บทส่งท้าย สามเดือนผ่านไป เหยาหรูอวี้อยู่ไม่เป็นสุข นางไม่ได้อึดอัดในการอยู่เรือนรับรองสกุลหยาง ซึ่งตอนนี้ปรับเปลี่ยนหลายอย่างจนกลายเป็นตำหนักนอกวังหลวงของมู่ชิงเฉินเฮ่อไปโดยปริยาย ตอนนี้สถานะของนางคือพระชายาของอีกฝ่าย หากกล่าวไปแล้วก็ตลก ด้วยตั้งใจขอหย่า แต่มู่ชิงเฉินเฮ่อถามว่า แล้วใครจะดูแลนาง ได้ยินคำถามแบบนั้น เหยาหรูอวี้ทั้งสับสน มึนงง และทำตัวไม่ถูก “หม่อมฉันอยากเป็นอิสระ และไม่จำเป็นต้องมีบุรุษใดคอยให้ความช่วยเหลือ” “ฮ่าๆ ๆ ฝีปากกล้า แต่ดูเหมือนไม่ได้มีความมั่นใจเลย หรูอวี้” “เฉินอ๋อง... สงสารลูกนกสักตัวเถิด ท่านกำลังทำให้หม่อมฉันสับสน และอย่างไรตอนนี้ ท่านก็ต้องดูแลอนุอี้ ไม่นานนางก็คลอดปีศาจน้อย เอ๊ย คลอดองค์ชายแสนน่ารักให้ท่านเลี้ยง” “หรูอวี้ รู้ใช่หรือไม่ว่าเจ้ากลับแคว้นของตนไม่ได้แล้ว” อ๋องหนุ่มใช้คำถามง่ายๆ ไม่ได้มีน้ำเสียงดุดัน ทว่าเป็นยามนั้นที่เหยาหรูอวี้กลั้นน้ำตาไม่ไหว นางน้อยใจเป็นทุน และคิดถึงถิ่นฐานของตนด้วย “หม่อมฉันกลัว จากนี้ก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่มีคนรัก ไม่มีใครสนใจ เป็นได้แค่ท่านหญิงโง่เขลาผู้
จ้าวหว่านอี้และคนของนาง รวมถึงเหยาหรูอวี้แต่งตัวเป็นชาวเมืองทั่วไป เพื่อมาส่งอาหารและยารักษาโรค และเมื่ออยู่ด้านนอก หลายสิ่งบอกให้รู้ว่าไม่ปกติ หลี่จิ้งอยู่ไม่ห่างจ้าวหว่านอี้ ฝ่ายเหยาหรูอวี้มีคนอารักขาตลอดเวลา “สังเกตหรือไม่ว่า แม้เราปลอมตัวออกมายังมีคนรู้ นั่นย่อมหมายความว่า ในเมืองเจี้ยนมีสายให้คนพวกนี้” เหยาหรูอวี้พยักหน้ารับ พอเดินผ่านกลุ่มผู้คน เข้าไปในส่วนที่ลึกสักหน่อย ก็คนมาล้อมหน้าล้อมหลัง “ดี ข้าขี้เกียจเสียเวลา” จ้าวหว่านอี้ไม่ได้ท้าทาย นางรอให้คนร้ายเผยตัวนั่นเอง อึดใจต่อมา มีระเบิดควันพวยพุง และมือสังหารหมายเข้ามาชิงตัวจ้าวหว่านอี้ ทว่าเป็นคนของมู่ชิงเฉินเฮ่อ และทหารอารักขาปกป้องนางไว้อย่างสุดกำลัง ขณะเดียวกันฝ่ายตรงข้ามก็มีฝีมือดีมาก “คุณหนู!” พอรู้ว่ามีผู้ที่พุ่งเข้ามาหาตนคือใคร จ้าวหว่านอี้ก็หมุนตัวไปอีกด้าน แล้วพยักหน้าให้หลี่จิ้งช่วยจับตัวไว้ คนผู้นั้นเป็นวรยุทธ์ ฝ่ายหลี่จิ้งก็พอมีฝีมือบ้าง ทั้งคู่ปะมือกันอยู่สามสี่กระบวนท่า จ้าวหว่านอี้เห็นว่าคนของตนสูงวัย กว่าอาจเพลี่ยงพล้ำเลยตะโกนไปว่า
เช้าวันใหม่เกิดความโกลาหลที่หน้าประตูเมือง จ้าวหว่านอี้ขึ้นไปบนกำแพง มองลงไปด้านนอก เห็นว่ามีชาวบ้านทยอยเดินทางมาที่เมืองเจี้ยนอย่างไม่ขาดสาย ส่วนมากเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม ยามนี้ไม่มีการเปิดให้คนเข้ามาด้านใน เนื่องจากป้องกันภัยและโรคติดต่อราษฎร รวมถึงพวกที่แอบอ้างปะปนเข้ามาเพื่อสร้างความก่อก่อนดังนั้นทางการจึงจัดหาที่พักด้านนอก สร้างกระโจม หรือที่นอนชั่วคราว และให้มีโรงทานแจกจ่ายนอกประตูเมืองด้วย เหยาหรูอวี้ตามมาสมทบบนกำแพงเมือง นางเห็นผู้คนมากมายก็ใจเสีย “พวกเขาอพยพมาไม่หยุด ความหิวทำให้เกิดเรื่องมากมาย และข้าเชื่อว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังแน่นอน” “ดังนั้นขจัดต้นตอของปัญหา แล้วดูแลปากท้อง เมืองรอบๆ นี้ส่วนมากไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม คงต้องการแรงงานเพาะปลูก อาจช่วยได้ไม่ทั้งหมด แต่ดีกว่าการป้อนอาหารให้พวกเขาอยู่เช่นนี้” จ้าวหว่านอี้กล่าวจบ เหยาหรูอวี้ก็ทึ่งจัด “อนุอี้มองการณ์ไกล ข้าไม่แปลกใจเลย หากเจ้าจะเป็นผู้มอบทายาทให้แก่เฉินอ๋อง” หญิงสาวยิ้ม แล้วตอบกลับ “แต่คนที่ฮ่องเต้อยากให้เป็นพระชายาของเฉินอ๋องคือเจ้า” เหยาหรูอวี้โบกมือไปมา พ
สถานการณ์แจกจ่ายอาหารเป็นไปตามที่จ้าวหว่านอี้คาดเดาไว้ คนที่หิวโหยรอรับของกิน ไม่มีการบ่น หรือแสดงกิริยาให้คนของจ้าวหว่านอี้ต้องปวดหัว ทว่าเวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย ฝ่ายของรองเจ้าเมืองก็แจ้งว่า ด้านนอกประตูเมือง มีชาวบ้านหลั่งไหลมามากกว่าเดิม ยามนี้นับแล้วเพิ่มขึ้นนับห้าร้อยชีวิต จ้าวหว่านอี้คิดถึงเรื่องในนิยายที่ตนเขียน และวางแผนรับมือให้ได้ จากนี้คือสิ่งที่ศัตรูนางกำลังก่อความวุ่นวาย จงใจให้มีผู้คนอดยากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ภายในห้าวันนี้ จะมีคนมาที่เมืองเจี้ยน ให้เราต้องหาอาหารให้พวกเขาไม่ต่ำกว่าสองพันคน” “โอ้ คุณหนูหากมากมายถึงเพียงนั้น เกรงว่าข้าวที่ซื้อไว้คงไม่พอ อีกทั้งเสื้อผ้า ยารักษาโรคที่พวกเขาร้องขออีก” “ข้าเข้าใจ ตอนนี้มีคนวางแผนให้เราใช้เสบียงของสกุลหยางที่กำลังผ่านมาทางนี้ และข้าจะแบ่งมาสักส่วนหนึ่ง แล้วค่อยเติมกลับ” “หากทำเช่นนั้นจะไม่เป็นตามความต้องการของคนที่คิดร้ายต่อเราหรือเจ้าคะ” ซินเยว่ถามด้วยความอยากรู้ “เราต้องช่วยคนก่อน และข้าจะให้พวกที่ก่อกวน ชดใช้อย่างสาสม เพราะภัยน้ำท่วมครั้งนี้ เกิดจากพวกเขาทำลายเขื่อน และย
หลี่จิ้งเข้ามาหาหญิงสาว รายงานสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น “คุณหนูเช้ามืดต้องออกเดินทาง คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อยก็ราวๆ สองวันเจ้าค่ะ สกุลหยางเลือกจัดงานเลี้ยงที่เรือนรับรองนอกเมืองหลวง ดังนั้นแขกที่ไปจึงไม่ได้มากนัก แต่อย่างไรเสีย มีสตรีหลายคนที่ได้รับเชิญ รวมถึงคุณหนูเซียง” “เฮ้อ ตัวข้าตั้งแต่ถูกเฉินอ๋องฉุดตัวมา ก็ชอบอยู่ที่นี่ อีกอย่างเดินทางไกลๆ เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ” “มิได้หรอกเจ้าคะ องค์ชายสามเตรียมรถม้าไว้ให้แล้ว นอกจากนั้นยังมีทหาร และบ่าวอีกไม่น้อย หากจะว่าไปก็เกินความจำเป็นอยู่มาก” เมื่อหลี่จิ้งกล่าวเช่นนั้น จ้าวหว่านอี้ก็ฉุกคิดหลายสิ่ง นางมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน เป็นเรือนร้างอย่างที่มู่ชิงเฉินเฮ่อบอกก็จริง หากทุกอย่างสะดวกสบาย ท่าทางเขาไม่ได้ต้องการอนุเพิ่ม อีกอย่างในไม่ช้าเหยาหรูอวี้จะมาเป็นพระชายาของอีกฝ่าย ยามนี้มีหลายสิ่งที่จ้าวหว่านอี้ไม่เข้าใจ แต่นางจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งใด ด้วยรับรู้ว่า เนื้อหาในนิยายยามนี้สามีเก่านางคือผู้ควบคุม นอกเหนือจากนั้น เรื่องสำคัญคือนางตั้งครรภ์ และไม่ใช่กับชายชู้ หากเป็นมู่ชิงเฉินเฮ่อ แล้วที่หวานชื่น อีกฝ่ายคลั่งรั
จ้าวหว่านอี้ไม่ได้โทษคนตัวโตสักนิด เป็นนางต่างหากที่อดทนต่อความซ่านสยิวไม่ได้ เสียแต่ว่าก่อนที่เขาจะปลดปล่อย ชายหนุ่มยังไม่พานางขึ้นสวรรค์ และน้ำอุ่นขาวข้นก็ทะลักออกมามากมาย จนนางกับเขาต่างอึ้งพอๆ กัน “เอ่อ ข้าเครียดไปสักหน่อย ภาระก็มาก เลย...อยากผ่อนคลายไวๆ” เขาเขิน ใช่... เหตุใดนางจะไม่รู้ การให้นางชักท่อนลำ แล้วใช้ลิ้น ปาก ดูดเล้าโลม สลับการครอบริมฝีปากเข้าออกลำอุ่นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ฝ่ายเขาก็หลั่งไหล ถึงนางจะมีความสุข แต่อดน้อยใจไม่ได้ “หม่อมฉันไม่ยอม ท่านพี่กินอิ่มคนเดียว แล้วยังทำท่าเหมือนจะหมดแรงด้วย” นางว่าและส่งสายออดอ้อน ด้วยความสิเน่หามากล้น ทั้งห่วงใยที่นางถูกขังคุกมู่ชิงเฉินเฮ่อเลยไม่ทันยั้งมือ เผลอสาดน้ำรักอย่างบ้าคลั่ง เปรอะทั้งใบหน้างาม และลูกกรงเหล็ก “เสี่ยวอี้ ข้าอึดและมีพลังมากแค่ไหน เจ้ารู้ดี เมื่อครู่แค่ตื่นเต้นมากไปสักหน่อย” “เช่นนั้นจงแสดงให้หม่อมฉันเห็นใหม่เถิดเพคะ” มู่ชิงเฉินเฮ่อ สูดลมหายใจลึก แน่นอนเขาจะทำเรื่องขายหน้าให้ตนเองด้วยการปลดปล่อยราวกับเด็กหนุ่มเข้าหอครั้งแรกไม่ได้อีกเป็นอันขาด “ปากเจ้า หน้าอ
และในที่สุดจ้าวหว่านอี้ก็ได้เผชิญหน้าพระเอกของเรื่องเสียที เฉิงฮั่นจูยามนี้ รักษาการตำแหน่งใต้เท้าตุลาการ ที่เขารุดหน้าได้เยี่ยงนี้ เพราะเสนบดีเซียงให้การสนับสนุน รวมถึงลูกสาวของอีกฝ่ายที่นิยมในตัวเขามาก ชายหนุ่มเป็นคนเถรตรงยอมหักไม่ยอมงอ แล้วตามเส้นเรื่องเดิม เขาจะต้องสูญเสียอำนาจทุกอย่างในมือ และจากเมืองหลวงไปไกล ก่อนจะได้กลับมาดูแลครอบครัวและคนที่รัก ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายสำหรับเฉิงฮั่นจู แต่ถึงอย่างนั้นอุปสรรคต่างๆ ก็หล่อหลอมให้เขาเป็นพระเอกของเรื่องที่ผู้อ่านให้ความสนับสนุน และคอยส่งกำลังใจให้เสมอ “คุณหนูรองจ้าว” สายตาคมมองจ้าวหว่านอี้ ฝ่ายนางส่ายหน้าช้าๆ แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “โปรดเรียกข้าว่า อนุอี้ หรือ อนุของเฉินอ๋อง” “เจ้ารีบร้อนเหลือเกิน ไม่เห็นแก่หน้าบิดา และท่านย่าของเจ้าบ้างหรือ นี่ย่อมหหมายความว่า ข่าวลือที่เจ้าไปอยู่เรือนร้างข้างตำหนักเฉียนซีกง คงเป็นคือความจริง หว่านอี้... ถามสักคำเถอะ เหตุใดถึงอยากเป็นตัวตลกให้ผู้คนขบขัน อีกอย่างท่านหญิงเหยา ก็กำลังจะเป็นพระชายาของคนผู้นั้น เจ้าไม่กลัวถูกรังแกหรอกหรือ”
ก่อนเดินทางไปเรือนนอกสกุลหยางตามการนัดหมาย จ้าวหว่านอี้อยากหาความสำราญใจที่เมืองหลวง ต้องการเห็นเหล่าตัวเอกในนิยายเจ็บตัวบ้าง เรื่องนี้คงพอทำให้ชีวิตมีสีสัน “ข้าอยากไปโรงละคร หลังจากนั้น หามื้อค่ำกินสักเล็กน้อย” นางแจ้งกับพ่อบ้าน อีกฝ่ายทำท่าอึกอัก แต่อย่างไร คนผู้นี้ก็เป็นอนุขององค์ชายสาม แม้ยังไม่ถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ แต่สำหรับมู่ชิงเฉินเฮ่อ มีเรื่องใดบ้างที่เขาทำถูกต้องตามธรรมเนียม ดังนั้นแม้นางอยู่เรือนร้างหลังน้อย แต่ก็มีความสำคัญในตำหนักเฉียนซีกง “รายงานองค์ชายสามตามนั้น มีสิ่งร้ายแรงใดเกินขึ้น ข้ารับผิดชอบเอง” บอกแล้ว นางจึงหาเสื้อผ้าเครื่องประดับแต่งตัว ก่อนหน้านั้นมู่ชิงเฉินเฮ่อสั่งหลี่จิ้งกับเยว่จิ้งกลับไปจวนจ้าว และนำข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นของนางมาที่นี่ แน่นอนรวมถึงเครื่องประดับด้วย ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่เดือดร้อน เสื้อผ้างามมีให้ใส่ ข้าวของเครื่องใช้ก็พร้อมหากต้องการ โรงละครดังกล่าวไม่ได้มีสิ่งน่าอภิรมย์ การแสดงก็น่าเบื่อ ให้ดีคือเหล่านักแสดงชายหญิงที่หน้าตาสวยงาม นั่นคือสิ่งที่พอให้จ้าวหว่านอี้ยิ้มได้ แน่นอนการออกมานอกตำหนักเฉียนซีกง
ณ เรือนร้างข้างตำหนักเฉียนซีกง จ้าวหว่านอี้ไม่ได้แสดงความน้อยอกน้อยใจใดๆ นางเป็นลูกสาวเจ้ากรมปกครอง ทว่าต้องมาอยู่เรือนซอมซ่อด้านข้างตำหนักเฉียนซีกง แม้ข้างนอกผู้คนซุบซิบและหัวเราะขบขัน แต่นางรู้ดี ยามนี้การเป็นตัวตลก ทำตัวคล้ายคนสมองทึบย่อมรักษาชีวิตและครอบครัวไว้ได้ อย่างไรก็ตามมู่ชิงเฉินเฮ่อไม่ได้ใจร้าย เขาแค่ข่มขู่ แสดงท่าทางเหมือนหมาบ้าไปวันๆ ฝ่ายบิดานาง รวมถึงท่านย่า เขาให้คนคอยดูแลอยู่ห่างๆ ขณะเดียวกันก็หาทางหนีทีไล่ไว้รอแล้ว ต้องยอมรับว่าเงินทองมากมายที่เป็นสินเดิมของนางที่ส่งให้อีกฝ่าย ถูกนำมาใช้รักษาชีวิตคนในสกุลจ้าว ถึงอย่างนั้นมันยังไม่เพียงพอ มู่ชิงเฉินเฮ่อยังใช้เงินของตัวเองในการนี้ไปอีกไม่น้อย เนื่องจากฝ่ายที่พวกเขาต่อกรด้วยคือเสนาบดีเซียง ผู้ที่กำลังเป่าหูฮ่องเต้ให้คล้อยตาม และสำหรับลูกผู้หญิง อย่างไรย่อมอยากมีงานมงคล ทว่าในยามนี้มู่ชิงเฉนเฮ่อไม่ต้องการให้มีงานรื่นเริงใดๆ นั่นเป็นเพราะเหยาหรูอวี้กำลังจะถูกส่งตัวมาเป็นพระชายา อีกอย่างบ้านเมืองมิใช่อยู่ในช่วงสงบ ไม่นานย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เรื่องนี้ทั้งเขาและนางย่อมทราบดี เช