กองถ่ายเมืองเหิงเตี้ยนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตามกระแสอุตสาหกรรมภาพยนตร์ รอบๆ สตูดิโอเริ่มเต็มไปด้วยสถานที่บันเทิงหลากรูปแบบ คลับหรูหราผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดซึ่งไม่ต่างจากย่านดังในเซี่ยงไฮ้ ดาราสมัยนี้แม้ต้องทำงานถ่ายละครทั้งวัน แต่กลางคืนก็ยังหาความสำราญได้เต็มที่
ท่ามกลางความคึกคักเหล่านั้น ยังมีบ้านหลังหนึ่งที่สงบเงียบราวกับโลกอีกใบ บ้านไม้ทรงโบราณหลังเดียวใกล้กองถ่ายเหิงเตี้ยน
มันยังคงอยู่…ยังคงเปิดไฟสว่างไสวเหมือนในอดีต
ตึกไม้ล้อมด้วยรั้วเตี้ยๆ สนามหญ้าร่มรื่น ทั้งลานหน้าบ้านและหลังบ้านปลูกไม้เขียวขจี กลางลานมีเรือนหลังเล็กคั่นอยู่ ทำหน้าที่เชื่อมสองฝั่งของบ้านเข้าด้วยกัน ด้านลานหลังมีต้นแปะก๊วยใหญ่ยืนตระหง่าน ใบไม้สีทองบางใบโปรยลงบนโต๊ะไม้ กลิ่นแดด กลิ่นใบไม้ กลิ่นวันวานยังอบอวลในอากาศ บ้านหลังนี้เป็นมรดกที่คุณตาคุณยายทิ้งไว้ให้ ถังเหยา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกองถ่ายตำแหน่งดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อไม่กี่วันก่อน ญาติคนสุดท้ายของเธอได้จากไป ก่อนสิ้นลมท่านเอ่ยเพียงประโยคเดียว "ให้บ้านหลังนี้เปิดไฟไว้เสมอ เผื่อว่าสักวันคนเก่าคนนั้นจะกลับมา...เพื่อรับของสำคัญคืน"
ครอบครัวฝั่งแม่ของเธอ สืบเชื้อสายจากช่างครัวในวังหลวง วิชาการครัวที่สืบต่อมาทั้งตำรับราชสำนักและอาหารพื้นบ้าน ล้วนจดไว้ในสมุดโบราณ เพียงแต่…คุณตาร่างกายไม่แข็งแรง คุณแม่ก็เป็นลูกคนเดียวจึงไม่อยากให้ลำบากไปกว่านี้ สุดท้าย…ไม่มีใครได้สืบทอดเส้นทางของบรรพบุรุษ
แต่สำหรับถังเหยา เธอเติบโตมากับกลิ่นหอมของอาหาร ตั้งแต่ประถมก็เริ่มจับตะหลิว มัธยมต้นก็เข้าครัวได้อย่างมั่นใจ ทุกการหั่น การคลุก การชิมคือสิ่งที่คุณตาสอนมากับมือ ความจริงแล้วเธอรู้ดี สิ่งที่คุณตาเสียใจที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ความเจ็บป่วย ไม่ใช่ความเงียบเหงา แต่เป็นการที่ไม่มีใครได้สืบทอดวิชาของตระกูล ก่อนจากลาเธอสัญญากับคุณตาไว้ว่าจะเป็นคนที่สืบต่อความฝันนั้นให้เอง จะไม่ให้ฝีมือแห่งบ้านตระกูล “ถัง” ต้องหยุดอยู่แค่รุ่นของคุณตา
ตอนที่คุณตายิ้มให้ครั้งสุดท้าย รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความโล่งใจและภาคภูมิใจ ลมพัดผ่านใบไม้ ต้นแปะก๊วยไหวเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบของคนที่จากไป…กำลังบอกว่า “ดีแล้วล่ะ หลานตา...ดีแล้วจริงๆ”
ไม่กี่วันต่อมา ถังเหยามัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดแต่งบ้านใหม่ เรือนชั้นล่างฝั่งใต้จัดให้เป็นที่อยู่อาศัย ห้องที่เหลือเปิดไว้สำหรับพนักงาน หรือนักแสดงที่ต้องการพักค้างชั่วคราว เธอใช้เรือนไม้ที่กั้นอยู่ตรงกลางลาน ดัดแปลงให้กลายเป็นครัว แค่เปิดหน้าต่างทั้งสองข้าง ก็รับลมเข้าได้เต็มที่ บนเพดานติดเครื่องดูดควันเรียบร้อย ครัวกลางบ้านกลายเป็นหัวใจของที่นี่
ฝั่งเหนือของลานและทางเดินเลียบข้าง ถูกจัดวางโต๊ะเก้าอี้อย่างเป็นระเบียบ เธอเพิ่มหน้าต่างหลายบานเข้าไปในแต่ละห้อง ในวันที่แดดดีๆ แขกสามารถเปิดหน้าต่างชมสวนได้สบายตาสบายใจ ที่นี่อากาศดีตลอดปี ต้นไม้ใหญ่ในลานให้ร่มเงา เย็นสบายแม้ตอนเที่ยงวัน แค่เปิดประตูบ้านลมอ่อนๆ ก็พัดเข้ามา พร้อมกลิ่นหอมของดินและใบไม้
ความรู้สึกนั้น…สบายเหมือนได้กลับบ้าน
ลานบ้านมีชุดโต๊ะไม้เรียบง่าย บ่อน้ำเก่า ต้นไม้ดัด และแปลงดอกไม้ทั้งหมดถูกเก็บรักษาไว้ตามเดิม ถังเหยาหลงรักของเก่าเหล่านี้ เพราะมันเก็บเอาลมหายใจของกาลเวลาไว้ด้วย ริมกำแพงข้างทางเดิน มีพุ่มดอกไม้ที่คุณยายเคยปลูกไว้ตั้งแต่ตอนยังมีชีวิต เป็นดอกไม้โปรดของท่าน เมื่อก่อนคุณตาจะรดน้ำดูแลทุกเช้า
ตอนนี้…เป็นหน้าที่ของเธอแทนแล้ว
ร้านอาหารเล็กๆ ของเธอใช้ชื่อว่า “ตระกูลถัง” ตกแต่งให้เหมือนโรงเตี๊ยมสมัยก่อน มีทั้งกลิ่นอายความโบราณและความอบอุ่นแบบบ้านๆ
วันเปิดร้าน เธอกับเพื่อนสาว เสี่ยวอิง ช่วยกันจุดประทัดหน้าประตู แล้วเปิดผ้าสีแดงบนป้ายไม้ขึ้นร้านตระกูลถัง เปิดกิจการอย่างเป็นทางการ เสี่ยวอิงมีชื่อจริงว่า หยางอิง พอรู้ว่าเพื่อนรักจะเปิดร้านอาหาร ก็รีบตามมาช่วยโดยไม่ต้องรอให้ชวน
หยางอิบอกว่า “ชาตินี้จะไม่มีวันอยู่ห่างจากอาหารของเหยาเหยาอีกเด็ดขาด เธออยู่ที่ไหน ฉันก็จะอยู่ที่นั่น”
ถังเหยายังไม่ได้จ้างพนักงานเพิ่ม แต่เพราะเพื่อนรักเต็มใจช่วย เธอปล่อยให้ทำตามใจ จะอยู่ จะช่วย จะซน จะกินก็เชิญตามสบายเลย
ร้านเปิดตอนสิบเอ็ดโมงตรง แต่จนเที่ยงกว่าแล้วก็ยังไม่มีแม้แต่เงาลูกค้า ที่เหิงเตี้ยนเมืองที่เต็มไปด้วยกองถ่ายและทีมงานภาพยนตร์ ร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีลูกค้าขาประจำ คนในวงการมักจะมุ่งหน้าไปยังร้านที่คุ้นเคย ไม่เสียเวลามาลองร้านใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงหรือได้รับการโปรโมต
ถังเหยาเข้าใจดี ร้านใหม่ของเธอไม่มีป้ายไฟ ไม่มีโฆษณา ไม่มีดารามารีวิว ไม่มีใครโพสต์ในโซเชียล จะเงียบหน่อยก็ไม่แปลก “ถ้ารอจนหมดช่วงพักเที่ยงแล้วยังไม่มีใครมา…ก็ค่อยปิดร้านพักกันเถอะ”
เสี่ยวอิงนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ไม้ใต้ต้นกัลปพฤกษา แสงแดดลอดผ่านใบไม้พร่างพรายเหมือนภาพวาด
ในเมืองถังเหยาไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรกับการไม่มีลูกค้า แล้วเธอจะกระวนกระวายไปทำไมกัน แถมถังเหยายังอุตส่าห์รินน้ำบ๊วยเย็นๆ ใส่แก้ว วางคู่กับขนมกุ้ยฮวาหอมๆ กินไปชิมไปอย่างอารมณ์ดี“เหยาเหยา ขนมกุ้ยฮวาที่เธอทำอร่อยมากเลยนะ ครั้งหน้าทำเยอะๆ หน่อยสิ ขายได้แน่นอน!”
ถังเหยาพิงแขนบนขอบหน้าต่างของครัว ยิ้มขำให้ภาพเพื่อนรักที่กำลังโยกตัวไปมาราวกับแมวอ้วนขี้เกียจ เธอสงสัยอยู่นิดๆ ว่า คุณหนูเจ้าบทเจ้ากลอนคนนี้ จะอยู่ช่วยได้นานแค่ไหนกันนะ?
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นพอฤดูดอกไม้บาน ฉันจะเก็บดอกไม้ทำขนมกลีบบ๊วยไว้ขายเลยแล้วกัน”
ทั้งสองหัวเราะคิกคักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในช่วงเวลาที่ไม่มีลูกค้า เสียงพูดคุยของพวกเธอเป็นเพียงเสียงเดียวที่ก้องกังวานอยู่ในสวน ลานหน้าบ้านมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น ทั้งต้นกัลปพฤกษา ต้นฉำฉา และพรรณไม้หอมใบสวยอีกหลายชนิด ร่มเงาเขียวครึ้ม ช่วยให้แม้ในยามเที่ยงก็ยังเย็นสบาย ลมเอื่อยๆ พัดมาเป็นระยะ ทำให้บรรยากาศรอบตัวเหมือนหยุดนิ่งในฤดูใบไม้ผลิ
เสี่ยวอิงหลงรักที่นี่เข้าอย่างจัง เธอนึกถึงโซฟาเอนหลังที่สั่งไว้ทางออนไลน์ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างจัดส่ง พอมาถึงเมื่อไหร่เธอจะยกไปตั้งไว้ใต้ต้นแปะก๊วยที่ลานหลังบ้าน ช่วงเวลาว่างๆ จะได้นั่งเอกเขนกใต้ร่มไม้ ฟังเสียงนกร้อง…มองปลาแหวกว่ายในบ่อ แล้วปล่อยใจล่องลอยไปกับสายลม
ขณะเดียวกัน ที่สตูดิโอเหิงเตี้ยนฝั่งโน้น กลับยุ่งวุ่นวายแทบไม่มีใครได้หยุดพัก เหิงเตี้ยนคือสตูดิโอถ่ายทำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แทบทุกวันจะมีทีมงานหลายสิบทีมเข้าออกไม่ขาดสาย คิวถ่ายทำแน่นเอียด บรรยากาศหลังกล้องจึงเต็มไปด้วยความเร่งรีบวุ่นวาย
เบื้องหลังแสงไฟสว่างไสวบนหน้าจอ คือผู้คนมากมายที่ทุ่มเททำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดวันตลอดคืน
เหมยเหมย ทำงานเป็นนักแสดงตัวประกอบที่เหิงเตี้ยน หลังจากถ่ายฉากของตัวเองเสร็จ ก็วิ่งไปหลบแดดใต้ร่มไม้ นั่งลงหอบหายใจพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิด WeChat เข้าไปในกลุ่ม “นักแสดงตัวประกอบเหิงเตี้ยน” เพื่อหาพวกพ้องร่วมกิน
เหมยเหมย:“โซน A3 เพิ่งถ่ายเสร็จจ้า มีใครว่างรวมทีมไปกินข้าวบ้าง ตอนนี้กำลังรอแบบหิวจนไส้กิ่วเลย”
ลั่วลั่ว:“โซน C1 ก็เพิ่งจบเหมือนกัน ไปด้วย! @เหมยเหมย แต่วันนี้จะกินอะไรดีน้า บะหมี่ร้านฉิน หรือลุยหม้อไฟร้านตี้ตี้ หรือข้าวกล่องร้านขวัญใจดี”
เหมยเหมย:“แถวนี้มีร้านไหนฉันยังไม่เคยกินบ้างล่ะ? เลือกมาสักร้านเหอะ @ลั่วลั่ว /วางคางลงกับโต๊ะมโน”
ถิงถิง:“ฉันกำลังไถแอปเจอร้านใหม่เปิดจ้า กะว่าจะลองสั่งมากินดู รสชาติไม่รู้เป็นไง ตอนนี้แอปมีโค้ดส่วนลดเปิดร้านด้วยน้า ใครอยากสั่งด้วยกันไหม แล้วเราค่อยหาโต๊ะนั่งกินด้วยกันก็ได้ /แนบลิงก์”
เหมยเหมย:“ร้านใหม่ะเหรอ…ไม่น่าไว้ใจเลยอะ แถวเหิงเตี้ยนเนี่ยนะ ร้านอร่อยคือแพงจนนักแสดงเบี้ยน้อยหอยน้อยกินไม่ไหว ครั้งก่อหลงไปกิน หมดเงินที่ได้รับทั้งวันเลยนะยะ”
ลั่วลั่ว:“แต่ฉันเห็นเมนูเขามี ‘ซี่โครงตุ๋นไวน์แดง’ ด้วยนะ ฟังดูน่าสนใจอยู่ กินคู่กับข้าวสวยน่าจะเข้ากัน
สั่งเพิ่ม ‘ต้มยำปลาช่อน’ อีกถ้วย ราคาก็ไม่แรงนะ @เหมยเหมย ลองหน่อยเถอะเพื่อนสาว”เหมยเหมย:“งั้นฉันเอา ‘เต้าหู้ผัดพริกเสฉวน’ กับ ‘ข้าวผัดหยางโจว’ แล้วก็ ‘ต้มยำปลา’ ด้วยละกัน ว่าแต่…ร้านนี้มีเมนูแค่นี้เหรอ? แต่ก็นะ…ตอนนี้หิวไม่มีอารมณ์เลือกอะไรมาก ตามเพื่อนก็ได้”
ถิงถิง:“งั้นสองสาวเลือกที่นั่งรอเลยนะ เดี๋ยวฉันรับของแล้วตามไป!”
ตอนแรกมาแล้วว ฝากร้านอาหารของถังเหยากับหยางอิงด้วยน้าา
เรื่องนี้จะเป็น แนวพิมพ์แชท เยอะ
หมายถึงบทของข้อความสนทนากันในแชทนะคะ
ประมาณตอนท้ายของบท จะมีแนวนี้เยอะหน่อยน้าาาา
ถังเหยากวาดตามองระยะห่างระหว่างจุดที่ยามยืนอยู่กับเต็นท์ ก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆ“ภายในสามสิบวินาที...พวกคุณจัดการได้กี่คนคะ?”กู้จื่ออวี่ที่ได้ยินคำถามนั้นก็เข้าใจทันที ว่าเธอกำลังวางแผนอะไร ถังเหยาต้องการจะยิงจากระยะไกลเพื่อเก็บศัตรูให้หมดในคราวเดียว แต่การจะทำแบบนั้นได้ มือไม่ใช่แค่ต้องเร็ว...แต่ต้องแม่นยำอย่างถึงที่สุด เพราะถ้าเกิดพลาด หรือปล่อยให้พวกนั้นมีโอกาสโต้กลับ ทุกอย่างจะกลายเป็นหายนะทันที“ผมคาดว่าประมาณ 4 คน”“ผมน่าจะ 3 คน”“อืม ถ้างั้นเรามาพยายามฆ่าทั้งหมดในครั้งเดียวเลยนะคะ”ถังเหยาทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างมั่นคง พานท้ายปืนพาดแนบกับไหล่ เธอก้มหน้าเล็กน้อยแล้วแนบตาเข้ากับกล้องเล็ง ปลายนิ้วแตะไกปืนอย่างนิ่งสงบ ลมหายใจเธอชะงักอยู่ชั่วขณะ รอจังหวะเหมาะสมแล้วยิงกระสุนนัดแรก ทั้งสามคนต่างก็กำจัดศัตรูได้สำเร็จ ต้าอว
สถานการณ์ในสนามรบเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมก็พลอยรู้สึกตึงเครียดไ ปตามทุกย่างก้าวของผู้เข้าแข่งขัน ทันใดนั้น เสียงประกาศจากลำโพงก็ดังขึ้น:“เซี่ยอวิ๋นซูตายแล้ว”ภาพจากกล้องฝั่งเธอฉายชัดทุกจังหวะกู้จื่ออวี่กำลังติดต่อกับถังเหยาทางวิทยุสื่อสาร นัดให้รวมกลุ่มกันที่จุดนัดพบ การกระจายตัวแบบนี้มันอันตรายเกินไป ทั้งสองคนเลยเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังตำแหน่งเป้าหมาย ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมกับเสียงปืนดังขึ้น จึงรีบส่งสัญญาณให้เซี่ยอวิ๋นซูหาที่หลบซ่อน แต่เธอกลับไม่ทำตามคำสั่ง กลับกันเธอก้าวออกมาบังทิศทางกระสุนที่พุ่งตรงมาหาเขาและในวินาทีนั้นกู้จื่ออวี่เบี่ยงตัวหลบได้พอดีเรื่องมันควรจะจบลงแค่นั้น ถ้าเธอฟังคำสั่งเงียบๆ ก็จะไม่มีใครเป็นอะไร แต่สุดท้าย เธอกลับเลือกกระโดดออกมาช่วย แล้วต้องแลกด้วย “ชีวิต” ของตัวเองเซี่ยอวิ๋นซูถอดหมวกออ
ลูกปืนของตงเจียวถึงแม้จะเบี่ยงเป้าหมายไป แต่กลับมีคนถูกยิงจริงๆ แถมไม่ใช่คนที่เธอเล็งไว้ด้วยซ้ำ!จังหวะที่บีบไกปืน ถังเหยากลับตอบสนองเร็วเหลือเชื่อ! กระสุนเพิ่งตกลงพื้นข้างตัว เธอก็พลิกตัวหลบไปทางขวาอย่างช่ำชอง พร้อมยกปืนยิงสวนกลับไปทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว"ปัง!"การตอบโต้ของถังเหยารวดเร็วและเฉียบขาดมาก จนแม้แต่กลุ่มของห่าวอี้ยังตั้งตัวไม่ทัน ยืนเหวอกันไปเป็นแถวตงเจียวก็ไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทักษะอะไร จนกระทั่งเสียงเตือนในหูฟังบอกว่า “คุณตายแล้ว” พร้อมกับคราบแดงบนหน้าอกซ้ายเครื่องหมายโดนยิงเข้าจังๆเธอจึงจำใจ “นั่งลง” ยอมรับชะตา...เล่นบทศพต่อไป“ผู้เล่น ตงเจียว ตกรอบ!”เสียงจากลำโพงสนามดังลั่น ทำให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งนาที กลับเปลี่ยนเกมทั้งตาไปหมด ห่าวอี้ได้สติรีบลากเ
แม้ว่าเผิงเหนียนจะเคยอยู่บ้านเดียวกับกู้จื่ออวี่มาก่อน แต่ตอนนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก อีกทั้งนิสัยของเธอก็ค่อนข้างขี้อาย จึงไม่จำเป็นต้องแกล้งแสดงอาการเขินเมื่อเจอกันครั้งแรก เพราะมันเผยออกมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แถมเธอยังกลัวแฟนคลับของกู้จื่ออวี่กับห่าวอี้อยู่ไม่น้อย จึงพยายามยืนห่างจากทั้งสองคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองคู่ถูกจับมารวมเป็นกลุ่มเดียวกัน ส่วนกลุ่มที่มีสามคนก็ยังคงเดิมภารกิจแรกของวันคือให้เตรียมมื้อกลางวันกันเอง เมื่อแขกรับเชิญได้ยินแบบนั้น สีหน้าทุกคนก็เหมือนจะหมดคำพูด ในป่าจะหาอะไรกินได้ล่ะ? จะให้หาของกินจากใบไม้หรือไง? โชคยังดีที่แต่ละคนแอบพกขนมเล็กๆ น้อยๆ มาด้วย จึงไม่ถึงกับต้องทนหิวในมื้อกลางวันทว่าหลังมื้อนั้นเสบียงทั้งหมดก็เกือบหมดเกลี้ยง เหมือนรายการจงใจวางกับดัก ทำทีให้เตรียมเองแต่สุดท้ายกลายเป็นถูก "ปล้น" ไปซะหมดแล้วมื้อเย็นล่ะ? จะเอาอะไรกิน?หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนได้พักช่วงสั้นๆ ตอนกลางวั
บนหน้าจอไลฟ์ที่แต่เดิมแบ่งเป็น 7 ช่อง ตอนนี้ถูกรวมเหลือเพียง4 ช่องเท่านั้น ใบหน้าของเหล่าแขกรับเชิญส่วนใหญ่ก็ปรากฏให้เห็นชัด ยกเว้นห้องอันดับท้ายสุดของถังเหยา ที่ยังคงเห็นได้แค่เพียงเงาหลังของเธอเท่านั้นฝ่ายแอนตี้รีบออกตัวว่าใบหน้าของถังเหยาคงจะ “ระดับทั่วไป” จนต้องหลบกล้องตลอดเวลาเพื่อเลี่ยงคำด่า ขณะที่ชาวเหิงเตี้ยนรีบออกโรงปกป้อง ว่า จ้าของร้านตระกูลถังเป็นสาวน้อยหน้าตางดงามตัวจริงระหว่างที่สองฝ่ายกำลังเปิดศึกโต้เถียงกันแบบไม่มีใครยอมใคร คนที่เดินอยู่ด้านหน้าก็จู่ๆ หยุดกะทันหัน พอมองใกล้ๆ ก็พบว่าในอ้อมแขนของเธอมี “คนเพิ่มมาอีกหนึ่ง” เหล่าผู้ชมต่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบย้อนกลับไปดูภาพซ้ำในคลิปถังเหยากำลังเดินอยู่ตามปกติ อยู่ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นมอง และในวินาทีนั้นมีคนหนึ่งร่วงลงมาจากกิ่งไม้ตรงหน้า จึงรีบวิ่งเข้าไปทันเวลาและรับตัวเขาไว้ได้พอดี เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ทำเอาทั้งทีมถ่ายทำและผู้ชมถึงกับนิ่งงันไปทั้งหน้าจอ
ภายใต้บรรยากาศอันคึกคักและความคาดหวังจากผู้ชม หน้าจอไลฟ์สดปรากฏตัวเลขนับถอยหลัง1 นาที สนามรบระหว่างบ้านแฟนคลับทั้งหลายจึงยอมพับดาบเก็บกระบี่ชั่วคราว หันมาเตรียมใจพักผ่อนชั่วครู่ รอดูรายการก่อนแล้วค่อยเคลียร์กันต่อภายหลังภาพบนหน้าจอค่อยๆ เผยให้เห็นต้นไม้แน่นทึบ แสงแดดสาดผ่านพุ่มใบ เสียงนกร้องก้องไปทั่วขุนเขา ความคิดแรกของผู้ชมคือ ทีมโปรดักชันถ่ายทำในป่าจริงๆ อย่างนั้นหรือ? รายการนี้กล้าปล่อยบรรดาเซเลบดาราแถวหน้าเหล่านี้ ไปดิ้นรนเอาตัวรอดกลางป่าจริงๆ ใช่ไหม?จากนั้นหน้าจอถูกแบ่งออกเป็น 7 ช่องย่อย แสดงภาพของทั้ง7 คน ณ สถานที่ต่างกัน พร้อมคำอธิบายว่าในบรรดาทั้ง7 ใครมาถึงก่อนจะได้เข้าไปก่อน หากเจออีกคนก่อนจะได้จับกลุ่มกัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ3 คนและ4 คนรายการให้ผู้เข้าร่วมแต่ละคนพกเป้มาหนึ่งใบ ของข้างในแล้วแต่จะเตรียม ใครมีแรงแบกไหวแค่ไหนก็พกมาเท่านั้น แต่ทุกคนก็พอรู้ว่าต้องเดินทางเยอะจึงเตรียมมาแค่พอใช้ยอดคนดูไหลเข้าร