แชร์

บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริงของนาง

ผู้เขียน: ฮวาเฟิ่งหวง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-03 20:16:36

บทที่ 28

ตัวตนที่แท้จริงของนาง

จินหมิงอันนางไม่เป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะรู้จากไห่ไท่หยางว่าบุตรชายของตนนั้นอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ศูนย์รวมพลังของดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ อีกทั้งภายในตัวของบุตรชายนั้นมีลูกแก้วจิ้งจอกอันสมบูรณ์ ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้

แต่กับตนเองนั้นแม้จะมีลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล หากแต่มิใช่ลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดของนาง ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณที่อาศัยร่างของนาง การมีลูกแก้วจิ้งจอกทำให้นางทนความเจ็บปวดได้ ขนาดนางมีลูกแก้วจิ้งจอกยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าถ้าหากนางไม่มีมันจะเจ็บปวดเจียนตายที่ขนาดไหน

หากเป็นบาดแผลธรรมดาลูกแก้วจิ้งจอกก็สามารถรักษาให้นางหายได้ในชั่วพริบตา หากแต่มันเป็นแผลที่เกิดจากปีศาจ อีกทั้งร่างกายของนางแต่เดิมทีแล้วนั้นเป็นเพียงมนุษย์ มันจึงค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟู

ฟางเหนียงบอกทางบุรุษมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตลอดมานางเคยหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำยากลืมเลือน นางเคยแช่อยู่ที่นี่พร้อมกับร่างไร้วิญญาณของบุรุษอันเป็นที่รัก…

ทว่าบัดนี้นางมิอาจหลีกเลี่ยงได้ นางมิได้ตัวคนเดียว แต่ยังมีดินแดนที่จินหมิงเยว่สร้างขึ้นมาเพื่อนาง และ… ยังมีพยานรักที่เป็นหลักฐานอย่างดีว่าความรักระหว่างมนุษย์และจิ้งจอกเก้าหางเป็นความจริง หาได้เป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าขาน

“เจ้าจะทำอะไร?” ไห่ไท่หยางเอ่ยพลางยึดแขนของนางเอาไว้

“แช่น้ำ”

“มิได้ บาดแผลของเจ้าไม่ควรโดนน้ำ”

“นี่คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาได้ทุกบาดแผล แม้กระทั่งคนใกล้ตายก็สามารถฟื้นคืนขึ้นมาได้…”

ถึงแม้ว่าอย่างสุดท้ายนางจะไม่เคยเห็นมากับตาก็ตาม แต่เรื่องของบาดแผลนางเคยพิสูจน์มาด้วยตนเองแล้ว บาดแผลและรอยแผลเป็นที่เคยถูกเฆี่ยนตีจากสกุลเก่า มลายหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน

แม้อยากจะห้าม และดูเหมือนกับเรื่องที่นางเอ่ยขึ้นมานั้นเป็นเรื่องไร้สาระเหลือเกิน บาดแผลใดหากโดนน้ำก็จะเน่าเปื่อยยากต่อการรักษา

ทว่าวันนี้ไห่ไท่หยางเจอเรื่องเหนือธรรมชาติมากมายเหลือเกิน จิ้งจอกเก้าหาง งูยักษ์ และตำหนักงดงามกลางป่าแห่งนี้ราวกับตัดขาดจากโรคภายนอก อีกทั้งยังความจริงที่ว่า…สตรีตรงหน้าของตนก็คงเป็นจิ้งจอกเก้าหาง และยังเคยเป็นมนุษย์มาก่อน

บุรุษยังจำได้ดีในยามที่ฟางเหนียงพูดคุยกับงูยักษ์ นางบอกว่านางเคยเป็นมนุษย์มาก่อน…

เช่นนั้นหมายความว่ายามนี้นางมิใช่มนุษย์ แล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น มีคำถามพูดขึ้นมามากมายในระหว่างที่มองร่างบอบบางค่อยๆ เดินลงไปแช่ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เขาอยากถามออกไปเหลือเกินหากแต่มิอาจเอื้อนเอ่ยออกไปได้ จะดูเป็นการเสียมารยาทไปหรือไม่ เขามีสิทธิ์อะไรไปถามนาง และ…กลัวว่าคำถามของตนนั้นอาจจะไปกระทบกระเทือนจิตใจของนาง

ช่างน่าขบขันเสียจริงที่มนุษย์ไร้ซึ่งอิทธิฤทธิ์อย่างไห่ไท่หยางนึกถึงจิตใจของจิ้งจอกเก้าหาง ปีศาจร้ายในตำนานเล่าขาน

“เหมือนท่านมีเรื่องอยากจะพูดกับข้า ข้าจะตอบคำถามของท่านเป็นการตอบแทนที่ช่วยข้ากับลูก ดีหรือไม่?” นางเอ่ยขณะนั่งหันหลังให้กับบุรุษ นางลงไปแช่น้ำโดยที่ยังคงสวมใส่อาภรณ์ชุดเดิม

“หากไม่เป็นการรบกวนท่าน”

“ข้ายินดี อย่างไรท่านก็เป็นผู้มีพระคุณแล้ว”

“เช่นนั้น…” แม้จะได้รับอนุญาตให้ถามคำถามออกไป แต่ไห่ไท่หยางก็ลังเลใจว่าควรถามคำถามนั้นออกไปหรือไม่

“ให้ข้าเดาท่านคงกำลังสงสัยเรื่องตัวตนของข้า และ… สงสัยว่าถ้าเขาหาท่านด้วยจุดประสงค์ใด…”

“…”

“ข้าคือสิ่งที่ท่านคิด… จิ้งจอกเก้าหาง ส่วนจุดประสงค์ที่ข้าเข้าหาท่าน… ข้าแค่พึงใจในตัวท่านก็เท่านั้น”

ฟางเหนียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไห่ไท่หยางมองไม่เห็นดวงหน้าของนางเนื่องจากนางนั่งแช่น้ำโดยหันหลังให้กับเขา ถึงไม่รู้ว่ายามนี้นางกำลังทำหน้าอย่างไร ทว่าบุรุษนั้นหน้าเห่อร้อน ใบหูแดงก่ำกับถ้อยคำสารภาพจากสตรีที่ตนพึงมีใจให้

“ตามตำนานเล่าว่าจิ้งจอกเก้าหางจะกัดกินพลังชีวิตของมนุษย์ เพื่อเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นมนุษย์”

สตรีตัวน้อยรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก ในสายตาของบุรุษนางดูเลวร้ายเช่นนั้นหรือไม่?

“ข้ามิได้มีเจตนาเช่นนั้นกับท่าน! ข้าก็แค่… ชอบท่าน”

หลังจากถ้อยคำนั้น ไม่มีผู้ใดเอื้อนเอยสิ่งใดออกมา มีเพียงเสียงของสายลมกระทบกับใบไม้เกิดเป็นเสียงเสียดสีของใบไม้เล็กๆ

“ข้าได้ยินว่าเจ้าเคยเป็นมนุษย์”

“…เจ้าค่ะ ข้าเคยเป็น…”

“แล้วเหตุใดจึงมิใช่แล้ว”

“ในอดีตเกิดเหตุการณ์ที่สามีของข้าต้องสละชีวิตเพื่อข้า เขาได้ให้ลูกแก้วจิ้งจอกแก่ข้า เมื่อต้นกำเนิดพลังจิ้งจอกหายไป พลังทั้งหมดจึงมารวมอยู่ที่ลูกแก้วจิ้งจอก หรือก็คือมารวมอยู่ในตัวของข้า จากนั้นมาข้าก็ละทิ้งความเป็นมนุษย์และกลายเป็นจิ้งจอก”

“สามีของเจ้าคงรักเจ้ามาก”

“เจ้าค่ะ สามีรักข้ามาก จนละเลยตนเอง ข้าอยากตีเขานักที่ไม่รักตนเองบ้างเลย เอาแต่รักข้า ทว่า… ข้าเองก็ไม่ต่างกัน ข้าเองก็รักเขามากกว่าตนเองเช่นกัน”

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมาเลย ราวกับกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง จนกระทั่งร่างของฟางเหนียงเริ่มจมลงเรื่อยๆ

“ฟางเหนียง!” ไห่ไท่หยางคว้าร่างของนางขึ้นจากน้ำ เห็นว่าดวงหน้าของนางซีดเซียว บุรุษจึงเอ่ยโทษตนเองที่ยอมให้นางแช่น้ำ ทั้งๆ ที่บาดแผลเช่นนี้ไม่ควรโดนน้ำ จึงพยายามจะดึงร่างของนางขึ้นมา

“อึก! ยะ อย่า… ข้าต้องแช่”

“เจ้าหน้าซีดเช่นนี้ยังจะแช่อีกหรือ!?”

“เพื่อรักษา… บาดแผล” เสียงของนางแหบพร่าราวกับจะหมดสติอยู่รอมร่อ

บุรุษไม่เอ่ยสิ่งใดและพยายามดึงร่างของนางขึ้น แต่ฟางเหนียงก็ขัดขืน สุดท้ายนางใช้กำลังของนางสุดแรงดึงร่างของบุรุษให้ลงมาแช่น้ำกับนางด้วย ก่อนจะซบลงบนแผงอกกว้างอย่างหมดแรง เรี่ยวแรงเมื่อครู่นี้คือเรี่ยวแรงทั้งหมดของนาง

“เจ้า…! เหตุใดจึงดื้อรั้นเช่นนี้!!”

“ท่าน… ดู บาดแผล ของข้า”

ได้ยินเช่นนั้นบุรุษก็ถือวิสาสะดูบาดแผลที่แขนของนาง ตรงแขนเสื้อมีรอยขาดจากเขี้ยวงูและรอยเลือดติดอยู่ชัดเจน อีกทั้งบุรุษยังจำได้ว่าเป็นบาดแผลค่อนข้างลึก ทว่ายามนี้คล้ายกับปากแผลมันเล็กลง

“…?”

บุรุษยื่นมือออกไปสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา

“อึก!”

“ขะ ข้าขอโทษ…!”

“ไม่เป็นไร ข้าขออยู่เช่นนี้อีกสักครู่เถิด การรักษา… บาดแผล มันค่อนข้าง… กินพลังของข้า” นางเอ่ยเช่นนั้นแล้วทิ้งน้ำหนักพิงอกแกร่ง ไห่ไท่หยางเองก็โอบรับร่างนางเอาไว้

บุรุษรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดบริเวณที่มีบาดแผล ทว่าก็สังเกตเห็นว่าบริเวณที่มีบาดแผลเล็กๆ เมื่อถูกน้ำศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างมันก็สมานตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนบาดแผลที่ใหญ่หน่อยก็ต้องใช้เวลา ซึ่งขั้นตอนในการรักษามันค่อนข้างเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน

ไห่ไท่หยางจึงรู้ว่าฟางเหนียงต้องทนเจ็บปวดมากเพียงใด เนื่องจากบาดแผลของนางสาหัสกว่าของตนเองมากนัก และที่นางหน้าซีดมิใช่ว่าแช่น้ำมากเกินไป แต่เป็นเพราะกำลังเจ็บปวดจากการอดทน

เนิ่นนานกว่าที่บาดแผลของฟางเหนียงจะสมานสนิท สตรีตัวน้อยก็หลับไปเสียแล้ว บุรุษอุ้มนางขึ้นจากน้ำและเดินกลับไปยังตำหนักซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ เดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้กระทั่งเจอกับห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องของนาง เนื่องจากการตกแต่งและข้าวของเครื่องใช้เป็นของอิสตรี วางร่างของนางลงบนพื้นพิงกับกำแพง เพราะนางเปียกไปทั้งตัวจะให้วางลงบนเตียงก็เกรงว่าจะเปียกไปหมด

…เอาล่ะ ทีนี้ควรทำอย่างไรดี นางไม่มีนางกำนัลหรือ?..

ฟางเหนียงเปียกชุ่มไปทั้งตัว ครั้นจะให้อยู่เช่นนี้ก็กลัวว่าจะจับไข้ แต่จะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้นางก็กลัวว่าจะเสียมารยาทตาอนาง

…เอาเถิด ช่วยชีวิตคน มิได้คิดเป็นสิ่งอื่น อีกอย่างก็รู้กันอยู่แค่นี้…

คิดได้เช่นนั้นไห่ไท่หยางก็ค้นตู้เสื้อผ้าของนาง หยิบอาภรณ์สวมใส่ง่ายมาหนึ่งตัว ก่อนจะใช้ผ้าปิดตาแล้วเริ่มทำการผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้กับนาง

ทว่าไม่รู้คิดผิดหรือผิดถูกที่ใช้ผ้าปิดตาเอาไว้ เนื่องจากต้องใช้มือสัมผัสร่างกายของนาง ยิ่งดวงตามองไม่เห็นมันยิ่งทำให้สัมผัสนั้นชัดเจนยิ่งกว่าเธอ หัวใจบุรุษเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก มือหนาสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่าจะไปสัมผัสตรงส่วนที่ไม่ควรเข้า

กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาไห่ไท่หยางหอบเหนื่อยด้วยความประหม่า บุรุษอุ้มร่างของนางขึ้นก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา แล้วนั่งลงข้างเตียง ดึงผ้าปิดตาออกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เฮ้อ…”

…ตัวข้าน่าชิงชังยิ่งนัก อย่าได้คิดอกุศลกับคนมิได้สติ!...

บุรุษว่ากล่าวตักเตือนตนเอง ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นทอดสายตามองดูฟางเหนียงนอนหลับตาพริ้ม จากนั้นก็ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอก ไปยังสวนบุปผาพันปีที่ซึ่งพาจิ้งจอกเก้าหางตัวหนึ่งทิ้งไว้ที่ใต้ต้นไม้

เมื่อมาถึงก็เห็นว่าจิ้งจอกเก้าหางตัวนั้นได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้สติเท่านั้น บุรุษจึงย่อกายลงแล้วมองดูจิ้งจอกตัวนั้นเนิ่นนาน ยามนั้นเองดวงตาที่ปิดสนิทก็ค่อยๆ เปิดออก เมื่อมันสบตากับไห่ไท่หยางก็หยัดกายขึ้น ก่อนจะกลายร่างเป็นมนุษย์ต่อหน้าต่อตาของไห่ไท่หยาง ซึ่งบุรุษก็มองดูด้วยความตกตะลึงเช่นกัน

จิ้งจอกเก้าหางว่าครู่นี้กลายเป็นบุรุษรูปงามอายุประมาณสิบหกหนาว ในสายตาของไห่ไท่หยางเป็นเช่นนั้น แต่แท้จริงแล้วจิ้งจอกเก้าหางตนนี้มีอายุถึงหนึ่งพันปี!

“ขอบพระคุณที่ท่านช่วยข้า หากมีสิ่งใดปรารถนา ข้าจะช่วยให้ท่านสมหวัง”

“เรื่องนั้นอย่าได้กังวล ข้ามิได้หวังสิ่งตอบแทนใดนอกเสียจากหวังให้คนที่ข้าช่วยนั้นอยู่รอดปลอดภัย”

“ท่านมีจิตใจงดงาม ทว่าบุณคุณย่อมทดแทน ท่านแม่ของข้าสอนเช่นนั้น โปรดบอกความปรารถนาของท่านมาเถิด”

“อืม เช่นนั้น… ข้าขอติดค้างความปรารถนาเอาไว้ก่อนได้หรือไม่?”

“ได้”

“ดี เช่นนั้นเจ้าจะไปดูท่านแม่ของเจ้าหน่อยหรือไม่ ข้าเพิ่งพาแม่ของเจ้าไปแช่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มา แล้วก็เอ่อ… ถือวิสาสะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้นาง…”

“ผะ ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นี่ท่าน…!” จิ้งจอกหนุ่มดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่เดิมทีแล้วจินหมิงอันหวงแหนมารดามาก ยิ่งช่วงนี้รู้ว่านางออกไปยุ่งเกี่ยวกับบุรุษชาวมนุษย์ก็ยิ่งหวงแหน

แม้ว่ามนุษย์จะมีตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกที่ล่อลวงผู้คน หากแต่จินหมิงอันกลับหวาดกลัวว่ามารดาของตนจะถูกผู้คนหลอกมากกว่า!

“ข้าไม่มีทางเลือก นางเปลี่ยนไปทั้งตัวข้ากลัวว่านางจะจับไข้เอาได้ หากนางตื่นขึ้นมาแล้วต้องการเอาผิดข้า ข้าจะน้อมรับแต่โดยดี”

“…เอาเถิด ข้าเข้าใจท่าน เช่นนั้นเชิญพักผ่อนตามสบายจนกว่าท่านแม่ของข้าจะฟื้น” จินหมิงอันเอ่ยจบก็เดินนำบุรุษไปยังตำหนักพันปี

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 36 รักผู้ใดมากกว่า

    บทที่ 36รักผู้ใดมากกว่า“ข้าขอแนะนำตัวอีกครั้ง ข้ามีนามว่าจินหมิงอัน เป็นบุตรชายของพวกท่านในชาติภพหนึ่ง”แม้จะเป็นเรื่องที่รู้อยู่ก่อนแล้ว จากในห้วงแห่งความฝัน หากทว่าก็อดที่จะตกใจมิได้ที่อยู่ดีๆ ก็มีบุตรชายเติบโตอย่างงดงามเช่นนี้แล้ว“ท่านพ่ออาจจะจำข้ามิได้ ทว่าท่านแม่...” ดวงตาของจินหมิงอันนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ท่านจำข้าได้หรือไม่?”“ขออภัย ข้า...”“อ่า เป็นเช่นนั้น...” บุรุษหยักหน้าอย่างเชื่องช้า รู้ดีที่สุดว่านางคงไม่มีทางจำได้ หากแต่ยังคงคาดหวังจินหมิงอันเมื่อครั้นสูญเสียมารดานั้น ก็เป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้น เขายังสูงแค่เพียงอกของมารดาแต่กลับต้องขึ้นเป็นผู้นำดินแดน แบกรับความกดดัน แบกรับความเศร้าเสียใจจากการสูญเสียมารดาอย่างไม่มีวันหวนกลับมา เขาก็แค่...เด็กน้อยผู้หนึ่งที่คิดถึงไออุ่นของมารดาเท่านั้นเองช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาแม้มิได้อยู่ผู้เดียว มีท่านลุงซึ่งเป็นเทพอยู่บ

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 35 ฝันเสมือนจริง

    บทที่ 35ฝันเสมือนจริงฟางเหนียงรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่อยู่ภายในกายของนาง ความแข็งแกร่งของบุรุษเพศที่แทบจะทะลุทะลวงช่วงท้องของนาง ความเจ็บปวดที่ถูกทำลายเยื่อพรหมจรรย์เมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านในฉับพลัน นางเม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง กลัวว่าจะเอื้อนเสียงอันน่าอายออกมาทว่ายิ่งบุรุษเร่งกระหน่ำเอวระรัว ราวกับมิอาจต้านทานมันได้จึงเผลอร้องครางเสียงหวาน นางยกมือขึ้นปิดปากด้วยความอับอาย แต่ก็ถูกจินหมิงเยว่คว้าข้อมือเล็กทั้งสองข้าขึ้นตรึงเหนือหัว พร้อมทั้งถาโถมสะโพกใส่นางไม่ยั้ง ราวกับเรียกร้องให้นางร้องครางออกมาดังๆ“อ๊ะ อ๊ะ ท่านพี่ อึก”“ข้าชอบเสียงของเจ้า ร้องสิ ร้องออกมาดังๆ”“อื้อ อ๊า นะ เหนียงเอ๋อร์ อาย อึก อายเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นข้าจะช่วยมิให้เจ้าร้องออกมาชั่วคราว” เอ่ยจบก็ประกบริมฝีปากดูดกลืนเสียงหวานลงคอไป เพื่อช่วยมิให้นางครวญคราง แม้ว่าบุรุษจะชอบเสียงหวานครางกระเส่าก็ตามเร

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 34 คืนวสันต์

    บทที่ 34คืนวสันต์หลังจากปรับความเข้าใจกันได้แล้ว จินหมิงเยว่ก็เทียวมาเที่ยวเล่นที่จวนสกุลฟางทุกครั้งที่มีเวลา กระทั่งถึงคราวผลัดเปลี่ยนอำนาจ ไท่จื่อได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ งานของจินหมิงเยว่ก็หนักขึ้นกว่าเก่าแต่ก็เป็นเกียรติกับวศ์ตระกูลวันหนึ่งจินหมิงเยว่มาหาฟางเหนียงเฉกเช่นที่ผ่านมา พูดคุยและดื่มน้ำชากับนางไม่ต่างไปจากวันอื่น ทว่าข่าวดีก็คือทั้งสองสกุลตกลงวันแต่งงานของพวกเขาได้แล้วงานแต่งงานของทั้งสองนั้นจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ผู้คนต่างเข้ามาร่วมยินดี เพราะคนทั้งคู่ต่างเป็นที่รักของคนในเมืองยามนั้นเองบุรุษผู้หนึ่งก้าวเข้ามาภายในงานเลี้ยงมงคล บุรุษรูปงามจนน่าตกละลึง งดงามเสียจนราวกับไม่มีอยู่ในโลกใบนี้ ฟางเหนียงเผลอจ้องมองอย่างเสียมารยาท เมื่อเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ก่อนจะสะบัดความคิดนั้นทิ้งไป หากเป็นคนที่นางเคยเจอไม่มีทางที่จะจำมิได้เป็นแน่ ก็รูปร่างหน้าตาโดดเด่นถึงเพียงนี้“อะแฮ่ม!” จินหมิงเยว่กระแอ่มไอ เมื่อเห็นฟางเหนียงจ้องมองบุรุษรู

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 33 ให้โอกาสข้าได้หรือไม่

    บทที่ 33ให้โอกาสข้าได้หรือไม่จวนสกุลจินนี่เป็นครั้งแรกที่จินหมิงเยว่พิถีพิถันในการเลือกชุดที่จะสวมใส่ในวันนี้ กว่าจะออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบก็ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจินหมิงเยว่ก็เตรียมตัวที่จะออกจากจวน หากแต่ทหารในสังกัดของไท่จื่อก็ได้มารายงานบางอย่างให้กับบุรุษ จินหมิงเยว่ขมวดคิ้ว ใบหน้าเคร่งเครียด...เหตุใดต้องเป็นตอนนี้ด้วย!...ท้ายที่สุดบุรุษก็รีบเดินทางไปยังพระราชวัง!ไท่จื่อเรียกจินหมิงเยว่มาอย่างกะทันหัน เนื่องจากได้รับข่าวจากทหารเฝ้ายามว่าพบเจอกับโจรป่าดักซุ่มจากการสอดแนมพบว่าพวกมันเตรียมที่จะบุกเข้าไปในเมืองหลวง ปั่นป่วนงานเทศกาลหยวนซีที่กำลังครึกครื้นไปด้วยอิสตรี อีกทั้งยังวางแผนที่จะลักพาตัวพวกนางได้ ได้ยินเช่นนั้นจินหมิงเยว่ก็มิอาจนิ่งเฉยได้ เพราะผู้ที่อาจจะถูกลักพาตัวอาจจะมีฟางเหนียงรวมอยู่ด้วย ได้แต่หวังว่านางจะไม่รอเขาและไปเที่ยวงานเทศกาลอย่างสนุกสนานจินหมิ

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 32 เฝ้ารอ

    บทที่ 32เฝ้ารอวันต่อมา ณ จวนสกุลฟางงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของฟางเหนียงถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ทว่าฟางเหนียงเป็นสตรีน่าเอ็นดู และมีจิตใจดีและอ่อนโยนกับคนรอบข้างเสมอผู้คนต่างมาร่วมงานเลี้ยงนี้พร้อมกับของขวัญมากมาย นางได้รับความรักมากมายเหลือเกิน กระทั่งจินหมิงเยว่เดินเข้ามาในงานซึ่งส่วนใหญ่มีแต่สหายของฟางเหนียง“เหนียงเหนียง นั่นคือใครน่ะ?”“เขาช่างรูปงามเหลือเกิน”“นั่นมันบุตรชายสกุลจินมิใช่หรือ?”ฟางเหนียงหันไปมองผู้มาใหม่ ก่อนจะละจากทุกคนแล้วเดินไปต้อนรับจินหมิงเยว่ โดยมีสาวใช้ประคองเนื่องจากข้อเท้าของนางยังไม่หายดีสตรีตัวน้อยเตรียมที่จะคำนับบุรุษหากแต่จินหมิงเยว่กลับดึงเก้าอี้มาไว้ที่ด้านหลังของนางแล้วประคองให้นั่งลง พลางเอ่ยเสียงเบาอย่างเอาใจใส่“นั่งเถิด เจ้าบาดเจ็บอยู่ พิธีรีตองอะไรข้าไม่ถือสาหรอก อย่างไรก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว” บุรุ

  • สตรีในปกครองของจิ้งจอกเก้าหาง   บทที่ 31 แรกพบสบตา

    บทที่ 31แรกพบสบตาหลังจากนั้นไห่ไท่หยางก็พานางไปยังพระราชวัง ก่อนที่บุรุษจะเดินหนีหายไป…ระหว่างที่ดำเนินการสำเร็จโทษนางนั้น ฟางเหนียงก็ได้ร่ายอาคมเพียงผู้เดียวเงียบๆ ยามนั้นท้องฟ้าแปรเปลึคล้ายกับจะเกิดพายุลูกใหญ่ ผู้คนต่างคิดว่ามันคือลางร้ายในที่สุดฟางเหนียงก็ร่ายอาคมสำเร็จ ลูกแก้วจิ้งจอกกำลังสูญสลายไปจากกายของนาง ความเจ็บปวดจากพิษงูที่แล่นพล่านอยู่ในร่างกายของนางชัดเจนขึ้นเรื่อย งูยักษ์ที่รู้สึกได้จึงเปิดเผยตัวตนกระโจนเข้าไปหมายจะแย่งลูกแก้วจิ้งจอก แต่ก็ถูกไห่ไท่หยางใช้ธนูอาบยาพิษพิเศษ เพื่อกำจัดปีศาจงูโดยเฉพาะยิ่งเข้าที่กลางหัวงูยักษ์ในร่างมนุษย์กลับคืนร่างเดิมสร้างความตกตะลึงให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไห่ไท่หยางไม่รอช้ารีบเข้าทูลต่อฝ่าบาทและไท่จื่อเกี่ยวกับเรื่องราวในครั้งนี้ที่เขาทำไปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นละครตบตา!!คืนก่อนมีบุคคลปริศนาบุกเข้ามาที่ห้องของไห่ไท่หยาง บุรุษเสียท่าให้มันจนโดนจับตัว ในตอนที่คิดว่าคงหมดหนทางแล้วกลับเจอกับบุ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status