Home / รักโบราณ / เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ / บทที่ 2 ตื่นมาอีกทีมีน้องชายไปเสียอย่างนั้น

Share

บทที่ 2 ตื่นมาอีกทีมีน้องชายไปเสียอย่างนั้น

last update Last Updated: 2025-08-12 09:40:47

จางหลินจูหลับไปอีกครั้งเพราะความอ่อนล้า กระทั่งรุ่งอรุณมาเยือนจึงรู้สึกตัว

“พี่หญิง ตื่นแล้วหรือขอรับ นี่น้ำขอรับ”

จางหลินจูยังไม่หายสับสน แต่ก็ยังเอื้อมมือรับจอกน้ำชาจากมือเล็กคู่นั้น จางหลินจูสำรวจองคาพยพของเด็กชายตรงหน้าพักใหญ่ ผิวพรรณของเขาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู เพียงแต่สภาพดูมอมแมมไปบ้าง สังเกตดี ๆ เด็กคนนี้หน้าคล้ายจางหลินจูสมัยวัยกระเตาะเป็นอย่างมาก

กระทั่งดื่มน้ำจนไม่รู้สึกกระหายแล้ว จางหลินจูจึงเอ่ยถาม “หนูจ๊ะ คือ…หนูเป็นใครงั้นเหรอ”

เด็กชายตัวน้อยเริ่มเบะปากเตรียมร้องไห้ จางหลินจูทำตัวไม่ถูก หันรีหันขวางแล้วจึงส่งยิ้มแหย มือเรียวเอื้อมลูบไหล่เล็กเพื่อปลอบประโลม “ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้อง พี่ไม่เป็นไรแล้ว ถ้าเป็นเด็กดีพี่จะซื้อขนมให้กิน ดีไหมครับ”

เด็กชายหุบปากฉับเมื่อได้ยินคำว่าขนม พลางกลั้นเสียงสะอื้นจนหน้าแดงแก้มป่อง จางหลินจูลุ้นตามจนตัวงอ ครั้นเจ้าตัวเล็กควบคุมอารมณ์ได้แล้ว จางหลินจูจึงค่อย ๆ ตะล่อมถาม พร้อมยกมือทำท่าสูดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะให้อีกฝ่ายกำหนดลมหายใจตาม แทนที่จะเป็นจางหลินจูที่ต้องได้รับการปลอบใจ แต่กลับกลายเป็นว่า จางหลินจูดันมีน้องชายให้ต้องคอยดูแลเสียอย่างนั้น 

แขนเล็ก ๆ ยกขึ้นปาดป่ายใบหน้าเพื่อเช็ดคราบน้ำตา จางหลินจูเห็นเช่นนั้นก็อดยิ้มเอ็นดูเป็นไม่ได้ จึงยื่นมือช่วยซับคราบดินและสิ่งสกปรกออกให้อีกฝ่ายร่วมด้วย 

“เก่งมากเลยครับ คราวนี้เป็นเด็กดีแล้ว พี่จะซื้อขนมให้กิน แต่ต้องบอกพี่ก่อนว่าหนูเป็นใคร และที่นี่ที่ไหน”

เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก

“พี่หญิง ข้ามีนามว่า จางหลินชวน เป็นน้องชายของท่าน”

จางหลินจูกะพริบตาถี่ น้องชายงั้นเหรอ

เด็กน้อยยังคงเจื้อยแจ้วต่อ “ปกติท่านจะเรียกข้าว่าชวนเอ๋อร์ ส่วนที่นี่คือชายแดนระหว่างเดินทางไปเมืองอันเจียง เรากำลังจะเดินทางไปหาญาติที่หมู่บ้านซิงเยียนขอรับ”

จางหลินจูยังไม่เข้าใจ ภาษาที่เด็กน้อยพูดก็ราวกับหลงยุคสมัย จางหลินจูสำรวจเสื้อผ้าที่จางหลินชวนสวมใส่ สังหรไม่ดีผุดขึ้นจนเกิดอาการตื่นตระหนก เหงื่อเย็นเปียกโซมเต็มแผ่นหลัง จางหลินจูพยายามตริตรองว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันหรือไม่

ทว่าเมื่อย้ายสายตากลับมาบนเรือนร่างตัวเอง จางหลินจูก็ยิ่งตกใจแทบสิ้นสติ เพราะเสื้อผ้าที่กำลังสวมอยู่ตอนนี้ช่างดูเก่าปอน ซ้ำยังมีรอยปะชุนหลายสิบที่ อีกอย่างยังเป็นรูปแบบการตัดเย็บสุดโบราณไม่ต่างจากเด็กน้อยตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ

เอาล่ะ อย่ากระโตกกระตาก บางทีเราอาจฝันอยู่ก็ได้ คุณพ่อแอบมีบ้านน้อยหรือยังไง เราไม่มีน้องชายไม่ใช่เหรอ

เพียะ!

จางหลินชวนเบิกตากว้างเมื่อเห็นพี่สาวกำลังฟาดหน้าตนเองจนบังเกิดรอยนิ้วทั้งห้า

“พี่หญิง นี่ท่านทำอะไรขอรับ เจ็บหรือไม่”

เด็กน้อยรุดเข้าจับมือจางหลินจูเอาไว้ด้วยอาการตระหนก สีหน้าของจางหลินจูยามนี้เหยเกเป็นที่เรียบร้อย กระบอกตาคู่งามก็แดงก่ำ น้ำสีใสพร้อมจะไหลพรากลงมาเสียให้ได้

“นี่…ไม่ใช่ฝันเหรอ ช่วยบอกพี่ทีว่ามันไม่ใช่ความฝัน มันเกิดขึ้นได้ยังไง”

“พี่หญิง ท่านตื่นแล้วจะฝันได้อย่างไรขอรับ ท่านอย่าทำร้ายตนเองสิขอรับ อีกเดี๋ยวท่านแม่ก็กลับมาแล้ว”

จางหลินจูจิตใจเลื่อนลอย เด็กน้อยคนนี้พูดจารู้ความเป็นอย่างมาก ไม่นานก็ต้องหลุดจากภวังค์เมื่อสตรีวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับบุรุษผู้หนึ่ง

จางหลินจูมองคนทั้งสองอย่างเงียบงัน ลักษณะแบบนี้ต้องเป็นหมอไม่ผิดแน่ แต่เครื่องแต่งกายเหล่านั้นเธอเคยพบเจอในซีรีส์หรือภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ก็เท่านั้น

แม้เรื่องราวจะสุดเหลือเชื่อ แต่จางหลินจูก็ยังดีใจที่ได้พบหน้ามารดาอีกครั้ง ทว่าจางหลินจูก็ต้องใจเสียขึ้นอีกหน เมื่อไม่พบบิดาของตนอยู่ด้วย  

“จูเอ๋อร์ ตื่นแล้วหรือลูก พอดีเลย แม่ไปพาท่านหมอมาแล้ว ให้ท่านหมอดูอาการหน่อยนะลูก”

จางหลินจูน้ำตาคลอ ลำคอคล้ายมีบางอย่างจุกเอาไว้จนแน่นไปหมด เธอพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย

“แม่หนู ยื่นมือมาสิ”

จางหลินจูยื่นมือให้ผู้เป็นหมอ ผ้าแพรผืนบางถูกวางลงบนข้อมือเล็ก นิ้วหยาบกร้านวางนิ้วทาบลงเพื่อวัดชีพจร จางหลินจูเหงื่อซึม ใจเต้นแรงเสียจนผู้เป็นหมอต้องขมวดคิ้ว

“แม่หนูคนนี้ชีพจรสับสน ดูเหมือนคงถูกไอเย็นมากเกินไป ให้นางพักผ่อนสักสองสามวัน กินยาตามเทียบอาการน่าจะดีขึ้น แต่ว่า…”

“แต่ว่าอะไรหรือเจ้าคะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม

จางหลินจูได้ยินวาจาของมารดาที่ต่างออกไปก็รับรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าไม่ใช่แม่ของตน แต่นางอาจเป็นแม่ของจางหลินจูในห้วงเวลานี้จริง ๆ ยิ่งตริตรองเรื่องข้ามเวลาเกิดใหม่ จางหลินจูก็ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้กระเจิดกระเจิงไปมากกว่านี้ และค่อย ๆ เก็บรายละเอียดบทสนทนาตรงหน้าต่อไปไม่ให้คลาดสายตา 

“ไอหยินในกายมีมากเกินไปยากจะหายขาด บางทีหากนางแต่งงานมีสามีอาจจะช่วยบรรเทาเรื่องนี้ได้”

จางหลินจูหูอื้ออึง

มีสามี สามีอะไรกัน นี่เราอายุแค่สิบห้าเองนะ ดูจากร่างกายตอนนี้ไม่เกินสิบสี่ปีด้วยซ้ำ

“เช่นนี้เอง ขอบคุณเจ้าค่ะท่านหมอ”

มือผอมแห้งปลดถุงเงินใบเก่าจากข้างเอว ผู้เป็นหมอถอนหายใจเบา “แม่นาง ไม่ต้องหรอก ถือเสียว่าข้าช่วยเหลือก็แล้วกันนะ นี่เป็นเทียบยา”

“ได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านรักษาคนก็ต้องใช้แรง ใช้ต้นทุน ไหนจะยาที่ท่านจัดสรรให้”

หมอวัยกลางคนโบกมือ “ไม่เป็นไร ดูพวกเจ้าสิ สามคนแม่ลูกอยู่อุดอู้ที่แห่งนี้ได้อย่างไร คงกำลังประสบปัญหาใหญ่ใช่หรือไม่”

สตรีฝั่งตรงข้ามสลดลง จากนั้นเอ่ยเสียงค่อย “เจ้าค่ะพวกเรากำลังจะเดินทางไปพึ่งใบบุญญาติ”

ท่านหมอถอนหายใจอีกครั้งด้วยความเวทนา “จากหน้าตาท่าทางพวกเจ้าคงไม่เคยนอนกลางดินกินกลางทรายเช่นนี้มาก่อน เงินนั่นเก็บไว้เป็นค่าเดินทางเถิด แม่นาง...แล้วสามีเจ้าเล่าเขาไปที่ใด” 

บรรยากาศด้านในเงียบไปพักหนึ่ง จางหลินจูเองก็ตั้งใจฟังเพื่อรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด กระทั่งได้ยินเสียงสั่นเครือกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจ 

“สามีของข้าเพิ่งจากไปได้ไม่นานเจ้าค่ะ เขาหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานแล้ว”

จางหลินจูหน้ามืดตาลาย นี่หรือชีวิตใหม่ที่เธอร้องขอ ไม่ได้ขอมาสู้ชีวิตเสียหน่อย คงเพราะคำอธิษฐานสุดท้ายที่ไม่สมบูรณ์เป็นเหตุให้จางหลินจูได้เกิดใหม่เป็นคุณหนูผู้อับโชคเช่นนี้ 

ฮื่อ…คุณพ่อคะ สวรรค์ เอาคุณพ่อเราคืนมานะ…

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 6 จากลา

    เสียงกีบเท้าม้าห้อตะบึงมายังหน้าโรงหมอ บุรุษร่างสูงกระโจนลงจากหลังม้าด้วยความเร่งร้อน“ซื่อจื่อ” ผู้ช่วยหมอหลี่ค้อมศีรษะเล็กน้อยผู้มาเยือนคือซื่อจื่อแห่งเมืองอันเจียง นามว่า ‘ซวี่ฟางจิ้น’ และเขาเป็นคนช่วยเหลือจางหลินจูเอาไว้“ท่านหมอหลี่เล่า”“ท่านหมอออกไปแล้วขอรับ”คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง “ไปแล้ว ข้าบอกให้รอข้าก่อนไม่ใช่หรือ แล้วนาง…” ซวี่ฟางจิ้นแอบลังเลเมื่อกล่าวถึงเด็กสาวที่ตนเพิ่งพบเจอไม่กี่ชั่วยามผู้ช่วยหมอหลี่ลุ้นจนตัวโก่งก็ยิ้มแหยออกมา เขายกมือเกาศีรษะเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “ท่านหมอออกไปกับแม่นางน้อยที่ท่านพามาขอรับ แต่ข้าน้อยก็ไม่ทราบว่าไปที่ใดกัน เพราะท่านหมอไม่ได้บอกไว้”ดูเหมือนเขากำลังสวนทางกับอีกฝ่ายเข้าเสียแล้วเหตุใดจึงรู้สึกเสียดายพิกล กระทั่งองครักษ์ตามมาถึง“นายน้อย ได้เวลาแล้วนะขอรับ”ใบหน้าของซวี่ฟางจิ้นดูผิดหวังเสียจนองครักษ์อย่างจินฝานงงงวย เวลานับสิบเจ็ดปีเขาแทบไม่เคยเห็นนายน้อยแ

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 5 คุณหนูผู้อาภัพ

    ร่างระหงนอนทอดยาวไร้สติอยู่บนฟูกนอนขาวสะอาดด้านในโรงหมอ เมื่อผู้เป็นหมอเห็นใบหน้าผู้ป่วยกระจะตาก็อุทานขึ้น“เอ๊ะ นังหนูนี่ หน้าคุ้น ๆ”เด็กหนุ่มจึงเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย “ท่านรู้จักนางหรือ”หมอวัยกลางคนพิเคราะห์องคาพยพจางหลินจูครู่หนึ่ง ไม่นานก็นึกออก “อ่า…เป็นนางนี่เองซื่อจื่อแม่นางน้อยคนนี้ข้าเคยรักษาให้ไม่กี่วันก่อนขอรับ”คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง “เช่นนั้นท่านคงทราบว่านางเป็นใคร”ท่านหมอถอนหายใจยาว จากนั้นเหลือบมองจางหลินจูอย่างนึกเวทนา “ข้าน้อยก็ไม่ทราบว่านางคือใคร แต่ดูเหมือนนางจะเป็นคนต่างแคว้นมารดาป่วยกระเสาะกระแสะ น้องชายก็ยังเล็กนัก”“ที่ท่านบอกว่าเคยรักษานาง นางป่วยเป็นอะไรงั้นหรือ”“จากที่มารดานางเล่าให้ฟัง ดูเหมือนนางจะเกิดอุบัติเหตุพลัดตกน้ำขอรับ ร่างกายเลยมีไอหยินมากเกินไป แล้วดูยามนี้ ถูกผู้ใดรังแกมาอีกเล่า”มีคนที่ชีวิตอาภัพได้เพียงนี้ด้วยหรือ “เช่นนั้นท่านก็ช่วยรักษานาง ข้าจะรอจนกว่านางได้สติ”“ขอรับ”ร่างสูงหย่อนกายลงนั่งบริเวณเก้าอี้มุมห้อง สายตายั

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 4 พี่ชายปริศนา

    จางหลินจูเดินห่างออกมาจากเพิงพักเรื่อย ๆ ภายในใจครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่าง ๆ นานา เพราะไม่รู้ว่าต่อจากนี้ควรใช้ชีวิตอย่างไร ดูเหมือนว่าในโลกอีกด้าน ครอบครัวของจางหลินจูคงไม่หลงเหลือใครอีกแล้วเพียงคะนึงถึง ภาพครอบครัวแสนอบอุ่นก็ฉายซ้ำไปมาตอกย้ำความเจ็บปวด กระบอกตาคู่งามร้อนรื้นแดงก่ำ ดวงตากลมโตเริ่มเกิดม่านน้ำตาเสียจนภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอ จางหลินจูพยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นกลางลำคอลงไปด้วยความยากลำบาก จากนั้นก็ยกมือขึ้นซับน้ำตาซึ่งร่วงเผาะลงมาเมื่อใดก็สุดจะรู้คุณพ่อคุณแม่คะ ไม่ต้องห่วงจูเอ๋อร์นะคะ ลูกสัญญาจะใช้ชีวิตนับจากนี้ให้ดี“โอ๊ย!”“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างหรือไง”“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”จางหลินจูไม่ทันระวัง มุ่งหน้าโดยไร้ทิศด้วยจิตใจเหม่อลอย เป็นเหตุให้ชนกับบุรุษร่างกำยำเข้าโครมใหญ่อีกฝ่ายชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ ทว่าเมื่อเขาสำรวจเรือนร่างและใบหน้าของจางหลินจู ภายในใจก็ผุดความคิดสกปรก น้ำเสียงแข็งกระด้างพลิกกลับเดี๋ยวนั้น“แม

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 3 ยอมรับความจริง

    หลายวันผันผ่านจางหลินจูได้รับการดูแลจากสองแม่ลูกอย่างดี จางหลินจูจึงทำใจยอมรับความจริงที่ว่า ตนได้เกิดใหม่ในร่างคุณหนูตระกูลเศรษฐีซึ่งตอนนี้กำลังตกอับและจนตรอกมารดาของจางหลินจูในมิติแห่งนี้ยังมีนามว่า หวงเจิ้นอี๋ ส่วนบิดานามว่าจางเฉินซี ทว่าบิดาของจางหลินจูได้ตรอมใจตายไปเมื่อหลายวันก่อนจางหลินจูร้องไห้จนแทบไม่หลงเหลือน้ำตาให้ไหลอีก จากนั้นความทรงจำและความรู้สึกต่าง ๆ ที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ก็พรั่งพรูเข้ามาดุจทำนบแตก ช่างเป็นการเกิดใหม่ที่อัศจรรย์พันลึกยิ่งนัก ไม่คิดเลยว่าสวรรค์จะเมตตาเพียงเสี้ยวเดียว โดยการส่งจางหลินจูให้เกิดใหม่เพื่อมาดิ้นรนเอาชีวิตรอดในโลกอีกด้านบางทีอาจเพราะชีวิตในโลกใบเดิม จางหลินจูอยู่สุขสบายมากจนเกินไป จางหลินจูจึงเลิกน้อยใจต่อโชคชะตาและคิดเพียงว่าสวรรค์กำลังยื่นบททดสอบมาให้ต่างหาก ปลายทางสุดท้ายอาจเป็นความสุขที่แท้จริงซึ่งกำลังรออยู่ก็ได้ “ท่านแม่เจ้าคะ ข้าหายดีแล้ว แต่ท่านดูจะป่วยหนักกว่าข้าอีกนะเจ้าคะ”จางหลินจูสังเกตอาการป่วยไข้ของหวงเจิ้นอี๋มาสักระยะแล้ว ใบหน้าของมารดาในยามนี้ช่างซูบตอบ กระดูกบริเวณแก้มผุดโผล่เด่นชัด ริมฝีปากแห้งผากขาวซีด หวงเจิ้นอี๋

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 2 ตื่นมาอีกทีมีน้องชายไปเสียอย่างนั้น

    จางหลินจูหลับไปอีกครั้งเพราะความอ่อนล้า กระทั่งรุ่งอรุณมาเยือนจึงรู้สึกตัว“พี่หญิง ตื่นแล้วหรือขอรับ นี่น้ำขอรับ”จางหลินจูยังไม่หายสับสน แต่ก็ยังเอื้อมมือรับจอกน้ำชาจากมือเล็กคู่นั้น จางหลินจูสำรวจองคาพยพของเด็กชายตรงหน้าพักใหญ่ ผิวพรรณของเขาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู เพียงแต่สภาพดูมอมแมมไปบ้าง สังเกตดี ๆ เด็กคนนี้หน้าคล้ายจางหลินจูสมัยวัยกระเตาะเป็นอย่างมากกระทั่งดื่มน้ำจนไม่รู้สึกกระหายแล้ว จางหลินจูจึงเอ่ยถาม “หนูจ๊ะ คือ…หนูเป็นใครงั้นเหรอ”เด็กชายตัวน้อยเริ่มเบะปากเตรียมร้องไห้ จางหลินจูทำตัวไม่ถูก หันรีหันขวางแล้วจึงส่งยิ้มแหย มือเรียวเอื้อมลูบไหล่เล็กเพื่อปลอบประโลม “ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้อง พี่ไม่เป็นไรแล้ว ถ้าเป็นเด็กดีพี่จะซื้อขนมให้กิน ดีไหมครับ”เด็กชายหุบปากฉับเมื่อได้ยินคำว่าขนม พลางกลั้นเสียงสะอื้นจนหน้าแดงแก้มป่อง จางหลินจูลุ้นตามจนตัวงอ ครั้นเจ้าตัวเล็กควบคุมอารมณ์ได้แล้ว จางหลินจูจึงค่อย ๆ ตะล่อมถาม พร้อมยกมือทำท่าสูดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะให้อีกฝ่ายกำหนดลมหายใจตาม แทนที่จะเป็นจางหลินจูที่ต้องได้รับการปลอบใจ แต่กลับกลายเป็นว่า จางหลินจูดันมีน้องชายให้ต้องคอยดูแลเสียอย่างนั้น แ

  • เกิดใหม่เป็นบุตรีเศรษฐีผู้ตกอับ   บทที่ 1 พลัดพรากจากห้วงเวลา

    ถนนสายหลัก ณ กรุงปักกิ่ง รถหรูคันสีดำเคลื่อนตัวไปตามถนนคอนกรีตทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เวลานี้อยู่ในช่วงเหมันตฤดู บรรยากาศโดยรอบจึงเต็มไปด้วยละอองหิมะสีขาวโพลน เด็กสาววัยสิบห้าฉีกยิ้มกว้างส่งไปจนถึงดวงตาคล้ายพระจันทร์เสี้ยว "คุณพ่อ คุณแม่คะ วันนี้จูเอ๋อร์มีความสุขที่สุดเลย" เด็กสาวโผเข้ากอดมารดาแนบอก ผู้เป็นมารดาแย้มยิ้มอบอุ่น มือเรียวลูบไล้เส้นผมสีดำขลับด้วยความทะนุถนอม ส่วนบิดาโน้มกอดหญิงสาวที่ตนรักสุดหัวใจทั้งสองไว้ในอ้อมแขนพร้อมใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข"จูเอ๋อร์ ไม่อยากเที่ยวต่อจริงเหรอลูก วันนี้จูเอ๋อร์อยากไปไหนพ่อจะพาไปทุกที่" "นั่นสิ ลูกเรียนมาหนักพอแล้ว วันเกิดทั้งที พ่อและแม่อยากให้หนูได้พักผ่อนบ้าง" ผู้เป็นแม่เอ่ยสำทับ เด็กสาวใบหน้าพริ้มเพราคลายอ้อมกอดออกจากมารดา แล้วจึงหันมาโอบรัดบิดาอีกทาง เธอแหงนมองผู้เป็นบิดาด้วยแววตาออดอ้อนระคนซุกซน "คุณพ่อขา...จูเอ๋อร์ไม่อยากไปไหนแล้วจริง ๆ ค่ะ ทุกปีเราก็ไปเที่ยวข้างนอกกันอยู่ตลอด ปีนี้เรากลับไปทานข้าวด้วยกันที่บ้านดีกว่านะคะ บ้านเราอบอุ่นที่สุดแล้วค่ะ" ทั้งพ่อและแม่ได้เห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนรู้จักคิดรู้จักพูดก็ปลื้มปริ่มจนน้ำตาซ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status