สีหน้าพระสนมอวี้เฟยเคร่งขรึมไปแล้วนางรู้ว่าฟู่จาวหนิงน่าจะไม่ไว้หน้านาง แต่ไม่คิดว่าฟู่จาวหนิงจะพูดตรงไปตรงมาแบบนี้ นี่เท่ากับตบฉาดหน้านางเลยทีเดียวต่อให้แค่พูดประชดประชัน แต่นางก็ยังแสร้งทำเป็นฟังไม่ออกได้การใช้ชีวิตในวังหลัง นางไม่เคยเห็นหญิงสาวคนไหนที่ตรงไปตรงมาแบบฟู่จาวหนิงเลย! เป็นความผิดแผกที่ประหลาดสุดๆ!"พระชายาอ๋องเจวี้ยนล้อเล่นเสียแล้ว" พระสนมอวี้เฟยเอ่ยขึ้นเสียงอึกอักองค์จักรพรรดิเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ในสายตาสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว หรือว่าพระสนมอวี้เฟยจะยังทำเรื่องไม่สำเร็จ"พระชายาอ๋องเจวี้ยน วิชาแพทย์ของพระสนมอวี้เฟยค่อนข้างไม่เลวเลย นางน่าจะไม่เคยเข้าร่วมงานประชุมหมอใหญ่ ถ้าหากไปเข้าร่วมก็น่าจะเข้าสมาคมหมอใหญ่ได้ ได้รับป้ายอนุญาตหมอสีทอง"องค์จักรพรรดิมองฟู่จาวหนิง สายตาเหลือบมองไปที่ท้องของนางแต่ฟู่จาวหนิงก็ยังเห็นสายตาของเขา และรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันทีถูกผู้ชายคนหนึ่งใช้สายตากวาดมองมาที่ท้องน้อย มันรู้สึกไม่สบายเอาเลยจริงๆสองมือนางยกขึ้นไขว้กันบังเอาไว้ด้านหน้า สายตาเย็นเยียบลงมาพอควร ไม่พูดอะไรต่อจากคำพูดขององค์จักรพรรดิองค์จักรพรรดิเห็นว่านางไม่พูดอะไรต่
องค์จักรพรรดิไม่นานก็เข้ามาเขายังดูตื่นเต้นด้วยฟู่จาวหนิงเข้าวังมาพักหนึ่งแล้ว เวลาขนาดนี้ พระสนมอวี้เฟยน่าจะทำสำเร็จแล้วกระมัง?เขาอยากรู้มาก ฟู่จาวหนิงมีลูกไม่ได้จริงหรือเปล่า!ก่อนหน้านี้พระสนมหวนเฟยก็วิเคราะห์กับเขามาแล้ว บอกว่าช่วงชีวิตก่อนจะอายุสิบหกของฟู่จาวหนิงข้นแค้นมาก กินไม่ดีสวมเสื้อผ้าก็ไม่อุ่น ได้ยินว่าตอนที่อากาศหนาวจัดยังเคยตกลงไปในทะเลสาบด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังซักเสื้อผ้าตั้งแต่เด็ก ตอนที่ออกไปขุดยามาให้ท่านผู้เฒ่าฟู่เองก็เจอความลำบากมาไม่น้อยพอวิเคราะห์ออกมาแบบนี้ สุขภาพของหญิงสาวต้องอ่อนแอแน่นอน เป็นไปได้มากที่ร่างกายจะเย็นรักษาได้ยากองค์จักรพรรดิยังจำได้ ตอนแรกสุดที่พวกเขาแต่งงานวันนั้น ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง นางฟอมจนเหมือนแค่ลมพัดก็ล้มแล้วแม้ต่อมาวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงจะดีขึ้น รู้ว่าต้องบำรุงร่างกายตัวเองอย่างไร แต่ร่างกายของหญิงสาวพังไปแล้วก็ชดเชยกลับมาได้ยากฟู่จาวหนิงเป็นไปได้มากว่าจะมีบุตรได้ยากจริงๆถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง ก็จะดูอย่างที่สุด เขาจะใช้เหตุผลที่ฟู่จาวหนิงให้กำเนิดทายาทไม่ได้ ปลดตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยนของนางซะถึงตอนนั้นก็บอกว่าเขารับปา
เรื่องแบบนี้ องค์จักรพรรดิไม่มีทางให้พระสนมอวี้เฟยมาคุยเองแน่องค์จักรพรรดิต่อให้โปรดปรานนางแค่ไหน ก็ไม่มีทางเอาเรื่องที่เกี่ยวกับอ๋องเจวี้ยนหรือเกี่ยวกับแคว้นส่งให้นางแน่พระสนมอวี้เฟยจะอย่างไรก็ยังเป็นคนแคว้นหมิ่นองค์จักรพรรดิต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว พระสนมอวี้เฟยก็เข้าใจจุดนี้ด้วยเช่นกันความเป็นจริง องค์จักรพรรดิก็แค่อยากให้นางมาจับชีพจรฟู่จาวหนิงเท่านั้น ดุว่านางมีลูกได้ไหม ร่างกายมีปัญหาหรือไม่พระสนมอวี้เฟยนึกถึงราชโองการอีกครั้ง ถ้าหากมีโอกาส นางจะวางยาพิษฟู่จาวหนิง พิษที่ทำให้นางไม่สามารถมีลูกได้อีก นั่นคงจะดีที่สุดแล้วแต่พระสนมอวี้เฟยนานๆ จะได้พบฟู่จาวหนิงสักครั้ง ซ้ำยังเป็นในวังบรรทมของนางด้วย คนในนี้ถูกนางซื้อไว้แล้ว เป็นเขตแดนของนาง แล้วนางจะไม่ซักถามไม่ทำอะไรเสียหน่อยได้อย่างไรกัน?"องค์จักรพรรดิอันที่จริงก็ไม่อยากส่งเจ้าไป" พระสนมอวี้เฟยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง "ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นหมอเทวดาที่เข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว ตำแหน่งหมอเทวดาเองก็สูงส่งมาโดยตลอด แต่พอเทียบกับโชคชะตาแคว้นแล้ว ก็ยังมีน้ำหนักน้อยกว่าอยู่ดี""ฝ่าบาทต้าชื่อช่วงสองปีนี้ก็มีความทะเยอทะยาน เจ้ากับอ๋อ
ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกครั้ง"แผ่นดินขององค์จักรพรรดิ แต่ไม่ใช่ของเจ้านี่"นางเดิมทีคิดว่าพระสนมอวี้เฟยจะทนได้มากกว่านี้ ใครจะคิดว่าแค่ไม่กี่คำก็ทำให้นางโกรธจนขาดสติได้แล้วดูท่า พระสนมอวี้เฟยจะให้ความสำคัญกับฐานะและอำนาจในตอนนี้มากตอนนี้ฐานะสนมคนโปรดราชวงศ์แคว้นเจา เป็นสิ่งที่นางคิดจะกุมไว้ให้มั่น"ตัวข้า...""เอาล่ะ" ฟู่จาวหนิงตัดบทคำพูดพระสนมอวี้เฟยอย่างไม่เกรงใจ "ในเมื่อพระสนมอวี้เฟยตั้งครรภ์แล้ว เช่นนั้นก็ควรจะดูแลครรภ์ให้ดี อย่าไปสนใจเรื่องอื่นมากเกินไป แบบนี้จึงจะสงบใจได้"นางลุกขึ้นยืน "เรื่องนั้นของพระสนมอวี้เฟย ข้าไม่เห็นด้วย ข้าขอพูดไว้ตรงนี้เลย ผู้ชายของข้า ไม่ยอมให้หญิงคนที่สองเข้ามาข้องเกี่ยว ใครเข้ามา ข้าจะเล่นงานให้ตาย"พระสนมอวี้เฟยถลึงตาโตตอนนี้นางถูกฟู่จาวหนิงทำให้ตกตะลึงไปแล้วนางไม่อยากเชื่อ ว่าฟู่จาวหนิงกล้าได้อย่างไร? นางกล้าพูดเช่นนั้นออกมาได้อย่างไรกัน? แคว้นเจาไม่ใช่ไม่ชอบภรรยาเอกขี้หึงหรอกหรือ?ในบ้านขุนนาง เพื่อจะขยายวงศ์ตระกูล และเพื่อให้มีคนมาคอยปรนนิบัติสามีในเวลาที่ตนเองไม่สะดวก ภรรยาเอกต้องใจกว้างหน่อย รับอนุภรรยาให้กับสามี
พระสนมอวี้เฟยยิ้มละไมมองฟู่จาวหนิงนางอยากรู้ ว่าใช้สถานการณ์ของแคว้นเจามากดไว้บนตัวฟู่จาวหนิงแบบนี้ นางจะปฏิเสธได้อีกไหมองค์จักรพรรดิแค่พูดในท้องพระโรงสักสองสามคำ เหล่าขุนนางก็น่าจะรู้แล้ว ว่าอ๋องเจวี้ยนรับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้ามามีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสียเลยยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นประโยชน์กับแคว้นเจามหาศาลอีกด้วยเหล่าประชาชนถ้ารู้ ว่าลูกขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะเกิดมาพร้อมโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ สามารถนำความรุ่งเรืองมาได้อย่างน้อยยี่สิบปี พวกเขาจะอย่างไรก็ต้องหวั่นไหวถึงตอนนั้นทั่วทั้งราชสำนัก ประชาชนทั่วทั้งเมือง ก็จะบีบให้อ๋องเจวี้ยนต้องรับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้ามา แล้วนางจะปฏิเสธได้ไหม?ถ้าหากนางยังคิดจะปฏิเสธอองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ความผิดนี้ก็จะตกไปอยู่กับฟู่จาวหนิงคนเดียวฟู่จาวหนิงจะรับไหวหรือ?แต่ว่าแค่ตำแหน่งพระชายารองเท่านัน พระสนมอวี้เฟยไม่เข้าใจว่ฟู่จาวหนิงทำไมต้องปฏิเสธอเอาเป็นเอาตายแบบนี้ชายหนุ่ม โดยเฉพาะชายที่มีตัวตนฐานะแบบอ๋องเจวี้ยน ชั่วชีวิตจะรักและดูแลผู้หญิงเพียงคนเดียว เป็นไปได้หรือ?นางไม่กลัวว่าฟู่จาวหนิงหมดหวังเพราะเรื่องนี้ จนยอมรับข้อเสนอของหยวนอี้ แล้วกลับ
ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยชอบถูกคนดึงไปพัวพันกับเจ้าอารามเจ้าอารามโยวชิงคนนั้นนางยังมองไม่ออกเลย แต่จากเรื่องที่เขาพยายามกีดกันนางกับเซียวหลันยวนมาตลอด ตลอดทางนี้ยังอยู่กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วย นางจึงต้องระมัดระวังเจ้าอารามโยวชิงไว้ต่อให้เขาจะมีเหตุผลจำเป็นหรือพูดออกมาไม่ได้จริงๆ ก็ตามต่อให้เขาจะทำตามภาพมายาเพื่อความผาสุกของมวลประชาก็ตามถุด เอาความรับผิดชอบกับตรวนที่หนักอึ้งมาครอบหัวนางไว้ แล้วนางต้องแบกรับมันอย่างไม่มีข้อโต้แย้งหรือ?ฟู่จาวหนิงรู้สึคกว่าตนเองไม่ได้มีจิตใจยิ่งใหญ่ขนาดนั้นถ้าหากพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา บางทีนางยังอาจจะช่วยคิดหาทางออกด้วยกันก็ได้"พระชายารู้ว่าตัวข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้" พระสนมอวี้เฟยชะงักไป อธิบายขึ้นมาอีกว่า "ก่อนหน้านี้ที่อ๋องเจวี้ยนพักฟื้นที่ยอดเขาโยวชิง ก็เป็นเพราะไท่ซ่างหวงเห็นด้วย เขาต้องรู้ถึงความผูกพันที่อ๋องเจวี้ยนกับเจ้าอารามมีให้กันมาหลายปีแน่ ไม่ใช้อำนาจราชวงศ์มาข่มเจ้าอารามหรอก พระชายาคิดมาเกินไป""พระสนมอวี้เฟยถ้าอยากรู้เกี่ยวกับเจ้าอาราม ก็เชิญเจ้าอารามเข้าวังมาก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาสืบผ่านตัวข้า" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นนี่คือไม่เล่น
นางระบำสองคนนั้นคุกเข่าลงข้างๆ แต่กลับเงยหน้ามองมาทางฟู่จาวหนิงอยู่ตลอดเสี่ยวเยว่กับหงจั๋วมองข้ามพวกนางไม่ได้เลยนางสองคนรู้สึกแปลกประหลาดมาก พระสนมอวี้เฟยจงใจจัดฉากนี้หรือ? ให้นางระบำคุกเข่าอยู่ที่นี่ แล้วพวกนางก็ยังดูคล้ายคลึงกับพระชายาด้วย มองผ่านๆ ก็เหมือนให้พระชายามานั่งคุกเข่าอยู่ในตำหนักตลอดแบบนั้นยิ่งไปกว่านั้นพวกนางยังสวมเสื้อบางเบาเห็นเนื้อหนัง ที่บ่าแขนและเอวมีเพียงผ้าบางๆ ชั้นเดียว ปกปิดอะไรแทบไม่ได้เลยนี่คือกำลังแอบลบหลู่พระชายาของพวกนางอยู่หรือ?เสี่ยวเยว่กับหงจั๋วล้วนโมโหเป็นฟืนไฟ อดถลึงตาใส่พระสนมอวี้เฟยไม่ได้สายตาของพระสนมอวี้เฟยก็กวาดผ่านหน้าพวกนาง เลิกคิ้วขึ้น "พระชายาอ๋องเจวี้ยน หญิงรับใช้สองคนนี้ของท่านเหมือนจะไม่ค่อยพอใจข้าหรือ? ทำไมพวกนางถลึงตามองตัวข้าแบบนี้?"ขึ้นตำแหน่งสนมเร็วเกินไป เดิมทีเป็นแค่สาวงามที่แคว้นหมิ่นส่งเข้ามาเท่านั้น ตอนี้กลับกล้าใช้คำว่า "ตัวข้า" เรียกตัวเองเสียแล้วฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็อดคิดถึงพระชายาเยว่ขึ้นมาอีกไม่ได้ครึ่งปีก่อนพระชายาเยว่ก็กำเริบเสิบสานมาก กระทั่งทำให้ตระกุลเยว่กำเริบเสิบสานตามไปด้วย ตอนนั้นพวกเขาล้วนรู้สึกว่าพระ
พระสนมอวี้เฟยนี่ชอบเสวยสุขอยู่เหมือนกันนะ?หรือจะบอกว่า นี่เตรียมมาให้นางดูกัน?ฟุ่จาวหนิงยืนอยู่ในตำหนัก นางระบำสองคนนั้นหมุนตัวมา ระบำมาตรงหน้านาง ผ้าบางในมือสะบัดอย่างรวดเร็ว ลูบมาทางใบหน้านาง"คุณหนูระวังด้วย"พอเสียงเสี่ยวเยว่ดังขึ้น ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกมาก้าวหนึ่งพระสนมอวี้เฟยหัวเราะขึ้นเบาๆ"พวกเจ้าทำไมถึงไร้มารยาทเช่นนี้? เอาท่าร่ายรำยั่วบุรุษ มาใช้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ? หรือพอเห็นว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนงดงามหาใครเปรียบแล้ว มันทนไม่ไหวกัน?""พระชายาอ๋องเจวี้ยนระงับโกรธด้วย"นางระบำสองคนนั้นหยุดลงทันที ย่อตัวลงคุกเข่าต่อหน้าฟู่จาวหนิง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นหงจั๋วกับเสี่ยวเยว่พอเห็นใบหน้าพวกนาง ก็สีหน้าเปลี่ยนไปพร้อมกันเพราะหน้าตาของสองนางระบำนี้ คล้ายคลึงกับฟู่จาวหนิงถึงสามส่วน!แน่นอน ถ้ามองอย่างละเอียด หางตาของพวกนางถูกวาดออกมา คิ้วก็ถูกเขียนขึ้นอย่างประณีต ชัดเจนมาก ว่าพวกนางแต่งหน้าแบบนี้เป็นปกตินี่คือจงใจ หรือว่าวาดออกมาจนคล้ายฟู่จาวหนิงโดยบังเอิญ?ความสงสัยนี้อยู่ในหัวพวกนางแค่แวบเดียว แล้วก็ได้คำตอบมาแทบจะในทันทีมีเรื่องบังเอิญแบบนี้เสียที่ไหน?นี่มันจง
หงจั๋วทำไมถึงรู้จักหอลมวสันต์ล่ะ?"อันที่จริงข้าน้อยก็ได้ยินมาจากคุณชายฟู่"ฟู่จาวหนิงงงงัน นางไม่คิดว่าข้อมูลแบบนี้ หงจั๋วจะได้ยินมาจากพ่อของตนเอง"คุณชายฟู่กับฮูหยินก่อนหน้านี้เรียกข้าน้อยเข้าไปรับพวกดอกไม้ใบหญ้า พวกที่ปลูกไว้ในเรือนโยวหนิงนั่นเจ้าค่ะ"หงจั๋วพอพูดขึ้นมา ฟู่จาวหนิงก็มองไปยังดอกไม้ที่กำลังบานอยู่ในลานบ้านเหล่านั้น พันธุ์ดอกไม้พวกนั้นไม่เลวเลย ตอนนี้กำลังบานสะพรั่งหลากสีสันดูเหมือนนี่จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่พวกเขาเดินทางไปยอดเขาโยวชิง หงจั๋วคงยังไม่ทันได้บอกกับนาง"คุณชายฟู่บอกว่าดอกไม้เหล่านี้เขาให้คนไปหามา ให้ปลูกไว้ที่จวนอ๋อง พระชายาจะได้ชมดอกไม้ได้ด้วย ตอนนั้นคุณชายฟู่ก็พูดถึงเรื่องหอลมวสันต์ขึ้นมา บอกว่าคณะทูตของแคว้นหมิ่น ตอนนี้ไปที่หอลมวสันต์บ่อยๆ รออ๋องเจวี้ยนพระชายากลับมาก็ให้บอกไว้เสียหน่อย"หงจั๋วรู้สึกเชิงขอโทษ "ข้าน้อยก็ลืมไป เพราะตอนนั้นฮูหยินฟู่ถามคุณชายฟู่ว่าจะไปหอลมวสันต์ไหม คุณชายฟู่จึงอธิบายว่าหอลมวสันต์เป็นสถานที่แบบไหน บอกว่าสถานที่แบบนั้นเขาไม่ไปหรอก แล้วยังบอกว่า ท่านอ๋องเองทางที่ดีก็อย่าไป เพราะพระชายารู้เข้าจะคิดมาก"ฟู่จิ้นเชินตอ