เหตุการณ์คล้ายคลึงกันเช่นนี้ มิได้เกิดขึ้นแค่ในมณฑลซีซานเท่านั้น แต่ยังมีที่มณฑลหนานเหออีกด้วยที่ว่าการมณฑลหนานเหอ โจวผิงอันรับพระราชโองการจากมือขันทีอย่างเฉื่อยชาไม่มีเงินปึกแนบมือ ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเพียงกล่าวคำขอบคุณหนึ่งคำ จากนั้นก็หันไปสั่งให้คนเปลี่ยนป้ายเป็นจวนผู้สำเร็จราชการมณฑลทันทีขันทีรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย แต่พอคิดถึงตำแหน่งใหม่ของชายผู้นี้ ก็จำต้องฝืนหน้าหนามาเอาใจสักสองสามประโยค“ใต้เท้าโจว ขอแสดงความยินดีด้วย”โจวผิงอันไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมอง แค่ตอบเสียงในลำคอว่า “อืม”อืม!?ขันทีไม่เคยพบใครที่รับราชโองการเลื่อนตำแหน่งอย่างไม่ใยดีถึงเพียงนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเตือน “ใต้เท้าโจว ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายภาษีถือเป็นตำแหน่งใหญ่ ต้องควบคุมรายได้ทั้งแผ่นดิน งานนี้ไม่ง่ายเลย ถึงแม้ฝ่าบาทจะสนับสนุนท่าน แต่ตามต่างจังหวัดห่างไกลจากเมืองหลวง อาจมิได้ให้เกียรติตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายภาษีเท่าไร ดังนั้นใคร่ขอใต้เท้าโจวโปรดระมัดระวังให้มาก”คราวนี้โจวผิงอันหันมามองเขาหนึ่งแวบแต่ก็เป็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น แล้วก็หันกลับไปอีก“อืม”เห็นโจวผิงอันเย็นชาขนาดนี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เฉินก็หัวเราะ “อืม ไม่เลว เป็นคำพูดจากใจจริง”“หากเจ้าบอกว่าคุ้นเคย ข้าคงคิดว่าเจ้ากำลังหลอกข้า เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมกะทันหัน ยังต้องสูญเสียอิสระด้วย อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าแต่ก่อนเจ้าพักอยู่ในจวน หากอยากออกไปข้างนอก พ่อของเจ้าก็ไม่เคยห้าม เพียงแต่ส่งคนอารักขาให้เจ้าอย่างดี แต่ในวังนั้นต่างกัน เจ้าคือพระชายารัชทายาท แค่จะก้าวออกจากวังก็ยากลำบากเหลือเกิน”ซูจิ่นพ่าตอบอย่างหงุดหงิด “ข้าจะหลอกเจ้าทำไมล่ะ ข้าก็แค่พูดตามจริงเท่านั้น”“ข้าหวังว่า ต่อจากนี้ไป จะได้ยินแต่คำพูดจากใจจริงจากเจ้า”หลี่เฉินลูบขมับเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ ข้าอยากได้ยินคำพูดจากใจจริงก็ยิ่งยากเข้าไปทุกที”“ผู้ที่อยู่สูงมักหนาวเหน็บรอบกาย คนที่อยู่รอบตัวเจ้ามีอยู่เพียงสองประเภท หนึ่งคือผู้ที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมประจบเจ้า อีกหนึ่งคือผู้ที่คอยวางแผนโค่นเจ้า ทั้งสองประเภทนี้ไม่มีวันพูดกับเจ้าด้วยใจจริง และในอนาคตที่พอคาดเดาได้ สภาพเช่นนี้จะยิ่งเลวร้ายลง ไม่มีวันดีขึ้นหรอก” ซูจิ่นพ่าพูดแทงใจโดยไม่ไว้หน้า“แต่ข้ายังมีเจ้า คนที่เข้าใจข้าอยู่นี่ไง” หลี่เฉินยิ้มทะเล้นซูจิ่นพ่าลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปพักกลางวัน
หลี่เฉินยิ้มตาหยีพลางกล่าวว่า “บัญชาการน่ะเหรอ ข้าแน่ใจเลยว่าไม่ทำหรอก เรื่องของมืออาชีพ ก็ให้มืออาชีพทำไป เจ้าดูข้าแล้วคิดว่าข้าเหมาะจะบัญชากองทัพนับล้านไหมล่ะ?”หวงจี๋เทียนส่ายหน้าทันที “ไม่เหมาะ”“แต่เมื่อครู่เจ้าเพิ่งพูดว่าเจ้าจะจารึกนาม ณ เขาอู่ซวี…”“ใครจะบัญชาก็ช่าง แต่ผลงานนั้นต้องเป็นของข้า เข้าใจไหม?”หลี่เฉินมองหวงจี๋เทียนด้วยแววตาเวทนา “เจ้าไม่เข้าใจก็ไม่แปลก เพราะเจ้าก็แค่ องค์ชายธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น เรื่องวิธีคิดแบบจักรพรรดิ กลยุทธ์แบบเจ้าผู้ครองแผ่นดิน เจ้าก็ยังไม่อาจเข้าถึง เสด็จพ่อของเจ้าล่ะก็ ต้องเข้าใจแน่นอน”หวงจี๋เทียนถึงกับกระโดดลั่น “หลี่เฉิน! เจ้าอย่าล้ำเส้นนักนะ!”“ฮ่าๆๆ”หลี่เฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ รีบกลับไปติดต่อเสด็จพ่อของเจ้า พรุ่งนี้ข้าต้องการคำตอบ”เขาตบไหล่หวงจี๋เทียน พลางพูดว่า “บอกเสด็จพ่อของเจ้าด้วยว่า ศึกนี้คือศึกของเหลียวต่อฉิน แต่เกี่ยวพันโดยตรงถึงความอยู่รอดของแคว้นจิน”“วิสัยทัศน์ วิสัยทัศน์ต้องกว้างเข้าไว้”กล่าวจบ หลี่เฉินก็เดินจากไปจากเรือนรับรองอันอบอุ่นงดงามแห่งนั้นที่นั่นเป็นสถานที่ที่ชายใดก็ใฝ่ฝัน แต่หลี
“เจ้ามองข้าแบบนี้ทำไมกัน!?” หวงจี๋เทียนโกรธจัดตะโกนลั่นเขารู้สึกว่าสายตาของหลี่เฉินเป็นการดูถูกเขาอย่างที่สุดหลี่เฉินชี้ไปทางด่านเย่ว์หยา พลางกล่าว “ตอนนี้กองทัพเกราะม้าหกแสนของเหลียวกำลังบุกด่านเย่ว์หยาอยู่ ไม่แน่ว่าในขณะที่ข้ากำลังพูดกับเจ้านี่แหละ หรือไม่ก็พรุ่งนี้ ด่านเย่ว์หยาก็อาจแตกแล้ว ถึงตอนนั้นแม้แต่ดอกเก๊กฮวยก็เย็นชืดแล้ว ข้าจะไปรอพึ่งพาเจ้าได้อย่างไร?”หวงจี๋เทียนแค่นหัวเราะ “อย่ามาแกล้งพูดเช่นนี้เลย แต่เดิมเจ้าก็วางแผนจะปล่อยพวกเขาเข้ามาแล้วล้อมสังหารไม่ใช่หรือ? ตอนที่พวกเขายังไม่เคลื่อนไหว เจ้ากล้ายิ่งนัก วางแผนฟ้าแทงดินเช่นนั้น แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มแล้ว เจ้ากลับกลัวขึ้นมาหรือ?”“มิได้กลัว”หลี่เฉินกล่าว “เรื่องเช่นนี้ ต้องมีความเป็นฝ่ายรุกถึงจะมีความหวังที่จะสำเร็จ ดังนั้นเงื่อนไขของการปล่อยให้เข้ามาคือต้องเป็นข้าที่ปล่อยไม่ใช่พวกเขาบุกทะลวงเข้ามาเอง หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ห้ามพวกเขาไม่ได้ ฆ่าหมดน่ะฆ่าได้อยู่ แต่จะเป็นใครฆ่าใคร ยังบอกไม่ได้หรอก”หวงจี๋เทียนยิ้มเย้ย “แล้วถ้าข้าตั้งใจแน่วแน่จะนั่งดูเสือสู้กันล่ะ?”“ได้เลย!”หลี่เฉินตบมือดังฉาด หัวเราะลั
“ยิ่งไปกว่านั้น หากเรื่องนี้เป็นข้าที่เป็นคนเอ่ย ก็ต้องโยงเข้าไปถึงการแย่งชิงตำแหน่งองค์ชายแน่ๆ องค์ชายที่โตแล้วแต่ละคนล้วนมีธงสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ความเห็นที่ข้าเสนอ ต่อให้ถูกต้องเพียงใด หากเป็นธงที่หนุนองค์ชายคนอื่น ก็จะต้องลุกขึ้นมาคัดค้านแน่ๆ”“ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ข้ายอมทุ่มเทความพยายาม ก็เกรงว่าหวังจะมากคงยากอยู่ เพราะเรื่องนี้มันใหญ่เกินไปจริงๆ”“ไม่เหมือนกับตอนก่อนที่ช่วยเจ้ารักษาอำนาจ อาวุธลับเสวี่ยตีจื่อมาให้ ข้าแค่กราบทูลเสด็จพ่อก็พอแล้ว แต่เรื่องศึกใหญ่ของชาติ ที่ต้องยกทัพนับแสนเพื่อแคว้นฉินของเจ้า แม้จะมีเหตุผลเรื่องริมฝีปากหายแล้วฟันหนาว แต่ผู้คนมากมายสายตาสั้นนัก เจ้าจะทำอะไรได้?”หวงจี๋เทียนร้อนรนขึ้นมาจริงๆเขาพูดออกมาทั้งน้ำเสียงจริงจัง แม้กระทั่งเรื่องขัดแย้งภายในแคว้นจินเองก็ยอมเปิดเผยหลี่เฉินฟังจบ ก็ยกมือโอบคอหวงจี๋เทียนกลับมา ยิ้มตาหยีพลางพูดว่า “ใครบอกว่าไม่มีทาง? ข้านี่แหละมีทาง”หลังจากบทเรียนก่อน หวงจี๋เทียนก็ไม่หลงกลรีบโต้กลับอีก เพียงแต่มองหลี่เฉินด้วยสายตาสงสัย“เจ้ามองข้าแบบนั้นทำไม? ข้าเพิ่งทำอะไรไป เจ้าไม่รู้หรือ? แม้แต่ตอนนอนฟังดนตรีอยู่ใน
“เจ้า…เจ้า! เจ้า!”หวงจี๋เทียนชี้หน้าหลี่เฉิน ทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ “เจ้านี่มันเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอนโดยแท้!”“โอ้โห พวกขี้นอกยังเล่นคำด่าคนเป็นด้วยรึ?”หลี่เฉินหัวเราะลั่น “อย่างไรเสีย สถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะเอายังไงกันแน่?”หวงจี๋เทียนหน้าดำเป็นถ่าน “ข้าจะว่าอย่างไรได้เล่า ในแผ่นดินข้าก็ไม่มีใครเห็นด้วย เสด็จพ่ออาจอยากจะรบก็จริง แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ไม่น่าจะยอมง่ายๆ เรื่องในราชสำนักมันซับซ้อน ทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตนเอง ถึงขั้นมีบางกลุ่มอยากจะเป็นพันธมิตรกับแคว้นเหลียวเสียด้วยซ้ำ คิดจะยกทัพล้มต้าฉินของเจ้าก่อน เจ้าจะให้ข้ากลับไปพูดยังไง?”“หลักแห่งริมฝีปากหายแล้วฟันจะหนาว พวกแคว้นจินของเจ้าไม่มีใครเข้าใจหรือ? ในสามแคว้นนั้น เหลียวแข็งแกร่งที่สุด เราสองแคว้นมีพลังสูสี หากคิดจะร่วมมือก็ต้องร่วมมือกับข้าเพื่อสู้กับแคว้นเหลียวต่างหาก การร่วมมือกับเหลียว เจ้ายังไม่เข็ดหรือ?”“ต่อให้พวกเจ้าทุ่มทั้งแคว้นช่วยเหลียวล้มต้าฉินของข้าได้จริง แต่ดินแดนจงหยวนไม่เคยถูกต่างชาติปกครองตลอดหลายพันปี แม้แต่ราชวงศ์ล่มสลาย ชาวบ้านชาวช่องก็ลุกขึ้นเป็นวีรบุรุษนับไม่ถ้วน ตอนนั้นพวกเจ้าจะต้องเผชิญกับ