แชร์

เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ
เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ
ผู้แต่ง: เทียนสื่อ

บทที่ 1 พลัดพรากจากห้วงเวลา

ผู้เขียน: เทียนสื่อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-12 09:39:40

ถนนสายหลัก ณ กรุงปักกิ่ง รถหรูคันสีดำเคลื่อนตัวไปตามถนนคอนกรีตทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เวลานี้อยู่ในช่วงเหมันตฤดู บรรยากาศโดยรอบจึงเต็มไปด้วยละอองหิมะสีขาวโพลน เด็กสาววัยสิบห้าฉีกยิ้มกว้างส่งไปจนถึงดวงตาคล้ายพระจันทร์เสี้ยว 

"คุณพ่อ คุณแม่คะ วันนี้จูเอ๋อร์มีความสุขที่สุดเลย" เด็กสาวโผเข้ากอดมารดาแนบอก 

ผู้เป็นมารดาแย้มยิ้มอบอุ่น มือเรียวลูบไล้เส้นผมสีดำขลับด้วยความทะนุถนอม ส่วนบิดาโน้มกอดหญิงสาวที่ตนรักสุดหัวใจทั้งสองไว้ในอ้อมแขนพร้อมใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข

"จูเอ๋อร์ ไม่อยากเที่ยวต่อจริงเหรอลูก วันนี้จูเอ๋อร์อยากไปไหนพ่อจะพาไปทุกที่" 

"นั่นสิ ลูกเรียนมาหนักพอแล้ว วันเกิดทั้งที พ่อและแม่อยากให้หนูได้พักผ่อนบ้าง" ผู้เป็นแม่เอ่ยสำทับ 

เด็กสาวใบหน้าพริ้มเพราคลายอ้อมกอดออกจากมารดา แล้วจึงหันมาโอบรัดบิดาอีกทาง เธอแหงนมองผู้เป็นบิดาด้วยแววตาออดอ้อนระคนซุกซน 

"คุณพ่อขา...จูเอ๋อร์ไม่อยากไปไหนแล้วจริง ๆ ค่ะ ทุกปีเราก็ไปเที่ยวข้างนอกกันอยู่ตลอด ปีนี้เรากลับไปทานข้าวด้วยกันที่บ้านดีกว่านะคะ บ้านเราอบอุ่นที่สุดแล้วค่ะ" 

ทั้งพ่อและแม่ได้เห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนรู้จักคิดรู้จักพูดก็ปลื้มปริ่มจนน้ำตาซึม แม้ฐานะครอบครัวพวกเขาร่ำรวยล้นฟ้า เป็นถึงซีอีโอเครื่องสำอางชั้นนำของประเทศ ทว่า'จางหลินจู'กลับไม่เคยทำตัวหยิ่งผยองหรือโอ้อวดใด ซ้ำยังไม่เคยหยิบใช้ข้าวของฟุ่มเฟือยเกินราคา เพราะจางหลินจูรู้ดีว่า กว่าที่พ่อและแม่ของตนจะมีวันนี้ได้ต้องผ่านความยากลำบากมากมายเพียงใด 

"ตอนนี้จูเอ๋อร์อายุสิบห้าปี ลูกพ่อโตเป็นสาวแล้วนี่นา" มือหยาบระคายบีบจมูกเชิดรั้นของบุตรสาวพร้อมส่ายไปมาอย่างนึกเอ็นดู เสียงหัวเราะคิกคักบ่งบอกว่าพวกเขาทั้งสามคนมีความสุขเพียงใด 

"ท่านประธาน กลับเลยใช่ไหมครับ" 

"ใช่กลับเลย รีบหน่อยเล่า ผมจะได้ไปทำอาหารให้จูเอ๋อร์ทาน" 

"ครับ" คนขับรถรับปากพร้อมเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น

เนื่องจากตอนนี้หิมะเริ่มปกคลุมหนาขึ้นทุกขณะ จางหลินจูเกิดเป็นห่วง เกรงว่าจะบดบังทัศนียภาพการขับขี่เอาได้  "คุณพ่อคะ ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ อันตรายนะคะ ให้คุณเจี่ยค่อย ๆ ขับเถอะนะคะ" 

"ไม่เป็นไร อาเจี่ยคุ้นทาง ขับรถให้พ่อมาเป็นสิบปี" 

คนขับรถมองภาพครอบครัวสุขสันต์ผ่านกระจกหน้ารถ เอ่ยสำทับ "คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงครับ ถนนสายนี้ผมคุ้นชินไปมาหลายครั้งแล้ว" 

จางหลินจูไม่วางใจเสียทีเดียว เพราะอกซ้ายของเธอมันดันเต้นแรงคล้ายวิตกกังวลจนผิดปกติ 

"จูเอ๋อร์"

"..."

"จูเอ๋อร์"

"..."

"คะ!" จางหลินจูสะดุ้งโหยง 

"เป็นอะไรลูก ใจลอยไปถึงไหน"

จางหลินจูส่งยิ้มแห้งขอด "เปล่าค่ะคุณแม่ จูเอ๋อร์แค่คิดถึงบ้านแล้วค่ะ" 

เสียงเล็กและเสียงทุ้มหัวเราะครืนประสานกันอย่างขบขัน "ดูสิเด็กคนนี้ อยากกลับบ้านขนาดนั้นเชียว" 

พริบตาก็มีบางอย่างหย่อนลงตรงหน้าของจางหลินจู เด็กสาวช้อนตาขึ้นแช่มช้า เธอกวาดสายตาเพื่อสำรวจครู่หนึ่ง  

"จูเอ๋อร์ สร้อยเส้นนี้พ่อให้หนู ชอบไหมลูก" 

สร้อยเส้นนี้มองด้วยตาเปล่ายังทราบได้ทันทีว่ามีมูลค่ามาก "ชอบค่ะ...แต่คุณพ่อ... นี่อะไรคะ ดูมีค่ามากเกินไปหรือเปล่า อีกอย่างลูกคงใส่ไปโรงเรียนไม่ได้หรอกค่ะ สวยอลังการขนาดนี้" 

"ใส่ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร นี่เป็นมรดกจากต้นตระกูลของเราเลยนะลูก สร้อยเส้นนี้ตกทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ไม่สามารถตีมูลค่าได้ ในเมื่อวันนี้ลูกไม่อยากได้อะไร ลูกก็เก็บเอาไว้ เผื่ออนาคตข้างหน้าลูกอาจได้ใช้" 

จางหลินจูขมวดคิ้ว เพราะเธอไม่ทราบความหมายจากคำพูดของบิดาเสียทีเดียว บางทีพ่อของจางหลินจูอาจหมายถึง เอาไว้ใช้ตอนที่เธอต้องไปออกงานสังคมอะไรทำนองนั้นก็ได้ จางหลินจูจึงไม่คิดสงสัยให้มากความอีก 

จางหลินจูแหงนหน้าขึ้น กระบอกตาทั้งสองร้อนรื้นแดงก่ำ ชีวิตคุณหนูเช่นจางหลินจูเปรียบดั่งองค์หญิงในนิยายก็จริง ครอบครัวของเธอสมบูรณ์เพอร์เฟกต์ซะจนใคร ๆ ก็ต้องอิจฉา ทว่าบรรดาเพื่อนหลายคนกลับเข้าหาเธอก็เพียงเพราะฐานะและหน้าตา แต่จางหลินจูกลับไม่เคยมีเพื่อนที่จริงใจกับเธอเลยสักคน 

"ขอบคุณนะคะ หนูรักคุณพ่อคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ" 

สร้อยในมือบิดาสวมลงบนลำคอของลูกสาว จากนั้นคนทั้งสามก็โผกอดกันด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น ขณะที่ดำดิ่งในห้วงแห่งความสุข จางหลินจูกลับรู้สึกว่ามีประกายบางอย่างกระทบเข้าม่านตาขณะที่ยังปิดสนิท 

แพขนตาหนาขยับไหว จางหลินจูเปิดปรือเปลือกตาขึ้นแช่มช้า พร้อมกับหรี่ตามองแสงที่สาดสะท้อนเข้ามา ภาพเบื้องหน้าคือรถบรรทุกขนาดใหญ่ เปิดไฟสูงสาดลำแสงเข้ามายังกระจกหน้ารถของเธอ 

"ระวังค่ะ!"

คนขับรถได้สติ เพราะเมื่อครู่เขาเผลอวูบไปชั่วขณะ ทำให้รถหลุดจากเลนของตน 

"เหวอ..." 

ทุกคนในรถเบิกตาค้าง พ่อแม่ที่นั่งขนาบซ้ายขวา กอดกายจางหลินจูไว้แน่น 

เอี๊ยด....

โครม!

ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบสงัดชั่วพริบตา หูของจางหลินจูอื้ออึงไปหมด ร่างกายของเธอก็ชาวาบจนไม่อาจขยับไหว จางหลินจูพยายามปรือตาขึ้น กวาดสายตามองหาคนที่รักสุดหัวใจ จางหลินจูเห็นพ่อและแม่ของเธอนอนไร้สติจมกองโลหิตสีแดงฉาน  

คะ...คุณพ่อ คุณแม่ ปลอดภัยไหมคะ 

ทั้งที่ภาพด้านหน้าฟ้องอยู่ตำตา จางหลินจูยังเลือกหลอกตัวเอง ตอนนี้จางหลินจูไม่อาจเปล่งเสียงหรือเคลื่อนไหวใด เพราะร่างกายมันชาไปหมด เปลือกตาก็หนักอึ้ง ลมหายใจที่หลงเหลือเริ่มขาดห้วงกระเพื่อมถี่ 

ไม่นานจางหลินจูก็ได้ยินเสียงไซเรนดังใกล้เข้ามา พร้อมกับแฟลชจากกล้องถ่ายภาพที่สาดสะท้อนเข้าม่านตาจนต้องปิดแน่น จางหลินจูพยายามโกยอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด 

นี่เรา... เรากำลังจะตายงั้นเหรอ คุณพ่อ คุณแม่คะ จูเอ๋อร์เจ็บจังเลยค่ะ...

"เร็วเข้า ๆ มีคนเกิดอุบัติเหตุ" 

"เอ๊ะ รถนี่มัน...ไม่ใช่รถของประธานจางหรอกเหรอ" 

"นั่นสิ น่าสงสารจริง ๆ จะรอดไหมเนี่ย"

"ยับเยินขนาดนั้น ถ้ารอดก็ปาฏิหาริย์แล้วล่ะ" 

จางหลินจูได้ยินผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ตบตีกันเต็มโซนสมองไปหมด ก่อนที่เสียงจะค่อย ๆ เบาลงพร้อมสติของเธอ เรียวมือซึ่งเปื้อนเลือดสีสดยกขึ้นกอบกุมสร้อยหยกบนลำคอด้วยความหวงแหน จางหลินจูไม่อาจประคองสติของตนเองไหวอีกแล้ว หัวใจของเธอกำลังเต้นช้าลงทุกขณะ 

สวรรค์ หนูยังไม่อยากตาย ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย หากวันเกิดปีนี้สามารถขอพรได้หนึ่งสิ่ง หนูขอให้หนูได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งกับ....

จางหลินจูใช้เรี่ยวแรงที่หลงเหลือเฮือกสุดท้ายอ้อนวอนสรวงสวรรค์ แต่เสียงสุดท้ายดันแผ่วโหยก่อนจบประโยค ท้ายที่สุดแสงจากแฟลชที่สาดเข้ามาก็มืดดับลง พร้อมลมหายใจที่ขาดสะบั้นของเธอ....

.

.

"เฮือก!!" 

"ฮื่อ....พี่หญิง พี่หญิงตื่นเถอะขอรับ พี่หญิง" 

เด็กสาวที่นอนตัวเย็นอยู่บนฟางแห้งเบิกตาโพลง พร้อมหอบหายใจกระเพื่อมถี่ นัยน์ตากลมโตกลอกมองไปมาด้วยอาการมึนงง 

นี่มันที่ไหน บ้านไม้งั้นเหรอ ทำไมหนาวจัง?

"ฮื่อ...ท่านแม่ ท่านแม่ พี่หญิงฟื้นแล้วขอรับ" 

พี่หญิง ใครกันพี่หญิง? 

จางหลินจูลดสายตาลงแช่มช้า ก็พบเข้ากับเด็กชายอายุราวห้าขวบนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ตรงหน้า เธออยากเปล่งเสียงแต่รู้สึกว่าลำคอของตนตอนนี้แห้งผากประหนึ่งขาดน้ำมาหลายวัน 

"นะ...หนูจ๊ะ" 

เด็กน้อยสูดน้ำมูกเสียงดังพรืด จากนั้นยกแขนเล็กซับน้ำตาที่เปื้อนสองข้างแก้มออกด้วยความรีบรน 

"จูเอ๋อร์ ได้สติแล้วหรือลูก" เสียงสั่นเครือของสตรีแว่วเข้ามา

ครั้นเหลือบมองผ่านลาดไหล่ของเด็กน้อยไป ม่านตาของจางหลินจูก็ขยายกว้าง น้ำตาพลันเอ่อคลอขึ้นเต็มเบ้าทันควัน "คุณแม่ คุณแม่ปลอดภัยใช่ไหมคะ" 

เพราะน้ำเสียงที่เปล่งออกมาช่างแหบแห้ง สตรีวัยกลางคนจึงช่วยพยุงเธอลุกขึ้นนั่ง จากนั้นก็ป้อนน้ำให้ดื่ม 

แค่ก แค่ก 

"ใจเย็น ๆ ลูก" 

ไม่นานจางหลินจูก็ดื่มน้ำจนอิ่ม จางหลินจูสำรวจเด็กน้อยและหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความงงงวย หญิงคนนี้ใบหน้าคล้ายมารดาของเธอมากราวกับฝาแฝด ทว่าการแต่งกายสุดมอซอแบบนี้จะใช่แม่ของจางหลินจูแน่หรือ

เมื่อฉุกนึกไปถึงอุบัติเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้น จางหลินจูจึงคิดว่าอาจเป็นเพราะเหตุการณ์ในตอนนั้น จางหลินจูคว้าแขนอันผอมกะหร่องของมารดามากอบกุมอย่างรวดเร็ว 

"คุณแม่ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เจ็บตรงไหนไหม แล้วคุณพ่อล่ะคะ" 

จางหลินจูกวาดสายตามองหาบุคคลที่เอ่ยถึง ทว่ากลับพบเพียงตาใสแป๋วของเด็กชายที่ยืนมองเธอแทบไม่กะพริบ 

"ละ...แล้วหนูน้อยนี่ใครคะ" 

อยู่ ๆ เด็กน้อยก็ร้องไห้โฮไม่มีปี่มีขลุ่ย จากนั้นโผเข้ามาสวมกอดจางหลินจูแน่น "ฮื่อ...พี่หญิง ชวนเอ๋อร์จะไม่ดื้ออีกแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ไปเล่นใกล้แม่น้ำ จะไม่ให้ท่านต้องลงไปเก็บของเล่นให้ข้าอีกแล้ว ข้าขอโทษ" 

"หา...หนูจ๊ะ หมายความว่ายังไง" 

เด็กน้อยสะอึกสะอื้น ผู้เป็นมารดาเห็นจางหลินจูยังตกอยู่ในความงงงันจึงเรียกบุตรชายตัวเล็กมาหาตน "ชวนเอ๋อร์ มานี่มา พี่สาวยังป่วยอยู่ อย่าไปกวนพี่เขา" 

"ขอรับ"

เด็กตัวจ้อยคลายอ้อมแขนออก จากนั้นเดินเตาะแตะไปหย่อนกายนั่งลงบนตักของมารดา จางหลินจูไม่รู้ว่าตัวเองนั้นมีน้องชายเมื่อไหร่ และอะไรคือเก็บของเล่นในแม่น้ำ

"จูเอ๋อร์ ดูเหมือนเจ้ายังอาการไม่ค่อยดี ไว้แม่จะหาเงินเพื่อไปจ้างหมอมาตรวจอีกที เจ้าพักผ่อนเถิดนะ" 

"เดี๋ยวสิคะ คุณแม่หมายความว่าไงคะ" 

"จูเอ๋อร์ แม่รู้ว่าเจ้ายากจะยอมรับว่าบ้านเราล้มละลาย ไม่ใช่เศรษฐีเช่นเมื่อก่อนแล้ว หนนี้ก็ตกน้ำหมดสติไปตั้งหลายวัน นี่ก็เข้ายามจื่อ [1] แล้วด้วย เจ้านอนต่อก่อนเถอะนะลูก" 

จางหลินจูหูดับไปเสียแล้ว เธอไม่สามารถปะติดปะต่ออะไรได้เลย ราวกับว่ากำลังฝันอยู่ กระทั่งตัดสินใจหยิกแขนตนไปหนึ่งหน 

"โอ๊ย!" 

ไม่ได้ฝันเหรอเนี่ย นี่มัน!...นี่มันที่ไหน เกิดเรื่องประหลาดอะไรกับคุณแม่กัน!? 

เชิงอรรถ

^ยามจื่อ (子:zǐ) คือ 23.00 – 24.59 น.

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   สุดใจปรารถนา ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังจากจางหลินจูและซวี่ฟางจิ้นวิวาห์และสะสางงานทั้งหมดจนเรียบร้อยทั้งสองก็เดินทางมาเยี่ยมท่านหมอหลี่“ซื่อจื่อ” ท่านหมอหลี่ค้อมศีรษะลงจากนั้นผินหน้ามาส่งยิ้มให้จางหลินจูเขาตั้งใจค้อมศีรษะเพื่อเคารพนาง ทว่าจางหลินจูรุดเข้าประคองเขาไว้เสียก่อน“ท่านหมอหลี่ เกรงใจไปแล้ว”“ได้อย่างไร เป็นถึงฮูหยินซื่อจื่อ”“ท่านหมอหลี่คนกันเองทั้งนั้น ท่านเคยช่วยเหลือจูเอ๋อร์ไว้ตั้งมาก อย่าได้มากพิธีเลย” ซวี่ฟางจิ้นเอ่ยไม่นานเจ้าตัวเล็กก็วิ่งรี่เข้ามาเกาะเอวหลี่จงหยาง “ท่านหมอหลี่”“ตายแล้ว คุณชายน้อย ระวังเจ้าค่ะ”ลู่เสียนวิ่งหน้าตื่นเพราะเกรงว่าจางหลินชวนจะวิ่งซนจนได้บาดแผล“ไม่เป็นไร” ท่านหมอหลี่เอ่ย จากนั้นยอบกายลงอุ้มเจ้าตัวเล็กไว้บนอ้อมแขน พลางเขี่ยปลายจมูกหยอกล้อ“ชวนเอ๋อร์ โตเป็นหนุ่มแล้วนี่นา”จางหลินชวนยิ้มตาหยี “ท่านหมอหลี่ คิดถึงชวนเอ๋อร์หรือไม่ขอรับ”“คิดถึงสิ คิดถึงมากเลยล่ะ”จางหลินจูและซวี่ฟางจิ้นยืนมองจางหลินชวนเจื้อยแจ้วกับท่านหมอหลี่ไม่หยุดปากก็ต่างส่งยิ้มให้กับภาพอันแสนสุข

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 29 แทนคุณชั่วชีวิต

    สองวันก่อน ณ ท้องพระโรงแคว้นอันอี้โอรสแห่งสวรรค์นั่งแผ่กลิ่นอายครั่นคร้ามอยู่บนบัลลังก์มังกรสีทองอร่าม ซวี่ฟางจิ้นถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าพร้อมเหล่าขุนนางทั้งบู๊และบุ๋น“ซวี่ซื่อจื่อ”“พ่ะย่ะค่ะ” ซวี่ฟางจิ้นประสานฝ่ามือพลางค้อมศีรษะอยู่บริเวณกลางท้องพระโรงหน้าบัลลังก์“เจ้าสามารถกวาดล้างพวกหนักแผ่นดินออกไปได้อย่างแยบยล กลยุทธ์การศึกล้วนเป็นเลิศแม้อายุยังน้อย เช่นนั้นข้าจะปูนบำเหน็จให้แก่เจ้า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท เพียงแต่บำเหน็จนี้สามารถทูลขอตามความต้องการได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ขุนนางทั้งท้องพระโรงแตกตื่น รวมถึงบิดาของเขา ซวี่อ๋อง เหงื่อกาฬเริ่มเปียกโซมแผ่นหลัง ลูกชายตัวดีของเขากำลังจะก่อเรื่องอีกแล้ว ครั้งก่อนเขาต้องบากหน้าใช้ข้ออ้างสารพัดเพื่อยกเลิกงานหมั้นหมายกับท่านหญิงรั่วซี มาหนนี้บุตรชายตัวดีอยากได้บำเหน็จที่ตนต้องการ ทั้งที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยร้องขอมาก่อน“จิ้นเอ๋อร์” เสียงทุ้มเอ่ยลอดไรฟันหมายปรามซวี่ฟางจิ้นทว่าซวี่ฟางจิ้นหาได้ใส่ใจ เขายังคงประสานฝ่ามือและทำหูทวนลมต่อไป อึดใจเดียวทุกคนก็ได้ยินเสียงตบเข่าดังฉาด ขุนนางทั้งซ้ายขวาที่ถ

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 28 จับกุม

    อรุณรุ่งมาเยือน จวนนายอำเภอกลับบังเกิดความอลหม่าน เมื่ออยู่ ๆ ก็มีหมายจากทางการเข้าจับกุมทุกคนต่างมารวมที่ลานกลางเรือน จางจางอิงที่ตื่นขึ้นบริเวณศาลาริมน้ำ กรีดร้องจนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ใบหน้าของจางจางอิงแดงเป็นจ้ำเพราะถูกบรรดาแมลงกัดต่อย ฟูมฟายไม่นานก็ถูกทหารสองนายมาลากตัวออกไป“ปล่อยนะ ปล่อยข้านะ พวกเจ้าเป็นใคร”“คุณหนู เจ้าอย่าดิ้นรนให้เปลืองแรง ยามนี้จวนนายอำเภอถูกล้อมไว้หมดแล้ว”จางจางอิงหน้าตื่น “หมายความว่าอย่างไร”นายทหารไม่ตอบอีก ทว่ากลับพานางถูลู่ถูกังมายังลานกลางเรือนร่วมอีกคนหนิงเจินเห็นหน้าบุตรสาวลายพร้อยประหนึ่งเสือดาวก็แตกตื่น แต่เรื่องที่น่าตระหนกยิ่งกว่าคือทั้งจวนนายอำเภอกระทำสิ่งใดผิดก็หารู้ได้ และผู้นำการจับกุมครั้งนี้ก็คือ ซวี่ซื่อจื่อ“อิงเอ๋อร์ นี่เจ้าเป็นอะไรไป”จางจางอิงหน้าบูด “ท่านแม่ ข้าเองก็ไม่ทราบ ตื่นมาอีกครั้งก็เห็นตัวเองนอนอยู่ที่ศาลาริมน้ำท้ายสวนโน่นเจ้าค่ะ”หนิงเจินผงะ หวนนึกถึงภาพเมื่อคืนก็บังเกิดความผวา “ละ…แล้วเมื่อคืนที่แม่เห็น ไม่ใช่เจ้างั้นหรือ”จางจางอิงหันขวับ “หมายความ

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 27 แผนการ

    บ่าวรับใช้นายหนึ่งเดินเข้ามาโน้มกระซิบข้างหูจางหมิ่น “นายท่าน คุณหนูยังไม่กลับเรือนเล็กเลยขอรับ”จางหมิ่นลอบมองท่าทางซึ่งเริ่มเมาได้ที่ของซวี่ฟางจิ้น ซื่อจื่อเองก็ไม่ได้มองหรือใส่ใจเขา จางหมิ่นจึงวางใจ“ส่งคนไปตามหานางให้ทั่ว เอาของสิ่งนั้นมาให้ได้”“ขอรับ”บ่าวบุรุษร่างโตถอยหลังค้อมศีรษะจากไป จางหมิ่นเหลือบมองภรรยาข้างกายเป็นนัยให้ทำตามแผนเสียที“ซื่อจื่อ ดื่มอีกหน่อยนะเจ้าคะ นาน ๆ ท่านจะได้มาเยือนที่นี่”ซวี่ฟางจิ้นมิได้ปฏิเสธเขายิ้มตอบพร้อมรับจอกสุรากระดกลงคอ ซวี่ฟางจิ้นดื่มสุรามากเกินไป ยามนี้สติของเขากำลังพร่าเบลอ ร่างกายโอนเอนไปมาประหนึ่งหญ้าอ่อนต้องสายลมจางหลินจูผลัดอาภรณ์ใหม่ให้คล้ายกับสาวใช้ในจวน นางยืนหลบหลังสาวใช้อีกนางอยู่ไม่ห่าง เหลือบมองท่าทีเมาแอ้ของซวี่ฟางจิ้นอย่างนึกหงุดหงิดซื่อจื่อ ท่านนี่มีหัวไว้คั่นหูหรือไง ไยต้องทำตนเองให้เมาหัวราน้ำเพียงนี้กันภารกิจช่วยเหลือผู้มีพระคุณของจางหลินจูดูเหมือนจะเกิดอุปสรรคใหญ่เสียแล้ว เมื่อเห็นว่าซวี่ฟางจิ้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบา

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 26 หายตัว

    จางหลินจูกลับมายังจุดชมบุปผา ทว่านางไม่พบเฟยหมิงแล้ว“อาลี่ แล้วหัวหน้าผู้ตรวจการเล่า”“คุณหนู ท่านมาแล้วหรือ ไม่นานมานี้ท่านหญิงรั่วซีถูกงูกัดเจ้าค่ะ”จางหลินจูตกใจ “ท่านหญิงเป็นอันใดมากหรือไม่ แล้วยามนี้นางอยู่ที่ใด”“นายท่านตามหมอมาแล้วเจ้าค่ะ และตอนนี้หัวหน้าผู้ตรวจการก็กำลังพาท่านหญิงไปส่งที่จวน”จางหลินจูถอนหายใจโล่งอก ครั้นเหลือบมองอีกด้านก็เห็นบุรุษร่างสูงเดินตรงเข้ามาไม่ห่าง ทั้งหมดเป็นเพราะเขาทำให้นางต้องผิดนัดกับเฟยหมิง หนำซ้ำท่านหญิงรั่วซีเกิดเหตุขึ้นทั้งที่นางมีวิชาแพทย์ติดตัวแต่กลับช่วยสิ่งใดไม่ได้เลย“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ” ซวี่ฟางจิ้นเอ่ยถามซูลี่สะดุ้งโหยง “เอ่อ…ซื่อจื่อ เมื่อครู่ท่านหญิงถูกงูกัดเจ้าค่ะ”ซวี่ฟางจิ้นเหลียวมองผู้คนในงานที่หลงเหลือบางตา แต่มิได้แตกตื่นเช่นคราแรกแล้ว “นางเป็นไงบ้าง”“ท่านหญิงปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ หัวหน้าผู้ตรวจการกำลังไปส่งที่จวน”คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง เขาพอทราบความสัมพันธ์สองคนนี้มาบ้าง ดูเหมือนเขาคงไม่ต้องหวาดระแวงเรื่องหมั้นหมายของตนเพียงนั้นแล้วจางหลินจูยื

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 25 สับสน

    ค่ำคืนนี้ยังหลงเหลือแขกอีกมาก เพราะหลายคนล้วนอยากชื่นชมผการ้อยราตรีด้วยกันทั้งสิ้น เนื่องจากจวนซวี่อ๋องอยู่ไกลถึงหัวเมืองใหญ่ จางหมิ่นจึงให้บ่าวรับใช้ตระเตรียมห้องหับเพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญโดยเฉพาะ ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ไม่ไกลจากจวนนายอำเภอมากนัก จึงไม่ได้เกิดปัญหาต่อการเดินทางยามกลับเรือนเวลามืดค่ำแต่อย่างใด“จูเอ๋อร์”จางหลินจูสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากเบื้องหลัง เสียงอันคุ้นเคยนี้เป็นเหตุให้จิตใจของนางระส่ำระสาย มือที่ถือกล่องขนมหวานเอาไว้สั่นระริกจางหลินจูได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ร่างระหงยังคงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมและไม่กล้าขยับ กระทั่งลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดใบหูเล็ก จางหลินจูก็ผละห่างจากเขา“ซะ…ซื่อจื่อ ท่านมีอันใดเจ้าคะ ไยจึงไม่อยู่ในงานหรือ”นัยน์ตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบคำถามของนาง เพียงมองไปยังกล่องขนมที่จางหลินจูถือเอาไว้“แล้วเจ้าเล่า เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ผู้เดียว”“ข้าก็แค่มาเอาของเจ้าค่ะ”“ของที่ว่าคือขนมนั่น ซึ่งเจ้าทำให้หัวหน้าผู้ตรวจการเฟยงั้นหรือ”จางหลินจูกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status