ใครจะไปเชื่อ เรื่องที่เคยคิดเล่นๆ ขำๆ จะเป็นจริง แพรดาวก็คือดาริกา หรือน้องดาว ลูกสาวของคุณฐากรูกับคุณนิตยาที่หายสาปสูญไปเมื่อ18ปีก่อน เธอหายไปเกิน 7 ปี ถูกแจ้งเสียชีวิตไปแล้ว แต่คุณฐากรูและคทาภัทรไม่เคยหยุดตามหา เพียงแค่ปล่อยให้คุณนิตยาคิดว่าลูกสาวคนเล็กตายไปแล้วจริงๆ เพราะคิดไปว่า ‘คิดว่าตายแล้ว อาจจะทำใจง่ายกว่า’ และด้วยปัญหาสุขภาพในตอนนั้น กว่าจะผ่านวันคืนเหล่านั้นจนกลับมามีรอยยิ้มได้ก็หลายปี “แม่...เอ่อ..ไม่สิ...ฉันมีความจำเป็นจริงๆ จะโกรธจะเกลียดหรือจับเข้าคุกก็ได้แต่ขอให้เชื่อที่ทำไปเพราะกลัวว่าคุณหนูดาวจะมีอันตราย” “อันตราย...อันตรายอะไรคะ?” “เรื่องนี้อยู่ระหว่างการสืบหาความจริง น้องดาวไม่ต้องเป็นห่วงนะ” จู่ๆ คุณนิตยาก็โผเข้ากอด แพรดาวตกใจจนตัวแข็ง เธอทำอะไรไม่ถูก เธอหันไปมองหัสดินอย่างขอความช่วยเหลือ ชายหนุ่มเข้าใจสายตาคู่นั้น เขาเดินไปกระซิบกับคทาภัทร อีกฝ่ายหันมาสบตากับเธอก่อนยิ้มอ่อนโยนแล้วจึงเข้ามาประคองมารดาที่ร้องไห้ด้วยความดีใจ “พวกคุณมั่นใจได้ยังไงว่าหนูเป็นลูกสาวของคุณ” เธอไม่อยากจะเช
หัสดินจอดมอเตอร์ไซค์แล้วก็วิ่งเหยาะมาที่ร้านกาแฟที่นัดหมายแพรดาวไว้ หญิงสาวนั่งละเลียดกินน้ำผลไม้ปั่นใบหน้ามีความสุขจนคนเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ “อร่อยมากเลยเหรอ” หัสดินถามแล้วจ้องมองแก้วพลาสติกในมือเรียวเล็ก “ค่ะ” เธอฉีกยิ้มกว้าง “คงเพราะอารมณ์ดีด้วย กินอะไรก็อร่อย” “แล้วขนมของพี่จะสู้ได้ไหมนะ” “ขนมพี่ดินอร่อยที่สุดค่ะ” พูดถึงขนมก็ทำตาโตขึ้นมาเลย สายตามองไปที่ถุงขนมที่เขาถือมา ทว่าแผลที่หลังมือดึงดูดสายตาเธอมากกว่า “พี่ดินไปทำอะไรมาคะ มือมีแผล” “นี่เหรอ” หัสดินดูหลังมือตัวเองแล้วก็ยักไหล่ “จำไม่ได้ น่าจะตอนทำขนมละมั้ง” ‘เป็นรอยช้ำขนาดนี้ ทำไมจำไม่ได้ล่ะ...แล้วตำแหน่งกับรอยแผลนี้คล้ายกับมิสเตอร์ดาร์กมากจริงๆ’ “มีอะไรหรือครับ หรือเป็นห่วงพี่” รอยยิ้มกว้างดูดีใจกับสิ่งที่เธอแสดงออก “ก็...ก็เป็นห่วงนี่ค่ะ” เธอเป็นห่วงเขาจริงๆนั้นแหละ “ทำอะไรไม่รู้จักระวังเลย” “ก็อยากให้มีคนคอยเป็นห่วงคอยเตือนเหมือนกันครับ” รู้อยู่เต็มอกว่าเขาเป็นคนอัธยาศัยดี แต่ใจ
คทาภัทรกำลังอ่านรายงานที่ได้รับมาจากหัสดิน และใช้ความเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเร่งเอาผลตรวจDNAมาได้เร็วกว่าปกติ มือของเขาเย็นเฉียบไปทันที กว่าจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปหลายนาทีจนเขานึกขึ้นได้ กดโทรศัพท์ต่อสายถึงเลขาหน้าห้อง “ช่วยเช็กให้ผมหน่อยว่าคนไข้ห้อง 3003 ออกไปหรือยัง ด่วนนะครับ” “ค่ะ” ปลายนิ้วเคาะบนโต๊ะทำงานด้วยความเคยชิน แต่ในใจร้อนรนจนไม่อาจนั่งติดเก้าอี้ได้ เขาลุกพรวดขึ้นแล้วเดินออกมาทันทีไม่รอให้เลขารายงาน “ท่านประธาน...” “ไม่เป็นไร ผมจะไปดูเอง” เขาก้าวเท้ายาวๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่ง แต่หัวใจของเขาร้อนรนยิ่งกว่า ปกติเขาเป็นคนสุขุมใจเย็นกับทุกเรื่อง ทว่าไม่ใช่เรื่องที่เผชิญอยู่ เมื่อเห็นลิฟต์เปิดก็แทบจะพุ่งเข้าไปทันที นิ้วเรียวกดปุ่มชั้นที่ต้องการ เขาหอบหายใจในลิฟต์ครู่หนึ่งจนต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อของตน พลันนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็ก มือน้อยหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้เขา “พี่..พี่..พัด...พัด..” เด็กหญิงตัวน้อยยังพูดไม่ชัดแต่แววตาสดใสราวกับดวงดาว มือเล็กๆ พยายามเช็ดเหงื่อให้ เ
แม้เห็นเพียงแค่แผ่นหลังแต่แพรดาวก็จำได้ หญิงสาวนอนตะแคงมองแผ่นหลังกว้างของชายในชุดดำที่ยืนอยู่ริมเตียงของมารดา เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่งขยี้ตาไล่ความงัวเงียออกไป คนตัวสูงรับรู้การเคลื่อนไหวจึงหันมามอง “มิสเตอร์...” แพรดาวเรียกได้แค่นั้นเขาก็ยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากเป็นสัญญาบอกให้เงียบๆ เธอพยักหน้าเข้าใจ และเมื่อเขาชี้นิ้วไปทางประตู เธอก็รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร มือเล็กยกขึ้นลูบผมสองสามทีแล้วก้มมองตัวเองก่อนลุกขึ้นเดินตามเขาออกไปที่นอกห้อง “การผ่าตัดเรียบร้อยดี?” เขาถามขณะเดินนำเธอมาที่บริเวณจุดที่จัดไว้ให้ญาตินั่งพักผ่อนได้ “ค่ะ ใช้เวลาห้าชั่วโมง ทุกอย่างราบรื่นดี ตอนนี้ก็รอดูผลตรวจชิ้นเนื้อแล้วก็พักฟื้นหลังการผ่าตัดค่ะ ถ้าฟื้นตัวเร็วไม่มีติดเชื้อหลังการผ่าตัดก็จะได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน” “อืม”ชายหนุ่มในชุดดำเอ่ยรับรู้ในลำคอ ดวงตาดุดันมองเส้นผมที่ยุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่นนอน เขายื่นมือไปลูบอย่างไม่รู้ตัว เส้นผมนุ่มลื่นลูบไม่กี่เข้าที่เข้าทาง ความใกล้ชิดสนิทสนมผสานกับความอ่อนโยนที่ได้รับทำเอาแพรดาวทำตัวไม่ถูก และเหมือนชายหน
เสียงหมัดหนักๆ กระแทกใส่ท้องคนแรงๆ แต่อีกฝ่ายก็ส่งเสียงไม่ได้เพราะมีเศษผ้าอุดปากอยู่ เสียงคนซูดปากเพราะเจ็บแทนแต่ก็ได้แค่ยืนมองเจ้านายกระหนำหมัดและเท้าใส่คนที่สลบไปรอบหนึ่งแล้วแต่ถูกน้ำสาดให้ตื่นมารับหมัดหนักๆอีก “ทำไมวันนี้เจ้านายเราโหดจังวะ” “นั้นสิ ปกติไม่ลงมือเองนะ” “สงสัยอารมณ์ไม่ดี” “ไอ้หมอนั้นซวยเลย” สายตาคมกริบตวัดตามองมาทางลูกน้องสี่คน ที่ยื่นเอามือประสานไว้ด้านหน้าด้วยท่าทีนอบน้อม แต่สายตาดุจคมมีดนั้น ก็ทำให้พวกเขาถึงกับผวาเฮือกจนแทบลืมหายใจกันไปเลยทีเดียว “สงสารมากก็มาให้กูซ้อมนี่” “ไม่สงสารๆครับเจ้านาย” ทั้งสี่ส่ายหน้ารัว “งั้นมาลากมันไป” ดาร์กปรายตามองชายคนหนึ่งที่โดนซ้อมจนแทบมองเค้าหน้าเดิมไม่ออก ทั้งหน้าตาที่บวมปูดและเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผล “อยู่ดีไม่ว่าดี ดันมาซ่าที่ซีเคร็ท คลับ” ลูกน้องคนหนึ่งบ่นพึมพำแล้วเข้าไปลากคนนั้นออกมา ‘ดาร์ก’ ก้มมองมือตัวเองที่เลอะคราบเลือด ลูกน้องที่ยืนใกล้ๆ รีบเอาผ้าเย็นมาให้เขาเช็ดมือ “คราบเลื
หลายวันมานี่ศรีฟ้าหลับๆ ตื่น ไม่ค่อยได้สติเต็มที่นัก ทุกครั้งจะรู้ว่าแพรดาวอยู่ใกล้เสมอ และรู้ว่าตัวเองทำให้ลูกต้องลำบากและพอรู้ว่าอยู่โรงพยาบาลเอกชนก็ยิ่งกังวลมากยิ่งขึ้น “น่าจะย้ายแม่ไปโรงพยาบาลรัฐนะลูก” “ที่นี่ดีแล้วค่ะแม่ ถ้าไปโรงพยาบาลรัฐ แม่ต้องรอคิวรักษานาน” “แต่ค่ารักษา...” “แม่จ๋าไม่ต้องห่วงนะ เจ้านายของหนูแพรจะช่วยออกให้ก่อนแล้วหนูแพรจะทำงานใช้หนี้เอง เอาล่ะๆ แม่จ๋าห้ามดื้อต้องหายเร็วๆ จะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆนะคะ” ศรีฟ้าไม่อยากทำให้ลูกต้องลำบากใจอีกจึงยอมทำตามที่ลูกสาวสั่ง เมื่อครู่ลูกออกไปซื้อของกิน นางก็เลยได้นอนเพียงลำพัง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของลูกขนาดนี้ เสียงประตูเลื่อนเปิดออกเบาๆ แต่เพราะในห้องที่ค่อนข้างเงียบทำให้คนที่นอนอยู่ได้ยินและนึกว่าเป็นลูกสาวกลับมาแล้ว ทว่าเมื่อหันหน้ามามองก็เห็นภาพชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาใกล้ นางเบิกตากว้าง คนตัวสูงเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงคนป่วย เขาขยับแว่นตาเล็กน้อยแล้วพูดน้ำเสียงหนักแน่น “พี่จ๋า...ผมยังเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหม”