เข้าสู่ระบบหญิงสาวคล้ายตกใจไม่น้อย แต่เมื่อเขายังคงถูไถเบาๆ เพื่อยืดเวลาแห่งวสันต์ออกไปอีกนิด นางจึงยกมือมาลูบปลายแท่งเสาสวรรค์อย่างรู้ใจ แม้ตัวนางจะสั่นเล็กน้อยและหายใจลำบาก
“อะ..อ้าปากลี่เอ๋อร์..” เขาสั่งเสียงแตกเครือ
ลี่เอ๋อร์ถูกเขาสั่งสอนมานาน ยามนี้นางได้แต่มองเขาอย่างคลั่งไคล้และอ้าปากตามคำสั่งของสามี เขาจดจ่อปลายเสาค้ำใหญ่ที่ยังคงมีสายน้ำรักยืดหยดเหนียวข้นลงในปากนาง พร้อมเสียงครางสั่นระริกที่บ่งบอกว่าเขารู้สึกดีมาก
“อือ..เด็กดี..นางฟ้า..” เขาชื่นชมเสียงแหบพร่า ขยับสะโพกเข้าออกริมฝีปากระเรื่อของนางอย่างหลงใหล ความอบอุ่นในโพรงปากของนางทำให้เขารู้สึกสั่นซ่านไปทั้งแท่งหยกและทั่วร่างกาย
“ดูดแรงอีกหน่อย” เขาสั่ง ทั้งที่เพิ่งพวยพุ่งความคิดถึงตลอดเดือนใส่ใบหน้าของนาง แต่คล้ายเขายังไม่พอใจ ยังต้องการต่อเวลาหฤหรรษ์ออกไปให้ยาวนานยิ่งขึ้น หรือไม่ก็เริ่มต้นความสุขสมอีกครั้ง
เมื่อนางดูดดื่มให้เขาเข้าลึกลงไปใ
หลังจากที่ตระกูลฟางมาอาศัยอยู่ในจวนหลิวคับแคบได้เกือบเดือน ในที่สุดนางเจินหมานก็เพิ่งลากตัวสามีกลับจวนฟางได้เพราะต้องมีผู้นำในการทำการค้า หลิวฟู่จงเฝ้ามองรถม้า และคิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาสใกล้ชิดหลานชายแล้วแต่หลายสิ่งไม่เป็นดังคาด..ในห้องโถงใหญ่ของตระกูลหลิว บรรยากาศอำมหิตแผ่ซ่านไปทั่ว เมื่อบิดาและสามีของหลิวลี่อินต่างพากันแย่งอุ้มลูกชายของนาง บุรุษอายุมากผู้หนึ่งที่มักสงบนิ่งเยือกเย็นเสมอ และอีกคนที่ยังหนุ่มแน่นเย่อหยิ่งหน้าหนา พวกเขากำลังกลายเป็นคู่แข่งที่ดุเดือดในการแย่งชิงอุ้มเด็กน้อย“ข้าเป็นตา! ข้าควรจะได้อุ้มก่อน!” หลิวฟู่จงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยเสียงแข็งกระด้าง ขณะยื่นมือมาทางหลานชายที่อยู่ในอ้อมแขนของฟางหลินเฉิน“แต่ข้าเป็นบิดาของเขา ข้าก็ต้องการอุ้มบุตรของข้าบ้างนะ ท่านพ่อตา” ฟางหลินเฉินยิ้มบางๆ พลางเบี่ยงตัวออกห่างจากมือของเจ้ากรมหลิวเล็กน้อย ไม่ยอมให้อีกฝ่ายแตะตัวลูกชาย&l
ในทุกวันที่หลิวลี่อินไปสอนในสถานศึกษาสำหรับสตรี ฟางหลินเฉินมักตามติดนางไปด้วย ทำตัวเป็นคนรับใช้ของภรรยาอย่างเต็มใจและขยันขันแข็ง แม้ว่าขนบธรรมเนียมจะบ่งบอกว่าภรรยาควรเป็นผู้ดูแลสามี แต่เขาก็ไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านั้น ด้วยใจที่มุ่งมั่นจะบูชาภรรยาด้วยการดูแลของเขาทุกเช้า เขาจะปัดกวาดที่นั่งของภรรยาในห้องเรียนด้วยตัวเอง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโต๊ะและเก้าอี้ของนางสะอาดเรียบร้อย หลังจากนั้น เขายังจัดเตรียมอาหารว่างสำหรับหลิวลี่อิน โดยจัดใส่จานอย่างปราณีต สิ่งที่หลิวลี่อินต้องทำก็เพียงนั่งลงและอ้าปาก เพราะเขาจะคอยป้อนใส่ปากของนางอย่างบรรจงไม่เพียงแค่นั้น ฟางหลินเฉินยังถือกล่องเครื่องเขียนของนางทุกครั้ง เดินตามไปทุกที่ นั่งเฝ้านางอยู่ใกล้ๆ ขณะนางสอนเหล่าสตรีร้องเพลงและบรรเลงดนตรี ราวกับเงาที่ไม่เคยห่างหายทุกการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความเอาใจใส่และความรักที่แสดงออกอย่างชัดเจนเกินกว่าที่สามีในยุคนั้นจะทำกันได้ ทว่าความรักของเขานั้นกลับยิ่งลึกซึ้งเมื่อถึงเวลาพักผ่อน
ฟางหลินเฉินเดินไปเดินมานอกห้องคลอด ใจเต้นระรัวและเหงื่อซึมทั้งฝ่ามือ เขาไม่เคยรู้สึกกังวลเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่ที่เขาจำความได้ ทั้งชีวิตเขาเต็มไปด้วยความสามารถ เขารู้ว่าหากเขาพยายามย่อมเกิดผลดีตามมา เขามีความสามารถพอจะทำเพื่อสิ่งต่างๆ อยากได้สิ่งใดก็ต้องลงมือทำแต่ในวันนี้ ชะตากรรมของอีกสองชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา ร่างเล็ก ๆ ที่กำลังจะเกิด และหลิวลี่อิน ภรรยาของเขาที่กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด โดยไม่อาจทำสิ่งใดได้เลยเขาเคยรู้สึกหงุดหงิดกับเด็กในครรภ์ที่ทำให้หลิวลี่อินไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติ นางอ่อนแรงและต้องได้รับการดูแลตลอดเวลา และสิ่งที่ทำให้เขาหนักใจที่สุดคือการที่เขาไม่สามารถนอนร่วมกับนางได้เหมือนเคย แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความรู้สึกในขณะนี้ เสียงร้องของนางดังขึ้นทุกครา ทำให้เขาเจ็บปวดแทบใจขาด“เธอต้องปลอดภัย!” ฟางหลินเฉินพึมพำกับตนเอง เสียงแผ่วเบาที่แฝงไปด้วยความห่วงใย“นางจะไม่เป็นไร ไม่
เรื่องนี้ทำให้ทุกคนงงงันไม่ต่างกัน ฟางเซิ่งฝูและนางเจินหมาน บิดามารดาของฟางหลินเฉินไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดบุตรชายผู้เคยกระตือรือร้นกับการเพิ่มอนุถึงกับเปลี่ยนใจในพริบตาแม้กระทั่งหลิวฟู่จง บิดาของหลิวลี่อินก็งงงันที่เห็นลูกเขยผู้ไม่เคยสนใจเรื่องการศึกษากลับมุ่งมั่นสร้างสถานศึกษาสำหรับสตรีขึ้นมาเช่นนั้น ทั้งยังยกย่องบุตรสาวของเขาให้เป็นอาจารย์ผู้สอน นางมีทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีสูงส่ง เขาผู้เป็นบิดาจึงภูมิใจยิ่งนักแต่ผู้ที่ดูจะตกใจมากที่สุดกลับเป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวของหลิวลี่อิน พวกนางที่เคยคิดว่าหลิวลี่อินจะโดนสามีทอดทิ้ง หลังจากที่หลิวฟู่จงไปรับนางกลับบ้านเดิมพวกนางยังกลั่นแกล้งให้หลิวลี่อินทำงานบ้านหลายอย่างโดยที่หลิวฟู่จงไม่รู้ ยามนี้กลับต้องเห็นนางกลายเป็นอาจารย์ผู้สอนในสถานศึกษาใหญ่โตที่ฟางหลินเฉินตั้งใจสร้างเพื่อยกย่องความสามารถของนางน้องสาวของหลิวลี่อินแสดงความอิจฉาอย่างชัดเจน นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟางหลินเฉินจึงเลือกที่จะทุ่มเทเพื่อพี่สาวท
หญิงสาวคล้ายตกใจไม่น้อย แต่เมื่อเขายังคงถูไถเบาๆ เพื่อยืดเวลาแห่งวสันต์ออกไปอีกนิด นางจึงยกมือมาลูบปลายแท่งเสาสวรรค์อย่างรู้ใจ แม้ตัวนางจะสั่นเล็กน้อยและหายใจลำบาก“อะ..อ้าปากลี่เอ๋อร์..” เขาสั่งเสียงแตกเครือลี่เอ๋อร์ถูกเขาสั่งสอนมานาน ยามนี้นางได้แต่มองเขาอย่างคลั่งไคล้และอ้าปากตามคำสั่งของสามี เขาจดจ่อปลายเสาค้ำใหญ่ที่ยังคงมีสายน้ำรักยืดหยดเหนียวข้นลงในปากนาง พร้อมเสียงครางสั่นระริกที่บ่งบอกว่าเขารู้สึกดีมาก“อือ..เด็กดี..นางฟ้า..” เขาชื่นชมเสียงแหบพร่า ขยับสะโพกเข้าออกริมฝีปากระเรื่อของนางอย่างหลงใหล ความอบอุ่นในโพรงปากของนางทำให้เขารู้สึกสั่นซ่านไปทั้งแท่งหยกและทั่วร่างกาย“ดูดแรงอีกหน่อย” เขาสั่ง ทั้งที่เพิ่งพวยพุ่งความคิดถึงตลอดเดือนใส่ใบหน้าของนาง แต่คล้ายเขายังไม่พอใจ ยังต้องการต่อเวลาหฤหรรษ์ออกไปให้ยาวนานยิ่งขึ้น หรือไม่ก็เริ่มต้นความสุขสมอีกครั้งเมื่อนางดูดดื่มให้เขาเข้าลึกลงไปใ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับความต้องการของตัวเอง คิดเพียงความพอใจของตนเอง จนกระทั่งเวลานี้ ยามที่น้ำตาของนางพรั่งพรู เขาไม่อาจทนเห็นน้ำตาของนางอีกต่อไป“ไม่แต่งอนุ..ข้ามีเพียงเจ้า” ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดร้าวลึก นี่คือครั้งแรกที่ฟางหลินเฉินรู้สึกว่าความสุขของนางสำคัญกว่าสิ่งใดในโลก ความทะนงและเห็นแก่ตัวของเขาพังทลายทุกครั้งที่นางสะอื้นไห้ ราวถูกกดทับด้วยหินก้อนใหญ่“ข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงแทบคลั่งอยู่แล้ว” ฟางหลินเฉินกัดฟัน หัวใจบีบรัดจนเขาแทบลืมหายใจมือของเขาสั่นระริก หัวใจเหมือนกำลังจะหลุดออกจากอก คำพูดที่เคยพร่ำบอกรักบูชาสาวอ้วนคนอื่นๆ มันง่ายดายเมื่อไม่เคยต้องเผชิญกับน้ำตาของหลิวลี่อิน นางเป็นทุกอย่างสำหรับเขา ไม่เคยมีใครทำให้เขาเจ็บปวดได้เท่านี้มาก่อน เขารู้ว่าไม่สามารถทนเห็นนางทุกข์ใจได้ เขาจำต้องยอมรับว่าจะทำทุกอย่างเพื่อนางใช้ชีวิตเพื่อนางเท่านั้น..







