบครัวแทบล้มละลาย แต่เมื่อพ่อของอาชาสู้มาจนถึงวินาทีสุดท้ายก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองและมหาวิทยาลัยจึงรอดพ้นคำครหา และได้ฟ้องกลับพ่อของเมฆินทร์หลายพันล้านบาทที่จะต้องจ่ายสำหรับมูลค่าความเสียหายและชื่อเสียงที่เสียไป สรุปว่าพ่อของอาชาชนะในคดีฟ้องร้องครั้งนี้ ทำให้พ่อของเมฆินทร์ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินพันล้านบาทเพื่อชดใช้ให้กับมหาวิทยาลัยของพ่ออาชา"สักวันหนึ่ง กูจะต้องทำให้ครอบครัวของมึงต้องพังพินาศอีกครั้ง"นายอนันทชัยคนที่พยายามล้มครอบครัวของอาชาได้ทำการสาปแช่งขณะที่ได้ฟังคำตัดสินจากศาลยุติธรรม"มีอยู่ต่อหน้าศาลนะคุณอนันทชัยกรุณาสำรวมด้วย"เมื่อผู้พิพากษาได้ทำการเคาะไม้และแถลงการณ์คำตัดสินออกมาพ่อของอาชาเพียงแค่เดินออกจากศาลด้วยความสง่างามและจากวันนั้นเป็นต้นมาจึงเป็นเหตุทำให้พ่อของเมฆินทร์โกรธแค้นและสอนให้เมฆินทร์โกรธแค้นตระกูลของอาชา ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร เมฆินทร์มักจะพยายามตัดหน้าและช่วงชิงความเป็นหนึ่งในธุรกิจนั้นเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน โครงการขยายมหาว
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้อาชาตัดใจจากดารินอย่างเด็ดขาด แม้กระทั่งวันที่เขาใช่ไมเคิลขับรถมาที่อพาร์ทเม้นท์เดิม อาชาเดินมา บอกลาดาริน เธอก็ยังแสดงท่าทีรังเกียจใส่เขายิ่งกว่าไส้เดิมกิ้งกือ"ดารินครับ ผมเคารพการตัดสินใจของคุณนะ ผมแค่จะมาลาคุณเท่านั้น" แม้อาชาจะถูกสวมเขา แต่ในขณะนั้นหัวใจของเขากลับหลงรักผู้หญิงไม่ดีอย่างดารินไปแล้ว"ไปเถอะค่ะ! ไปแล้วไม่ต้องกลับมานะ! หวังว่าคุณจะโชคดี!" ดารินพูดจบก็ปิดประตูใส่หน้าอาชาอย่างไม่ใยดีอาชาลากกระเป๋าเดินออกจากอพาร์ตเมนต์แห่งนั้น ขึ้นเครื่องบินกลับไทยทันที ขณะอยู่บนเครื่อง เขาก็เปิดโหมดเครื่องบินไว้ จึงไม่ได้อ่านข้อความที่แม่ส่งมาให้"อาชา ลูกกลับมาบ้านเราได้แล้วนะ! เราชนะคดีความทุกข้อกล่าวหาไม่มีมูลความจริง ส่วนคนที่ฟ้องร้องคุณพ่อก็โดนคุณพ่อฟ้องกลับ ตอนนี้ทางนั้นคงหนักไม่น้อย ทุกอย่างกลับมาเป็นของเราแล้วนะ" แม่ของอาชาส่งข้อความมาในมือถือกระทั่งอาชากลับมาเหยียบแผ่นดินไทยและเปิดโทรศัพท์ ข้อความนับสิบข้อความก็เด้งขึ้นมา เขาจึงเลือกเปิดอ่านข้อความที่สำคัญที่สุดนั่นคือข้อความจากครอบครัวเมื่อเขาเปิดอ่านข้อความที่แม่ส่งมา เขาก็ร้องไห้โฮ เขาไม่รู้เลยว่าพ