ถังมู่เหรินมองพอแล้ว คืนนั้นทั้งคืน เขาพักอยู่ห้องใกล้ๆ นาง ได้ยินเสียงเอะอะ และทำลายข้าวของเกือบทั้งคืน นางบ่นได้ทุกอย่าง ทั้งมืด เตียงไม่นุ่ม ผ้าห่มไม่มากพอ น้ำไม่ร้อน แม้กระทั่งพื้น นางก็บ่นว่าไม่ปูพรม
“ข้าจะทนแต่งกับคนเช่นนี้ได้เช่นไร เว่ยอี เจ้าว่าข้าควรจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรดี”
เว่ยอีหันมามองเขา และได้ยินเสียงองค์หญิงขว้างแก้วชา หรือไม่ก็กระถางอะไรสักอย่างลงบนพื้นจนแตก เขาไม่รู้จะเห็นใจท่านอ๋องอย่างไรดี จึงส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้เขาแทน
1 สัปดาห์หลังจากนั้น
“เสด็จแม่ ลูกไม่แต่งนะเจ้าคะ ข้าไม่มีทางแต่งไปเป็นเครื่องบรรณาการแบบนั้น ท่านต้องช่วยข้านะเพคะ”
"ลูกรัก แต่เสด็จพ่อจัดแจงเรื่องนี้ไว้แล้ว แม่…
“เสด็จแม่ เหตุใดไม่ส่งท่านพี่ซีเฟยไปล่ะเจ้าคะ นางก็เป็นองค์หญิงเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นองค์หญิงของฮองเฮาองค์ก่อน แต่ก็เป็นองค์หญิง ส่งนางไปแทนลูกนะเพคะ เสด็จแม่ ลูกไม่ไปนะเจ้าคะ แต่งกับอ๋องใจเหี้ยมที่วันๆ เอาแต่ทำสงคราม เสด็จแม่ ท่านทนเห็นลูกลำบากได้งั้นหรือเพคะ”
“แต่การแต่งไปเป็นพระชายาแคว้นชิงโจว ถือเป็นเกียรติสูงสุดนะลูก เจ้า ไม่อยากได้งั้นหรือ”
“หากลูกต้องแต่งไปเป็นพระชายากับปิศาจสงครามนั่น ลูกไม่ไปเจ้าค่ะ ลูกอยู่กับเสด็จแม่ที่นี่ดีกว่า อีกอย่าง ลูกยังเด็กอยู่นะเพคะ เสด็จแม่ ท่านพี่ซีเฟยอายุมากกว่าลูก นางสมควรออกเรือนไปได้แล้วนะเพคะ”
“ปัญหาคือนางมีสัญญาหมั้นหมายกับสือเยว่เทียนไว้แล้วน่ะสิ”
“ท่านพ่อแค่ยกเลิก และแต่งตั้งนางไปก็หมดเรื่องเพคะ เสด็จแม่ แค่สัญญา เทียบกับราชโองการระหว่างแคว้นไม่ได้”
“ข้าจะลองคุยกับเสด็จพ่อเจ้าดู แม่เองก็ไม่อยากให้เจ้าแต่งไปเท่าไหร่หรอก”
“ข้ารักเสด็จแม่ที่สุดเลยเพคะ
ตำหนักองค์หญิงซีเฟย
"ทำไมข้าต้องแต่งเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับเขา เพียงเพื่อระงับสงครามงั้นหรือ เขาที่เรียกว่าปิศาจไร้หัวใจคนนั้น"
“แต่ฝ่าบาทมีพระราชโองการมาแล้วนะเพคะ องค์หญิง เห็นทีเรื่องนี้ คงยากที่จะเลี่ยงเพคะ”
จ้าวเฟยซี องค์หญิงแห่งแคว้นเยี่ยน นางเป็นพระธิดาระหว่างฮองเฮาองค์ก่อน และฮ่องเต้จ้าวอี้ฝาน
“ชะตากรรมข้า ไม่เคยได้กำหนดเองตั้งแต่เกิดอยู่แล้วนี่ หึ ก็ดี ที่นั่น อาจจะดีกว่าวังหลวงที่เหน็บหนาวนี้ก็เป็นได้”
ราชโองการ
“ให้ชินอ๋อง องค์ชายถังมู่เหริน กลับเมืองหลวง เพื่อรอเข้าพิธีอภิเษก”
"มีราชโองการ ให้องค์หญิง จ้าวซีเฟย อภิเษกสมรสกับชินอ๋อง องค์ชายถังมู่เหรินแห่งแคว้นชิงโจว กำหนดส่งตัวเจ้าสาว อีก 9 วันหลังจากนี้
""รับราชโองการ""
“ถังมู่เหริน”
“จ้าวซีเฟย”
""รับราชโองการพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""
แคว้นชิงโจว : ส่งตัวเจ้าสาว
ขบวนส่งตัวเจ้าสาวที่ยิ่งใหญ่ กำลังผ่านในเมือง เข้าสู่พิธีการในวังหลวงของแคว้นชิงโจว ชาวบ้านต่างตื่นตากับขบวนเจ้าสาวนี้มาก ตั้งแต่ขบวนเกี้ยวที่สวยงามดูแปลกตา
เกี้ยวแปดเหลี่ยมมีผ้าคลุมสีแดงประดับด้วยมุกและเพชรพลอยหลากสีรอบๆ ตัวเกี้ยว และระหว่างที่เกี้ยวผ่าน จะมีการโปรยกลีบดอกไม้ พร้อมกับทับทิมสีแดงไปตลอดทาง เพื่อเสริมศิริมงคล เหล่าชาวบ้านต่างมารอเก็บอัญมณีทับทิมตามขบวนเจ้าสาว
“เสด็จอา อีกนานมั้ยเพคะ กว่าจะถึงวังหลวง”
“ข้างหน้านี่แล้วล่ะ เจ้า รู้สึกไม่สบายหรือซีเฟย”
“เปล่าเพคะ เพียงแค่ถามดูเฉยๆ”
“ไม่ต้องห่วงนะ อาจะอยู่จนส่งเจ้าเข้าจวนอ๋อง ถึงจะกลับแคว้น หากเจ้ามีอะไรขาดตกบกพร่อง อาจะจัดการสรรหาให้ ก่อนที่จะกลับ”
จ้าวอี้เหลียง เสด็จอาที่จ้าวซีเฟยให้ความเคารพรักมากที่สุด เพราะเขาดูแลนาง หลังจากที่นางสูญเสียมารดา คือฮองเฮาอวิ๋นเฟยอี้ไปเมื่อ 10 ปีก่อนเพราะโรคระบาด
หลังจากนั้น จ้าวซีเฟยทุ่มเทกำลังทั้งหมดของนาง เรียนรู้วิชาการแพทย์ สมุนไพร และการใช้พิษ นางมีเข็มเงินพิษเป็นอาวุธ ฉู่อันเหมย คนสนิทของนาง เก่งวรยุทธ และเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ช่วยนางในการปรุงยาได้ และอาเหยา สาวใช้ที่โตมาด้วยกัน พวกนางสามคนอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และในครั้งนี้ ก็ติดตามมาอยู่กับนางด้วย
“ขบวนเจ้าสาวเข้าวังหลวง เปิดประตู”
เสียงทหารองครักษ์ ตะโกนเพื่อให้เปิดประตู ทับทิมชุดสุดท้ายถูกโปรยออกไปหน้าประตูวัง และประตูก็ค่อยๆ ปิดลง ขบวนถึงลานหน้าพระที่นั่งแล้ว เกี้ยวหยุด และถูกวางลง
บนลานพระราชพิธีนั้น มีผู้คนมากมายที่รอรับอยู่ ถังมู่เหริน สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงสด ทอด้วยผ้าไหมและทองคำบริสุทธิ์ ประดับลวดลายอย่างวิจิตร ผมที่ถูกรวบขึ้นไปด้านบนจนหมดรัดด้วยรัดเกล้าสีทอง ประดับด้วยทองและไพลินสีน้ำเงินสลับแดง ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา ส่งให้ใบหน้าเขาดูอิ่มเอิบและดูรูปงาม น่าเกรงขามยิ่งนัก
ถังมู่เหรินเดินลงมาจากลานพิธี เพื่อมารับเจ้าสาวที่เกี้ยว เขาค่อยๆ เปิดเกี้ยว นางยื่นมือออกมา เขาจับมือนางเอาไว้ มือนางช่างนิ่มและละผิวละเอียดดีจัง เขาประคองนางลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง วันนี้นางช่างเก็บอารมณ์ได้ดีนัก คงเตรียมการมาดีสินะ หึ เขายิ้มเหยียดๆ ไปที่เจ้าสาวตรงหน้าเขา ก่อนที่จะพานางเดินขึ้นไปยังท้องพระโรงด้านหน้า เพื่อทำพิธีคำนับฟ้าดิน
…… ส่งตัวเข้าหอ ……..
เจ้าสาวถูกนำตัวไปส่งที่ห้องหอ ที่จวนอ๋อง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวังหลวง ถังมู่เหรินขี่ม้านำขบวนเกี้ยวเพื่อพาเจ้าสาวกลับจวนอ๋อง ภายในจวนอ๋อง มีการประดับตกแต่งด้วยโคมและผ้ามงคลสีแดงทั้งจวนเพื่อต้อนรับพระชายาชินอ๋อง
แม่สื่อนำเจ้าสาวเข้ามาที่ห้องหอ นางนั่งรออยู่ตรงนั้น ก่อนที่ชินอ๋องจะเดินเข้ามา เขาแปลกใจที่เครื่องเรือนในห้องยังอยู่ดี โดยที่ไม่ถูกนางโยนทิ้ง และนางที่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตา เวลาแค่ไม่กี่วันที่เขาได้เจอนาง หลังจากนั้น นางไปฝึกมารยาทแบบเร่งด่วนมางั้นหรือ เหตุใดจึงนิ่งได้ขนาดนี้
“องค์หญิง ข้ายังไม่ชินกับการที่มีผู้อื่นอยู่ด้วย ช่วงระหว่างนี้…… เอ่อ…..”
“ท่านอ๋องเชิญพูดได้เลยเพคะ หม่อมฉันจะไม่ขัด”
"ข้าจะแยกห้องกับเจ้า"
"ข้าดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นเพคะ"
"งั้นก็ตกลงตามนี้ เราสองคน ต่างคน ต่างอยู่"
"ย่อมได้ รับพระบัญชาเพคะ"
นี่นางเป็นอะไร เหตุใดถึงนิ่งได้จนถึงตอนนี้ ทำไมเขารู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด นางถามคำ ตอบคำ หรือว่าเป็นเพราะความหยิ่งยโสของนาง จึงเป็นเช่นนี้ เขาสะบัดแขนและเดินออกไป กลับพบว่าแม่สื่อยืนรออยู่นอกห้อง
“ท่านอ๋อง ท่านต้องดื่มเหล้ามงคล และเปิดหน้าเจ้าสาวก่อน คืนนี้ พระองค์ไม่ควรออกจากห้องนี้นะเพคะ และในตอนเช้า จะมีพิธีตรวจผ้าปูที่นอนด้วยเพคะ”
ชินอ๋องปิดประตูใส่แม่สื่อ เขาไม่อยากอยู่ในห้องนี้อีกแม้แต่นาทีเดียว แต่ในเมื่อเป็นพิธีการ จึงขัดไม่ได้ เขายกสุรามงคลไปนั่งข้างๆ นาง
“องค์หญิง ดูเหมือนว่าคืนนี้ เราคงต้องถูกขังอยู่ด้วยกันที่นี่ มา ดื่มเหล้ามงคล”
พวกเขาดื่มเหล้ามงคลเสร็จและวางถ้วยลง
“ดูเหมือนว่า ข้าต้องเปิดหน้าเจ้าด้วย ขออภัยด้วยนะองค์หญิง ล่วงเกินแล้ว”
ถังมู่เหรินเดินไปหยิบไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว เขาค่อยๆ เปิดผ้าแดงคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้น ……………………..
“เจ้ากล้าดีอย่างไร นี่เป็นยาที่รักษาไข้หวัดของท่านอ๋อง เจ้าเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน มาถึงจวนข้า ด่าคนของข้า ตบคนของข้า แล้วยังกล้าทำลายข้าวของ เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่”“จวนของเจ้าอย่างนั้นหรือ นังบ้านนอก ป่าเถื่อน นี่เจ้าจะทำอะไรข้า เจ้ากล้าตบข้า อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆนะ”“เพี๊ยะ”ซีเฟยตบชิงอี้เหนียงไปอีกทีเพื่อเตือนสตินาง และหยิบเศษแก้วที่หล่นพื้น ซึ่งยังมียาอยู่ด้านใน นางจับปากชิงอี้เหนียง บีบออก และเทยาที่เหลือกรอกเข้าปากนางอย่างรวดเร็วจนนางดิ้น แต่ไม่มีใครกล้าพอที่จะเข้าไปห้าม“แหวะ แค่กๆ เจ้า นังแพศยา เจ้าเอายาที่ตกพื้นแล้ว ให้ข้ากินอย่างนั้นหรือ นังสารเลว”“เมื่อกี้ เจ้าบอกว่า เจ้าอยากพิสูจน์ว่ายานี่มีพิษหรือไม่ ไม่ใช่หรือ ข้าก็แค่ ช่วยป้อนยาให้เจ้า เพื่อเป็นการพิสูจน์อย่างไรล่ะ ว่าเจ้ากินแล้ว จะตายหรือไม่”“สารเลว ข้าจะ..”“เจ้าจะทำไม เจ้ามองหน้าข้าไว้นะ รอบนี้แค่ยาที่ตกพื้น ยังดีที่ไม่ใช่เศษแก้วในมือข้า เจ้าภาวนาเอาไว้เถอะ อย่าได้คิดจะมีเรื่องกับข้า เพราะข้า ไม่ใช่ตุ๊กตาแสนดีที่จะอยู่เฉยๆ ให้เจ้ารังแกได้ ถ้าเจ้าอยากลองดู ข้าก็ไม่ขัดข้อง”“นี่เจ้า เจ้า”“เสียงเอะ
“คำพูดนี้ ใช้กับคนได้หรือไม่”ซีเฟยหันมามองหน้าเขา สายตาจริงใจพร้อมกับยิ้มให้“ได้สิเพคะ คนเราทุกคน ล้วนมีคุณค่าในตัวเองทั้งนั้น ไม่มีใครมาลดคุณค่าในตัวเราได้หรอกเพคะ”ไม่มีใครเคยพูดกับเขาเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่เล็กจนโต เขาโตมาพร้อมกับการแย่งชิง และบอกว่า ผู้แพ้ ย่อมเป็นคนที่ไร้ค่า ผู้ชนะเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้ แม้แต่ตัวเขาเอง ก็รู้สึกว่าต้องแย่งชิงเท่านั้น จึงจะเป็นผู้ชนะ และการสูญเสียชิงอี้เหนียงในครั้งนั้น เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าแพ้ และไร้ค่า ไม่เคยมีใครบอกเขาว่าทุกคนเกิดมาล้วนมีคุณค่าในแบบของตน นางช่างแตกต่างจากผู้คนที่เขารู้จัก และคุ้นเคยในสังคมของวังหลวงเหลือเกิน“เจ้า คิดแบบนี้จริงๆ น่ะหรือ เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่า ผู้ชนะเท่านั้น ที่สมควรถูกยกย่อง”“แล้วท่านว่า ผู้ชนะของท่าน คือการชนะอะไรล่ะเพคะ แล้วคนผู้นั้น สามารถเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ได้หรือเพคะ”“ได้สิ เหตุใดจะไม่ได้ล่ะ ก็ในเมื่อ…”“ถ้าอย่างนั้น พระองค์ห้ามมิให้ตัวเองป่วยได้หรือไม่เพคะ”“ไม่ได้”“ห้ามไม่ให้อายุเพิ่มมากขึ้น หรือแก่ชราได้หรือไม่เพคะ”“นั่นก็ ไม่ได้เช่นกัน”“สุดท้าย พระองค์สามารถเอาชนะความตายหรือไม่เพคะ”
ที่นางบอกท่านอ๋องว่านางเลือกที่จะเป็นว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทแล้ว หลังจากที่ท่านอ๋องออกศึกไป เพราะนางต้องการคนที่อยู่กับนาง มีเวลาดูแลนางอย่างใกล้ชิด นางให้เหตุผลว่า ท่านอ๋องต้องออกศึกอยู่เนืองๆ ไม่ค่อยได้กลับเมืองหลวง นางไม่มีโอกาสได้เจอท่านอ๋องบ่อยเท่าไหร่ และท่านอ๋องไม่สามารถดูแลนางได้ หากอภิเษกกับท่านอ๋อง นางอาจจะต้องอยู่แต่ในจวน เฝ้าตำหนักอ๋องอย่างเดียวดาย ดังนั้น นางถึงเลือกองค์รัชทายาท ซึ่งวันนั้น ท่านอ๋องพึ่งกลับมาจากการปราบกบฏที่เมืองหยาง และท่านอ๋องได้ซื้อเครื่องประดับเป็นชุดปิ่นทองพร้อมกำไรทองประดับไพลินสีน้ำเงินกลับมาเพื่อจะมอบให้นางเป็นของหมั้นหลังจากที่ถูกนางปฏิเสธไป เขาเอาเครื่องประดับที่ซื้อมา ทำลายทิ้งทั้งหมด อีก 5 วันถัดมา เขาทูลขอฮ่องเต้ เพื่อย้ายไปประจำการชายแดนทางเหนือ ซึ่งติดกับแคว้นเยี่ยนนั่นเอง……มาวันนี้ที่นางมา กลับมาให้เหตุผลว่าเป็นความเห็นชอบของผู้ใหญ่ นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าขำเสียจริง ไม่แปลกใจที่ท่านอ๋องจะตอบกลับอย่างไร้ไมตรี“เว่ยอี จะเอาของพวกนั้นไปที่ใดหรือ”“ทูลพระชายา ท่านอ๋องสั่งให้ทำลายทิ้งพ่ะย่ะค่ะ”ซีเฟยรู้สึกแปลกใจ ข้าวของพวกนี้ ล้วนแต่เป็
“นางได้แจ้งธุระหรือไม่”“คุณหนูชิงบอกเพียงว่า แวะมาเยี่ยมพ่ะย่ะค่ะ”ถังมู่เหรินมองหน้าพระชายา จึงได้บอกเว่ยอี“เจ้าไปบอกนางว่าเดี๋ยวข้าไปพบที่ห้องรับแขก”“พ่ะย่ะค่ะ”“พระชายา รอก่อน”“ท่านอ๋อง มีอะไรเพคะ”“เจ้า ไปรับแขกกับข้า”“แต่ข้า ไม่ได้รู้จักกับนางนะเพคะ”“น้องสี่เจ้าก็ไม่เคยรู้จัก เหตุใดต้อนรับได้ล่ะ”“ก็ได้เพคะ”ซีเฟยพอจะทราบ ชิงอี้เหนียง คืออดีตคนรักของเขา นางเองก็ไม่อยากพบเจอ เพื่อไม่อยากมีปัญหาทีหลัง แต่ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ตามมารยาทก็ควรต้องไปห้องรับแขก จวนอ๋องเมื่อชินอ๋องและซีเฟยเดินเข้ามา ก็พบกับแขกที่มาเยือน นั่งจิบชาอยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นชินอ๋องเดินเข้าห้องมา นางก็รีบลุกขึ้นคำนับท่านอ๋อง“ชิงอี้เหนียง คารวะท่านอ๋องเพคะ”“เชิญคุณหนูชิงตามสบาย”“พี่มู่เหริน เหตุใดจึงทำตัวห่างเหินกับข้าแบบนี้เพคะ”นางไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้ามาใกล้และเอื้อมมือมาจับเขาด้วย ซีเฟยจึงได้เห็นนางชัดๆ นางเป็นสตรีที่งดงามมาก ชุดแดงที่นางสวมใส่มาวันนี้ปักทอด้วยผ้าอย่างดี ดูด้วยสายตาปราดเดียวก็รู้ว่านางต้องอยู่ในตระกูลที่ไม่ธรรมดาแน่นอน แต่การกระทำที่ไม่สำรวมกิริยาแบบนี้ ซีเฟยเองก็พึ่งจะเคยเห็น ช
ถังมู่เหรินอุ้มจ้าวซีเฟยเข้ามาในห้องพักสำรอง คืนนี้พวกเขาต้องนอนที่นี่ด้วยกัน เขาค่อยๆ วางนางลงอย่างเบามือเพราะกลัวว่านางจะตกใจตื่น แต่ก็คงเพราะซีเฟยอ่อนเพลีย และต้องใช้เวลาในการปรุงยาครึ่งค่อนคืน ทำให้นางหลับสนิทโดยไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดมู่เหรินมองหน้านางตอนนอนหลับสนิท ขนตานางงอนงามเป็นระเบียบ ใบหน้าที่หมดจด ไร้เครื่องประทินโฉม ผิวช่างละเอียดน่าสัมผัส ปากบางๆ นี่ เขาเคยได้ลิ้มลองเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยลืมรสชาตินั้น นางช่างอ่อนหวาน น่าหลงใหล“คงเหนื่อยสินะ พระชายา”มู่เหรินก้มลงจูบหน้าผากนาง ก่อนที่จะจัดให้นางนอนดีๆ เขาถือโอกาสนี้ นอนข้างๆ นาง และดึงผ้าห่มขึ้นมาเพื่อห่มให้พวกเขา ซีเฟยนอนนิ่ง เขานอนตะแคงมองนางอยู่นาน ก่อนที่เขาจะนอนหลับสนิทไป…..วันรุ่งขึ้น…..อาจเพราะเมื่อคืน อากาศหนาวเย็น ตอนนี้ ซีเฟยนอนซบอยู่กับอกของชินอ๋องโดยที่นางไม่รู้ตัว ถังมู่เหรินนั้น ตื่นนางแล้ว แต่เขารู้สึกว่าไม่อยากขยับตัว เพราะเขาชอบที่นางนอนท่านี้ เขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก นางเริ่มขยับตัว เขาจึงแกล้งหลับต่อ ซีเฟยลืมตาขึ้น นางหันมาตกใจเล็กน้อย นี่นางกำลัง นอนกอดเขาอยู่ แล้วเขา มานอนกับนางได้อย่าง
“พระองค์ทรงหมายถึง องค์รัชทายาท”“ใช่ เพียงแต่ข้าแค่ไม่เข้าใจว่า เหตุใด เขาถึงอยากเร่งเอาชีวิตข้ามากนัก ก่อนหน้านี้ เขาไม่ทำแผนที่ต่ำทรามแบบนี้ ตั้งแต่เราแต่งงานกัน ก็มีเรื่องแบบนี้มาเรื่อยๆ ข้า ไม่เข้าใจ”“พระองค์คิดว่า มีคนอื่นร่วมทำการครั้งนี้ด้วย”“ข้าก็เริ่มนึกไม่ออกแล้ว หากต้องการชีวิตข้า ก็เพียงแค่วางยาข้าก็จบ แต่เหตุใดต้องทำร้ายเจ้าด้วย นี่คือสิ่งที่ทำให้ข้าไม่มั่นใจจุดประสงค์ของเขา”“แย่แล้ว การที่ข้าทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่าแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียแล้ว”“ข้ากลับคิดกลับกันนะ ว่าให้เขารับรู้ไปเลยว่าเรารู้แผนชั่วนี่ เขาจะได้เปิดเผยตัวเสียที จะได้ไม่ลอบกัดอีก"“แล้วห้องที่ถูกวางยาพิษล่ะ ต้องทำอะไรบ้าง”“เรื่องนี้ไม่ยากเพคะ ที่ให้ปิดไว้ เพราะพิษจะได้ไม่ระเหยออกมาภายนอก มาจากกำยาน ก็แก้ด้วยกำยาน คืนนี้หม่อมฉันจะทำยาถอนพิษ และให้เอาไปจุดวันพรุ่งนี้ ก็ไม่มีปัญหาแล้วเพคะ”“แต่ว่าตอนนี้มันดึกแล้วนะ เจ้าพึ่งจะฟื้นจากพิษขึ้นมา”“ไม่เป็นไรเพคะ ใช้เวลาแค่ไม่นาน สมุนไพรและของที่ต้องใช้มีอยู่แล้ว อันเหมยก็พร้อมแล้ว เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปห้องยา เพื่อปรุงยาเพื่อแก้พิษให้ในห้องเพคะ พระองค์ พักผ่อนไปก่อนน