LOGIN"หม่อมฉันถังมู่เหริน…
"หม่อมฉันจ้าวซีเฟย…
""ถวายบังคมเสด็จพ่อ เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""
“ตามสบายเถิด ชินอ๋อง เจ้าพาพระชายาไปนั่งเถอะ”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
เขาจูงมือนางเดินไปนั่งที่ประทับสำหรับพวกเขา ที่จัดให้แล้ว สำหรับพิธีคารวะช่วงเช้า
“เป็นอย่างไรบ้าง องค์หญิงซีเฟย เจ้าเดินทางมาไกล คงจะเหน็ดเหนื่อย ช่วงนี้ เจ้าก็พักผ่อนให้มากๆ นะ”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันสบายดีเพคะ ที่นี่อากาศดี จึงทำให้หม่อมฉันรู้สึกผ่อนคลาย ท่านอ๋องดูแลหม่อมฉันเป็นอย่างดีเพคะ”
“ดีๆๆ อ้าว รัชทายาท มาสิ มานั่งเร็วเข้า”
“หม่อมฉันถังมู่เจิน คารวะเสด็จพ่อ เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
“นั่งเถอะๆ อย่ามากพิธี
“อ้าว น้องรอง เจ้าพึ่งแต่งงาน ทำไมถึงรีบมาคารวะเสด็จพ่อนักล่ะ”
“เสด็จพี่ ถึงหม่อมฉันพึ่งจะแต่งงานก็จริง แต่ไม่ลืมธรรมเนียมปฏิบัติพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทส่งสายตาท้าทายและยิ้มหลี่ตาให้เขาน้อยๆ
“อย่างนั้นเอง มา เสด็จพ่อ ลูกขอให้ท่านอายุยืนหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ”
ซีเฟยสังเกตสีหน้าและความผิดปกติบางอย่าง นางรินชา และวางลงข้างตัว ใช้เข็มลองจิ้มดู ชินอ๋องเหลือบไปเห็น เข็มเปลี่ยนสีทันที “มีพิษ” เขาเบิกตากว้าง ใครกันที่อยากจะกำจัดเขาแบบนี้ หากไม่ใช่ พี่ชายที่แสนดีที่อยู่ตรงหน้านี้ เกรงว่ายาพิษในห้องหอของเขา ก็คงไม่พ้นฝีมือเขาเช่นกัน
“น้องรอง เจ้าเป็นอะไรไป ไม่ดื่มถวายพระพรเสด็จพ่อหรอกหรือ”
เขาส่งยิ้มท้าทายน้อยๆ มาให้ จ้าวซีเฟยรินน้ำชาให้มู่เหริน พร้อมเขี่ยบางอย่างจากเล็บของนาง ลงในถ้วยชา หันไปสบตาเขา และนางก็พยักหน้าให้เขา
“ลูกขอให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่ อยู่เป็นมิ่งขวัญให้กับไพร่ฟ้าราษฎร ตราบนานเท่านาน”
“บ้านเมืองร่มเย็น ราษฎรเป็นสุข ปราศจากโรคภัย ถวายพระพรให้เสด็จพ่อ เสด็จแม่มีพลานามัยที่แข็งแรงหมื่นปีเพคะ”
“ดี ดีมากๆ เยี่ยมจริงๆ ดื่ม”
พวกเขาดื่มชาถ้วยนั้นเข้าไป ทำตัวเป็นปกติ มู่เหรินประคองซีเฟยให้นั่งลง นางเหลือบไปมองหน้าองค์รัชทายาท ซึ่งยังคงนิ่งเฉยอยู่ เมื่อนั่งไปสักพัก องค์รัชทายาทจึงเริ่มดูวิตกกังวล เหมือนบางอย่างไม่เป็นไปตามแผน เขาจึงทูลลาฝ่าบาท และพวกเขาทั้งหมดก็ออกมาจากพระตำหนัก
“เจ้า ทำอะไรกับชานั่น”
“ข้าแค่ใส่ยาถอนพิษลงไป”
“เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าชานั่นมีพิษ”
“ข้าชินกับการวางยาพิษมาตั้งแต่เด็ก ข้าย่อมต้องระวังตัว แค่คิดไม่ถึงว่าหนีมาถึงที่นี่ ก็ไม่พ้นเรื่องพวกนี้”
นางโดนวางยาพิษมาตั้งแต่เด็กอย่างนั้นหรือ เกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่นะ เหตุใดจึงมีชะตากรรมเช่นนี้ เขาจะลองสืบดู
“ข้ามีธุระนอกเมือง เจ้ากลับเข้าจวนก่อนเถอะ ขาดเหลืออะไรก็บอก เสี่ยวหลงไว้ เขาจะแจ้งให้ข้าทราบเอง”
“ขอบพระทัย หม่อมฉันขอตัว”
จวนรับรองแขก
“ถวายบังคมเสด็จอา”
“ท่านอ๋อง ตามสบายเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ท่านพักที่นี่ ขาดเหลืออะไรบ้างหรือไม่ ข้าจะได้ให้คนจัดเพิ่มให้พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง เพียงแต่วันนี้ ท่านมาหาข้า เพราะเรื่องของซีเฟยสินะ”
“ข้าเลี้ยงนางมาตั้งแต่ฮองเฮาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์เพราะโรคระบาด ตั้งแต่นั้น นางเลยสนใจศึกษาวิชาแพทย์ นางมีอาจารย์แพทย์แผนโบราณที่สอนนางอยู่ นางมักจะขลุกตัวอยู่ที่นั่นทั้งวัน ทั้งคืน ว่าแต่ ท่านอ๋อง ท่านอยากจะทราบเรื่องใดหรือ”
“เพราะเหตุนี้ นางจึงอยากรักษาคน และรักษาชีวิตตัวเองใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เฮ้อ พูดไปก็เป็นพวกข้าที่ผิด ไม่สามารถปกป้องนางได้ นางได้รับพิษมามากจริงๆ ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน นางมีความระแวง และขี้อิจฉามากเกินไป นางพยายามทุกทางเพื่อไม่ให้ซีเฟย เหนือกว่าซีเหมย นิสัยของนางจึงค่อนข้างแปลก ไม่ไว้ใจใคร ไม่เชื่อใจใคร ขนาดข้าเป็นอาของนาง ยังไม่สามารถอ่านใจนางได้เลย การที่นางยอมตกลงแต่งงานมาที่นี่ นับเป็นอีกเรื่องที่ข้ารู้สึกแปลกใจ ข้าเลยมาส่งนางด้วยตัวเอง”
“ข้าเข้าใจว่าผู้ที่จะอภิเษกมา คือองค์หญิงซีเหมย”
“ก่อนหน้านั้นก็เป็นเช่นนั้น แต่แม่ของนางไม่อาจทนจะห่างจากบุตรสาวได้ นางยังเด็กมากนัก และอุปนิสัยของนาง อะแฮ่ม น่าจะ ไม่เข้ากับท่านสักเท่าใด ฮองเฮาเลยขอร้องฝ่าบาท ให้เปลี่ยนเป็นซีเฟยแทน เพราะไม่อยากให้สองแคว้นทำสงครามกัน ท่านพี่ข้าจึงจัดงานอภิเษกนี้ขึ้น เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ ซีเฟย ย่อมเหมาะสมกว่าซีเหมย”
เขาควรจะขอบคุณสวรรค์ ที่ไม่ส่งสตรีไร้มารยาทนั่นมาอภิเษกกับเขา แต่อย่างไร พวกนางก็ต่างล้วนแต่งมาเพื่อเป็นบรรณาการให้แคว้นที่ยิ่งใหญ่อย่างชิงโจวเท่านั้น นางแค่หนีจากที่นั่น มาพึ่งพาที่นี่
“ขอบคุณเสด็จอาที่บอกเรื่องนี้กับข้า ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนท่าน ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
จวนชินอ๋อง
ถังมู่เหริน หรือชินอ๋อง เดินเข้ามาในตำหนัก เขากำลังจะเดินไปที่ห้องหนังสือ เขาหยุดมองจ้าวซีเฟย ซึ่งตอนนี้อยู่ที่สวนหน้าตำหนัก นางและสาวใช้อีกสองคน และเสี่ยวหลง กำลังช่วยกันพรวนดิน เพื่อปลูกบางอย่างลงดิน นางมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสองเดือนแล้ว นางปรับตัวเข้ากับทุกคนในจวนได้เป็นอย่างดี นางดีกับบ่าวไพร่และสาวใช้ทุกคน มีน้ำใจ และมักจะทำของอร่อยๆ ให้พวกนั้นกินเสมอ
“นั่นนางกำลังทำอะไร”
“กระหม่อมคิดว่า น่าจะปลูกสมุนไพรพ่ะย่ะค่ะ เมื่อเช้า เห็นว่าพระชายาให้สาวใช้นำมาวางที่สวน ท่านอ๋อง จะเสด็จไปดูหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่ธุระของข้า ไปเถอะ ข้ามีงานอื่นต้องทำ”
มู่เหรินเดินออกจากบริเวณนั้น ซีเฟยมองเห็นเขาไกลๆ นางยืนมองเขาที่เดินจากไป เขากลับมาแล้วหรือ
ห้องหนังสือจวนอ๋อง
“ท่านอ๋อง ข้านำของว่างมาให้เพคะ”
ซีเฟยนำขนม และชาวางให้เขา นางนั่งลงและรินน้ำชาส่งให้เขา
“วางลงเถอะ เดี๋ยวข้ากินเอง”
นางวางถ้วยชาลง
“ขนมนี่ ข้าเข้าครัวทำเอง ท่านลองชิมดูนะเพคะ”
“อืม ข้ายุ่งอยู่ พระชายามีธุระอะไรก็ไปทำเถอะ”
ซีเฟยหุบยิ้มน้อยๆ นางถอยออกมา
“เพคะ งั้นข้าไม่รบกวน”
ซีเฟยเดินออกมา นางทำอะไรผิดงั้นหรือ เขาจึงได้ปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ นางมาอยู่นี่เกือบสองเดือนแล้ว แต่เขาก็ยังเย็นชากับนางอยู่เสมอ จริงอยู่ที่การอภิเษกนี่ เกิดจากการเชื่อมความสัมพันธ์สองแคว้น แต่นางคิดว่าที่นี่ น่าจะดีกว่าที่ที่นางจากมา
เอาเถอะ พึ่งวันแรกๆ คงยังไม่ทันปรับตัว เพราะพวกผู้คนในจวนอ๋องนี้ ล้วนแต่ดีกับนางทั้งสิ้น ทั้งแม่นมหยง สาวใช้ทุกคนต่างก็เป็นมิตร และให้ความสนใจพวกนางทั้งสิ้น ชีวิตในจวนนี้ ก็คงไม่แย่มากหรอก ซีเฟยคิดในใจ นางพลันคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนเข้าหอ ที่เขาจูบนาง นี่นางคงโลภมากไปสินะ ที่หวังให้เขาทำดีกับนางเพียงนิด หึ น่าขำจริงๆ
ถังมู่เหรินมองชาและขนมที่นางทำมาวางให้เขา ขนมนี่ช่างดูน่ากิน คนทำคงพิถีพิถันอย่างดีในการทำ เขายกชาขึ้นมาจิบ เขารีบรินเพิ่ม และดื่มรวดเดียวหมด ชานี่ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นยิ่งนัก เขาดื่มจนเกือบหมด และหยิบขนมขึ้นมาพร้อมกับอ่านตำราพิชัยยุทธไปด้วย ขนมนี่อร่อยมาก เข้าปากแล้วละลายทันที และยังส่งกลิ่นหอมยั่วยวนนัก
สักพักเดียว ทั้งชาและขนมก็หมด เขาเรียกเว่ยอีเข้ามา ให้ไปเอามาเพิ่ม เว่ยอีเดินไปที่โรงครัว เพื่อจัดขนมอีกชุดไปให้ท่านอ๋อง เขารินชาเพื่อดื่ม แต่รสชาไม่เหมือนเดิม
“เว่ยอี เหตุใดชาในกานี้ ถึงได้รสชาตไม่เหมือนเดิมล่ะ”
เช้านี้ บ่าวไพร่และนางกำนัลวังบูรพา ต่างก็พากันวิ่งจนวุ่นวาย เหตุด้วยพระชายามีพระอาการอาเจียนไม่หยุดและหมดแรงจนเป็นลมไป องค์รัชทายาทที่พึ่งทราบข่าว หลังจากออกว่าราชการที่ท้องพระโรง ถึงกับต้องสั่งเลิกประชุมก่อนกำหนด และรีบวิ่งกลับมาดูอาการพระชายาอย่างเร่งด่วน พร้อมคณะหมอหลวงก่อนที่เขาจะมาถึง ก็พบกับท่านอาจารย์ทั้งสาม ที่เข้าวังมาเพื่อเยี่ยมนางอยู่ก่อนแล้ว และตอนนี้ก็เป็นอาจารย์ปู่ ที่ดูอาการให้นางอยู่“อาจารย์อา อาจารย์ลุง ขออภัยที่ข้าไม่ได้มาต้อนรับพวกท่าน ข้า…”“องค์รัชทายาทอย่าได้เกรงใจ พวกข้าแค่แวะมา ไม่คิดว่าจะเจอลูกกวางน้อยป่วย ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ตาเฒ่าพิษดูอาการให้นางอยู่ นางไม่เป็นไรหรอก”“อาจารย์ทั้งสอง เชิญนั่งพักก่อนขอรับ”พวกเขานั่งรออยู่พักใหญ่ ก่อนที่อาจารย์ปู่จะเดินออกมา ด้วยท่าทีที่พวกเขามิอาจจคาดเดาได้ เมื่อเห็นเขา องค์รัชทายาทรีบปรี่เข้าไปหาอาจารย์ปู่ทันที และถามเขาอย่างร้อนรน“อาจารย์ปู่ขอรับ เฟยเฟยเป็นอย่างไรบ้างขอรับ มีอะไรร้ายแรงหรือไม่ นางถูกพิษอีกหรือไม่ หรือว่านาง หรือว่า….”“เจ้าจะสงบสติอารมณ์ก่อนได้หรือไม่ วิ่งตาตื่นตาแหก แล้วยกขบวนกันมาขนาดนี้เพื่ออะไร ใคร
จวนสกุลซู่ผ้าประดับสีแดง พร้อมกับโคมมงคล เสียงบรรเลงเพลงจากวงดนตรีที่ถูกจัดสรรมาเพื่องานมงคลในวันนี้โดยเฉพาะ เจ้าสาวในชุดสีแดง กำลังสวมชุดมงคลสีแดงปักด้วยดิ้นสีทอง ก่อนที่จะนั่งลงเพื่อจัดแต่งเครื่องประดับบนศีรษะ ก่อนที่พระชายาองค์รัชทายาทจะเสด็จเข้ามาพร้อมกับพระสนมแฝดอีกสองพระองค์“พระชายาและพระสนมหยินทั้งสองเสด็จ”ซู่อีอีซึ่งกำลังแต้มชาดสีแดงที่ปาก หันกลับมาด้วยความดีใจ ในที่สุดพี่ซีเฟยก็มาแล้ว นานหลายวันเลยที่นางไม่ได้พบกับผู้ใด เพราะต้องเก็บตัวตามธรรมเนียมโบราณก่อนออกเรือน “พี่เฟยเฟย ท่านมาแล้ว”“อีอี เรียบร้อยดีหรือไม่”“คารวะพระชายา พระสนมทั้งสอง”“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ”ซีเฟยเดินเข้ามาจับมืออีอีและพาไปนั่ง ก่อนจะแนะนำให้รู้จักผู้มาใหม่ ซึ่งแต่งกายด้วยชุดสีฟ้าอ่อน อีอีมองหน้าพระสนมสองคนด้วยความสนใจ“นี่พระสนมหยินซวง และหยินเซียน ทั้งคู่เป็นพระสนมของฝ่าบาทถังมู่เจินแห่งเซี่ยหนาน”“คารวะพระสนมทั้งสองเพคะ อีอีไม่ทันได้กล่าวทักทาย โปรดประทานอภัย”“ไม่ต้องๆ พวกข้าไม่ค่อยวุ่นวายกับกฏระเบียบพวกนี้เท่าไหร่เจ้าค่ะ แม่ทัพซู่ตามสบายเถิด”“อีอี ไหนดูสิ วันนี้เจ้างดงามมากๆ อีกเดี๋ยวจวิ้นอ๋องก็จะ
ตำหนักบูรพาพวกเขาใช้เวลาฉลองและสังสรรค์กันตั้งแต่ช่วงค่ำจนดึก ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับไปที่ห้องบรรทมของตนเอง องค์รัชทายาทนั้นเดินเข้ามา เขาหน้าแดงเล็กน้อยเพราะร่วมดื่มกับฝ่าบาทมา“พระองค์เมาหรือเพคะ หม่อมฉันไปเตรียมน้ำมาล้างหน้าให้นะเพคะ”“ไม่หรอก ข้าก็เป็นแบบนี้แหละ ดื่มเพียงไม่กี่จอกก็หน้าแดง เจ้าไม่ต้องลำบากหรอก”“เฟยเฟย วันนี้ข้าเห็นพี่ใหญ่มาพร้อมกับพระสนมตั้งสองคน พวกนางมีความคิดแปลกๆ ข้าเองฟังดูแล้ว ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนัก”“อย่างไรเพคะ”“พี่ใหญ่บอกว่า เขามีพระสนมในวังหลังประมาณยี่สิบสองคนได้ ทุกคนเข้าวังมาพร้อมๆกัน รักใคร่กลมเกลียวกันดี และพระสนมแฝด ก็มักจะพาพวกนางสลับมารับใช้พี่ใหญ่ ร่วมกับพวกนาง ข้าเพียงนึกสงสัยว่า ทำแบบนั้น มันจะไม่…”“มันก็เป็นเพียงวิธีการแบบหนึ่งเพคะ หม่อมฉันไม่ได้นึกแปลกใจอันใด เพราะในอดีต พวกอดีตฮ่องเต้ก็มีพระสนมหลายคน และก็มีบางพระองค์ที่ชอบให้พระสนมหลายๆคนมาปรนิบัติพร้อมๆกัน”“งั้นหรือ”“มู่เหริน ท่านอยากได้แบบนั้นหรือเพคะ ออ ที่มาถามข้าเพียงเพราะเหตุนี้เองสินะ เข้าใจแล้ว พระองค์เพียงแค่อยากลองแบบนั้นบ้าง รับพระสนมเพิ่ม หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”ซีเฟ
วังหลวง แคว้นชิงโจว“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปีพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”ฝ่าบาท ฮองเฮารวมไปถึงองค์รัชทายาทและพระชายา พร้อมกับจวิ้นอ๋อง ยิ้มอย่างยินดีกับการมาเยือนของฮ่องเต้แคว้นเซี่ยหนานในครั้งนี้ ก่อนที่ฝ่าบาทจะพูดขึ้น“ฝ่าบาท พระองค์เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย มานั่งพักก่อนเถิด พระสนมทั้งสอง เชิญๆ”ถังมู่เจินลุกขึ้นได้ ก็เดินเข้าไปหาฮองเฮาพร้อมกับสวมกอดนางอย่างคิดถึง ทุกคนยิ้มให้กับภาพที่น่าปราบปลื้มนี้ ก่อนที่เขาจะเดินมานั่งกับพระสนมทั้งสอง“ลูกพ่อ นี่คือ ลูกสะใภ้คนใหม่ของข้างั้นหรือ”“ทูลเสด็จพ่อ ทั้งสองเป็นพระสนมของลูกเองพ่ะย่ะค่ะ หยินซวง และหยินเซียน ทั้งคู่ เป็นฝาแฝดกันพ่ะย่ะค่ะ”“โอโหพี่ใหญ่ ท่านยอดเยี่ยมไปเลย มาช้า แต่มาทีละสอง ยอดบุรุษแห่งเซี่ยหนานน ฮ่าๆๆ”“น้องสี่ เจ้าจะเข้าพิธีสมรสอยู่แล้ว เหตุใดไม่สำรวมกิริยาเลยสักนิด อยากไปคัดบทสำนึกตนอีกร้อยแปดจบที่ศาลบรรพชนก่อนเข้าพิธีหรือไม่”“องค์รัชทายาทโปรดอภัย กระหม่อมไม่กล้าแล้ว ขอโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ฝ่าบาท ระหว่างทาง เรียบร้อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ถังมู่เหรินถามพี่ชายอย่างเป็นห่วง เขาไม่ได้เจอพี่ใหญ่ ตั้งแต่หลังเหตุการกบฏซิ
แคว้นเซี่ยหนาน โดยการปกครองของถังมู่เจิน นับว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้งแคว้น ไม่ว่าจะด้านการค้าขายกับต่างแคว้น การเมืองการปกครอง และการศึก ถือว่าแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าแคว้นใหญ่ ๆ อย่างชิงโจวเมื่อมู่ถังเจินได้ขึ้นครองราชย์ผ่านไปเกือบสามเดือน เหล่าบรรดาขุนนางต่างๆ ล้วนมีพระราชฎีกาเสนอส่งให้ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ แต่งตั้งพระสนม และฮองเฮา ซึ่งก่อนหน้านี้ ฝ่าบาทสนใจแต่พระราชกรณียกิจเกี่ยวกับบ้านเมืองทั้งสิ้น แต่เมื่อบัดนี้ทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย หลังจากเหตุการณ์กบฏซิวยี่ แคว้นเซี่ยหนานก็คืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง“กราบทูลฝ่าบาท ฎีกาสำคัญในวันนี้ มีแต่ เอ่อ....”“ไม่พ้นเร่งให้เราแต่งตั้งพระสนมเข้ามาในวังหลังเพิ่มใช่หรือไม่ท่านราชครู”“พ่ะย่ะค่ะ”“ที่มีอยู่แล้วเกือบยี่สิบคนนั่นยังไม่พออีกหรือไงนะ ข้าพึ่งรู้ว่าพวกท่าน ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากกว่าการปกครองบ้านเมืองและประชาชนให้มีความสุข เฮ้อ แต่ก็นั่นแหละนะ ข้าก็พอเข้าใจความหวังดีของพวกท่านได้ ตกลง อีกเจ็ดวัน ท่านก็ประกาศออกไปว่าเราจะรับสมัครพระสนม สตรีที่อยู่ในวัยที่เหมาะสม และชาติตระกูลที่เหมาะสม สามารถเข้ามารับการคัดเลือกพระส
ชิงโจวเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่ที่นี่ ความหนาวเบาบางมากกว่าที่แคว้นเยี่ยนมากนัก หลังจากข่าวชินอ๋องกลับสู่ชิงโจว ก็มีการประชุมราชสำนักครั้งใหญ่ เพื่อปรึกษาเรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งชิงโจวคนใหม่ ซึ่งขุนนางทุกหมู่เหล่ารวมถึงสมาชิกในราชวงศ์ต่างลงความเห็นว่า ถังมู่เหริน ชินอ๋องแห่งชิงโจว มีคุณสมบัติที่เหมาะสมทุกประการที่จะขึ้นเป็นองค์รัชทายาท เมื่อมติในที่ประชุมเป็นเอกฉันท์ จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมา“ด้วยองค์การแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีรับสั่ง แต่งตั้งถังมู่เหริน องค์ชายรอง ชินอ๋องแห่งราชวงศ์ชิงโจว ขึ้นดำรงตำแหน่ง องค์รัชทายาทแห่งชิงโจว ณ บัดนี้เป็นต้นไป รับราชโองการ”“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”ด้วยเหตุการณ์กบฏสองแคว้น ทั้งที่เซี่ยหนานและแคว้นเยี่ยน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นในราชสำนักของชิงโจว นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและมีการมอบบำเหน็จรางวัลกับเหล่าบรรดาขุนนางที่ทำความดีความชอบเอาไว้พร้อมกันอีกด้วยเมื่อรับตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้ว ซีเฟยและองค์รัชทายาท ต้องย้ายเข้าไปอยู่ในวังหลวง ซึ่งมีตำหนักขององค์รัชทายาทอยู่แล







