"หม่อมฉันถังมู่เหริน…
"หม่อมฉันจ้าวซีเฟย…
""ถวายบังคมเสด็จพ่อ เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""
“ตามสบายเถิด ชินอ๋อง เจ้าพาพระชายาไปนั่งเถอะ”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
เขาจูงมือนางเดินไปนั่งที่ประทับสำหรับพวกเขา ที่จัดให้แล้ว สำหรับพิธีคารวะช่วงเช้า
“เป็นอย่างไรบ้าง องค์หญิงซีเฟย เจ้าเดินทางมาไกล คงจะเหน็ดเหนื่อย ช่วงนี้ เจ้าก็พักผ่อนให้มากๆ นะ”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันสบายดีเพคะ ที่นี่อากาศดี จึงทำให้หม่อมฉันรู้สึกผ่อนคลาย ท่านอ๋องดูแลหม่อมฉันเป็นอย่างดีเพคะ”
“ดีๆๆ อ้าว รัชทายาท มาสิ มานั่งเร็วเข้า”
“หม่อมฉันถังมู่เจิน คารวะเสด็จพ่อ เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
“นั่งเถอะๆ อย่ามากพิธี
“อ้าว น้องรอง เจ้าพึ่งแต่งงาน ทำไมถึงรีบมาคารวะเสด็จพ่อนักล่ะ”
“เสด็จพี่ ถึงหม่อมฉันพึ่งจะแต่งงานก็จริง แต่ไม่ลืมธรรมเนียมปฏิบัติพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทส่งสายตาท้าทายและยิ้มหลี่ตาให้เขาน้อยๆ
“อย่างนั้นเอง มา เสด็จพ่อ ลูกขอให้ท่านอายุยืนหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ”
ซีเฟยสังเกตสีหน้าและความผิดปกติบางอย่าง นางรินชา และวางลงข้างตัว ใช้เข็มลองจิ้มดู ชินอ๋องเหลือบไปเห็น เข็มเปลี่ยนสีทันที “มีพิษ” เขาเบิกตากว้าง ใครกันที่อยากจะกำจัดเขาแบบนี้ หากไม่ใช่ พี่ชายที่แสนดีที่อยู่ตรงหน้านี้ เกรงว่ายาพิษในห้องหอของเขา ก็คงไม่พ้นฝีมือเขาเช่นกัน
“น้องรอง เจ้าเป็นอะไรไป ไม่ดื่มถวายพระพรเสด็จพ่อหรอกหรือ”
เขาส่งยิ้มท้าทายน้อยๆ มาให้ จ้าวซีเฟยรินน้ำชาให้มู่เหริน พร้อมเขี่ยบางอย่างจากเล็บของนาง ลงในถ้วยชา หันไปสบตาเขา และนางก็พยักหน้าให้เขา
“ลูกขอให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่ อยู่เป็นมิ่งขวัญให้กับไพร่ฟ้าราษฎร ตราบนานเท่านาน”
“บ้านเมืองร่มเย็น ราษฎรเป็นสุข ปราศจากโรคภัย ถวายพระพรให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่มีพลานามัยที่แข็งแรงหมื่นปีเพคะ”
“ดี ดีมากๆ เยี่ยมจริงๆ ดื่ม”
พวกเขาดื่มชาถ้วยนั้นเข้าไป ทำตัวเป็นปกติ มู่เหรินประคองซีเฟยให้นั่งลง นางเหลือบไปมองหน้าองค์รัชทายาท ซึ่งยังคงนิ่งเฉยอยู่ เมื่อนั่งไปสักพัก องค์รัชทายาทจึงเริ่มดูวิตกกังวล เหมือนบางอย่างไม่เป็นไปตามแผน เขาจึงทูลลาฝ่าบาท และพวกเขาทั้งหมดก็ออกมาจากพระตำหนัก
“เจ้า ทำอะไรกับชานั่น”
“ข้าแค่ใส่ยาถอนพิษลงไป”
“เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าชานั่นมีพิษ”
“ข้าชินกับการวางยาพิษมาตั้งแต่เด็ก ข้าย่อมต้องระวังตัว แค่คิดไม่ถึงว่าหนีมาถึงที่นี่ ก็ไม่พ้นเรื่องพวกนี้”
นางโดนวางยาพิษมาตั้งแต่เด็กอย่างนั้นหรือ เกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่นะ เหตุใดจึงมีชะตากรรมเช่นนี้ เขาจะลองสืบดู
“ข้ามีธุระนอกเมือง เจ้ากลับเข้าจวนก่อนเถอะ ขาดเหลืออะไรก็บอก เสี่ยวหลงไว้ เขาจะแจ้งให้ข้าทราบเอง”
“ขอบพระทัย หม่อมฉันขอตัว”
จวนรับรองแขก
“ถวายบังคมเสด็จอา”
“ท่านอ๋อง ตามสบายเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ท่านพักที่นี่ ขาดเหลืออะไรบ้างหรือไม่ ข้าจะได้ให้คนจัดเพิ่มให้พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง เพียงแต่วันนี้ ท่านมาหาข้า เพราะเรื่องของซีเฟยสินะ”
“ข้าเลี้ยงนางมาตั้งแต่ฮองเฮาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์เพราะโรคระบาด ตั้งแต่นั้น นางเลยสนใจศึกษาวิชาแพทย์ นางมีอาจารย์แพทย์แผนโบราณที่สอนนางอยู่ นางมักจะขลุกตัวอยู่ที่นั่นทั้งวัน ทั้งคืน ว่าแต่ ท่านอ๋อง ท่านอยากจะทราบเรื่องใดหรือ”
“เพราะเหตุนี้ นางจึงอยากรักษาคน และรักษาชีวิตตัวเองใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เฮ้อ พูดไปก็เป็นพวกข้าที่ผิด ไม่สามารถปกป้องนางได้ นางได้รับพิษมามากจริงๆ ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน นางมีความระแวง และขี้อิจฉามากเกินไป นางพยายามทุกทางเพื่อไม่ให้ซีเฟย เหนือกว่าซีเหมย นิสัยของนางจึงค่อนข้างแปลก ไม่ไว้ใจใคร ไม่เชื่อใจใคร ขนาดข้าเป็นอาของนาง ยังไม่สามารถอ่านใจนางได้เลย การที่นางยอมตกลงแต่งงานมาที่นี่ นับเป็นอีกเรื่องที่ข้ารู้สึกแปลกใจ ข้าเลยมาส่งนางด้วยตัวเอง”
“ข้าเข้าใจว่าผู้ที่จะอภิเษกมา คือองค์หญิงซีเหมย”
“ก่อนหน้านั้นก็เป็นเช่นนั้น แต่แม่ของนางไม่อาจทนจะห่างจากบุตรสาวได้ นางยังเด็กมากนัก และอุปนิสัยของนาง อะแฮ่ม น่าจะ ไม่เข้ากับท่านสักเท่าใด ฮองเฮาเลยขอร้องฝ่าบาท ให้เปลี่ยนเป็นซีเฟยแทน เพราะไม่อยากให้สองแคว้นทำสงครามกัน ท่านพี่ข้าจึงจัดงานอภิเษกนี้ขึ้น เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ ซีเฟย ย่อมเหมาะสมกว่าซีเหมย”
เขาควรจะขอบคุณสวรรค์ ที่ไม่ส่งสตรีไร้มารยาทนั่นมาอภิเษกกับเขา แต่อย่างไร พวกนางก็ต่างล้วนแต่งมาเพื่อเป็นบรรณาการให้แคว้นที่ยิ่งใหญ่อย่างชิงโจวเท่านั้น นางแค่หนีจากที่นั่น มาพึ่งพาที่นี่
“ขอบคุณเสด็จอาที่บอกเรื่องนี้กับข้า ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนท่าน ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
จวนชินอ๋อง
ถังมู่เหริน หรือชินอ๋อง เดินเข้ามาในตำหนัก เขากำลังจะเดินไปที่ห้องหนังสือ เขาหยุดมองจ้าวซีเฟย ซึ่งตอนนี้อยู่ที่สวนหน้าตำหนัก นางและสาวใช้อีกสองคน และเสี่ยวหลง กำลังช่วยกันพรวนดิน เพื่อปลูกบางอย่างลงดิน นางมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว นางปรับตัวเข้ากับทุกคนในจวนได้เป็นอย่างดี นางดีกับบ่าวไพร่และสาวใช้ทุกคน มีน้ำใจ และมักจะทำของอร่อยๆ ให้พวกนั้นกินเสมอ
“นั่นนางกำลังทำอะไร”
“กระหม่อมคิดว่า น่าจะปลูกสมุนไพรพ่ะย่ะค่ะ เมื่อเช้า เห็นว่าพระชายาให้สาวใช้นำมาวางที่สวน ท่านอ๋อง จะเสด็จไปดูหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่ธุระของข้า ไปเถอะ ข้ามีงานอื่นต้องทำ”
มู่เหรินเดินออกจากบริเวณนั้น ซีเฟยมองเห็นเขาไกลๆ นางยืนมองเขาที่เดินจากไป เขากลับมาแล้วหรือ
ห้องหนังสือจวนอ๋อง
“ท่านอ๋อง ข้านำของว่างมาให้เพคะ”
ซีเฟยนำขนม และชาวางให้เขา นางนั่งลงและรินน้ำชาส่งให้เขา
“วางลงเถอะ เดี๋ยวข้ากินเอง”
นางวางถ้วยชาลง
“ขนมนี่ ข้าเข้าครัวทำเอง ท่านลองชิมดูนะเพคะ”
“อืม ข้ายุ่งอยู่ พระชายามีธุระอะไรก็ไปทำเถอะ”
ซีเฟยหุบยิ้มน้อยๆ นางถอยออกมา
“เพคะ งั้นข้าไม่รบกวน”
ซีเฟยเดินออกมา นางทำอะไรผิดงั้นหรือ เขาจึงได้ปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ นางมาอยู่นี่เกือบสองเดือนแล้ว แต่เขาก็ยังเย็นชากับนางอยู่เสมอ จริงอยู่ที่การอภิเษกนี่ เกิดจากการเชื่อมความสัมพันธ์สองแคว้น แต่นางคิดว่าที่นี่ น่าจะดีกว่าที่ที่นางจากมา
เอาเถอะ พึ่งวันแรกๆ คงยังไม่ทันปรับตัว เพราะพวกผู้คนในจวนอ๋องนี้ ล้วนแต่ดีกับนางทั้งสิ้น ทั้งแม่นมหยง สาวใช้ทุกคนต่างก็เป็นมิตร และให้ความสนใจพวกนางทั้งสิ้น ชีวิตในจวนนี้ ก็คงไม่แย่มากหรอก ซีเฟยคิดในใจ นางพลันคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนเข้าหอ ที่เขาจูบนาง นี่นางคงโลภมากไปสินะ ที่หวังให้เขาทำดีกับนางเพียงนิด หึ น่าขำจริงๆ
ถังมู่เหรินมองชาและขนมที่นางทำมาวางให้เขา ขนมนี่ช่างดูน่ากิน คนทำคงพิถีพิถันอย่างดีในการทำ เขายกชาขึ้นมาจิบ เขารีบรินเพิ่ม และดื่มรวดเดียวหมด ชานี่ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นยิ่งนัก เขาดื่มจนเกือบหมด และหยิบขนมขึ้นมาพร้อมกับอ่านตำราพิชัยยุทธไปด้วย ขนมนี่อร่อยมาก เข้าปากแล้วละลายทันที และยังส่งกลิ่นหอมยั่วยวนนัก
สักพักเดียว ทั้งชาและขนมก็หมด เขาเรียกเว่ยอีเข้ามา ให้ไปเอามาเพิ่ม เว่ยอีเดินไปที่โรงครัว เพื่อจัดขนมอีกชุดไปให้ท่านอ๋อง เขารินชาเพื่อดื่ม แต่รสชาไม่เหมือนเดิม
“เว่ยอี เหตุใดชาในกานี้ ถึงได้รสชาตไม่เหมือนเดิมล่ะ”
“เจ้ากล้าดีอย่างไร นี่เป็นยาที่รักษาไข้หวัดของท่านอ๋อง เจ้าเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน มาถึงจวนข้า ด่าคนของข้า ตบคนของข้า แล้วยังกล้าทำลายข้าวของ เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่”“จวนของเจ้าอย่างนั้นหรือ นังบ้านนอก ป่าเถื่อน นี่เจ้าจะทำอะไรข้า เจ้ากล้าตบข้า อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆนะ”“เพี๊ยะ”ซีเฟยตบชิงอี้เหนียงไปอีกทีเพื่อเตือนสตินาง และหยิบเศษแก้วที่หล่นพื้น ซึ่งยังมียาอยู่ด้านใน นางจับปากชิงอี้เหนียง บีบออก และเทยาที่เหลือกรอกเข้าปากนางอย่างรวดเร็วจนนางดิ้น แต่ไม่มีใครกล้าพอที่จะเข้าไปห้าม“แหวะ แค่กๆ เจ้า นังแพศยา เจ้าเอายาที่ตกพื้นแล้ว ให้ข้ากินอย่างนั้นหรือ นังสารเลว”“เมื่อกี้ เจ้าบอกว่า เจ้าอยากพิสูจน์ว่ายานี่มีพิษหรือไม่ ไม่ใช่หรือ ข้าก็แค่ ช่วยป้อนยาให้เจ้า เพื่อเป็นการพิสูจน์อย่างไรล่ะ ว่าเจ้ากินแล้ว จะตายหรือไม่”“สารเลว ข้าจะ..”“เจ้าจะทำไม เจ้ามองหน้าข้าไว้นะ รอบนี้แค่ยาที่ตกพื้น ยังดีที่ไม่ใช่เศษแก้วในมือข้า เจ้าภาวนาเอาไว้เถอะ อย่าได้คิดจะมีเรื่องกับข้า เพราะข้า ไม่ใช่ตุ๊กตาแสนดีที่จะอยู่เฉยๆ ให้เจ้ารังแกได้ ถ้าเจ้าอยากลองดู ข้าก็ไม่ขัดข้อง”“นี่เจ้า เจ้า”“เสียงเอะ
“คำพูดนี้ ใช้กับคนได้หรือไม่”ซีเฟยหันมามองหน้าเขา สายตาจริงใจพร้อมกับยิ้มให้“ได้สิเพคะ คนเราทุกคน ล้วนมีคุณค่าในตัวเองทั้งนั้น ไม่มีใครมาลดคุณค่าในตัวเราได้หรอกเพคะ”ไม่มีใครเคยพูดกับเขาเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่เล็กจนโต เขาโตมาพร้อมกับการแย่งชิง และบอกว่า ผู้แพ้ ย่อมเป็นคนที่ไร้ค่า ผู้ชนะเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้ แม้แต่ตัวเขาเอง ก็รู้สึกว่าต้องแย่งชิงเท่านั้น จึงจะเป็นผู้ชนะ และการสูญเสียชิงอี้เหนียงในครั้งนั้น เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าแพ้ และไร้ค่า ไม่เคยมีใครบอกเขาว่าทุกคนเกิดมาล้วนมีคุณค่าในแบบของตน นางช่างแตกต่างจากผู้คนที่เขารู้จัก และคุ้นเคยในสังคมของวังหลวงเหลือเกิน“เจ้า คิดแบบนี้จริงๆ น่ะหรือ เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่า ผู้ชนะเท่านั้น ที่สมควรถูกยกย่อง”“แล้วท่านว่า ผู้ชนะของท่าน คือการชนะอะไรล่ะเพคะ แล้วคนผู้นั้น สามารถเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ได้หรือเพคะ”“ได้สิ เหตุใดจะไม่ได้ล่ะ ก็ในเมื่อ…”“ถ้าอย่างนั้น พระองค์ห้ามมิให้ตัวเองป่วยได้หรือไม่เพคะ”“ไม่ได้”“ห้ามไม่ให้อายุเพิ่มมากขึ้น หรือแก่ชราได้หรือไม่เพคะ”“นั่นก็ ไม่ได้เช่นกัน”“สุดท้าย พระองค์สามารถเอาชนะความตายหรือไม่เพคะ”
ที่นางบอกท่านอ๋องว่านางเลือกที่จะเป็นว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทแล้ว หลังจากที่ท่านอ๋องออกศึกไป เพราะนางต้องการคนที่อยู่กับนาง มีเวลาดูแลนางอย่างใกล้ชิด นางให้เหตุผลว่า ท่านอ๋องต้องออกศึกอยู่เนืองๆ ไม่ค่อยได้กลับเมืองหลวง นางไม่มีโอกาสได้เจอท่านอ๋องบ่อยเท่าไหร่ และท่านอ๋องไม่สามารถดูแลนางได้ หากอภิเษกกับท่านอ๋อง นางอาจจะต้องอยู่แต่ในจวน เฝ้าตำหนักอ๋องอย่างเดียวดาย ดังนั้น นางถึงเลือกองค์รัชทายาท ซึ่งวันนั้น ท่านอ๋องพึ่งกลับมาจากการปราบกบฏที่เมืองหยาง และท่านอ๋องได้ซื้อเครื่องประดับเป็นชุดปิ่นทองพร้อมกำไรทองประดับไพลินสีน้ำเงินกลับมาเพื่อจะมอบให้นางเป็นของหมั้นหลังจากที่ถูกนางปฏิเสธไป เขาเอาเครื่องประดับที่ซื้อมา ทำลายทิ้งทั้งหมด อีก 5 วันถัดมา เขาทูลขอฮ่องเต้ เพื่อย้ายไปประจำการชายแดนทางเหนือ ซึ่งติดกับแคว้นเยี่ยนนั่นเอง……มาวันนี้ที่นางมา กลับมาให้เหตุผลว่าเป็นความเห็นชอบของผู้ใหญ่ นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าขำเสียจริง ไม่แปลกใจที่ท่านอ๋องจะตอบกลับอย่างไร้ไมตรี“เว่ยอี จะเอาของพวกนั้นไปที่ใดหรือ”“ทูลพระชายา ท่านอ๋องสั่งให้ทำลายทิ้งพ่ะย่ะค่ะ”ซีเฟยรู้สึกแปลกใจ ข้าวของพวกนี้ ล้วนแต่เป็
“นางได้แจ้งธุระหรือไม่”“คุณหนูชิงบอกเพียงว่า แวะมาเยี่ยมพ่ะย่ะค่ะ”ถังมู่เหรินมองหน้าพระชายา จึงได้บอกเว่ยอี“เจ้าไปบอกนางว่าเดี๋ยวข้าไปพบที่ห้องรับแขก”“พ่ะย่ะค่ะ”“พระชายา รอก่อน”“ท่านอ๋อง มีอะไรเพคะ”“เจ้า ไปรับแขกกับข้า”“แต่ข้า ไม่ได้รู้จักกับนางนะเพคะ”“น้องสี่เจ้าก็ไม่เคยรู้จัก เหตุใดต้อนรับได้ล่ะ”“ก็ได้เพคะ”ซีเฟยพอจะทราบ ชิงอี้เหนียง คืออดีตคนรักของเขา นางเองก็ไม่อยากพบเจอ เพื่อไม่อยากมีปัญหาทีหลัง แต่ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ตามมารยาทก็ควรต้องไปห้องรับแขก จวนอ๋องเมื่อชินอ๋องและซีเฟยเดินเข้ามา ก็พบกับแขกที่มาเยือน นั่งจิบชาอยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นชินอ๋องเดินเข้าห้องมา นางก็รีบลุกขึ้นคำนับท่านอ๋อง“ชิงอี้เหนียง คารวะท่านอ๋องเพคะ”“เชิญคุณหนูชิงตามสบาย”“พี่มู่เหริน เหตุใดจึงทำตัวห่างเหินกับข้าแบบนี้เพคะ”นางไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้ามาใกล้และเอื้อมมือมาจับเขาด้วย ซีเฟยจึงได้เห็นนางชัดๆ นางเป็นสตรีที่งดงามมาก ชุดแดงที่นางสวมใส่มาวันนี้ปักทอด้วยผ้าอย่างดี ดูด้วยสายตาปราดเดียวก็รู้ว่านางต้องอยู่ในตระกูลที่ไม่ธรรมดาแน่นอน แต่การกระทำที่ไม่สำรวมกิริยาแบบนี้ ซีเฟยเองก็พึ่งจะเคยเห็น ช
ถังมู่เหรินอุ้มจ้าวซีเฟยเข้ามาในห้องพักสำรอง คืนนี้พวกเขาต้องนอนที่นี่ด้วยกัน เขาค่อยๆ วางนางลงอย่างเบามือเพราะกลัวว่านางจะตกใจตื่น แต่ก็คงเพราะซีเฟยอ่อนเพลีย และต้องใช้เวลาในการปรุงยาครึ่งค่อนคืน ทำให้นางหลับสนิทโดยไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดมู่เหรินมองหน้านางตอนนอนหลับสนิท ขนตานางงอนงามเป็นระเบียบ ใบหน้าที่หมดจด ไร้เครื่องประทินโฉม ผิวช่างละเอียดน่าสัมผัส ปากบางๆ นี่ เขาเคยได้ลิ้มลองเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยลืมรสชาตินั้น นางช่างอ่อนหวาน น่าหลงใหล“คงเหนื่อยสินะ พระชายา”มู่เหรินก้มลงจูบหน้าผากนาง ก่อนที่จะจัดให้นางนอนดีๆ เขาถือโอกาสนี้ นอนข้างๆ นาง และดึงผ้าห่มขึ้นมาเพื่อห่มให้พวกเขา ซีเฟยนอนนิ่ง เขานอนตะแคงมองนางอยู่นาน ก่อนที่เขาจะนอนหลับสนิทไป…..วันรุ่งขึ้น…..อาจเพราะเมื่อคืน อากาศหนาวเย็น ตอนนี้ ซีเฟยนอนซบอยู่กับอกของชินอ๋องโดยที่นางไม่รู้ตัว ถังมู่เหรินนั้น ตื่นนางแล้ว แต่เขารู้สึกว่าไม่อยากขยับตัว เพราะเขาชอบที่นางนอนท่านี้ เขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก นางเริ่มขยับตัว เขาจึงแกล้งหลับต่อ ซีเฟยลืมตาขึ้น นางหันมาตกใจเล็กน้อย นี่นางกำลัง นอนกอดเขาอยู่ แล้วเขา มานอนกับนางได้อย่าง
“พระองค์ทรงหมายถึง องค์รัชทายาท”“ใช่ เพียงแต่ข้าแค่ไม่เข้าใจว่า เหตุใด เขาถึงอยากเร่งเอาชีวิตข้ามากนัก ก่อนหน้านี้ เขาไม่ทำแผนที่ต่ำทรามแบบนี้ ตั้งแต่เราแต่งงานกัน ก็มีเรื่องแบบนี้มาเรื่อยๆ ข้า ไม่เข้าใจ”“พระองค์คิดว่า มีคนอื่นร่วมทำการครั้งนี้ด้วย”“ข้าก็เริ่มนึกไม่ออกแล้ว หากต้องการชีวิตข้า ก็เพียงแค่วางยาข้าก็จบ แต่เหตุใดต้องทำร้ายเจ้าด้วย นี่คือสิ่งที่ทำให้ข้าไม่มั่นใจจุดประสงค์ของเขา”“แย่แล้ว การที่ข้าทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่าแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียแล้ว”“ข้ากลับคิดกลับกันนะ ว่าให้เขารับรู้ไปเลยว่าเรารู้แผนชั่วนี่ เขาจะได้เปิดเผยตัวเสียที จะได้ไม่ลอบกัดอีก"“แล้วห้องที่ถูกวางยาพิษล่ะ ต้องทำอะไรบ้าง”“เรื่องนี้ไม่ยากเพคะ ที่ให้ปิดไว้ เพราะพิษจะได้ไม่ระเหยออกมาภายนอก มาจากกำยาน ก็แก้ด้วยกำยาน คืนนี้หม่อมฉันจะทำยาถอนพิษ และให้เอาไปจุดวันพรุ่งนี้ ก็ไม่มีปัญหาแล้วเพคะ”“แต่ว่าตอนนี้มันดึกแล้วนะ เจ้าพึ่งจะฟื้นจากพิษขึ้นมา”“ไม่เป็นไรเพคะ ใช้เวลาแค่ไม่นาน สมุนไพรและของที่ต้องใช้มีอยู่แล้ว อันเหมยก็พร้อมแล้ว เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปห้องยา เพื่อปรุงยาเพื่อแก้พิษให้ในห้องเพคะ พระองค์ พักผ่อนไปก่อนน