“โอ้ ข้าต้องขออภัยพวกท่านทั้งสองด้วยนะ ข้าก็คิดว่าเสียงสุนัขกัดกัน จึงให้พวกขันทีเอาน้ำมาสาด ไม่คิดว่าจะเป็น....”“หยาบคายยิ่งนัก เจ้าเป็นใครกัน กล้ามาทำกับแขกของฮ่องเต้แบบนี้งั้นหรือ”“ขออภัยจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยไม่ทราบว่าพวกท่านคือใครกัน”“ข้า องค์หญิงเหมยซูนี่ว์แห่งแคว้นเซี่ยหนาน เจ้าเป็นใคร ยศอะไร บอกข้ามา พรุ่งนี้ข้าจะได้แจ้งฝ่าบาท ว่าเจ้าบังอาจมาล่วงเกินข้า”“โอ้ๆๆ องค์หญิง โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย เพียงแต่ ตอนนี้มันยามวิกาลแล้ว และเป็นเวลาที่องค์ไทเฮาจะสวดมนต์ หากพวกท่านยังส่งเสียงรบกวนพระนางล่ะก็ ข้าว่า คืนนี้ พวกท่านอาจจะได้ไปทะเลาะกันต่อในคุกหลวงนะ”“นี่เจ้ากล้าขู่ข้างั้นหรือ”“โอ้ๆๆ ข้าน้อยมิกล้า มิกล้า แต่แค่เตือนพระองค์ ข้ารับคำสั่งมาจากไทเฮา ให้มาดูว่ามีเสียงเอะอะอะไร ถ้างั้น ข้ากลับไปทูลพระองค์ก่อนก็แล้วกัน”“เจ้าหยุดนะ รอก่อน ไม่ต้องไปทูล ข้าหยุดแล้ว นังบ้านนอก ฝากไว้ก่อนเถอะ”“นังคนป่าเถื่อน ไร้มารยาท ไร้การอบรม ครั้งหน้าข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ เจ้าไม่รอดแน่”“ฝันไปเถอะ นังสารเลว”“นี่เจ้า”“เอาล่ะๆ พวกท่านยังไม่หยุดใช่หรือไม่ ข้าจะได้พาพวกท่านไปพบไทเฮาทั้งคู่เลย”""หย
ซีเฟยถึงกับแปลกใจ ท่านอ๋องไม่เคยมีท่าทีแบบนี้กับนางมาก่อน เขาแทบจะไม่เคยใส่ใจความรู้สึกใครเลยด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้ ถึงขั้นยอมง้อนาง แต่นางจะพูดเรื่องนี้ออกไปอย่างไร ในเมื่อมันก็ยังเป็นแค่ความกังวลใจเล็กๆ ของนางเท่านั้น“ไม่มีอะไรเพคะ พระองค์ไม่ไปห้องหนังสือหรือเพคะ”“ไม่ล่ะ วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ไหนๆ เจ้าก็ออกไปเที่ยวกับข้าไม่ได้แล้ว เราก็นอนพักผ่อนอยู่ที่นี่แหละ แต่แค่ช่วงกลางวันนะ คืนนี้ ต้องกลับไปที่ห้องของเราแล้ว”ซีเฟยรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา จริงๆ นางไม่ควรเอาความไม่สบายใจเหล่านี้ มาสาดใส่ผู้ที่ไม่รู้เรื่องอย่างพระสวามีของนาง มันจะทำให้ชีวิตคู่แย่ลงกว่านี้ นางเองก็ไม่ควรทำตัวแบบนี้ ซีเฟยค่อยๆ หันมาหาเขา ซุกหน้าเข้าไปที่หน้าอกอุ่นๆ ของเขา เขากระชับตัวนางเข้ามาชิดมากขึ้น“เพคะ”“นอนเถอะ ข้าจะนอนเป็นเพื่อน ยังปวดท้องอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเพคะ”“พักเถอะ จะได้หายปวด”ชินอ๋องก้มลงจูบหน้าผากนางเบาๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะผล็อยหลับไป ชินอ๋องเองก็รู้สึกเพลียไม่น้อยที่ต้องไปยืนรับแขกตั้งแต่เช้า เขาแทบจะหลับไปก่อนซีเฟยเสียด้วยซ้ำไป ซีเฟยเอง ก็เริ่มดีขึ้น หลังจากได้กินยาเข้าไป และเพราะฤทธิ์ยา จึงทำให้น
เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับจากด้านใน ชินอ๋องจึงถือวิสาสะ ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป และเดินไปหาซีเฟยที่นั่งเขียนบางอย่างอยู่ที่โต๊ะหนังสือของนางเขาค่อยๆ เดินเข้าไป นั่งใกล้ๆ นาง และโอบกอดนางจากด้านหลัง สูดกลิ่นหอมจากกายนาง“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ”“หม่อมฉันกำลังเขียนรายการสั่งซื้อยาชุดใหม่เพคะ เอาไปให้ที่กองทัพ กับค่ายผู้อพยพ”“เหตุใดเจ้าไม่ให้อันเหมยทำล่ะ”“สมุนไพรบางตัวต้องสั่งจากที่อื่น ข้าต้องฝากให้พี่เยว่เทียน ส่งไปสั่งให้ที่แคว้นเยี่ยน ให้สหายของเขาช่วยหาให้เพคะ”เมื่อชินอ๋องได้ยินชื่อเยว่เทียน เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา แต่ก็ยังไม่กล้าว่าอะไร“เจ้าเอารายการยามาให้ข้าก็ได้ ข้าก็มีสหายอยู่ทางเหนืออยู่มาก ข้าให้เขาช่วยจัดหาได้”“ไม่รบกวนพระองค์ดีกว่าเพคะ ข้าให้พี่เยว่เทียน เป็นผู้จัดหาเป็นประจำอยู่แล้ว เขารู้แหล่งเป็นอย่างดีเพคะ”“ทำไมเจ้าถึงติดต่อกับเขาอีกแล้วล่ะ เจ้าก็รู้ว่า …..”ซีเฟยหันหน้ามามองเขา ทำให้เขารีบหุบปาก เพราะสายตานางตอนนี้ ยากที่จะคาดเดาอารมณ์“เฟยเฟย เจ้าเป็นอะไรไป หงุดหงิดอะไรอยู่หรือ ไปเดินเล่นในเมืองกับข้าดีหรือไม่ เจ้าไม่ได้ไปเที่ยวมาสักพักแล้วนี่ ตอนนี้แผลก็หายแล้ว ไข้
วันนี้ในเมืองหลวงคึกคักตั้งแต่เช้า เนื่องจากขบวนเสด็จจากหลากหลายแคว้นที่ต่างเริ่มเดินทางมาถึง รวมถึงแคว้นเซี่ยหนาน ที่ขบวนและคณะเดินทางดูจะยิ่งใหญ่ และสะดุดตากว่าทุกที่ ทั้งชุดเครื่องแต่งกายที่สวมกันมาที่มีสีสันสดใส เครื่องประดับเงินที่ส่งเสี่ยงเวลาเดิน ชายที่สวมแค่เสื้อคลุม และสวมหมวกใบเล็กๆ ประดับบนศีรษะ ในเกี้ยวที่พวกเขาแบกมานั้นมีรูปทรงคล้ายๆ กระโจมฟักทองใบย่อมๆ มีผ้าโปร่งๆ คล้ายผ้าม่านบดบังผู้ที่นั่งอยู่ด้านใน ผู้คนต่างพยายามมองเข้าไปให้เห็นผู้ที่นั่งอยู่ในเกี้ยวว่าจะงดงามเพียงใด เพราะเกี้ยวตกแต่งมาอย่างสวยหรูเมื่อขบวนต่างๆ ผ่านพ้นเขตในเมืองไป ก็จะมุ่งไปสู่ที่เดียวกันคือวังหลวง ที่จะเป็นที่พำนักสำหรับแขกทุกคนที่มาร่วมฉลองงานพระราชพิธีวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ แคว้นเยี่ยนก็เป็นหนึ่งในขบวนนี้ที่เข้าวังมาพร้อมกัน ซีเหมยนั่งอยู่ในเกี้ยว ที่จัดเตรียมไว้เพื่อสตรีโดยเฉพาะ และแต่ละขบวน ต้องลงมารับการต้อนรับจากคณะทูตที่มารอต้อนรับองค์รัชทายาท ชินอ๋อง องค์ชายสี่ และองค์ชายห้า และคณะทูตอีก สามคน มารอรับพระราชอาคันตุกะของฮ่องเต้ คณะทูตจะประกาศแจ้งว่าแขกเหล่านั้นมาจากที่ใด และท่านทูตอ
“เจ้าจะทำอะไรพะชายาของข้า ช่างบังอาจนัก”“ท่านอ๋อง โปรดอภัย ข้าจะพาเขากลับเดี๋ยวนี้ เยว่เทียน ขอโทษซีเฟยกับท่านอ๋องซะ เร็วเข้า”“ไม่ เหตุใดข้าต้องขอโทษเข้า เขาเป็นผู้แย่งนางมาจากข้า”“สือเยว่เทียน!!”“หรือท่านจะปฏิเสธล่ะท่านอ๋อง ท่านรอส่งนางมาที่นี่ก่อน จึงให้คนไปส่งข่าวยกเลิกการหมั้นให้ข้าทราบที่ชายแดน ข้าถึงได้ตามมาช่วยนางไม่ทัน”ชินอ๋องมองหน้าจ้าวอี้เหลียง และสือเยว่เทียนสลับกันไปมา“เป็นถึงชินอ๋อง แต่กลับแย่งคนรักของคนอื่นมาอภิเษกหน้าตาเฉย ท่านไม่ละอายแก่ใจบ้างหรือ”“เพี๊ยะ”จ้าวซีเฟยเดินเข้าไปตบหน้าสือเยว่เทียนฉาดใหญ่“ท่านบังอาจนัก สือเยว่เทียน ข้าบอกท่านไปแล้ว ว่าข้าเต็มใจที่จะแต่งกับท่านอ๋อง ข้าไม่มีทางกลับไปกับท่าน เรื่องการหมั้นระหว่างเรา เป็นพ่อท่านที่จัดการขึ้นมาเอง ข้าไม่ได้รับรู้ด้วย จะยกเลิกก็ไม่แปลก เสด็จอา รบกวนท่าน พาเขากลับไป อย่าให้เขามาวุ่นวายในจวนของข้าอีกเป็นครั้งที่สอง มิเช่นนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจท่านในฐานะแขกของฮ่องเต้”จ้าวอี้เหนียงมองสายตาของซีเฟยก็รับรู้ได้ทันที นางไม่ได้มีท่าทีหรือมีเยื่อใยให้เยว่เทียนเลยสักนิด บัดนี้ นางเป็นพระชายาชินอ๋องแห่งชิงโจวโดย
“อ่อ ท่านอ๋อง นี่คือ สือเยว่เทียน แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเยี่ยนเราเอง เยว่เทียน นี่ชินอ๋อง ถังมู่เหริน พระสวามีของซีเฟย”“ท่านอ๋อง ข้า สือเยว่เทียน”เขาทำความเคารพอย่างลวกๆ ไม่ใส่ใจ แต่สายตาทั้งคู่ที่จ้องกัน ราวกับว่ามีความแค้นกันมาหลายปี ซีเฟยเห็นท่าทางท่านอ๋องแปลกไป จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง“อ้อ เสด็จอา ท่านนี้คือองค์ชายสี่เพคะ องค์ชายสี่ เสด็จอาของหม่อมฉัน จ้าวอี้เหลียงเพคะ”“อ้อ ขออภัยที่ข้าไม่ทันต้อนรับพวกท่าน หวังว่าเสด็จอาของพี่สะใภ้จะอภัยด้วย”องค์ชายสี่รีบเสริมทัพ เพื่อไม่ให้บรรยากาศแย่ไปกว่านี้“นี่ พี่สะใภ้ ข้าหิวแล้ว ท่านทำขนมอะไรหรือไม่ ข้าไปข้างนอกมา ขนมไม่อร่อยเลย นี่ข้ากะมาขอขนมท่านกินก่อนกลับตำหนักเสียหน่อย”“พอดีเลยเพคะ หม่อมฉันนึ่งขนมเอาไว้ พวกท่านไปรอที่ห้องเสวยก่อน เดี๋ยวข้าจะให้เด็กๆ ยกไปให้เพคะ”“เสด็จอา เราไปนั่งรอก่อนเถอะขอรับ ข้าหิวจะแย่แล้ว ท่านช่วยเล่าเรื่องแคว้นเยี่ยนของพวกท่านให้ข้าฟังหน่อย ที่นั่น สาวงามเหมือนพี่สะใภ้ข้าทุกคนหรือไม่ ข้าอยากได้แบบนางสักคน ฮ่าๆ ไปกันขอรับเสด็จอา”“องค์ชายสี่เกรงใจเกินไปแล้ว เรียกข้าท่านอาเฉยๆ ก็พอ ไปกันเถอะ เชิญๆ”จ้าวอีเหลียงค่อนข้