ทันใดนั้น ซ่งหว่านชิวก็คว้าผ้าพันคอของหลินจืออี้ไว้โดยไม่คาดคิด และออกแรงดึงเธอมาตรงหน้าตัวเองระหว่างดึงกัน รอยฟันบนคอของหลินจืออี้ก็ถูกเผยออกมาให้เห็นเมื่อซ่งหว่านชิวเห็นอย่างนั้น หางตาของเธอก็ฉายแววอํามหิต แรงที่มือก็ยิ่งออกมากขึ้น"ยังใส่อยู่เหรอ กลัวว่าคนอื่นจะไม่หรือว่าเธอเป็นคนยังไง? เอามันมาให้ฉัน”“……”หลินจืออี้เจ็บคอไปชั่วขณะ รีบกัดฟันบิดข้อมือของซ่งหว่านชิวทันทีถึงยังไงเธอก็เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่บอบบางคนหนึ่ง ถ้าพูดถึงความแข็งแรงนี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินจืออี้เลยหลินจืออี้มองเธออย่างเย็นชา “ทําไมคุณชายสามผู้สง่าผ่าเผยถึงไม่ได้เตรียมผ้าพันคอให้คุณนายสามล่ะ? แต่ก็ไม่เป็นไร เธอสามารถขอเพิ่มในสินสอดได้”พูดจบก็ผลักมือของเธอออกอย่างแรงซ่งหว่านชิวสบตาหลินจืออี้อย่างเคียดแค้น แต่ในวินาทีต่อมา มุมปากของเธอก็ยกยิ้มเยาะขึ้น แล้วถือโอกาสล้มตัวลงไปชนชั้นวางกระถางต้นไม้“อ๊ะ!”ซ่งหว่านชิวกรีดร้องออกมา เอามือกุมหัวแล้วล้มลงกับพื้น เลือดไหลอาบหน้าผากเมื่อได้ยินเสียง ทุกคนในห้องประชุมก็วิ่งออกมา“คุณซ่ง คุณเป็นอะไรไป?”เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งรีบประคองซ่งหว่านชิวขึ้นมาแ
เมื่อคืนหลินจืออี้กินยาแล้วก็นอนแต่เช้า แต่กลับฝันทั้งคืนฝันพวกนั้นยุ่งเหยิงไปหมด เธอไม่สามารถเชื่อมโยงเข้าด้วยกันได้เลย ดังนั้นถึงรู้สึกหดหู่เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าหลินจืออี้นัวเนียหัวตัวเองไปสองที พอเห็นเวลาก็รีบลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาเมื่อหยิบผ้าพันคอขึ้นมาที่ทางเข้า ก็พบว่าสัมผัสของผ้าพันคอไม่เหมือนเดิมแล้วพอสะบัดผ้าพันคอออก ตัวอักษร'เฉิน' ที่ปักด้วยด้ายสีทองที่มุมก็ส่องแสงเรืองรองออกมาเธอชะงักไปเล็กน้อยกงเฉินบอกว่าผ้าพันคอผืนนี้สําคัญมาก จะไม่ให้คนอื่นตามใจชอบเด็ดขาดไม่ใช่เหรอ?แล้วนี่เขาหมายความว่ายังไงกันแน่?ความคิดแรกของหลินจืออี้ก็คือกงเฉินต้องอยากจะหลอกใช้เธอทําอะไรอีกเป็นแน่เธอสะบัดผ้าพันคอของเขาออกด้วยความโกรธ แต่เธอหาผ้าพันคอของตัวเองที่ทางเข้าไม่เจอเลยในเวลานี้ กลุ่มงานบนโทรศัพท์มือถือแจ้งให้เธอทราบว่าจะมีการประชุมภายในหนึ่งชั่วโมงเธอได้แต่กัดฟันใส่ผ้าพันคอของเธอเพื่อปกปิดรอยที่คอพอออกจากบ้านและวิ่งเข้าไปในลิฟต์ ก็ไม่คิดว่าเพื่อนบ้านจะอยู่ด้วยเมื่อหลินจืออี้นึกถึงเรื่องเมื่อคืน ก็อายจนไม่กล้ามองเธอเพื่อนบ้านชําเลืองมองหลินจืออี้แวบหนึ่ง เห็
เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและความคาดหกงเฉินกงเฉินนิ่งเงียบเพราะเรื่องเดียวกันเขาไม่อยากพูดสองครั้งเขาหันหลังจากไปซ่งหว่านชิวมองแผ่นหลังของกงเฉิน กํามือที่เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ก่อนจะไล่ตามเขาไปอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ พลันจับแขนของกงเฉินไว้“คุณชายสาม จืออี้พูดอะไรเกี่ยวกับฉันใช่หรือเปล่าคะ?”ดวงตาของกงเฉินเย็นชา ตอบกลับว่า “เขาควรจะพูดอะไรกับฉันเหรอ?”เขามองซ่งหว่านชิว แต่เธอไม่สามารถรู้สึกถึงอารมณ์ใดๆ ในดวงตาของเขาเลย ในสายตาคู่นั้นว่างเปล่า ราวกับว่าเขากําลังมองคนที่ไม่สําคัญอย่างไรอย่างนั้นและไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถเข้าใจสีหน้าของเขาได้เลยตอนรู้ว่าตัวเองพูดมากเกินไป เธอก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่กลัวว่าก่อนหน้านี้จะเกิดความเข้าใจผิดในสตูดิโอ แล้วเธอจะจําฝังใจ ผู้หญิงเราก็มักจะคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ?”“งั้นเหรอ?”ถึงกงเฉินไม่ได้พูดอะไรออกมาชัดเจน แต่สําหรับซ่งหว่านชิว สองคํานี้เอนเอียงไปทางหลินจืออี้แล้วแต่เธอก็ไม่กล้าแสดงออกมา เธอบีบมือทั้งสองข้างแล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน“ฉันคิดมากไปเองค่ะ คราวหน้าฉันจะ
พอหลินจืออี้หันตัวกลับไป เงาหนึ่งก็ตกลงมา บีบให้เธอเข้าไปในมุมกําแพงกงเฉินเล่นผ้าขนหนูในมือ เส้นผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยทําให้ใบหน้าทั้งใบเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายเธออยากจะหลบ แต่ร่างกายของเธอถูกรวบเข้าไปในหน้าอกที่แข็งแรงทันทีแต่เธอยังไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน ก็ถูกจูบจูบหนึ่งปิดทับแล้วสัมผัสนั้นเบาบาง ราวกับว่าเธอเป็นอะไรที่เปราะบางผู้ชายที่อ่อนโยนแบบนี้ ทําให้หลินจืออี้ไม่ชินกับมัน กลับยิ่งลนลานกว่าเดิม แม้แต่มือยังลืมที่จะยกขึ้นต่อสู้กับการเข้าใกล้ของผู้ชายเขาแนบปากแล้วพูดซ้ำๆ เบาๆ ว่า "แฟนเหรอ?"“ฉันโกหก........”“หุบปาก”เขาดูเหมือนจะรู้ว่าเธอกําลังจะพูดอะไร เลยบีบคอเธอโดยตรงเขาจูบจากตื้นไปลึก ช้าๆ แต่กลับทําให้เธอหัวหมุนติ้วไปหมดสมองของหลินจืออี้ว่างเปล่า ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่งแล้ว แต่ในใจของเธอกลับสับสนวุ่นวายมากทันใดนั้น เธอก็ผลักกงเฉินออกและจามออกมาฮัดเช้ย!กงเฉินหรี่ตามองเธอ ชายร่างสูงมีสีหน้าเคร่งเครียด หันหลังเดินเข้าบ้านไปหลังจากหลินจืออี้เปลี่ยนรองเท้าแล้ว ก็ห่อเสื้อโค้ทให้แน่นแล้วเดินเข้าไปกงเฉินออกมาจากห้องน้ำและพูดอย่างแข็งกระด้างว่า "เข้าไปอาบ
“ไม่มีคนอื่นแล้ว พอใจหรือยัง?”หลินจืออี้หอบหายใจแรง พลางจ้องกงเฉินด้วยความโกรธแค้นแต่ถึงกระนั้น รูปลักษณ์ของเธอก็ยังคงดึงดูดคนไม่น้อยหางตาที่แดงก่ำ ดวงตาสองคู่เต็มไปด้วยหมอก อยากจะร้องไห้แต่ก็อดทนไว้ ขนตาสั่นไหว แม้แต่คลื่นในดวงตาก็ยังทําให้คนรู้สึกเสียวซ่านเสื้อเชิ้ตที่เปียกชื้นแนบกับผิว กึ่งปิดกึ่งปิด ล้วนเป็นการทดสอบการควบคุมตนเองของผู้ชายดวงตาของกงเฉินสลับเปลี่ยนวนไปมา มือของเขากําแน่นเป็นกําปั้น แม้แต่ข้อต่อกระดูกก็ขาวซีดเพราะออกแรงท้ายที่สุดเขาก็หลับตาลงและดึงผ้าขนหนูแห้งแล้วโยนให้เธอ“คลุมไว้ซะ”หลินจืออี้ชะงัก มองความคิดของชายตรงหน้าไม่ออกอีกครั้งแต่ตอนนี้สถานการณ์ก็ไม่อนุญาตให้เธอคิด เธอแค่อยากรีบใช้ผ้าขนหนูห่อตัวเองให้แน่นเท่านั้นเมื่อดึงผ้าขนหนู ในอากาศที่เงียบสงบเมื่อสักครู่นี้พลันมีเสียงดังซู่ขึ้นมาชุดชั้นในของหลินจืออี้ใส่มาปีกว่าแล้ว เพราะเมื่อกี้ดิ้นแรงเกินไป สายรัดจึงขาดและตอนนี้ เธอก็อยู่ตรงหน้ากงเฉินซวบ!เธอดึงผ้าขนผมมาคลุมตัว แล้วยัง......คลุมหัวด้วย“แค่ก แค่ก........”กงเฉินไอเสียงแหบแห้งสองครั้ง กําปั้นที่กําแน่นเริ่มแข็งและเจ็บขึ้นมา
แต่เธอ........ไม่รอให้กงเฉินพูดจบ หลินจืออี้ก็ต่อต้านอย่างรุนแรงความคับข้องใจและความคับแค้นใจทั้งหมดระเบิดขึ้นในนาทีนี้ เธอไม่สนใจว่าเขาจะพูดอะไรเธอแค่อยากหนีไปจากเขา“อาเล็ก อาไม่จําเป็นต้องพูดเรื่องพวกนี้กับฉัน ฉันไม่สนใจหรอก ฉันไม่สนใจคุณชายใหญ่ ยิ่งไม่สนใจอา พอกันที”เธอตะโกนเสียงดัง ไม่ได้เห็นกลิ่นอายอันตรายที่รุนแรงในดวงตาของกงเฉินเลยดวงตาของกงเฉินมืดครึ้ม เขาจับคางของเธอและยกมันขึ้นอย่างแรง "ไม่สนใจเหรอ?"ภายใต้สายตาของเขา หลินจืออี้ยังคงสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัว เธอกัดฟันแน่นถึงได้พยักหน้าอย่างแรง"ใช่! ไม่........ อื้อ”ชายหนุ่มไม่ให้เวลาเธอคิดแม้แต่น้อย ไม่รอให้เธอพูดจบก็บีบคางเธอ จูบลงมาราวกับพายุที่โหมกระหน่ำเธอยกมือขึ้นเพื่อต่อต้าน แต่กลับถูกจับและกดลงบนหน้าต่างรถ ยิ่งกําแน่นขึ้น แผลบนฝ่ามือก็เริ่มเจ็บเขาจงใจชัดๆเขาแค่อยากให้เธอเจ็บปวดหลินจืออี้เจ็บจนร้องครวญครางออกมา ลมหายใจของชายตรงหน้ายิ่งร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ เขาหลุบตามองเธอ ดวงตาที่อ่านไม่ออกคล้ายจะกลืนกินเธอเข้าไป จูบของเขายิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น เขาสูบกลิ่นอายของเธออย่างเผด็จการสมองของหลินจืออี้
ดูแล้วดูน่ากลัวไม่น้อยหลินจืออี้ยังอยากจะดิ้นรน แต่กลับถูกกงเฉินดึงตัวไป แขนที่แข็งแรงอ้อมไปข้างหลังเธอ กักขังเธอไว้ในอ้อมอกโดยตรง"อย่าขยับ มือไม่เอาแล้วเหรอ?"น้ำเสียงที่อดกลั้นไว้พ่นใส่หูเธอพร้อมกับลมหายใจที่ร้อนระอุ ไม่ยอมให้เธอต่อต้านแม้แต่น้อยเมื่อนึกถึงมือ หลินจืออี้จึงเลิกดิ้นรนอีกตั้งแต่ออกจากบ้านตระกูลกง แผลที่มือของเธอก็เจ็บมาก แม้แต่หลิ่วเหอพูดอะไรกับเธอ เธอก็ฟังไม่เข้าเลยกงเฉินหยิบน้ำเกลือทางสรีรวิทยาขวดหนึ่งออกมาจากกล่องยาและพูดเสียงเบาว่า "อดทนหน่อย"หลินจืออี้ยังไม่ทันได้ตั้งตัว กงเฉินก็เริ่มล้างแผลแล้ว เจ็บทําให้หนังศีรษะเธอชาขึ้นมทันที นิ้วมือสั่นไปหมดมันเหมือนมีอะไรบางอย่างมุดเข้าไปในเนื้อเธอทนไม่ไหวจริงๆ หดมืออยากหนี แต่กงเฉินกลับกุมมือแน่นขึ้นวินาทีต่อมา ความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้นรอบๆ แผลเธอก้มลงมองและพบว่ากงเฉินกําลังล้างแผลให้เธอและลูบผิวรอบๆ เธอเบาๆ เพื่อลดเจ็บของเธอหลินจืออี้อึ้งไปเล็กน้อยหลังจากนั้นไม่นาน คราบเลือดบนบาดแผลและเศษถ้วยส่วนใหญ่ก็ได้รับการทําความสะอาดแล้ว แต่มีเศษถ้วยอันหนึ่งที่เจาะลึกเข้าไปในบาดแผลขณะที่เธอกําลังจะพูดว่าเธ
หลินจืออี้หยิบมีดปอกผลไม้มาจากจานผลไม้บนโต๊ะน้ำชาในห้องรับแขกเธอมีลางสังหรณ์ว่ากงเฉินจะมาแล้วเขาก็มาจริงๆ เพียงแต่ถูกมีดของเธอขวางเอาไว้เขารั้งคมมีดเอาไว้อย่างไม่เปลืองแรง ไม่ว่าหลินจืออี้จะผลักยังไงก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยดวงตาของหลินจืออี้แดงก่ำ ความเกลียดชังในดวงตาลุกโชน แต่ใบหน้ากลับซีดเผือด ได้แต่กัดริมฝีปากอย่างแรงรอยฟันบนริมฝีปากลึกและเป็นรอยแดงกงเฉินสบตาเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกขณะที่หลินจืออี้กําลังจะหมดแรง มือของเขาก็คลายออก มีดปอกผลไม้กรีดฝ่ามือเขาอย่างแรง เลือดไหลอาบทันทีหลินจืออี้ตะลึงงันทันทีกงเฉินแค่พูดเบาๆ ว่า "เป็นไงล่ะ?""บ้าไปแล้ว! บ้าไปแล้วชัดๆ!”หลินจืออี้โยนมีดปอกผลไม้ทิ้งแล้วหันหลังจะเดินจากไปแต่คนที่อยู่ข้างหลังบีบคอส่วนหลังของเธอด้วยมือเดียวและหันตัวเธอกลับไป พลันออกแรงกอดเธอและจูบเธออย่างรุนแรงหลินจืออี้เบิกตาโพลง ทุบเขาอย่างแรง แต่เขาไม่สะทกสะท้าน จนกระทั่งยิ่งจูบยิ่งหนักน้ำฝนปกคลุมปลายผมของเขา ลื่นไหลลงมาตามแกล้ม ดวงตาทั้งสองเหมือนมีหมอกน้ำหนาทึบ แต่ก็เหมือนหมอกหนาทึบที่บดบังอยู่ในนั้น ซ่อนความสับสนวุ่นวายที่เธอไม่เข้าใจจนกระทั่งฝนเริ่
คุณท่านกงทําหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จา แต่กลับมองตรงไปที่กงเฉิน รอให้เขาแสดงท่าทีออกมาหลินจืออี้ก้มหน้าลง มองฝ่ามือที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเพราะเธออยู่ในสารรูปที่ลําบากและเจ็บปวดมากพอแล้วแต่การโจมตีที่ร้ายแรงก็มาถึงแล้วนัยน์ตาลึกล้ำของกงเฉินกวาดมองหลินจืออี้ราวกับหุบเหวลึก ใบหน้าที่สงบนิ่ง มีเพียงความเย็นชาและความหนาวเหน็บที่ไม่มีที่สิ้นสุด“ไม่เกี่ยวกับฉัน”รอยแผลเป็นบนฝ่ามือเสียดสีกับเสื้อโค้ทขนสัตว์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เศษถ้วยแทรกซึมเข้าไปในเนื้อ แต่หลินจืออี้กลับด้านชาตั้งนานแล้วกงเยี่ยนถือโอกาสโอบหลินจืออี้ที่แข็งทื่อไว้ ยิ้มพลางพูดว่า “ขอบคุณอาเล็กที่สมความปรารถนา”ถ้ามีคนนอกเห็นเข้า คงคิดว่าเขามีความรู้สึกต่อหลินจืออี้ที่ลึกซึ้งแค่ไหนแต่มีเพียงหลินจืออี้เท่านั้นที่รู้ เขาพูดแบบนี้ก็เพื่อเเขาชนะใครบางคนเท่านั้นน่าเสียดายที่เขาผิดอย่างมหันต์จริงๆ กงเฉินไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยสายตาของคุณท่านกงวนเวียนอยู่ที่หลินจืออี้และกงเยี่ยน กลับไม่ได้โกรธเหมือนเมื่อครู่ที่รู้ว่าหลินจืออี้กับกงเฉินไปมาหาสู่กันเป็นการส่วนตัวเขาแค่พูดประโยคเดียวว่า "พวกแกไม่มีทางห