เจ้าอารามโยวชิงมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ครู่หนึ่งมองจนนางหลบตา เขาจึงถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม "เจ้าเป็นห่วงอายวนหรือ?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กล้ายืนยัน ว่าเจ้าอารามมีความคิดอะไรกับตัวอ๋องเจวี้ยนกันแน่นางมองเจ้าอารามไม่ออก กระทั่งว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กล้ายืนยัน ว่าเจ้าอารามมีความคิดอะไรกับตัวอ๋องเจวี้ยนกันแน่อ๋องเจวี้ยนเติบโตมาจากการดูแลของเขาแท้ๆ พูดได้ว่าวันคืนหนาวเหน็บยาวนานบนยอดเขาโยวชิง พวกเขาพึ่งพาอาศัยกันและกันมาตลอดนี่นา?ตามหลักการแล้ว เจ้าอารามก็น่าจะมีความรู้สึกต่ออ๋องเจวี้ยนเหมือนกับที่พวกเขาคิดกันไว้ก่อนหน้านี้ เป็นเหมือนอาจารย์และพ่อแต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่กล้ายืนยันแล้วจริงๆนางรวบรวมความกล้า "เจ้าอารามคงจะเป็นห่วงอ๋องเจวี้ยนกระมัง?""ไม่หรอก เป้าหมายของข้า ไม่ใช่เหมือนกับเจ้าหรอกหรือ?" เจ้าอารามโยวชิงถอนใจเบาๆ "ข้ารู้ว่าอายวนกับจาวหนิงอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะกับพวกเขา กับแคว้นเจาหรือกับฟ้าดินก็ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น พวกเขาอายุยังน้อย จึงไม่ได้มองไกลนัก ข้าต้องดึงพวกเขากลับมา เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเจอจุดจบน่าเศร้า"อง
เจ้าอารามโยวชิงดื่มชาอย่างใจเย็น ราวกับไม่ได้ยินเสียงของห้องข้างๆ อย่างไรอย่างนั้นกำแพงตรงกลางนี้ อันที่จริงมีกลไกบางอย่างซ่อนอยู่แต่ว่าคนอื่นไม่รู้พ่อลูกหยวนกังตอนที่กำลังเตรียมแผนก็ยังตรวจสบแล้ว แต่ไม่พบความผิดปกติบนกำแพงนี้ซางจื่อเดินเข้าไป นำแผ่นไหม้ที่ถูกดันเปิดบนกำแพงคืนที่ ก่อนที่จะกลับตำแหน่งก่อนหน้า กำแพงนี้ดูบางอย่างเห็นได้ชัด ด้านบนยังมีติดของลักษณะคล้ายดอกว่านผักบุ้งอยู่หลายชิ้น ป้างกว้างหันมาด้านนี้ ส่วนปากเล็กทะลุผ่านกำแพงไปเมื่อครู่สิ่งกลมุๆ เหล่านี้ ก็ถ่ายถอดเสียงของห้องข้างๆ มาทางนี้อย่างชัดเจนพอแผ่นไม้ใหญ่กลับคืนที่ เขาก็ก้มตัวลงเก็บภาพวาดหลายภาพข้างกำแพงกลับขึ้นไปแขวน ตอนนี้กำแพงก็กลับสู่สภาพเดิมแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองการกระทำเขา มือสั่นเล็กน้อยเขาเหมือนจะพบความลับหนึ่งของเจ้าอารามเข้าแล้ว!ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในเมืองเล็ก พวกเขาเจอเข้ากับการลอบโจมตี คนเหล่านั้นมีทั้งหญิงชราและเด้ก แต่เจ้าอารามก็สังหารพวกเข้าทิ้งหมดโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจึงรู้ว่าเจ้าอารามโยวชิงมีความลับอยู่จริงๆนางรู้สึกว่า อ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงก็ไม่แ
ชิงอีสังเกตุได้ถึงความผิดปตกิ ดังนั้นจึงมองไปทางอ๋องเจวี้ยนทันที คิดจะเตือนท่านอ๋องเขาเพิ่งจะพูด สุราในมือเซียวหลันยวนก็สาดไปบนหน้าเสี่ยวเซ่อแล้วชิงอีสงบสติลงมาได้บ้างแล้วกำลังภายในท่านอ๋องแข็งแกร่งกว่าเขามาก ต้องพบก่อนเขาแน่นอนอยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องเป็นอะไรหรือเปล่า ชิงอีกยังรู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมา เลือดเองก็เดือดพล่านหน่อยๆ ภาพที่คิดออกมาในสมอง มีผลกระทบต่อร่างกายเขาจริงๆหลังจากเซียวหลันยวนสาดสุราออกไปก็ยังไม่ได้ลุกขึ้นยืน เขานั่งอยู่ตรงนั้น จิตสังหารยังกดเก็บเอาไว้หยวนกังกับหยวนอี้ลุกขึ้นยืนตอนที่เขาลงมือ"อ๋องเจวี้ยน!""อ๋องเจวี้ยนนี่หมายความว่ายังไง!"พวกเขาเอ่ยถามขึ้นพร้อมกันสุราไหลลงมาจากใบหน้าเสี่ยวเซ่อ เปียกขนตาและหน้าม้านาง ค่อยๆ หยดลงมาเลอะเสื้อผ้าของนางเข้าไปอีก ประกอบกับใบหน้าเล็กที่เงยขึ้นเล็กน้อย สีหน้าที่ตกใจกลัว ดูแล้วน่าสงสารจับใจชิงอีสังเกตถึงความผิดปกติได้แล้วแท้ๆ แต่พอเห็นนางเป็นแบบนี้ ในใจเขากลับมีความรู้สึกสงสารเอ่อล้นขึ้นมา จนอยากจะเดินเข้าไปหา ลูบเช็ดใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน กระทั่งว่า คิดจะจูบริมฝีปากที่เปียกชื้นนั่นของนางให้แห้
หยวนกังสะกดความโกรธลงมาก่อน"พวกเรามาแคว้นเจา ก็เพื่อมาช่วยเหลือประคับประคองแค้นเจา สอนพวกท่านเพาะปลูกธัญพืชไม้ผลให้ดียิ่งขึ้น ถ่ายทอดมาตรการปกครองบ้านเมืองและการเมืองต่างๆ ที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นให้พวกท่าน สอนประสบการณ์บางอย่างของเราให้พวกท่าน เพื่อให้แคว้นเจาพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น""ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรายังให้แคว้นเจาได้สัมผัสถึงความจริงใจของแคว้นหมิ่นอีก้ดวย กระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองแคว้น เพิ่มพูนมิตรภาพ"หยวนกังยังพูดไม่ทันจบ อ๋องเจวี้ยนก็ตัดบทเขาว่า "เพื่อให้องค์จักรพรรดิขายพวกเราสามีภรรยาให้พวกท่านสินะ?"พรวดหยวนอี้มุมปากกระตุกมองออกเลย ว่าอ๋องเจวี้ยนคิดจะไม่เสแสร้งแล้ว"ท่านอ๋อง อันที่จริงนี่ก็ไม่ได้มีผลเสียอะไรกับท่านเลย" หยวนอี้คิดๆ ตั้งใจเปิดอกเจรจาตรงๆ กับอ๋องเจวี้ยนแต่หยวนกังก็ตัดบทเขา"พวกเรานำความหวังดีเข้ามาจริงๆ แล้วก็สุราอาหารของหอลมวสันต์นี่ก็ชั้นหนึ่ง ในเมื่ออ๋องเจวี้ยนรู้สึกว่าพวกเขากินดื่มมากเกินไปในวังราชนิเวศน์ เช่นนั้นตอนนี้ก็ให้โอกาสพวกเราหน่อย ใช้เงินของเราเองเลี้ยงอาหารสุราเลิศรสกับอ๋อวเจวี้ยนดีดีสักหน่อยเถิด"เขารินสุราให้อ๋องเจวี้ยนเอง เอ่ยต่อ
อ๋องเจวี้ยนไม่ได้สวมหน้ากากตอนนี้เขาปล่อยวางแล้ว ตอนนี้ที่มาพบพ่อลูกหยวนกังจากแคว้นหมิ่น เขาจึงปรากฏตัวด้วยใบหน้าแท้จริง ให้พวกเขาได้พิจารณาดีดี ว่าจะแย่งฟู่จาวหนิงไปจากข้างกายเขาได้ไหมอ๋องเจวี้ยนบอกว่า หนิงหนิงของนางก็ชอบใบหน้านี้ของเขามากแล้วก็๖ามคาด อ๋องเจวี้ยนที่ไม่ได้สวมหน้ากาก ทำให้พ่อลูกหยวนกังตกตะลึงไปหยวนกังเองก็คิดไม่ถึง ว่าอ๋องเจวี้ยนจะหน้าตางดงามขนาดนี้ ราวกับจันทร์กระจ่าง สุกใสและบริสุทธิ์ชายหนุ่มคนหนึ่ง ใช้คำพรรณนาเช่นนี้ ไม่ได้มีความรู้สึกเป็นหญิงเลยแม้แต่น้อยหยวนอี้เคยบอกกับเขา เมืองหลวงแคว้นเจาล้วนลือกันหว่าใบหน้าอ๋องเจวี้ยนราวกับเป็นผีร้าย ขู่เด็กให้ร้องไห้ได้ แต่เขาเดาว่า ฟู่จาวหนิงจะต้องรักษาหน้าของเขาแล้วแน่ๆตอนนี้พอได้เห็น ก็พูดไว้ไม่ผิดจริงๆฟู่จาวหนิงรักษาใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนจนหายดีแล้วหยวนอี้เหลือบมองเสี่ยวเซ่อผาดหนึ่งสายตาของเสี่ยวเซ่อหยุดอยู่บนหน้าอ๋องเจวี้ยนตลอด ในดวงตาคู่สวยที่น่าตกตะลึงนั่น เต็มไปด้วยแสงประกายดาวหยวนอี้แต่ก่อนเคยได้ยินคำหนึ่งพูดไว้ว่า หญิงสาวคนหนึ่ง ตอนที่งดงามที่สุด ก็คือตอนที่นางเห็นชายหนุ่มที่ทำให้ตนเองหวั่นไหวได้
องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเป็นหมอหญิงคนหนึ่ง ถามคำถามออกมาแบบนี้ดูหน้าไม่อายเสียจริตัวเขายังไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ออกมาตรงๆ เลย"ตามหลักการควรจะหนึ่งวันหนึ่งครั้ง สองวันหนึ่งครั้งไม่ปกติ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นองค์จักรพรรดิหน้าขรึมไปอีก"เจ้าแค่บอกว่า สุขภาพของข้า ดีหรือเปล่าก็พอ!"เรื่องนี้ก็...ตอนนี้ยังปกติดีอยู่ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "ตอนนี้ยังไม่เป็นไร"แต่หลังจากนี้เป็นแน่ทว่าประโยคหลังนางก็ไม่ได้พูดออกมาองค์จักรพรรดิเองก็ฟังไม่ออก พอเขาเห็นว่าฟู่จาวหนิงยอมรับจากปากแล้วว่าสุขภาพเขาไม่มีปัญหา ก็พลันกระตือรือร้นขึ้นทันที"ฮ่าๆ ข้าก็บอกแล้ว ว่าวิชาแพทย์ของพระสนมอวี้เฟยยอดเยี่ยมมาก!"พระสนมอวี้เฟยยิ้มตามมา สายตากลับดูหม่นๆฟู่จาวหนิงมองออก หรือว่ามองไม่ออกกันนะ?เพราะจับจุดนี้ไม่ได้ นางจึงไม่กล้าจะทำอะไรกับฟู่จาวหนิงอีก และไม่คิดจะให้นางอยู่ต่อแล้วองค์จักรพรรดิยังอยากให้พระสนมอวี้เฟยจับชีพจรให้ฟู่จาวหนิง ฟู่จาวหนิงยังยืนกรานไม่ยินยอมเขาสงสัยแทบทนไม่ว่าว่าสุขภาพของนางต้องมีปัญหาจริงๆ ดังนั้นจึงไม่กล้าให้พระสนมอวี้เฟยตรวจแบบนี้ก็ดีเขาก็รับปากฝ่าบาทต้าชื่อ และให้