~ผู้ใดกันงดงามยิ่งนัก~~คุณหนูตระกูลใดรึนั่น~~งดงามยิ่งนัก ขนาดกู้หลี่เหมยยังงดงามมิสู้นางเลยนะนั่น~“ว่าไงนะ งดงามกว่าข้าเช่นนั้นรึ บุรุษพวกนี้ช่างโง่เง่าเสียจริงเห็นนางงดงามกว่าข้ารึ เป็นแค่แม่ค้าเทียบกับข้า กู้หลี่เหมย ได้รึ เหอะ!”“คุณหนูใจเย็น ๆ นะเจ้าคะเย็นไว้เจ้าค่ะเย็นไว้ องค์ไท่จื่อและเชื้อพระวงศ์อยู่กันเยอะเจ้าค่ะ“ฮึ่ย!”กู้หลี่เหมยได้แต่กระฟัดกระเฟียดไปมาแล้วเดินสะบัดตัวตรงไปหาสหายตนอย่าง กวงซีซี ที่บัดนี้ยืนพูดคุยกับองค์ไท่จื่อไม่หยุด “ถวายพระพรไท่จื่อเพคะ”“ไท่จื่อเพคะ หม่อมฉันยินดียิ่งนักที่พะองค์เสด็จมางานเลี้ยงเล็ก ๆ นี่ของหม่อมฉัน”“ท่านก็ถ่อมตัวเกินไป ตระกูลกวงรับใช้ราชวงศ์มานานล้วนใกล้ชิดกันทั้งนั้น”“เอ่อ เช่นนั้นเชิญประทับด้านในก่อนเจ้าค่ะ ซีซี พาไท่จื่อไปนั่งก่อนเถิด”ผู้เฒ่ากวงเริ่มแผนการจับคู่ให้กับหลานสาว และซีซีนั้นก็หวังไว้เช่นนี้ บุรุษที่ตนหลงรักมานานก็คือไท่จื่อรูปงามทั้งยังปราดเปรื่องผู้นี้“เจ้าค่ะท่านย่า”กู้หลี่เหมยที่มองดูการสนทนาของย่าหลานและองค์ไท่จื่ออยู่นานจึงเดินเข้าไปแทรกและเอ่ยขอพาไท่จื่อไปนั่งพักแทน จะแย่งข้ารึฝันไปเถอะ ถึงจะเป็นสหายกันก็เถ
“โห เจ้าเฟิน เฟิน แต่งตัวเช่นนี้ค่อยดูเป็นสตรีขึ้นมาเสียหน่อย”“ข้าสวยละสิ”“อืมใช่ เฮ้ยไม่ใช่”อู๋ไป๋รีบกลับคำแทบไม่ทันหลังหลงกลชมเจ้าตัวแสบไป แต่วันนี้นางก็ช่างดูผิดแปลกไปจากเดิมจริงนั่นแหละ หุ่นบอบบาง ใบหน้าเรียวเล็กที่บัดนี้ถูกแต้มด้วยชาดสีแดงสด ช่างดูสดใสและน่าค้นหายิ่งนัก ไม่ ไม่ ไม่! อู๋ไป๋เจ้าหยุดคิด ๆ นางไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็น นางคือเจ้าเด็กชอบสร้างเรื่อง ไม่ ไม่ อู๋ไป๋ที่กำลังถกเถียงกับตนเองอยู่ เมื่อได้ยินว่าหมิงอี้มาจึงเงยหน้ามองพลันตะลึงงันไปชัวขณะกับความงามไร้ที่ติของสตรีตรงหน้าที่บัดนี้ดูราวสตรีสูงศักดิ์หรือเชื้อพระวงศ์เสียมากกว่าหญิงสาวธรรมดาทั่วไป“โอ้ นั่นนางฟ้ารึกะไร”อู๋ไป๋ขยี้ตาไปมา พลางตบแก้มทั้งสองข้างตนเองเพื่อเรียกสติ ยิ่งยามเมื่อหมิงอี้ส่งยิ้มมาให้ยิ่งทำเอาเจ้าตัวเผลอไผลไปชั่วขณะ จนเมื่อฝ่ามือเล็ก ๆ ฟาดเข้าที่แก้มอีกครั้งจึงได้สติกลับคืนมา“อู๋ไป๋ ๆ อู๋ไป๋ นี่”เฟิน เฟิน ที่ยกมือโบกไปมาตรงหน้าอู๋ไป๋เพื่อจะเรียกให้เตรียมออกเดินทางกันได้ แต่เรียกเช่นไรเจ้าบ้านี้ก็เอาแต่ส่งยิ้มหยาดเยิ้มมองพี่หมิงอี้ตาหวานเชื่อมแทบน้ำลายยืดเสียแล้ว จึงยกมือเล็ก ๆ ของตนขึ้นฟาดที่แ
“พี่หมิงอี้เฟิน เฟิน ขอโทษนะเจ้าคะ เฟิน เฟิน จะไม่ทำอีกแล้ว”“ข้าด้วยหมิงอี้ ข้าจะไม่ตะกละอีกแล้ว จริง ๆ สาบาน”ทั้งอู๋ไป๋และเฟิน เฟิน เดินเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าหง่อย ๆ พร้อมกับขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่“ช่างเถอะๆ พวกเจ้าปลอดภัยก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว ต่อไปข้าห้ามอันใดหัดฟังเสียบ้างรู้รึไม่”ทั้งสองพยักหน้าหงึก ๆ ไปมา พร้อมเผยรอยยิ้มดีใจออกมาเมื่อหมิงอี้ไม่ได้โกธรพวกตน“เถ้าแก่ ๆ ”“ผู้ใดมากัน”“นั่นหนะสิ”“เสียงหัวหน้าหานนี่”เสียงตะโกนเรียกที่หน้าเรือนทำให้ทั้งสามที่สนทนากันอยู่จำต้องรีบเดินออกมาดู“อ้าว ท่านนั้นเองเป็นเช่นไรบ้าง คนงานอาการดีขึ้นกันแล้วรึไม่”“ดีขึ้นมากแล้วขอรับเถ้าแก่ นี่ขอรับเทียบเชิญงานเลี้ยงตระกูลกวง สาวใช้นำมาฝากข้าไว้เมื่อครู่ขอรับ”“เช่นนั้นรึ ขอบใจเจ้ามากรบกวนแล้วล่ะ”“ไม่เป็นไร ๆ ขอรับเถ้าแก่ สบายมาก เช่นนั้นข้าลาแล้วนะขอรับ จะกลับไปดูร้านต่อหนะ แฮะๆ”หมิงอี้รับเทียบเชิญมาก็รีบเปิดดูด้านในอย่างนึกประหลาดใจเหตุใดนางถึงได้เทียบเชิญนี้กันล่ะ‘งานเลี้ยงบุปผา’“’งานเลี้ยงบุปผารึ ชมดอกไม้รึ ”หมิงอี้เมื่อหยิบเทียบเชิญขึ้นมาอ่านก็หันมาขอความเห็นจากสหายของตน ทั้งย
ปู้ด ปู้ด!“อู๊ย อย่าพึ่ง ๆ ”ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นอู๋ไป๋ก็โดนอาการปวดบิดบริเวณท้องโจมตีอย่างจัง จนเจ้าตัวแทบกลั้นไว้ไม่อยู่ ต้องรีบกุมท้องแล้ววิ่งผานหมิงอี้ไป“เฮ้ย! อู๋ไป๋”ทำไมเหม็นขนาดนี้เนี่ยไปกินอะไรมากัน ไส้เน่าหมดแล้วมั้งเนี่ย! หมิงอี้ยกมือขึ้นบีบจมูกของตน ใช้มืออีกข้างปัดไล่กลิ่นเหม็นที่สหายอ้วนของตนได้ทิ้งไว้“นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย”“หมิงอี้ ข้าวตะ อ้าว เฟิน ฟเน หลับไปเสียแล้ว”อี้เฟินที่กลับเข้ามาพร้อมถ้วยข้าวต้มร้อน ๆ ตั้งใจจะเอามาให้เฟิน เฟินได้กินก็ต้องวางไว้เสียก่อนเมื่อเจ้าตัวนั้นหลับไปเสียแล้ว“ท่านแม่ข้าฝากท่านดูเฟิน เฟิน ไปก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าออกไปดูร้านเสียหน่อย เหมือนเจ้าสองคนนี้จะก่อเรื่องใหญ่เสียแล้วล่ะเจ้าค่ะ”“อ่ะ ได้ ๆ ไปดีม่ดีระวังตัวเจ้าด้วยล่ะ”“เจ้าค่ะ”“หมิงอี้เร่งเดินไปยังลานกว้างอันเป็นที่ตั้งของร้านเทียนฝูของตน”ทันทีที่มาถึงมือบางก็รีบผลักประตูเข้าไปอย่างร้อนรน และยังมิทันได้ก้าวเท้าเข้าไปก็ได้ยินเสียงอาเจียน เสียงร้องโอดโอย เห็นเช่นนั้นจึงไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปดูเหล่าคนงานที่บัดนี้มีอาการเหมือนอาหารเป็นพิษเช่นเดียวกันหมด“นี่พวกเจ้าทำไมเป็นเช่น
“โอ๊ย เจ็บ เจ็บ ปวดเหลือเกิน อุ๊บ!”เสียงร้องโอดโอยของเฟิน เฟิน แต่เช้าเรียกให้หมิงอี้และมารดารีบวิ่งเข้ามาดู ส่วนอู๋ไป๋นั่นกำลังนั่งลูบหลังให้กับเฟิน เฟิน ที่กำลังโก่งคออาเจียนอยู่“เกิดอะไรขึ้นอู๋ไป๋”“-ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน ข้ากำลังจะมาชวนเฟิน ฟเน ออกไปที่ร้านก็เจอนางกุมท้องร้องโอดโอยเสียแล้ว”หมิงอี้เอ่ยถามเฟิน เฟิน ด้วยน้ำเสียงร้อนใจ รึจะอาหารเป็นพิษ อาการเฟิน เฟิน ในตอนนี้เหมือนอาหารเป็นพิษเลยนี่นางไปกินอะไรมากันนะ“อ่ะ เฟิน เฟิน ล้างปากก่อนนะ อ่ะ”อี้เฟิน ยื่นขันน้ำให้สาวน้อยล้างปาก และล้างหน้าล้างตา“เฮ้อ โอย ปวด ๆ”เฟิน เฟิน เงยหน้าขึ้นจากโถไม่นานก็ทรุดตัวลงไปร้องโอดโอยต่อบนเตียง“ใครก็ได้ ลู่อิน ไปตามหมอให้ที เร็วเถิด”หมิงอี้เมื่อเห็นท่าไม่ดีก็ตัดสินใจให้ลู่อินไปตามหมอมาดูอาการเฟิน เฟิน ซึ่งดูจากตอนนี้เหมือนนางจะไม่สู้ดีเสียเท่าไหร่“ขอรับ”“อู๋ไป๋ให้นางดื่มน้ำให้มาก ๆ เฟิน เฟิน โถ่ ดูเหมือนจะมีไข้ด้วยสิ”หมิงอี้ชักมือกลับหลังจากใช้มืออังหน้าผากที่มีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่หน้าผากมนของเฟิน เฟิน“เช่นนั้นข้าจะไปต้มข้าวต้มร้อน ๆ ไว้ให้นาง”อี้เฟินเอ่ยขึ้น เผื่อหมอมาดูอาการแล้
“เด็กน้อยขอแม่ ไหนเล่าสิเจ้ามีเรื่องอันใดในใจกัน หื้ม”หมิงอี้ที่เห็นมารดายกมือมากระชับกุมมือของตนก็กอดนางแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาในตอนนี้ถึงแม้จะพบเจอปัญหาที่ยังนึกไม่ตกแต่ใช่ว่านางสู้คนเดียวเสียเมื่อไหร่กัน ยังคงมีมารดาที่ยังอยู่สินะ ไหนจะคนอื่น ๆ อีก“เรื่องผักของข้าที่จู่ ๆ ก็แปลกไปนะท่านแม่ ข้านึกเช่นไรก็ยังคงนึกไม่ออก ข้าก็มิได้ทำสิ่งใดแปลกไปกว่าเดิมนี่นา อื้ม ตอนนี้ยังนึกไม่ออก ไม่นึกแล้ว ๆ ตอนนี้หิว แฮะ ๆ ท่านแม่ไหน ๆ ท่านก็เผื่อข้าด้วยแล้วกันนะเจ้าคะ”หมิงอี้สะบัดความคิดที่หนักอึ้งทิ้งไป แล้วหันมาพูดออดอ้อนและหยอกเย้ามารดาแทนอี้เฟินได้แต่ส่ายหัวน้อย ๆ อย่างนึกเอ็นดู แล้วหันมาเร่งปรุงอาหารเพื่อให้สาวน้อยตรงหน้าได้ทานอย่างอร่อย เผื่ออาหารรสโอชาที่ตนตั้งใจทำให้นางนี้จะช่วยให้เจ้าตัวนึกแก้ปัญหาออกบ้าง“เช่นไรกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เจ้าต้องกินเยอะๆ ห้ามอดรู้รึไม่ฮึ”อี้เฟินที่กำลังยืดแป้งที่โม่ไว้ก่อนหน้าไปพลาง ปากก็เอ่ยกับหมิงอี้ไปพลาง เมื่อยืดออกเป็นเส้นได้ที่แล้วก็นำบะหมี่ลงลวกในหม้อน้ำซุปที่ต้มไว้จนบัดนี้ได้ยินเสียงเดือดปุด ปุด“เจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ข้าหิวมาก ๆ เลยท่าน
หลังเจรจากับคนจากตระกูลกวงเสร็จไม่นานสหายทั้งสองของตนก็ขอตัวกลับ ส่วนหมิงอี้ก็ได้ให้คนงานยกเอาถั่วงอกและผักบุ้งที่ผิดปกติอย่างละกระบุงเข้ามาไว้ที่เรือนเพาะพันธุ์ที่ตนทำขึ้นไว้อยู่หลังเรือนหลัก คล้อยหลังคนงานหมิงอี้ก็ทรุดตัวลงนั่งหยิบเอาถั่วงอกขึ้นมาหมุนพลิกดูไปมาสมองก็ครุ่นคิดถึงสาเหตุที่ผักของตนผิดปกติเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะนึกเช่นไรก็ยังคงนึกไม่ออก จนกระทั่งในตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านไปเสียหลายชั่วยามจนเธอเองเผลอหลับไปเสียหลายครา ร่างบางที่นั่งเท้าคางกับโต๊ะไม้และเผลองีบหลับในที่สุด ศีรษะสวยโงนเงนไปมาซ้ายทีขวาทีจนเจ้าตัวเกือบหงายหลังลงจึงได้สะดุ้งตัวตื่นขึ้น เปลือกตาสวยกะพริบช้า ๆ งัวเงียเปิดขึ้นเต็มตา ปากบางพลันหาวหวอดๆ ง่วงเสียจนจบต้องสะบัดหน้าไปมา แขนสองข้างยกขึ้นเอนบิดไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบและความง่วงงุน“ฮ่าว เป็นเช่นนี้ไม่ได้ต้องรีบคิดให้ออกไม่งั้นต้องเดือดร้อนเป็นแน่”สมองน้อย ๆ พยามยามค่อย ๆ ไล่เรียงความคิดและเค้นเอาความรู้ที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา“โอ๊ย ปวดหัว ๆ คิดสิ ๆ ทำไมคิดไม่ออกซักทีนะ”ไม่ว่าหมิงอี้จะพยายามนึกเช่นไรก็ยังคงนึกไม่อก จนตอนนี้ด้วยความที่ใช้ความคิดอย่างหนักผสมกับความเ
[ตระกูลกวง]“ซีซี หล่านย่า ปีนี้เจ้าต้องเลือกคู่ได้แล้วนะ ย่ารึก็ไม่รู้จะอยู่ได้ถึงวันนี้วันพรุ่ง เฮ้อ”สตรีผู้เป็นผู้อาวุโสของตระกูลกวงทอดสายตาที่เริ่มพร่ามัวขึ้นทุกวันมองดูหลานสาวคนเดียวของตนอย่างนึกเอ็นดูและรักใคร่“โธ่! ท่านย่า ท่านยังแข็งแรงอยู่เลยอย่าพูดเช่นนี้สิเจ้าคะ”กวงซีซี คุณหนูคนงามของตระกูลกวงลุกขึ้นตรงเข้าไปสวมกอดผู้เป็นย่าอย่างออดอ้อน ใช่ว่าตนจะมิอยากได้บุรุษใดมาเป็นคู่ หากแต่นางรอชายในดวงใจของนางต่างหาก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมิได้สนใจรึให้ความสำคัญกับเทียบเชิญที่ทางตระกูลของตนส่งไปเท่าไหร่นัก ด้วยมิเคยเห็นเขามาร่วมงานเลี้ยงที่จวนตนจัดขึ้นเสียที ครั้นเมื่อตนตามเข้าไปเฝ้าท่านอาหญิงถึงในรั้ววังก็ไร้ซึ่งวี่แววของเขาให้ได้เห็นสองย่าหลานนั่งพูดคุยกันได้ไม่นานสาวใช้ที่ผู้เฒ่าตระกูลกวงนางใช้ให้ไปทำงานสำคัญก็กลับมาถึงจวนพอดี“เป็นเช่นไรบ้างธุระที่ให้เจ้าไปจัดการเรียบร้อยดีรึไม่”ผู้เฒ่านายหญิงใหญ่แห่งตระกูลกวงเอ่ยถามสาวใช้ที่ตนให้ออกไปจัดซื้อผักของร้าน “เทียนฝู” ที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ มีคำเล่าลือขนาดที่ว่าคนในราชวงศ์ถึงกับให้บ่าวรับใช้ออกมาหาซื้อไปทานกันทีเดียว ทั้งตนยังได้ยินม
"ตอนนี้ถั่วงอกและผักบุ้งเราเก็บของวันไหนขายอยู่กันรึ""วะวันที่ 13 ขอรับ"จางหยางปากคอสั่นไม่เคยเห็นเถ้าแกตนจริงจังเช่นนี้มาก่อน พอรอบนี้ได้ยินน้ำเสียงที่เข้มผิดปกติ สีหน้าที่เคร่งเครีดของนางแล้ว ก็นึกหวาดกลัวขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ตนมิได้กระทำสิ่งใดผิด"คือเช่นนี้ ท่านลุงหานข้าตรวจพบว่าถั่วงอกที่ปลูกตั้งแต่วันที่ 15 มีบางอย่างผิดปกติ ท่านไปเอาสมุดบัญชีการเพาะมาให้ข้าที เรามีถั่วงอกที่ลงปลูกวันนี้มากเพียงใด โอ๊ะ! และผักบุ้งด้วย""ขอรับ ๆ "หมิงอี้ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ถั่วงอกที่ปลูกวันดังกล่าวยังไม่ถึงเวลาเก็บขาย เมื่อครู่ตนไล่ตรวจผักมาทีละโอ่งทุกโอ่งล้วนเป็นวันที่ลงเพาะก่อนวันที่ 15 และกลับพบว่าสีและกลิ่นของถั่วงอกของวันนี้นั้นผิดปกติจึงได้เร่งตรวจสอบ ถ้าเช่นนั้นถั่วงอกผิดปกติแล้วผักบุ้งเล่า สองเท้าเร่งไปยังโซนปลูกที่เป็นของผักบุ้งทันที ก่อนที่เท้าจะหยุดกึก! ลง และเรียกสาวน้อยเฟิน เฟิน ให้ไปติดป้ายกักผักที่ลงปลูกในวันที่ 15 เป็นต้นมาไว้ก่อน เฉิงอี้และจางหยางมองหมิงอี้ด้วยความสนใจ ก่อนจะเดินตามร่างบางไปติด ๆ เพื่อดูว่านางจะทำเช่นไรต่อไป เมื่อครู่ฟังจากที่นางเอ่ยกับหัวหน้าหานลู่หมิงแล้วก็อดท