“ฉันพร้อมแล้วจ้ะ เริ่มเลยไหม... อึก!” ผีขุนแสนคำไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือรอพิธีรีตอง เขาโถมตัวเข้าใส่ร่างกายของนางบัวงามทันที ซุกไซร้อย่างรุนแรงตามซอกคอขาวจนหญิงสาวรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียวซ่าน ก็เล่นทั้งกัดทั้งขบทั้งเคล้น ดุดันไม่เบามือกันเลยสักนิด
ผู้ชายสมัยก่อนมันป่าเถื่อนขนาดนี้เลยเหรอ
แต่ชอบนะ เอาอีก!
“อื้อ! จะ... เจ็บนะ” เสียงหวานสั่นไหวเมื่อผีชายหนุ่มเริ่มฉีกทึ้งผ้ารัดอกออกอย่างเดือดดาลจนเศษผ้าบาดผิวขาวนวลจนเป็นจ้ำ หน้าอกอวบใหญ่สล้างออกมาสัมผัสอากาศภายนอก ปทุมถันสีชมพูอ่อนชูชันรับกับไรขนอ่อนที่ลุกชันเพราะความเหน็บหนาว ถึงมันจะวังเวงกลางป่าช้าแต่ก็แอบเร้าใจดี นางสาวบีรู้สึกเหมือนตัวเองได้พบประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิต
แบบแอดเวนเจอร์หน่อยๆ เซอร์ไวเวิลนิดๆ
แต่จะเรียกว่าใช้ชีวิตก็ไม่ได้เพราะเธอขิตไปในโลกเก่าแล้ว ต้องเรียกว่า ประสบการณ์ใหม่ในการใช้ร่างที่มาสิง จะถูกกว่า
เรียวปากหยักขบเม้มดูดดึงปลายถันอย่างดุเดือด หญิงสาวรู้สึกได้ถึงสัมผัสใหม่ที่แล่นแปลบมาถึงปลายสมองส่วนกลาง เธอรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียววูบวาบ เหมือนอยากจะปัสสาวะออกมาจนน้ำปริ่มนิดๆ เกร็งเท้าไปหมดเพราะเขาเล่นหน้าอกของนางบัวงามที่เชื่อมประสาทสัมผัสทุกอณูไปถึงดวงจิตในร่างด้วย
“อ๊ะ อ้า พี่อย่าดูดแรงสิ อึ๊ก!” เสียงหวานครางฮือเมื่อคนเหนือร่างไม่เคยคิดจะถนอมร่างกายอ้อนแอ้นนี้เลยสักนิด ดุดันเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังกระหายเนื้ออย่างไรอย่างนั้น
ทั้งๆ ที่เป็นแค่ผีเฮี้ยนตนหนึ่งแท้ๆ!
“นิ่งไปบัวงาม เป็นของพี่เถิดแล้วเจ้าจักมิเสียใจในภายหลัง”
ไม่เสียใจหรอกจ้าพ่อผีหล่อ ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ น้อมรับด้วยความยินดี ยังไงก็ตายไปแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดปะ นางสาวบีคิดในใจอย่างอวดเก่ง พลางแอ่นอกขึ้นแล้วแหงนคอครางครืนอย่างวาบหวามเมื่อยิ่งปรามเหมือนยิ่งยุ ผีหนุ่มดูดทรวงอกสาวจนแดงแจ๋ รอบขบกัดเต็มตัว สภาพดูไม่จืดเลยทีเดียว
“อ้ะ... อื้อ พี่ผี เบา เบาหน่อย!” เมื่อถูกรุกดูดดึงปลายถัน ด้านล่างเองก็ไม่ปราณีเช่นกัน ผีหนุ่มถกผ้าซิ่นสวยลงแบบไม่ถนอมราคาซิ่นที่น่าจะแรงพอตัว ดูจากเนื้อผ้าและสีลายผ้าที่ถูกถักทออย่างประณีต เรียวขาขาวจัดเปลือยเปล่านั้นถูกจับแหกแบบไม่อายผีฟ้าหน้าไหนในป่าช้า (เสมือนจริง) แห่งนี้ ที่ถึงแม้จะไม่ใช่ร่างกายของตัวเอง แต่ท่าแหกแข้งขาชี้ฟ้าแบบนี้ ก็ทำให้นางสาวบีอายหน้าแดงก่ำจนต้องเอามือมาปิดหน้าตัวเอง
“กรี๊ด!”
เสียงจุดซ่อนเร้นที่เปียกชุ่มฉ่ำแค่เพราะถูกดูดหน้าอกนั้นถูกปลายลิ้นสีดำแยบคายสอดแทรกเข้าไปในความนุ่มหยุ่น หญิงสาวหดเกร็งหน้าท้องอุดปากกรี๊ดเมื่อเป็นครั้งแรกที่ถูกเบิร์นเบบี้เบิร์น มันเสียววูบวาบไปทั่วทั้งท้องน้อย ยิ่งรู้สึกว่าปลายลิ้นนั้นควานลึกขึ้นเหมือนสัตว์ประหลาดแปลกปลอมนั่นก็ทำให้ดิ้นเร่า
“อ๊ะ อ๊า กรี๊ด มะ... ไม่เลียตรงคริส ไม่เอา แง!” คริสที่ว่าเธอหมายถึงคริสตอริสน่ะ แต่ยิ่งห้ามกับเหมือนยิ่งยุ ผีขุนแสนคำตวัดเลียตรงปุ่มปรารถนาจนชูชันแข็งเป็นเม็ดบัวตูม ผู้ชายยุคโบราณนี่ดุดันไม่เกรงใจใครเป็นบ้าเลย ถึงจะถูกสังคมปิตาธิปไตยกดทับอยู่ แต่เขากลับรู้จุดถึงของผู้หญิงเป็นอย่างดี และตั้งใจทำให้เสร็จได้ไวด้วย
ถ้าเท่าที่เคยได้ยินเพื่อนเล่าประสบการณ์เซ็กซ์กับแฟนหนุ่มมาบ้าง ส่วนใหญ่ผู้ชายไม่ค่อยใส่ใจที่จะเล้าโลมผู้หญิงนักหรอก สนใจแค่ตัวเองเสร็จถึงใจก็พอ ฝ่ายหญิงจะเป็นยังไงไม่แคร์หรอก แต่กลับกันพวกเจ้าชู้ปากว่ามือถึงจะใช้สิ่งเหล่านี้ผูกมัดผู้หญิงไว้
ถ้าไม่บอกว่าเคยคลั่งรัก นี่มันอดีตเสือผู้หญิงคนหนึ่งชัดๆ
“อึก... อื้อ น้องจะถึง! จะถึงแล้ว!” ฝ่ามือเล็กเผลอจิกเกร็งทึ้งผมสั้นแบบผู้ชายของคนที่อยู่ระหว่างซอกขาอ่อนด้านในสุดเมื่อรู้สึกว่าความลึกนั้นจะทำให้ถึงจุดเข้าจนได้ เป็นครั้งแรกที่นางสาวบีเสร็จสมด้วยคนอื่นโดยไม่ใช้ตัวช่วยแบบในโลกก่อนมาเกิดใหม่ เมื่อทะลักทะล้นความปรารถนาออกมาเต็มอุ้งปากหนา เธอก็หอบหายใจจนตัวโยน หน้าอกอวบใหญ่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างเซ็กซี่
ดวงตาสีทมิฬทำเพียงแค่ปรายตาขึ้นมอง หากแต่กลับแสยะยิ้มท่าทางพึงใจ
“... ถึงเร็วดีนี่ เร็วเกินกว่าที่มึงได้เอื้อนเอ่ยว่าตนนั้นมิเคยผ่านมือชายใด” กายแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนาแน่นนั้นปลดโจงกระเบนออก เปิดเผยองคชาตใหญ่โตมากเกินกว่าจะจินตนาการออกมา “สตรีที่มิแม้แต่จักรู้วิธีการเป็นหญิงงามเมืองเมื่ออยู่บนเตียงกับชายนั้น... มิสมควรเรียกได้ว่าเป็นหญิงที่น่ายกย่องนักดอก”
โดยไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในความฝันหรือความจริงกันแน่ นางสาวบีถูกมือที่มองไม่เห็นฉุดแขนขึ้นมาประจันหน้ากับท่อนเนื้อใหญ่ที่ประชิดหน้าราวกับต้องการให้เธอที่ไม่ประสีประสาปรนเปรอให้ถึงใจ แก้มเล็กเผลอถูไถกับมันไปเพียงนิดหน่อย กลิ่นกายความเป็นชาย และความองอาจใหญ่โตน่าหวั่นเกรงนั่นทำให้นางสาวบีผงะไปชั่วครู่
ดวงตาสีรวงข้าวเคลิบเคลิ้มเลื่อนลอยดูเพ้อฝัน แค่เพียงถูกเบิร์นสมองก็ขาวโพลนขนาดนี้เลยหรือ? น่ากลัวชิบ
นี่ใช่ไหมโลกของตัณหาที่ตลอดยี่สิบห้าปีไม่เคยสัมผัส
“นี่หมายความว่าจะให้ฉันอมของพี่เหรอ?” เป็นคำถามโง่ๆ แค่เพราะมองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วว่ามันใหญ่เกินกว่าที่ปากน้อยๆ ของร่างนางบัวงามจะสวบเข้าไปทั้งหมดได้
“เท่าที่มึงมีปัญญาจักทำได้เถิด” แววตาสีดำสนิทไม่มีนัยน์ตาดำนั้นหลุบตามองกายเล็กที่อยู่ต่ำกว่า แต่ถึงไม่มีตาดำ นางสาวบีก็สัมผัสได้ว่ามันกำลังมองเหยียดอย่างดูแคลนความอ่อนประสบการณ์ของเธออยู่
โอ้โห ไอ้ผี ดูถูกกันได้
จากประสบการณ์การผ่านหนัง AV มาพันกว่าเรื่อง P**n อีกร้อยแปดสิบเรื่อง
จะพิสูจน์ให้ดูว่าอีบีน่ะมันของจริง!
ปลายลิ้นเล็กเลือกสัมผัสในรสชาติส่วนปลายก่อน เธอเลี่ยงที่จะไม่ชิมน้ำใสๆ ที่ปริ่มตรงปลายหัวเพราะไม่ประสีประสานัก นางสาวบีผู้ไม่เคยผ่านมือชายใดไม่รู้ว่ามันรสชาติเป็นอย่างไร ยังไงเพื่อความปลอดภัยเลือกที่จะไม่เลียตรงนั้นดีกว่า เผื่อรสชาติมันห่วยแตกกว่าที่เคยได้ยินมา
ไร้เสียงครางเสียดเสียวอย่างที่ควรจะเป็น มีเพียงดวงตาสีดำสนิทอันลึกลับที่หลุบลงมองนางสาวบีที่แหงนหน้าขึ้นปรนเปรอเขา ขุนแสนคำมองดวงหน้างามที่เคยที่เป็นที่รักของเขาอย่างสุดหัวใจ เขาเคยทำได้ทุกอย่างเพื่อให้นางบัวงามมีความสุข แต่เมื่อเลือกที่จะหักหลังกัน
ต่อให้เหลือแค่ร่างกาย... ก็จะทำให้ทรมานในฐานะทาสสวาทให้ถึงที่สุด จะทำให้เมื่อหล่อนกลับมา จะรู้สึกเหมือนตกนรกกับร่างกายที่สั่งสมอาคมของดำสกปรกไปมากนี้
อย่าได้คิดว่าจะได้ตายไปอย่างมีความสุข อย่าได้คิดว่ากูจักปล่อยให้มึงได้ไปสู่สุขคติ ไม่ว่าวิญญามึงจักอยู่ที่ไหน กูจักลากทึ้งกลับมาสู่ร่างเดิม แลทำให้มึงตกนรกไปพร้อมกันกับกู!
ส่วนนังผีเร่ร่อนที่สิงสู่กายนาง
กูมิได้สนมันนักดอก ถ้ามิใช่ว่ามันจักเป็นประโยชน์ให้กูได้ละก็
“เช่นนั้นข้าก็วางใจ” เขาตอบเพียงเเค่นั้น พลางคลี่ยิ้มบางซ่อนความไม่พึงใจภายใต้รอยยิ้มนั้นไว้ “ข้าได้จัดเรือนรับรองไว้ให้แล้ว ขุนอิน เจ้าพำนักอยู่ที่นี่สักเดือนหนึ่งเถิด จักพอมีเพลาอยู่กับข้าได้หรือไม่่?” ขุนอินยิ้มน้อยๆ เมื่อร่างชายวัยกลางคนชักชวน ดวงตาภายใต้เเว่นกรอบหนาเปี่ยมด้วยไมตรีจิตที่จริงใจ “ครานี้สนามรบหาได้คึกคักไม่ ข้าไม่มีภาระอันใดดอก ข้าจักอยู่เป็นเพื่อนเอ็งเอง จักมิปล่อยให้เอ็งเผชิญความลำบากนี้โดยลำพังเป็นอันขาด” นางสาวบีเผลอประทับใจกับความสัมพันธ์ของชายทั้งสองจนสายตาวาววับเป็นประกาย อย่างน้อยเเม้ไม่มีใครจริงใจกับขุนเเสนคำเลยเเม้เเต่เมียตนเอง เเต่เขาก็ยังมีมิตรเเท้ที่หาได้ยากยิ่งในช่วงเวลานี้อยู่ หญิงสาวฉีกยิ้มบาง ดูเต็มไปด้วยอารมณที่ดีนักหนา โดยที่ไม่เข้าใจตนเองเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงต้องดีใจไปกับเรื่องดีๆ ของเขา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าภาพเหล่านั้นกำลังอยุ่ในสายตาของหมอหนุ่มในทุกอิริยาบถของเธอ “งั้นข้าขอตัวก่อน เสร็จธุระเเล้ว” ขุนอินโพล่งขึ้นมาด้วยรอยยิ้มบาง ซุกซ่อนความรู้สุกบางอย่างไว้ใต้พรมเเห่งความคิด ขุนเเสนคำในร่างพระยาสิงขรจึงฝากฝังให้ข้าไทประจำเรือนรับรองพาชายหนุ่มไ
“เขา... จะไม่ตายใช่หรือเปล่าจ๊ะ?” เธอถามเสียงแผ่ว ขุนอินยังคงสับสนไม่รู้ว่าหล่อนรู้เรื่องชายผู้นี้ที่บาดเจ็บอยู่ในเรือนได้อย่างไร เขายังคงสับสนหลายๆ อย่างเพราะรู้จักขุนเเสนคำมานาน รวมถึงรู้จักบัวงามในฐานะเมียของเพื่อน เเต่ในตอนนี้หล่อนจับพลัดจับผลูมาเป็นเมียของผู้ที่เราทั้งสองเคารพรัก เเละดูเหมือนท่านจะไว้วางใจในตัวนางให้รู้เรื่องราวทุกอย่างเสียงด้วย ขุนอินเหลือบมองหล่อนเพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้ากลับลง “ถ้านี่มิใช่กระสุนอาคมเจาะเนื้อหนัง ก็ตอบได้ทันทีว่าไม่... หากแต่ตอนนี้กระผมตอบไม่ได้” พระยาสิงขรเม้มปากแน่น “กระสุนนี้เป็นกระสุนที่ข้าได้มาเพื่อกำจัดผู้มีอวิชาฟันเเทงมิเข้า” ขุนอินไม่ตอบอะไรเมื่อเขาอธิบาย ชายหนุ่มเพียงหยิบเอาใบยาฝานบางแช่น้ำสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุนจากดีปลี ขมิ้นอ้อย และรากขันทองพยาบาท ค่อยๆ วางแนบบริเวณแผล แล้วปิดทับด้วยผ้าขาวสะอาด เขาหยิบแหนบเล็กจากปลอก มีปลายงอนคมเหมือนงาช้าง แล้วล้วงลึกลงไปในแผลที่เป็นรูโดนกระสุนฝังในร่างกายของมัน ร่างของไอ้เหล็กกระตุกเบาๆ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด รวมถึงนางสาวบีที่เเสดงสีหน้าเหยเกเพราะเป็นการรักษาสดๆ ต่อหน้าโดยที่ไร
ทั้งที่พ่อทำให้แม่ต้องตรอมใจถึงเพียงนั้น ยังจะกล้ามองเขาเป็นลูกที่น่าภูมิใจอีกหรือ? ตลกสิ้นดี เผยธาตุแท้ออกมาเถิด ให้เขาได้เห็น ให้ผู้คนทั้งพระนครได้เห็นว่าพ่อก็เป็นเพียงชายผู้มีจิตใจคับแคบ เห็นแก่ตัว มัวเมาในราคะและหลงเชื่อหญิงโง่เง่ามากกว่าคนในครอบครัว ดังที่เคยทำจนชื่อเสียงเสื่อมเสียไปทั้งเมือง พ่อไม่เคยนึกถึงเลยหรือ ว่าตระกูลเราต้องอับอายมากถึงเพียงไหน? เขาเกลียดนัก เกลียดความใจดีเเละเสแสร้งนั่น เกลียดแววตาภาคภูมิใจเวลาที่พ่อมองมาที่เขา ทั้งที่ไม่ต้องการ ใช่... เขาอยากเห็นสีหน้าแบบนี้แหละ หน้าตาเต็มไปด้วยความชิงชัง ริษยา รวมถึงพิษร้ายอย่างความหึงหวง สมแล้วกับหน้ากากของพระยาสิงขรผู้ยิ่งใหญ่ที่เบื้องหลังฟอนเฟะยิ่งกว่ากระไรดี ขอบคุณท่านจริงๆ เจ้าคุณพ่อ... ขอบคุณที่ในที่สุดก็เผยไส้ในให้ลูกได้เห็นเสียที ข้าจะได้ก้าวข้ามท่านโดยไร้ความลังเลอีกต่อไป หนึ่งวันผ่านไป ตกช่วงเย็นใกล้ฟ้ามืด ก็มีเสียงม้าดังเร่งฝีเท้าเข้ามาท่ามกลางความเงียบของเรือนใหญ่ของท่านพระยา บัวงามเปิดม่านเเพรอย่างตื่นเต้น เพราะทันทีที่ขุนเเสนคำส่งข้อความไปถึง ‘ขุนอินเวชะสรรพ์’ หรือหมอหลวงที่เป็นสหายเก่าของขุนเเสนคำ
มิ่งขวัญหลบตัวอยู่ภายในห้องตั้งเเต่ช่วงเวลาที่เกิดเรื่อง ไม่ยอมออกมาร่วมวงทานข้าวกลางวันกับผู้ใดในเรือน ก็แน่ล่ะ มันเล่นทำเรื่องงามหน้าเอาไว้ถึงขนาดนั้นนี่ นางบัวงามนั่งลงที่สำรับด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ข้อมือของหล่อนยังปรากฏรอยแดงให้เห็นชัดถนัดตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนั้นไอ้เด็กเวรนั่นออกแรงฉุดยื้อเเรงเเค่ไหน และเมื่อถึงเวลาที่คิดว่ายอดหล้าน่าจะสำเร็จโทษความผิด กลับทำท่าทีหนีปัญหา ไม่คิดรับผิดรับชอบอะไรในสิ่งที่ทำเลยสักนิด ก็ขี้ขลาดตาขาวสมกับเป็นมันดี แม้สุดท้ายจะหลงเหลือมันเพียงคนเดียวในโลก บีก็ไม่ได้คิดที่จะแลแม้ปลายหางตา ผู้ชายที่ไหนพอโดนอ่อยเลยเพิ่งมาคลั่ง เเถมยังใช้วิธีคลั่งเเบบบังคับใจอีกฝ่าย นี่มันพฤติกรรมของเด็กน้อยชัดๆ คิดเเล้วยังหงุดหงิดหัวเสียไม่หาย ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เข้าหาบัวงามในร่างนี้ด้วยเจตนาร้าย จะเป็นชายที่นางเคยคว้ามาโดยไร้ความคิด หรือแม้แต่ที่คิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ตาม สุดท้ายล้วนไม่เข้าท่าสักคน รวมถึงขุนแสนคำด้วย หลังจากที่เขาทรมานนายเหล็กอยู่แทบทั้งคืน ดูท่าชายผู้นั้นจะปากหนักไม่ยอมเอ่ยความใดถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเลยสักนิด แววตาพร่าเลือนประหนึ่งคนที่พร้อมจะส
นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย นางสาวบียกมือเรียวสวยขึ้นกุมขมับ เมื่อเช้าวันต่อมามิ่งขวัญโผล่หัวมาพร้อมกับท่าทางราวกับคนไม่ได้หลับนอนมาทั้งคืน บุรุษหนุ่มหุ่นลีนโผล่หัวเข้ามาหน้าเรือนพระยาทั้งที่ยังสวมเสื้อตัวบางหลวมโพรก ผมเผ้ายุ่งเหยิง แววตาหวานเจือคลั่งจนไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้ มิ่งขวัญกำลังยืนหอบหายใจอยู่ตรงหน้าหล่อน หน้าเเดงก่ำ เหงื่อผุดพราย หมอนี่เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นอีกล่ะ? “ฉันคิดถึงหล่อนทั้งคืน... จนแทบจะบ้าคลั่งอยู่เเล้ว” ประโยคเเรกที่หลุดรอดออกมาจากเด็กวัยรุ่นทำเอานางบัวงามยกมือขึ้นทาบอก เเค่คืนเดียวที่ยั่วยวนไปเเบบไม่ได้ตั้งใจผสมอารมณ์เคืองขุ่น กลับได้ผลลัพธ์ที่บ้าบอยิ่งกว่า ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ กึ่งจะเชื่อว่าตนหลุดมาอยู่ในละครจักรๆ วงศ์ๆ สลับร่างฉับพลันกับหญิงในอดีตซึ่งดูเหมือนจะมีผู้ชายวนเวียนรอบกายไม่หยุดไม่หย่อน เเตกต่างจากก่อนจะตายที่เธอไม่มีใครมาขายขนมจีบให้เลยเเม้เเต่คนเดียว มันก็ดี เเต่ชักเริ่มรำคาญใจ “เจ้ามิ่งมาเรือนนี้แต่เช้าด้วยเหตุใดจ๊ะ” นางเอ่ยราวต้องการปัดรูปประโยคคลั่งไคล้ของเขาออกไปให้พ้นทาง เริ่มเว้นระยะห่างด้วยการถอยหนีอย่างกระอั่กกระอ่วน หากเเต่เด็กหนุ่ม
“พี่ เดี๋ยวฉันจัดการเองดีกว่า” บีเห็นว่าท่าไม่ดีจึงรีบโพล่งขึ้นมา ร่างเล็กยังเจ็บขาอยู่เเต่ก็ฝืนใจลุกขึ้น เซไปเล็กน้อยท่ามกลางสายตาที่สั่นไหวเพียงชั่วครู่จากเสี้ยวหน้าดุดัน รอยฝีเท้าเปล่าที่ย่ำลงพื้นไม้ของหล่อนนั้นซวนเซจากอาการบาดเจ็บ หากแต่หนักแน่นพอจะทำให้ความเงียบของเรือนที่มืดเเละสงบอย่างน่ากลัวแตกกระจาย เธอก้าวเข้ามาช้าๆ ดวงตาสบกับดวงตาเดือดดาลของชายพม่าผู้เคยมั่นใจในฝีมือของตนว่าเป็นนักรบอันเกรียงไกร เเต่ผู้หญิงตรงหน้ากลับทำให้มันเปลี่ยนความคิด นังนี่เป็นใครกันเเน่ ไอ้เหล็กที่นั่งอยู่ต่ำกว่ามองผู้หญิงตัวเล็กเหนือร่างด้วยความฉงนปนเคืองเเค้นยิ่งนัก ขุนแสนคำยังคงไม่พูดอะไร เพียงแต่เหลือบตามองเธอ ก่อนจะหันกลับไปยังไอ้เหล็กอีกครั้ง “มิต้อง” เขาห้ามปรามความอวดเก่งของเมียตนเอง ฝ่ามือหนาดันไหล่เธอออกน้อยๆ “พี่จัดการเอง” พะ... พี่? นางสาวบีเผลอขนลุกให้สรรพนามนั้นเล็กน้อย ก่อนที่ต่อมาจะเข้าใจได้ว่าเขากำลังเล่นละครปาหี่ต่อหน้าไอ้เหล็กอยู่ “มึงมิกลัวความตายงั้นรึ” เขากล่าวเสียงเรียบ แต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยโทสะที่กรุ่นร้อนราวขี้เถ้าใต้กองไฟที่พร้อมลุกโชนขึ้นอีกครั้ง “เช่นนั้น กูจักไม