ถังมู่เหรินเปิดผ้าแดงออกจนหมด และต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เขาใจเต้นแรง สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขา ผิวขาวละเอียด ขนตายาวงอน จมูกเล็กๆ แต่ได้รูป ปากกระจับน่าสัมผัสนั่น ทำให้เขาลอบกลืนน้ำลายเบาๆ ตาโตดำขลับ ตัดกับผิวขาวนวลของนาง ช่างสวยเหลือเกิน สายตาที่แน่วแน่ มั่นคงนั่นทำให้เขาหวั่นไหว
(นี่ ไม่ใช่นางคนที่ข้าพบครั้งก่อน ข้าแต่งกับใครกันแน่ นางไม่ได้สวย ดูสง่างาม และดูสงบนิ่งแบบนี้ หรือข้าจะแต่งพระชายามาผิดคน หรือว่าเป็นข้าเองที่เข้าใจผิด)
(ไหนบอกว่าเขาเป็นราชาปิศาจไร้หัวใจไง แต่ทำไม เป็นบุรุษหนุ่มหน้าตาคมคาย รูปงามเช่นนี้ล่ะ หรือว่าข่าวที่ได้ยินมาจะผิด เขาดูเป็นหนุ่มเจ้าสำอาง มากกว่าจะเป็นคนที่โหดเหี้ยมนั่นได้)
(""นี่มันอะไรกัน"") ถังมู่เหริน , จ้าวซีเฟย
ทั้งคู่มองตากันสักพัก และรีบเบี่ยงตัว หลบสายตากันอย่างรวดเร็ว ชินอ๋องเดินมานั่งโต๊ะ ซีเฟยหันข้างไปที่หัวเตียง นางรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงผิดปกติ ตอนที่เขาเปิดผ้าคลุมหน้าขึ้นมา
นางไม่ได้คาดหวัง ว่าเขาจะเป็นคนหนุ่มรูปงามขนาดนี้ เพราะชื่อเสียงของเขาที่นางได้ยินมาคือ ราชาปิศาจแห่งสมรภูมิรบ โหดเหี้ยม และไร้หัวใจ นางแทบจะควบคุมหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะนี้ไม่ถูก นางควรจะทำเช่นไรดี เจ้าหัวใจไม่รักดีนี่มันก็ไม่ยอมหยุดเต้นแรงเสียที เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก
“เอ่อ องค์หญิง เจ้า ข้า เอ่อ…..”
“ข้า จ้าวซีเฟยเพคะ เรียกข้าว่าซีเฟยก็ได้เพคะท่านอ๋อง”
“ซีเฟย อืม ข้าถังมู่เหริน ต่อไปก็เรียกข้าว่า มู่เหรินก็แล้วกัน”
“มิบังอาจเพคะ ท่านอ๋อง ข้าเรียกท่านว่าท่านอ๋องก็แล้วกันเพคะ”
“ตามใจเจ้า”
เขารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยกับท่าทีหยิ่งยโสของนาง แม้ว่าจะไม่ใช่สตรีไร้มารยาทนางนั้น แต่ความยโสนี่ ไม่ต่างกันเท่าใดนัก พรุ่งนี้เขาคงต้องถามเสด็จอาของนาง จ้าวอี้เหลียงเสียหน่อย
เหตุใดในห้องนี้จึงร้อนขนาดนี้ เขาเริ่มถอดเสื้อคลุมออก
“ท่านอ๋อง นี่ท่านจะทำสิ่งใด”
เขาหันไปมองนาง ซึ่งตอนนี้เหงื่อนางก็ออกท่วมตัวเช่นกัน
“ข้าร้อนมาก ข้าเพียงจะถอดชุดออกเท่านั้น ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดล่วงเกินเจ้า…. หรอก”
เขามองนาง สายตาเริ่มพล่าเลือน นี่เขาเป็นอะไรไป
“แย่แล้ว ขอข้าดูหน่อย”
ซีเฟยรีบเดินลงมา จับชีพจรเขาดู เอามือจับหน้าผาก ชินอ๋องลืมตัว ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยาหรืออะไร เขาหันไปประกบปากนาง และเริ่มจูบนาง ซีเฟยตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาผลักนางไปที่เตียง เขาเริ่มใช้ลิ้นล้วงเข้าไปชิมความหวานนั้น โดยที่ซีเฟยเองก็ไม่มีแรงที่จะต้านทานเขา
นางเริ่มจูบตอบเขาอย่างท้าทาย หวานจัง ปากยังหวานขนาดนี้ เขาอยากจะกินนางทั้งตัวเลย เขาเริ่มกระชากเสื้อของนางออก ซีเฟยไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้เขากระชากเสื้อของนางออก เหลือเพียงเสื้อชั้นในที่โชว์หน้าอกเกือบเปลือยของนาง เขาเลื่อนลงมาที่ซอกคอของนาง นางค่อยๆ หยิบบางอย่างออกมา และ
“ฉึก” นางใช้เข็มกดไปที่ศีรษะเขา เขาล้มพับลงกับอกที่เกือบจะเปลือยของนาง ซีเฟยผลักเขาลงบนเตียง และเดินมาที่โต๊ะ นางหยิบเข็มเงินขึ้นมาตรวจดูที่จอกสุรามงคลที่พวกเขาดื่มกันไปเมื่อครู่
“มีพิษจริงๆ”
นางหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อและรีบกินเข้าไปหนึ่งเม็ด นางเดินไปที่เขา ซึ่งตอนนี้หมดสติอยู่ นางดึงเข็มเงินที่สกัดพิษให้เขาออกมา
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเพคะ ตื่นเพคะ”
ถังมู่เหรินนอนนิ่งสนิท ปากเริ่มเขียวคล้ำขึ้นมา
“แย่แล้ว เข็มพิษสกัดไม่อยู่ ช่วยไม่ได้”
ซีเฟยหยิบยาแก้พิษใส่ปาก และนางทำการป้อนยาให้เข้ากลืนลงไป นางค่อยๆ เป่ายาลงคอเขาช้าๆ จนเขากลืนลงไป นางรีบผละออกมาจากตัวเขา มีคนลอบวางยาฆ่าพวกเขา แต่ใครกัน เรื่องนี้ หากรีบประกาศออกไปคงแย่แน่ คนร้ายจะรู้ตัว ทางที่ดีเงียบไว้ก่อน รอดูท่าที นางอยากรู้ว่าใครกันที่ต้องการฆ่านางตั้งแต่มาถึงแคว้นชิงโจวนี้
ซีเฟยยกตัวชินอ๋องขึ้นนอนบนเตียง ตอนนี้ คงต้องพักเพื่อให้กำลังฟื้นฟูโดยเร็ว นางเดินไปถอดเครื่องประดับ และมองกระจก ตรงหน้าอกที่มีรอยแดงที่เขาฝากไว้เมื่อครู่อยู่ นางลูบๆ ดู
“ไม่มีพิษ”
นางถอดชุด และหาที่นอนพัก ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ไหนๆ ก็แต่งกันแล้ว นอนเตียงเดียวกัน ไม่ให้คนสงสัยก็ดี นางเข้าไปนอนด้านใน และดึงผ้าห่ม ห่มให้เขา นางเองก็ถูกพิษ ต้องรีบนอนพักเช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น
ชินอ๋องขยับเปลือกตา และลืมตาขึ้น เขารู้สึกหนักแขนหน่อยๆ แต่ขยับไม่ได้ เขาค่อยๆ หันไปดูว่าอะไรทับเขาอยู่ เขาหันไป พบกับซีเฟย ที่นอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขากะพริบตาถี่ๆ นี่เขาไม่ได้ฝันไป เมื่อคืนนี้ เขา จูบนาง และนางก็ไม่ได้ต่อต้านเขา เขาเป็นคนกระชากเสื้อนางออกเอง และ เขาก็จำไม่ได้อีกเลย ยิ่งมองหน้านางตอนหลับ เขายิ่งรู้สึกใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขานึกอยากจะลองชิมริมฝีปากที่หวานละมุนนั่นอีกครั้ง
ซีเฟยเริ่มขยับตัว เขาแกล้งทำเป็นหลับ และฉวยโอกาสใช้อีกมือหนึ่งกอดนางไว้ เขารู้สึกวูบวาบแปลกๆ ที่หัวใจ เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจ หรืออยากผลักนางออก แต่กลับรู้สึกอยากมองนางให้นานกว่านี้อีกหน่อย ให้นางได้พักผ่อน ไม่อยากกวนนาง แต่เมื่อคืน เขาบอกว่าจะแยกห้องนอนกับนางนี่นา
“ผีตัวไหนเจาะปากเจ้าให้พูดกันนะ”
เขาคิดแค้นตัวเองในใจ ซีเฟยค่อยลืมตาตื่นขึ้นมา หันมาเจอเขา นางรีบลุกขึ้น มู่เหรินค่อยๆ มองนาง
“ท่านอ๋อง พระองค์ตื่นนานแล้วเหรอเพคะ”
มู่เหรินค่อยๆ ลุกตามนางขึ้นมา
“อืม เมื่อคืน ข้า…..”
จ้าวซือเฟยดึงมือเขามา มู่เหรินตกใจเล็กน้อย และนางก็ใช้เข็ม เจาะที่ปลายนิ้วชี้ของเขา
“โอ๊ย นี่เจ้า ทำอะไรน่ะ”
“ไม่อยากตายก็อยู่เฉยๆ”
เลือดสีดำค่อยๆ ไหลออกจากนิ้วมือของเขา นางค่อยๆ เจาะทีละนิ้ว จนเลือดเปลี่ยนเป็นสีแดง นางจึงหยุด
“พิษออกจากตัวท่านหมดแล้ว ทานกินยานี่ซะ จะได้บำรุงภายใน”
“เจ้าหมายความว่า”
“ใช่ พวกเราถูกวางยาพิษ เป็นพิษปลุกกำหนัดอย่างแรงอีกตัวคือพิษตัดใจ ทำให้ตายหากหัวใจเต้นแรงมากเกินไป”
ซีเฟยบอกเขา พร้อมกับเจาะนิ้วตัวเอง ชินอ๋องเห็นนางและรีบจับมือนางไว้
“อย่า เจ้าจะทำอะไร”
“เอาพิษออก ข้าก็โดนเหมือนกัน ท่านถอยไปก่อน”
นางค่อยๆ เจาะเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เขามองดูนางที่กำลังขับเลือดพิษออกมา นางก็เหมือนเขา เลือดสีดำค่อยๆ ออกมาจนเปลี่ยนเป็นสีแดง นางหยดเลือดที่เหลือ ลงบนผ้าปูที่นอน มู่เหรินมองนางด้วยความแปลกใจ
“นี่เจ้า จะทำอะไรอีกล่ะ”
“เมื่อคืนข้าได้ยินว่า จะมีการตรวจผ้าปูที่นอนด้วย ว่าข้ากับท่านเข้าหอกันจริงหรือไม่”
สตรีผู้นี้ไม่ธรรมดา นางรู้จักการแก้พิษ การใช้ยา และยังฉลาดอีกด้วย เขาลุกขึ้น สวมชุดลำลอง
“ข้าจะให้คนจัดห้องให้เจ้า เจ้าต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือไม่”
“ข้าอยากได้ห้องเพิ่มอีก 2 ห้อง ให้เป็นห้องเก็บของ และปรุงยา และข้าต้องการลานโล่งๆ และชั้นวางของ เพื่อตากพวกสมุนไพรด้วยเพคะ”
“ได้ ข้าจะให้คนจัดหาให้”
“ขอบพระทัยเพคะ”
“ระหว่างนี้ เจ้าก็ ใช้ห้องนี้ไปก่อน ข้าจะไปพักที่ห้องหนังสือเอง”
“เพคะ”
“ออ เดี๋ยวพวกเราต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ เจ้ารีบไปเตรียมตัวเถอะ”
“เพคะ”
หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องต้องห้ามนั่นแล้ว องค์รัชทายาทจึงได้คิดเปลี่ยนแผนทันที เขารู้อยู่แล้วว่าพวกเซี่ยหนานมากเล่ห์กล แต่ไม่คิดว่าจะกล้าทำกับเขา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นราชบุตรเขย เขากลับเข้าห้อง และให้องครักษ์ส่วนตัวเข้ามาพบและปิดประตูอย่างแน่นหนาก่อนจะหารือกันในนั้นเกือบครึ่งชั่วยาม“พวกเจ้าแยกกันทำงาน อย่าให้ใครจับได้ล่ะ”“พ่ะย่ะค่ะ”“พวกเจ้าคิดไม่ซื่อก่อน จะหาว่าข้าโหดเหี้ยมไม่ได้นะ”พยัคฆ์น้อยอย่างเขาก็ใช่ว่าจะน้อยเล่ห์เสียเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะกลศึกหรือกลยุทธ์ในการจัดการคน เขาก็มิได้ด้อยไปกว่าชินอ๋อง หรือพี่น้องคนใดในชิงโจว เพียงแต่เขา ชอบวางแผนและให้ผู้อื่น ออกไปรบแทนเขาก็เท่านั้นเอง เขาไม่ได้ชอบจับดาบสู้รบเหมือนชินอ๋อง ที่ขึ้นชื่อว่าปิศาจสงคราม เพราะหน้าที่ของเขาคือกุนซือ แต่หากจำเป็น ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีฝีมือ สายตาเหี้ยมเกรียม มองไปยังพระตำหนักหรูหราสีขาวตรงหน้า ยอดพระตำหนักยังมีธงชัยของเซี่ยหนานโบกสะบัดอย่างท้าทายในความรู้สึกเขา“อีกไม่นาน ข้าจะเปลี่ยนธงนั่น เป็นธงของชิงโจวของข้า”3 วันถัดมาราชบุตรเขยถูกเชิญให้ร่วมประชุมเช้าของเซี่ยหนานด้วย เนื้อหาสาระในที่ประชุมก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไป
“ข้าต้องรอการยืนยันก่อน ตราบใดคนของเรายังไปไม่ถึงชายแดน พวกเขาจะยังปลอดภัย กองกำลังที่มีอยู่ตรงนั้นเพียงพอแค่ต้านทัพเล็กของเซี่ยหนานเท่านั้น หากเขายกทัพใหญ่เข้าชายแดนมา เราอาจจะต้านไม่ไหว”“หากเป็นเช่นนั้นจริง เท่ากับว่าเซี่ยหนานหลอกให้พี่ใหญ่เข้าไปติดกับ และให้เขาเป็นตัวประกันเพื่อจะยึดอำนาจชิงโจว”“ข้าจึงเร่งมารือกับท่านอ๋องเรื่องนี้ ต้องเร่งป้องกัน ไม่ให้เขานำทัพข้ามฝั่ง และเข้ามาถึงเมืองหลวงได้ ไม่เช่นนั้น ความสูญเสีย อาจจะมากจนคาดไม่ถึง”“หากจะปะทะ ต้องป้องกันไม่ให้เขาข้ามที่ชายแดนมาได้ ต้องกันไม่ให้เขายกทัพมาถึงเมืองหลวง”การวางแผนตั้งทัพก่อนกำหนดจึงเริ่มขึ้น แต่ด้วยความเชี่ยวชาญการวางกลยุทธการศึกของชินอ๋อง เรื่องนี้ทำให้อาจารย์อารู้สึกเลื่อมใสในตัวชินอ๋องมากขึ้น พวกเขาปรึกษาการศึกนี้อยู่นานกว่าสามชั่วยาม เมื่อซีเฟยยกน้ำชาและอาหารรอบดึกมาให้พวกเขา “เฟยเฟย เจ้ามาพอดี มานั่งนี่สิ ข้ากับท่านอา มีเรื่องจะหารือกับเจ้าด้วย”“เพคะ พวกเจ้าเอาของไปเก็บเถิด ข้าจะกลับพร้อมท่านอ๋อง”“เพคะ”อันเหมยและอาเหยาเก็บชุดอาหารชุดเดิมออกไป ก่อนที่พวกนางจะกลับไปพักผ่อน ตามคำสั่งของพระชายา พวกเขาอยู่ใ
เขาจูบนางอย่างหนักหน่วงราวกับเป็นการลงโทษ ซีเฟยเองก็รู้ตัวว่ามีความผิด นางยอมรับโทษแต่โดยดี หากขัดขืน เกรงว่าคืนนี้อาจจะไม่มีชีวิตรอดออกไปจากรังหมาป่านี้แน่นอน“อ๊าา ท่านพี่ ท่าน เบาลงหน่อย อ๊าา”เขาเลื่อนลงมาโลมเลียหน้าอกทั้งสองของนาง สลับกับเคล้าคลึงเล่นอย่างหิวกระหาย รุนแรงกว่าทุกครั้ง นางทำได้เพียงกอดเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะผลักนางเบาๆ ให้ลงไปนอนแผ่บนเตียง“เฟยเฟย เจ้าทำให้ข้าโกรธ”ซีเฟยมองหน้าเขาอย่างสำนึกผิดเล็กน้อย นางเอื้อมสองมือไปจับแก้มเขาเบาๆ“ไหนพระองค์บอกว่าจะไม่หึงพี่เยว่เทียนแล้วอย่างไรเล่าเพคะ เหตุใดถึงยัง อ๊ะ..”เขาดึงนิ้วนางไปกัดเล่นและดูดเป็นจังหวะจนนางรู้สึกเสียววาบแปลกๆ“ข้าไม่หึงเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ควรมาทดสอบความอดทนของข้า เข้าใจหรือไม่”กระต่ายน้อยทำหน้าสำนึกผิดต่อหมาป่าผู้หิวโหย มีหรือว่าเขาจะฟังเหตุผล ในเมื่อเขาหาเรื่องจะกินกระต่ายตัวนี้อยู่แล้ว..“หม่อมฉันรู้ผิดแล้วเพคะ พระองค์อย่ารุนแรงนักเลยเพคะ ชุดผ้าต่วนนั่นราคาสูงนักนะเพคะ หม่อมฉันอุตส่าห์ อ๊าาา มู่เหริน อ๊าา อึ๊ยยยย”นางไม่อาจจะต้านทานอารมณ์หึงหวงของเขาได้เลย สามีของนางไม่เคยยอมให้นางพูดถึงบุรุษใดนานเกินไป เ
เมื่อผ่านงานอภิเษกมาแล้ว องค์รัชทายาททูลขอฝ่าบาทเดินทางไปยังแคว้นเซี่ยหนาน เพื่อแสดงความเคารพต่อ เหมยต้าจื่อหลง ฮ่องเต้ของแคว้นเซี่ยหนานในฐานะราชบุตรเขย ครั้งนี้เป็นหน้าที่ของจวิ้นอ๋อง หรือองค์ชายสี่นำส่งเสด็จพร้อมกับแม่ทัพซู่อีอี ซึ่งก่อนออกเดินทางพระสนมหลินมาแจ้งข่าวดีกับทั้งคู่ว่า ฝ่าบาทจะออกราชโองการเรื่องงานสมรสของพวกเขา หลังจากที่ไปส่งองค์รัชทายาทกลับมา สร้างความดีใจให้กับองค์ชายสี่ยิ่งนัก“อีอี เจ้าได้ยินหรือไม่ เสด็จแม่บอกว่าเสด็จพ่อจะออกราชโองการสมรสให้เราแล้ว ลูกขอบพระทัยเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะที่ทรงช่วยเรื่องนี้”“ขอบพระทัยพระสนมเพคะ”“อีอี เจ้าเรียกผิดแล้วล่ะ เจ้าต้องเรียกว่า เสด็จแม่ถึงจะถูก”“แต่ข้ายัง……”“อีอี เจ้าฝึกเรียกไว้ก็ไม่เสียหลายหรอกนะ เข้ามานี่สิ”พระสนมหลินเรียกนางเข้าไปหาอย่างรู้สึกเอ็นดู อีอีเป็นเด็กสาวที่นางเห็นมาตั้งแต่เด็ก วันนี้นางโตพอที่จะออกเรือนแล้ว และยังแต่งให้ลูกชายของนางอีกด้วย เท่ากับว่านางไม่ได้เสียใครไป พระสนมหลินยื่นกำไรหยกสีเขียวอ่อนในกล่องไม้หรูหราส่งให้นาง“พระสนมเพคะ นี่คือ..”“ของหมั้น ข้าให้เจ้า รับเอาไว้นะเด็กดี ของหมั้นอื่นๆ ข้าจะจัดการตาม
“องค์หญิง นี่เจ้า….”“หากท่านยอมตกลง ตราแม่ทัพสองอันนี้ จะเป็นของท่าน”องค์รัชทายาทมองป้ายทองในมือของนาง นั่นคือป้ายสั่งการกองทัพของเซี่ยหนาน มีอันเล็กกับอันใหญ่“หรือว่าท่าน ยังอาลัยอาวรณ์น้องชายต่างมารดาอยู่อย่างนั้นหรือ องค์ชาย คิดการใหญ่อย่าได้มีสัมพันธ์กับผู้ใดให้มากนัก แม้แต่พี่น้อง ท่านก็ต้องยอมเสียสละ เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ว่าอย่างไร”องค์รัชทายาทมีสีหน้าลังเลอยู่เล็กน้อย นี่เขายังมีจิตใจห้วงหนึ่งที่ยังห่วงพี่น้องอยู่ เขาไม่เคยคิดจะทำร้ายพี่น้อง หากไม่จำเป็น เขาคิดเพียงแค่ข่มขู่ให้เสด็จพ่อสละราชบัลลังก์ และยึดอำนาจทางการทหารของชินอ๋องเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะฆ่าเขา ถึงจะส่งคนไปฆ่าชินอ๋อง แต่ก็ไม่ได้อยากลงมือเอง“เหตุใดต้องฆ่าเขา เจ้าต้องการแค่ชีวิตของพระชายามิใช่หรือ เจ้าไม่ได้รักเขาหรอกหรือ”“รัก หึ ข้าน่ะหรือ ถึงข้าจะรัก แล้วเช่นไรล่ะ ตอนนี้ข้าเป็นพระชายาของท่าน เป็นว่าที่ฮองเฮาในอนาคตอันใกล้ แล้วข้าจะเก็บเขาไว้ทำไม ในเมื่อเขาไม่เคยคิดมีใจให้กับข้าเลย ท่านอย่าลืมสิ ว่าใครเป็นผู้ที่ทำให้ท่านอับอาย อย่าลืมว่าใคร เป็นคนบีบให้ท่าน แต่งงานกับสตรีเช่นข้า ทั้งๆ ที่เขารู้อยู่แล้ว ว่าข้
วันนี้ในวังหลวงคึกคักมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่ประตูเข้าวังหลวง ยาวมาถึงลานพระราชพิธี ทั่วทั้งพระตำหนักบูรพา และท้องพระโรง ต่างประดับและตกแต่งด้วยดอกไม้และโคมมงคลสีแดง ทั่วทั้งวังหลวง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวันพิธีมงคลสมรสขององค์รัชทายาทและองค์หญิงแคว้นเซี่ยหนานรถม้าของชินอ๋องค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่วังหลวง แม้แต่รถม้าของเหล่าบรรดาแขกทั้งเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนาง ต่างก็ประดับประดาด้วยผ้ามงคลสีแดงทุกๆ คัน ซีเฟยเห็นลานพระราชพิธีที่ปูผ้าแดงนี้ แล้วนึกย้อนไปถึงวันที่นางมาถึงที่นี่เป็นวันแรก วันนั้นทั้งรู้สึกตื่นเต้น หวาดกลัว เหงาและโดดเดี่ยว และไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองแต่วันนี้ ที่นางได้เข้ามาที่นี่อีกครั้ง พร้อมกับมือคู่นี้ ที่จับนางและเดินเข้าท้องพระโรงไปพร้อมกัน กลับอบอุ่นยิ่งนัก เขาคือคนรักของนาง เป็นทั้งพระสวามี ครอบครัว และชีวิตที่เหลือของนาง วันนี้นางไม่โดดเดี่ยวอีกและ เมื่อหันไปมองหน้าเขา และเขาก็ส่งยิ้มบางๆ มาให้นาง“เฟยเฟย เจ้าคิดอะไรอยู่งั้นหรือ กำลังคิดเรื่องเดียวกันกับข้าหรือไม่”“พระองค์คิดเรื่องใดเล่าเพคะ”“ข้าคิดถึงวันที่มารับตัวเจ้าที่นี่ วันแรกที่เราได้พบกัน นึกแล้ว เวลาช่างเ