ต่างคนต่างนั่งเอนหลังพิงพนัก เก็บเกี่ยวความสุขจากสายลมอ่อนโยนที่พัดผ่านแนวใบไม้ ราวกับมีมือโปร่งแสงลูบไล้ผิวเบาๆ ดื่มน้ำบ๊วยพลางนั่งละเลียด คุยเรื่องชีวิตประจำวันอย่างผ่อนคลาย ดูเหมือนนานมากแล้ว ที่พวกเธอไม่ได้มีโอกาสได้นั่งเงียบๆ มองท้องฟ้าแบบนี้ บรรยากาศของที่นี่ช่างทำให้คนเผลอใจโดยไม่รู้ตัว
หลังจากส่งแขกน่ารักทั้งสองคนกลับไปแล้ว ถังเหยาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะจนตาหยี่ แขกทั้งสองยังบอกด้วยว่า คราวหน้าไม่ต้องเรียกชื่อเต็มแล้ว เรียกแค่ เสี่ยวอ้าย กับ เสี่ยวหลิน ก็พอ ฟังดูแล้วก็คงจะแวะเวียนมาเยี่ยมร้านบ่อยๆ แน่
ณ กองถ่ายในสตูดิโอ
มีเพิงไม้สำหรับทีมงานไว้นั่งพักชั่วคราว ตอนนี้ทั้งสามสาวกำลังนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย จนไม่มีเวลาจะเม้าท์อะไรกันอีก ตั้งแต่เปิดกล่องข้าวขึ้นม าจนถึงตอนปิดฝากล่อง พวกเธอก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสนใจอะไรอีกเลย กลิ่นหอมของอาหารอบอวลอยู่ในอากาศจนหยุดตะเกียบไม่ได้ กินไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ตัวว่าเกลี้ยงกล่องตั้งแต่เมื่อไหร่
หลังจากกินอิ่มแล้ว ถิงถิงก็นั่งจิบเครื่องดื่มบ๊วย พลางกินขนมวุ้นดอกกุ้ยฮวาหอมๆ ความอร่อยยังติดปลายลิ้นจนไม่อยากหยุดเลยจริงๆ เมนูไก่ผัดเผ็ดเสฉวนอร่อยจนต้องยกนิ้ว เธอเคยกินจากร้านดังมาแล้ว แต่ทั้งรสชาติและหน้าตาอาหารก็ยังห่างชั้นจากที่นี่อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเมนูไหน ทุกจานคือสุดยอดความอร่อย
แค่ข้าวผัดจานเดียวก็สามารถกลายเป็นเมนูเด็ดประจำร้านได้เลย คนอย่างเธอที่ไม่ชอบกินผักยังต้องยอมยกนิ้วให้กับสลัดผักน้ำส้มสายชูจานนี้
“คืนนี้หลังเลิกงานเจอกันหน้ากองถ่ายนะ ฉันยังอยากกินไก่ผัดเผ็ดเสฉวนอีก กินไปเมื่อกี้ยังรู้สึกไม่พอ อยากกินให้เบื่อไปข้างก่อนค่อยเปลี่ยนเมนู”
เหมยเหมยเป็นคนสุดท้ายที่วางช้อนลง เธอลูบพุงพลางถอนหายใจด้วยความอิ่มเอม ไม่น่าเชื่อว่าร้านอาหารที่ไม่ได้คาดหวังอะไร จะทำให้เซอร์ไพรส์ขนาดนี้
“เต้าหู้รวมจานนี้คือที่สุด เต้าหู้อ่อนนุ่มซึมซับรสหวานจากไส้หมู กุ้ง เห็ด และต้นหอมขาว ด้านบนโรยต้นหอมกับผักชีเพิ่มความน่ากิน กุ้งสดเนื้อนุ่ม ผสมกับรสชาติหวานกรอบของเห็ด พอกินคู่กับซอสร้อนๆ คือแบบ...ใช่เลย เต้าหู้จานนี้สมชื่อจริงๆ ถ้าได้กินของอร่อยแบบนี้ทุกวัน ชีวิตในเมืองกองถ่ายก็คงไม่เหงาอีกต่อไปแล้วล่ะ”
ขณะที่ลั่วลั่วกำลังกินขนมดอกกุ้ยฮวาในมือ ก็ยังอดคิดถึงซี่โครงวัวตุ๋นไวน์แดงไม่ได้ รสชาตินั้นมันชวนให้คิดถึงจนลืมไม่ลง คืนนี้เธอจะต้องกินอีกแน่นอน รอบนี้ต้องสั่งสองที่ให้จุใจไปเลย
“พูดตรงๆ เธอสองคนยังไม่ได้ลองซี่โครงวัวไวน์แดง เลยไม่รู้ว่าสุดยอดแค่ไหน! ตุ๋นเนื้อวัวได้เปื่อยนุ่มแต่ยังชุ่มฉ่ำไม่เสียรสเลย กินแล้วแทบจะกลืนลิ้นตัวเองได้ ขนาดขนมดอกกุ้ยฮวากับน้ำบ๊วยฟรีๆ ยังอร่อยจนอยากขอเพิ่ม ร้านนี้เพิ่งเปิดไม่นาน แต่แค่เมนูเดียวก็สามารถโค่นทุกร้านดังในใจฉันได้เลย ซี่โครงวัวไวน์แดงกลายเป็นอันดับหนึ่ง แทนไก่เผ็ดขวัญใจของฉันไปเรียบร้อยแล้ว!”
ทั้งสามคนนั่งจิบน้ำบ๊วย พลางนึกถึงรสชาติที่เพิ่งผ่านมา ถึงจะอิ่มแล้ว แต่ในใจก็ยังรู้สึกอยากกินอีก คืนนี้ต้องกลับมากินให้หายอยากเลยทีเดียว
กลุ่ม WeChat ไรเดอร์เหิงเตี้ยน
เฉินผิง: วันนี้แถวนี้มีร้านเปิดใหม่ชื่อ "ตระกูลถัง" เจ้าของร้านกับพนักงานน่ารักเป็นกันเองสุดๆ เย็นนี้เลิกงานแล้วไปกินด้วยกันไหม ไปอุดหนุนสองสาวงามกันหน่อย
โต้โต้: ขอถามแค่เรื่องเดียว อาหารอร่อยไหม? ถ้าไม่อร่อย ต่อให้เป็นนางฟ้าก็ขอลาขาด ไม่พบไม่เจอ
ต้าต้า: เย็นนี้ว่างเว้ย นัดเจอกันหกโมงที่ร้านละกัน
เฉินผิง: สาวงามกับของอร่อยต้องมาคู่กันอยู่แล้ว @โต้โต้ ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่ถูกปากนายเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง
โต้โต้: ฟังดูไว้ใจได้อยู่นะ งั้น…ตกลงตามนั้น!
ฝั่ง WeChat ของกลุ่มนักแสดงตัวประกอบ ก็ครึกครื้นไม่แพ้กัน ไม่ว่าช่วงเวลาไหนก็มักมีคนคุยกันระหว่างรอเข้าฉาก
เหมยเหมย: เย็นนี้รวมตัวกันที่ร้านตระกูลถังกินข้าวเย็นกันนะ ฉันเสร็จงานประมาณทุ่มนึง ใครอยากไปด้วยบ้าง?
ลั่วลั่ว: ไปแน่นอน! ไม่ได้กินไม่กลับจ้า!
ถิงถิง: ฉันเสร็จตั้งแต่ห้าโมงแล้ว จะไปรอที่ร้านนะ
ปิงปิง:ร้านเปิดใหม่เหรอคะพี่ๆ? หนูแค่อยากรู้ว่าอร่อยไหม บ่ายนี้ก็ว่างอยู่เหมือนกันค่ะ
ลั่วลั่ว: ร้านนี้คืออันดับหนึ่งในดวงใจฉันตอนนี้เลย! เปิดตัวด้วย “ซี่โครงวัวตุ๋นซอสไวน์แดง” ความอร่อยทะลุเพดาน ทะลุทุกกระแสร้านเด็ด อร่อยแบบลืมบ้านลืมช่องกันเลยทีเดียว อยากรู้แค่อย่างเดียวว่าร้านหน้าตาเป็นยังไง!
หนานโยว: ซี่โครงวัวตุ๋นซอสไวน์แด งที่ฉันเคยกินจากร้านดังนั่นก็ว่าอร่อยแล้วนะ งั้นคืนนี้ฉันขอไปด้วยคน
ถังเหยากับหยางอิงปิดร้านพักกลางวัน สองสาวพากันไปนอนเอนหลังใต้ต้นแปะก๊วย ปล่อยใจล่องลอยไปกับสายลม ไม่ทันรู้ตัวก็เผลอหลับไปเฉย กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ปาเข้าไปบ่ายสามกว่า ได้เวลาลุกขึ้นมาเตรียมเปิดร้านอีกรอบ
หยางอิงออกไปกวาดใบไม้หน้าร้าน เช็ดโต๊ะเช็ดเก้าอี้ให้เรียบร้อย ถังเหยาก็เข้าครัวเริ่มทำอาหาร กลิ่นหอมลอยตามลมไปทั่วละแวก ช่วงบ่ายอากาศเย็นลงกว่าตอนเที่ยง ถังเหยาแขวนโคมแดงไว้หน้าร้านสองอัน พอหันกลับมาก็เห็นเจ้าเหมียวขนฟูสีขาว กำลังพยายามใช้เล็บข่วนที่กั้นไม้ระหว่างลานบ้าน
เพราะเธอทำกับข้าวอยู่ เลยไม่ให้พวกมันขึ้นมาเล่น
“เจ้านุ่มฟู อยู่ข้างล่างเล่นไปก่อนนะ เดี๋ยวว่างเมื่อไหร่พี่จะทำปลาหวานให้กิน”
ถังเหยารักแมวตัวนี้สุดๆ ขนขาวฟูปุกปุย น่ากอดน่าฟัด แถมดวงตาดำกลมโตวิ้งๆ เหมือนลูกแก้ว พอจ้องมาทีไร ใจอ่อนเป็นขี้ผึ้งทุกที หยางอิงเคยบอกว่าเจ้าเหมียวตัวนี้ เป็นจอมยั่วโมโหซึ่งก็จริงมาก
“หยางอิง เมื่อกี้ตอนเธอไม่อยู่ เจ้านุ่มฟูมันจ้องตาฉันแล้วร้องเหมียวๆ อ้อนจนฉันใจเหลวเลย ต้องใช้กำลังใจทั้งชีวิตถึงจะไม่เข้าไปฟัดมันอะ บอกเลย ถ้าเธอไม่โผล่มาทันเวลา ฉันได้ใจอ่อน”
“ฮ่าๆ อย่าไปใส่ใจมันเลย มันรู้ว่าเธอหลงมัน ก็ยิ่งหาเรื่องอ้อนหนักกว่าเดิมอีก”
ระหว่างกำลังคุยกันเพลินๆ ลูกค้ารายแรกของช่วงบ่ายก็เดินเข้ามาพอดี คุณลุงสองคนเดินเข้าประตูร้านมา ชอบบรรยากาศด้านนอก เลยเลือกนั่งข้างบ่อน้ำเก่าใต้ซุ้มดอกไม้
สองสาวเจ้าของร้านสุดสวย ไม่รู้เลยว่าร้านกลายเป็นกระแสดังไปแล้วว
ถังเหยากวาดตามองระยะห่างระหว่างจุดที่ยามยืนอยู่กับเต็นท์ ก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆ“ภายในสามสิบวินาที...พวกคุณจัดการได้กี่คนคะ?”กู้จื่ออวี่ที่ได้ยินคำถามนั้นก็เข้าใจทันที ว่าเธอกำลังวางแผนอะไร ถังเหยาต้องการจะยิงจากระยะไกลเพื่อเก็บศัตรูให้หมดในคราวเดียว แต่การจะทำแบบนั้นได้ มือไม่ใช่แค่ต้องเร็ว...แต่ต้องแม่นยำอย่างถึงที่สุด เพราะถ้าเกิดพลาด หรือปล่อยให้พวกนั้นมีโอกาสโต้กลับ ทุกอย่างจะกลายเป็นหายนะทันที“ผมคาดว่าประมาณ 4 คน”“ผมน่าจะ 3 คน”“อืม ถ้างั้นเรามาพยายามฆ่าทั้งหมดในครั้งเดียวเลยนะคะ”ถังเหยาทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างมั่นคง พานท้ายปืนพาดแนบกับไหล่ เธอก้มหน้าเล็กน้อยแล้วแนบตาเข้ากับกล้องเล็ง ปลายนิ้วแตะไกปืนอย่างนิ่งสงบ ลมหายใจเธอชะงักอยู่ชั่วขณะ รอจังหวะเหมาะสมแล้วยิงกระสุนนัดแรก ทั้งสามคนต่างก็กำจัดศัตรูได้สำเร็จ ต้าอว
สถานการณ์ในสนามรบเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมก็พลอยรู้สึกตึงเครียดไ ปตามทุกย่างก้าวของผู้เข้าแข่งขัน ทันใดนั้น เสียงประกาศจากลำโพงก็ดังขึ้น:“เซี่ยอวิ๋นซูตายแล้ว”ภาพจากกล้องฝั่งเธอฉายชัดทุกจังหวะกู้จื่ออวี่กำลังติดต่อกับถังเหยาทางวิทยุสื่อสาร นัดให้รวมกลุ่มกันที่จุดนัดพบ การกระจายตัวแบบนี้มันอันตรายเกินไป ทั้งสองคนเลยเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังตำแหน่งเป้าหมาย ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมกับเสียงปืนดังขึ้น จึงรีบส่งสัญญาณให้เซี่ยอวิ๋นซูหาที่หลบซ่อน แต่เธอกลับไม่ทำตามคำสั่ง กลับกันเธอก้าวออกมาบังทิศทางกระสุนที่พุ่งตรงมาหาเขาและในวินาทีนั้นกู้จื่ออวี่เบี่ยงตัวหลบได้พอดีเรื่องมันควรจะจบลงแค่นั้น ถ้าเธอฟังคำสั่งเงียบๆ ก็จะไม่มีใครเป็นอะไร แต่สุดท้าย เธอกลับเลือกกระโดดออกมาช่วย แล้วต้องแลกด้วย “ชีวิต” ของตัวเองเซี่ยอวิ๋นซูถอดหมวกออ
ลูกปืนของตงเจียวถึงแม้จะเบี่ยงเป้าหมายไป แต่กลับมีคนถูกยิงจริงๆ แถมไม่ใช่คนที่เธอเล็งไว้ด้วยซ้ำ!จังหวะที่บีบไกปืน ถังเหยากลับตอบสนองเร็วเหลือเชื่อ! กระสุนเพิ่งตกลงพื้นข้างตัว เธอก็พลิกตัวหลบไปทางขวาอย่างช่ำชอง พร้อมยกปืนยิงสวนกลับไปทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว"ปัง!"การตอบโต้ของถังเหยารวดเร็วและเฉียบขาดมาก จนแม้แต่กลุ่มของห่าวอี้ยังตั้งตัวไม่ทัน ยืนเหวอกันไปเป็นแถวตงเจียวก็ไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทักษะอะไร จนกระทั่งเสียงเตือนในหูฟังบอกว่า “คุณตายแล้ว” พร้อมกับคราบแดงบนหน้าอกซ้ายเครื่องหมายโดนยิงเข้าจังๆเธอจึงจำใจ “นั่งลง” ยอมรับชะตา...เล่นบทศพต่อไป“ผู้เล่น ตงเจียว ตกรอบ!”เสียงจากลำโพงสนามดังลั่น ทำให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งนาที กลับเปลี่ยนเกมทั้งตาไปหมด ห่าวอี้ได้สติรีบลากเ
แม้ว่าเผิงเหนียนจะเคยอยู่บ้านเดียวกับกู้จื่ออวี่มาก่อน แต่ตอนนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาก อีกทั้งนิสัยของเธอก็ค่อนข้างขี้อาย จึงไม่จำเป็นต้องแกล้งแสดงอาการเขินเมื่อเจอกันครั้งแรก เพราะมันเผยออกมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แถมเธอยังกลัวแฟนคลับของกู้จื่ออวี่กับห่าวอี้อยู่ไม่น้อย จึงพยายามยืนห่างจากทั้งสองคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองคู่ถูกจับมารวมเป็นกลุ่มเดียวกัน ส่วนกลุ่มที่มีสามคนก็ยังคงเดิมภารกิจแรกของวันคือให้เตรียมมื้อกลางวันกันเอง เมื่อแขกรับเชิญได้ยินแบบนั้น สีหน้าทุกคนก็เหมือนจะหมดคำพูด ในป่าจะหาอะไรกินได้ล่ะ? จะให้หาของกินจากใบไม้หรือไง? โชคยังดีที่แต่ละคนแอบพกขนมเล็กๆ น้อยๆ มาด้วย จึงไม่ถึงกับต้องทนหิวในมื้อกลางวันทว่าหลังมื้อนั้นเสบียงทั้งหมดก็เกือบหมดเกลี้ยง เหมือนรายการจงใจวางกับดัก ทำทีให้เตรียมเองแต่สุดท้ายกลายเป็นถูก "ปล้น" ไปซะหมดแล้วมื้อเย็นล่ะ? จะเอาอะไรกิน?หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนได้พักช่วงสั้นๆ ตอนกลางวั
บนหน้าจอไลฟ์ที่แต่เดิมแบ่งเป็น 7 ช่อง ตอนนี้ถูกรวมเหลือเพียง4 ช่องเท่านั้น ใบหน้าของเหล่าแขกรับเชิญส่วนใหญ่ก็ปรากฏให้เห็นชัด ยกเว้นห้องอันดับท้ายสุดของถังเหยา ที่ยังคงเห็นได้แค่เพียงเงาหลังของเธอเท่านั้นฝ่ายแอนตี้รีบออกตัวว่าใบหน้าของถังเหยาคงจะ “ระดับทั่วไป” จนต้องหลบกล้องตลอดเวลาเพื่อเลี่ยงคำด่า ขณะที่ชาวเหิงเตี้ยนรีบออกโรงปกป้อง ว่า จ้าของร้านตระกูลถังเป็นสาวน้อยหน้าตางดงามตัวจริงระหว่างที่สองฝ่ายกำลังเปิดศึกโต้เถียงกันแบบไม่มีใครยอมใคร คนที่เดินอยู่ด้านหน้าก็จู่ๆ หยุดกะทันหัน พอมองใกล้ๆ ก็พบว่าในอ้อมแขนของเธอมี “คนเพิ่มมาอีกหนึ่ง” เหล่าผู้ชมต่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบย้อนกลับไปดูภาพซ้ำในคลิปถังเหยากำลังเดินอยู่ตามปกติ อยู่ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นมอง และในวินาทีนั้นมีคนหนึ่งร่วงลงมาจากกิ่งไม้ตรงหน้า จึงรีบวิ่งเข้าไปทันเวลาและรับตัวเขาไว้ได้พอดี เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ทำเอาทั้งทีมถ่ายทำและผู้ชมถึงกับนิ่งงันไปทั้งหน้าจอ
ภายใต้บรรยากาศอันคึกคักและความคาดหวังจากผู้ชม หน้าจอไลฟ์สดปรากฏตัวเลขนับถอยหลัง1 นาที สนามรบระหว่างบ้านแฟนคลับทั้งหลายจึงยอมพับดาบเก็บกระบี่ชั่วคราว หันมาเตรียมใจพักผ่อนชั่วครู่ รอดูรายการก่อนแล้วค่อยเคลียร์กันต่อภายหลังภาพบนหน้าจอค่อยๆ เผยให้เห็นต้นไม้แน่นทึบ แสงแดดสาดผ่านพุ่มใบ เสียงนกร้องก้องไปทั่วขุนเขา ความคิดแรกของผู้ชมคือ ทีมโปรดักชันถ่ายทำในป่าจริงๆ อย่างนั้นหรือ? รายการนี้กล้าปล่อยบรรดาเซเลบดาราแถวหน้าเหล่านี้ ไปดิ้นรนเอาตัวรอดกลางป่าจริงๆ ใช่ไหม?จากนั้นหน้าจอถูกแบ่งออกเป็น 7 ช่องย่อย แสดงภาพของทั้ง7 คน ณ สถานที่ต่างกัน พร้อมคำอธิบายว่าในบรรดาทั้ง7 ใครมาถึงก่อนจะได้เข้าไปก่อน หากเจออีกคนก่อนจะได้จับกลุ่มกัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ3 คนและ4 คนรายการให้ผู้เข้าร่วมแต่ละคนพกเป้มาหนึ่งใบ ของข้างในแล้วแต่จะเตรียม ใครมีแรงแบกไหวแค่ไหนก็พกมาเท่านั้น แต่ทุกคนก็พอรู้ว่าต้องเดินทางเยอะจึงเตรียมมาแค่พอใช้ยอดคนดูไหลเข้าร