"ดูหนังกันมั้ยครับ " ธีโอพูดขึ้นเชิญชวนวิคเตอร์ผู้เป็นเจ้าของบ้านทันทีที่เขาเห็นจอทีวี
" เอ่อ..นี่มันก็น่าจะดึกแล้ว ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านไม่ดีกว่าหรอครับ " วิคเตอร์พยายามพูดเพื่อให้แขกยอมกลับบ้าน ทั้งกินมื้อค่ำแล้วยังเดินเล่นในบ้านของเขาราวกับเป็นสนามเด็กเล่น วิคเตอร์เห็นทีว่าต้องส่งแขก แต่ดูเหมือนแขกคนนี้ค่อนข้างดื้อและมึนสุดๆ จนสุดท้ายก็... ทีวีจอใหญ่ระดับ IMAX ขนาดเกือบเท่าฝาบ้านฉายแสงสีนวลอุ่นๆ วิคเตอร์นั่งตัวตรงราวกับเป็นบอดี้การ์ด ไม่ได้เอนหลังพิงโซฟาแม้แต่นิด ขณะที่ธีโอนั่งข้างๆ ด้วยท่าทีที่ "ไม่รู้เลยว่านี่นั่งดูหนังหรือจะดูเจ้าของบ้านมากกว่า" ผมเรียกวิคเตอร์ ว่าพี่ได้มั้ยครับ เราน่าจะสนิทกันแล้วนี่น่า~" ธีโอพูดเล่นพร้อมยิ้มกริ่ม ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบรีโมต “พี่เองก็เรียกผมธีโอจะได้แฟร์ๆกัน” “อ่า ได้สิ…” วิคเตอร์ตอบช้าๆ แอบกลืนน้ำลายเล็กน้อยเมื่อธีโอทิ้งตัวลงนั่งข้างเขาอีกครั้ง แบบใกล้เกินระยะปลอดภัยของชาวอัลฟ่า จนหนังเริ่มฉาย...แต่วิคเตอร์ไม่ได้ดูหนังเล เพราะทุกๆ ครั้งที่เขาขยับตัว หรือเงยหน้าขึ้นมองจอ ก็จะเห็นธีโอนั่งหันมาทางเขาแบบ...จ้อง จ้องแบบลึก จ้องแบบอยากขอข้อมูลพันธุกรรมเพื่อไปโคลนนิ่ง “ธีโอ…ไม่ดูหนังเหรอ?” วิคเตอร์ถามเสียงเรียบ แต่เสียงดันแหบซะงั้น ธีโอทำตาใสซื่อ “ดูอยู่ครับ แต่พี่น่าดูกว่า” ...จบเลยครับท่าน วิคเตอร์หันหน้ากลับไปทางจอทันที แต่ในหัวเหมือนกำลังเปิดเสียงไซเรน “นี่ไม่ใช่สถานการณ์จำลอง! ผู้ต้องสงสัยอ่อยจริง!” แล้วจู่ๆ ธีโอก็ถามขึ้นมาเสียงนุ่ม “พี่ว่า...อัลฟ่าด้วยกัน สามารถมีอะไรกันได้มั้ยครับ?” ห๊ะ!? วิคเตอร์หันควับเหมือนคอจะเคล็ด “นายว่าอะไรนะ?” “ผมแค่สงสัยน่ะ” ธีโอยักไหล่ ท่าทีเหมือนถามเรื่องฝนพรุ่งนี้ “บางคนบอกว่าอัลฟ่าจะไม่รู้สึกอะไรต่อกัน...แต่ผมไม่รู้สิ ผมรู้สึกนะ โดยเฉพาะเวลาอยู่ใกล้พี่” วิคเตอร์หน้าแดงขนาดที่สามารถเอาไปเทียบ เนื้อแตงโมได้ “คือ...พี่ไม่แน่ใจเรื่องนั้น แล้วอีกอย่าง...นายก็รู้นี่ว่า...เราเป็นอัลฟ่าทั้งคู่—” “แต่ที่ผมพูดในรถ” ธีโอกระซิบเบาๆ พลางเอนตัวเข้ามาใกล้ “ผมพูดจริงนะครับ” มือวิคเตอร์สะดุ้งไปคว้ารีโมต หวังจะเปลี่ยนเรื่อง “พี่ว่า...เราหาหนังเรื่องใหม่ดูดีกว่า—” แต่ไม่ทัน มืออีกฝ่ายคว้ามือเขาไว้แน่น พร้อมเสียงของธีโอกระซิบชิดใบหู “พี่ครับผมสนใจพี่จริงๆ นะ วิคเตอร์… ทั้งกลิ่น ทั้งสีผม ทั้งที่พี่ก็เป็นอัลฟ่าเหมือนกัน…แต่ทำไมถึงทำให้ผมหลงได้ขนาดนี้?” ห้องทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงหัวใจของวิคเตอร์ที่ดังพอจะไปเล่นดรัมแอนด์เบสได้ทั้งคลับ เขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่ออกมาคือ " เอ่อ..นายกินเบียร์มั้ย เดี๋ยวพี่ไปหยิบมาให้นะ" ธีโอระเบิดหัวเราะ “โธ่พี่ครับ จะน่ารักเกินไปแล้ว” พร้อมกับสายตาที่จ้องมองแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าไปในครัว หนังบนจอเล่นไปถึงฉากที่พระเอกกำลังไล่ล่าคนร้าย แต่สายตาวิคเตอร์กลับจับอยู่แค่ไอ้ธีโอที่นั่งกระดกเบียร์กระป๋องที่ห้าเข้าไปแบบไม่สะทกสะท้าน ทั้งที่เขาเพิ่งหมดกระป๋องแรกไปแค่ครึ่ง! โคโค่ เจ้าหมาตัวดีที่ควรจะช่วยเป็นพยาน ก็นอนแผ่ขาอย่างไม่แคร์โลกอยู่มุมห้อง... "บ้าเอ๊ย…" วิคเตอร์พึมพำเบาๆ ก่อนจะพยายามเอนตัวลง หวังจะพักสายตาแค่ไม่กี่นาที แต่วินาทีที่เปลือกตาปิดลง กลิ่นไวน์แดงแบบขมๆ หรูๆ ก็ลอยมาปะทะจมูก ไม่ใช่จากแก้วไวน์แน่นอน แต่มาจาก ตัวคนตรงหน้า วิคเตอร์ตกใจจนเผลอลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของธีโออยู่ห่างจากเขาไม่ถึงฝ่ามือ ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินใกล้จมูก กลิ่นเบียร์ผสมกลิ่นตัวผู้ชายจัดจ้านตีขึ้นมารุนแรงจนทำเอาเขาเผลอหน้าแดงวาบ “ธีโอ...นายจะทำอะไร…” แต่คำตอบที่ได้ ไม่ใช่คำพูด ริมฝีปากร้อนจัดทาบลงมาบนปากเขาโดยไม่ให้ตั้งตัว ลิ้นชื้นๆ แทรกผ่านเข้าไปในโพรงปากอย่างจู่โจม กลืนกินเสียงอุทานของเขาไปจนหมด วิคเตอร์ตัวแข็งทื่อ มือที่ผลักก็เหมือนหมดแรงลงเรื่อยๆ เมื่อสัมผัสนั้นค่อยๆ ล่อลวงให้ร่างกายเขาเปล่งไฟตามไปด้วย “อะ...อือ… เดี๋ยว…” เขาพูดแผ่วๆ ในจังหวะที่ริมฝีปากหลุดออกมา แต่ยังไม่ทันได้หายใจเต็มปอด มือของธีโอก็รุกคืบเข้าใต้เสื้อยืดของเขา ไล่ปลายนิ้วลากขึ้นตามแนวซี่โครงจนถึงยอดอกที่ไวต่อสัมผัส “อย่า—” “แต่พี่ทำให้ผมทนไม่ไหว…รู้ตัวมั้ย?” ธีโอพูดเสียงแหบพร่า “พี่แม่ง…หอมเกินไป ร้อนเกินไป น่ากินชิบหาย…” แล้วเขาก็กลับไปครอบครองริมฝีปากของวิคเตอร์อีกครั้ง คราวนี้ดุเดือดกว่าเดิม จูบลึกและร้อนแรง ราวกับจะกลืนกินกันทั้งร่าง ขณะที่มืออีกข้างก็เริ่มเลื่อนต่ำลงไปลูบสะโพกแน่นๆ ผ่านกางเกงนอนอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะบีบมันแน่นอย่างลุ่มหลง วิคเตอร์สะดุ้ง “ธีโอ! หยุด—” “ผมหยุดไม่ได้...” ธีโอเสียงพร่า ขณะดึงกางเกงของเขาลงจนเผยผิวเนื้ออ่อนบางด้านใน “พี่มัน...น่าขยี้ชะมัดเลย…” ลิ้นร้อนๆ ของเขาลากผ่านผิวหน้าท้องลงไปช้าๆ ราวกับวาดเส้นศิลปะด้วยไฟ ลมหายใจร้อนเป่ารินเป็นจังหวะพร้อมกับปลายนิ้วที่ชอนไชเข้าไปใต้ชั้นใน จนวิคเตอร์หอบหายใจถี่ “ไม่...อื้อ… เดี๋ยวสิ…นายเมาแล้วนะเว้ย!” “เมาก็ยังอยากกินพี่อยู่ดี…” เสียงครางของวิคเตอร์ถูกกลืนลงไปกับเสียงจูบ เสียงดูด ลิ้นที่เลียไปตามแนวต้นขาด้านใน และความหื่นกระหายของชายหนุ่มที่ไม่เคยสนใจเพศเดียวกันมาก่อน แต่ตอนนี้กลับหมกมุ่นอยู่กับเขา มือหยาบใหญ่เริ่มขยับกางเกงเขาออกหมดทั้งตัวอย่างไร้ความลังเล วิคเตอร์ขยับตัวหนี แต่กลับถูกรวบขาแล้วดึงกลับมา ก่อนธีโอจะขึ้นคร่อม ริมฝีปากลามไล้ลงมาตามลำคอและอก ไล่เลียขบกัดจนผิวแดงเป็นจ้ำ “ธีโอ…หยุดก่อน…พี่…” “ผมอยากทำให้พี่คราง...อยากรู้ว่าวิคเตอร์จะร้องชื่อผมยังไง…” เขากระซิบก่อนจะเริ่มใช้ปากและลิ้นลงไปต่ำกว่านั้นอีก วิคเตอร์เผลอกำหมอนแน่น ร่างกายสะท้าน เสียงหลุดครางจากปากโดยไม่รู้ตัว “อ๊ะ…!” ...ร่างของเขากำลังสั่น สติเริ่มพร่าเลือนจากสัมผัสที่ล้ำลึกขึ้นทุกขณะ...แต่ทันใดนั้นเอง...ตุบ… “ธีโอ?” ธีโอก้มหน้าลงซบอกเขาเงียบกริบ หายใจเบา ๆ เหมือนคนหลับ “…ธีโอ?” ไม่มีเสียงตอบกลับ วิคเตอร์ขมวดคิ้ว ดันตัวอีกคนออกเบา ๆ ก่อนจะพบว่าเจ้าของคำพูดเร่าร้อนเมื่อครู่ น็อคไปแล้วเรียบร้อย “…เมาแล้วจริงๆ เหรอวะ…” เขานอนนิ่งอยู่สักพัก ใจยังเต้นตึกตักจากทุกสัมผัสเมื่อครู่ ขณะที่ร่างเปลือยท่อนล่างของตัวเองยังหายใจหอบอยู่ใต้ผ้าห่ม วิคเตอร์หลุบตามองคนที่เมาแล้วนอนฟุบบนหน้าอกเขาอย่างไร้เดียงสา พลางพึมพำ “ให้ตายสิ… กูจะรับมือกับหมอนี่ยังไงดีวะ ไอ้ธีโอ...”"ดูหนังกันมั้ยครับ " ธีโอพูดขึ้นเชิญชวนวิคเตอร์ผู้เป็นเจ้าของบ้านทันทีที่เขาเห็นจอทีวี" เอ่อ..นี่มันก็น่าจะดึกแล้ว ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านไม่ดีกว่าหรอครับ " วิคเตอร์พยายามพูดเพื่อให้แขกยอมกลับบ้าน ทั้งกินมื้อค่ำแล้วยังเดินเล่นในบ้านของเขาราวกับเป็นสนามเด็กเล่นวิคเตอร์เห็นทีว่าต้องส่งแขก แต่ดูเหมือนแขกคนนี้ค่อนข้างดื้อและมึนสุดๆ จนสุดท้ายก็...ทีวีจอใหญ่ระดับ IMAX ขนาดเกือบเท่าฝาบ้านฉายแสงสีนวลอุ่นๆ วิคเตอร์นั่งตัวตรงราวกับเป็นบอดี้การ์ด ไม่ได้เอนหลังพิงโซฟาแม้แต่นิด ขณะที่ธีโอนั่งข้างๆ ด้วยท่าทีที่ "ไม่รู้เลยว่านี่นั่งดูหนังหรือจะดูเจ้าของบ้านมากกว่า"ผมเรียกวิคเตอร์ ว่าพี่ได้มั้ยครับ เราน่าจะสนิทกันแล้วนี่น่า~" ธีโอพูดเล่นพร้อมยิ้มกริ่ม ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบรีโมต “พี่เองก็เรียกผมธีโอจะได้แฟร์ๆกัน”“อ่า ได้สิ…” วิคเตอร์ตอบช้าๆ แอบกลืนน้ำลายเล็กน้อยเมื่อธีโอทิ้งตัวลงนั่งข้างเขาอีกครั้ง แบบใกล้เกินระยะปลอดภัยของชาวอัลฟ่าจนหนังเริ่มฉาย...แต่วิคเตอร์ไม่ได้ดูหนังเล เพราะทุกๆ ครั้งที่เขาขยับตัว หรือเงยหน้าขึ้นมองจอ ก็จะเห็นธีโอนั่งหันมาทางเขาแบบ...จ้องจ้องแบบลึก จ้องแบบอยากขอข้อมูลพันธุกร
กลิ่นหอมละมุนแบบกาแฟคั่วสดกับคาราเมลหอมกลิ่นไหม้อ่อนๆ ลอยฟุ้งกลางอากาศ ราวกับเรียกร้องให้ใครบางคนตามมันไปธีโอ หยุดยืนกลางโถง สูดหายใจลึกอีกครั้ง ดวงตาทอประกายสว่างขึ้นในทันที “เขาออกไปแล้ว...แต่กลิ่นยังไม่หาย”เสียงฝีเท้าเขาดังชัดในทางเดินที่ไร้ผู้คน กลิ่นของวิคเตอร์ไม่ชัดเจนเหมือนตอนอยู่ใกล้ แต่มันก็ชัดพอจะพาเขาเดินเลี้ยวออกจากตัวอาคาร มุ่งหน้าสู่โรงจอดรถลมเย็นภายนอกตีกลิ่นจางๆ กระจายไปทั่ว แต่ธีโอกลับตามมันได้อย่างแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ“คุณวิคเตอร์...หนีผมไม่พ้นหรอกครับ” เสียงกระซิบของเขาดังแผ่วเบาเหมือนคำสัญญาในเงามืดในโรงจอดรถ ไฟบางส่วนยังเปิดอยู่ และในความเงียบที่ปกคลุม รถหรูคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ข้างใน ประตูด้านคนขับปิดไม่สนิทดีนัก ราวกับมีใครบางคนรีบหนีเข้าไป ธีโอหยุดยืนตรงหน้า ยกมือแตะฝากระโปรงเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาเยือกเย็นกลับกลายเป็นร้อนแรงเขายื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าต่างรถ สูดลมหายใจลึกอีกครั้ง กลิ่นวิคเตอร์เข้มข้นราวกับเพิ่งปล่อยออกมาเมื่อครู่“นั่นแหละ… นี่แหละกลิ่นของคุณ” เขาพึมพำภายในรถ วิคเตอร์นั่งนิ่งอยู่ในเบาะหลัง ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเงาร่างของธีโอเคลื่อนใ
กลางวันแสกๆ ของห้องทำงานชั้นบนสุด ที่ควรจะสงบเงียบ…แต่กลับมีเสียงพึมพำของโคโค่เจ้าแมวอ้วนลอยมาก่อนใครเพื่อน "นายเห็นไหม พระเอกจ้องจะเล่นนาย… เอ็งหนีไม่พ้นหรอกเว้ย วิคเตอร์"บนโต๊ะทำงานหรูดีไซน์มินิมอลของวิคเตอร์ มีทั้งกาแฟดำที่ใกล้เย็นสนิท กับแผ่นโปร่งแสงของ AI ที่ลอยอยู่เหนือพื้นโต๊ะ แสดงค่าพารามิเตอร์ความนิยมของตัวละครชื่อ “วิคเตอร์” กำลังขึ้นสูงแบบผิดคาด“นี่มันบ้าไปแล้ว… ตัวละครประกอบอย่างผมควรจะตายตั้งแต่บทที่ 3” วิคเตอร์บ่นพลางจ้องตัวเลขด้วยสีหน้าปลงๆ แต่โคโค่กลับขำแห้งๆ แล้วพ่นออกมาหนึ่งประโยค “นายโดนระบบเรือใหญ่เลือกไปแล้วอะดิ”วิคเตอร์กำลังจะเถียงอะไรกลับ แต่จู่ๆ โคโค่เงียบกริบ ดวงตาเรืองแสงของแมวอ้วนเบิกกว้างขึ้นอย่างระแวดระวัง “เดี๋ยว มีคนกำลังเดินมา...”แล้วมันก็ทำตามสัญชาตญาณของแมวทันทีกระโดดกลับไปนอนกลมบนโต๊ะ เสมือนว่าไม่เคยพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะยกอุ้งมือขึ้นมาเลียราวกับแมวบ้านธรรมดาแกร๊ก ประตูเปิดออกพร้อมเสียงฝีเท้านุ่มนวล และกลิ่นหอมของอาหารโฮมเมด วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นก่อนจะชะงัก “มาเอล…?”คนที่ปรากฏตัวคือนายเอกของเรื่องในร่างบางผิวขาวนวล สวมเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาด
เสียงประตูล็อกดังแกร๊ก ทำเอาวิคเตอร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ กลิ่นหอมบางของน้ำหอมในบ้านผสานกลิ่นไวน์แดง ทำให้เขารู้ทันทีว่า...เกมนี้ไม่ใช่แค่ดื่มธรรมดา ใช่แล้วสุดท้ายเขาก็จำยอมมากับพระเอกทั้งที่รู้ว่าไม่น่าไว้ใจเลยแท้ๆบ้านของธีโอหรูเกินกว่าจะเรียกว่าบ้าน แถมเป็นมากกว่านั้น...เหมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีเจ้าของเป็นจิ้งจอกแสนร้าย“เดินดูรอบ ๆ ก่อนสิครับคุณวิคเตอร์” ธีโอเอ่ยอย่างใจดีเกินเบอร์ มือเรียวโบกไปทางห้องรับแขก เปิดไฟอุ่น ๆ ที่ทำให้บ้านยิ่งดูอบอุ่นแบบน่าระแวงวิคเตอร์เดินตามอย่างเสียไม่ได้ รองเท้าหนังสะท้อนกับพื้นไม้ขัดมัน แววตาเขากวาดไปทั่วบ้านแบบคนกำลังหาทางหนี ก่อนจะจบลงที่โซฟาหนังวัวนุ่มลึกกลางบ้าน ธีโอลากไวน์ขวดละหลายพันขึ้นมาเทช้า ๆ ก่อนยื่นแก้วให้เขาด้วยรอยยิ้ม“เชิญครับ แขกพิเศษของคืนนี้”วิคเตอร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ขณะรับแก้วมา มือเย็นเฉียบเพราะเขากำลังคิดถึงแมวบางตัวที่ควรจะโผล่มาช่วยในเวลานี้แทนที่จะปล่อยให้เขาเผชิญด่านบอส“วันนี้ผม...ต้องขอโทษเรื่องมื้อเย็นด้วยจริงๆนะครับ” ธีโอเปิดบทสนทนา เสียงทุ้มนุ่มมีน้ำหนักวิคเตอร์เอียงคอ “หืม.. ครับ?”“ที่ผมอาจจะทำตัวเสียมารยาทน่ะครับ...แ
กลิ่นหอมของเนื้อย่างและไวน์ชั้นดีลอยฟุ้งปะทะประสาทรับรู้ แต่สิ่งที่กระแทกอารมณ์มากกว่านั้นคือสงครามเย็นระหว่างสองชายหนุ่มที่นั่งขนาบซ้ายขวาของวิคเตอร์หลังคำจิกกัดเผ็ดร้อนแบบมีดโกนของมิเอลกับธีโอ ภีมหรือวิคเตอร์ ก็แทบไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าจะกลายเป็นเหมือนลูกโซ่ที่ทำให้ระเบิดลูกต่อไปทำงานใส่ตัวเอง“ว่าแต่…” ธีโอเลิกคิ้ว มองวิคเตอร์ด้วยสายตาสนอกสนใจแบบจงใจ “คุณวิคเตอร์นี่แปลกตาดีนะครับ ผมขาว ตาสีทองอร่าม…เหมือนลูกแก้วเลย งดงามแบบไม่เหมือนใคร”คำพูดนั้นเหมือนลูกศรที่พุ่งเข้ากลางใจมาเอลทันที เขาขยับคิ้วขึ้นนิดหนึ่งแต่ไม่พูดอะไร สายตากลับหันไปมองวิคเตอร์แทน“อ๋อ พอดีผมเป็นลูกเสี้ยวหลายเชื้อชาติน่ะครับ” วิคเตอร์หัวเราะแหะ ๆ มือกำชายเสื้อแน่น “คงได้มารวมกันเยอะไปหน่อย”“ตอนคบกัน นายชอบใส่แว่นไม่ใช่เหรอ?” เสียงเรียบของมิเอลแทรกเข้ามากลางวงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ทำไมตอนนี้ถึงถอดมันล่ะ?”“แว่นมันเกะกะน่ะ” วิคเตอร์ยิ้มแหย “ถอดแล้วมองอะไรชัดขึ้นเยอะเลย”“แต่นายก็ดูดีมากเลยนะตอนนี้” มิเอลยิ้มบาง แต่ดวงตานั้นกลับทอดเงาลึกชวนสงสัย “ใช่มั้ย…เพื่อน(รัก)?”คำว่า เพื่อนรัก ถูกเน้นหนักจนวิคเตอร์รู้สึกได้ถ
เสียงเพลงป๊อปแดนซ์จังหวะกระชากใจดังลั่นไปทั่วคอนโดหรู วิคเตอร์ หรือ ภีม ในชื่อเดิมของเขากำลังสวมเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น เดินเต้นลั้ลลาแบบไม่สนโลก ราวกับว่าชีวิตในจักรวาลโอเมก้าเวิร์สนี้ไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่าการเลือกว่าจะกินข้าวหรือกาแฟก่อนดี"ถ้าให้เธอเป็นเสื้อ..คงเป็นเบบี้ที~” เขาหมุนตัวเองหน้าโซฟาอย่างภาคภูมิ ก่อนจะชี้นิ้วฟาดจังหวะเข้ากับเสียงเพลงที่ดังสนั่น…จนกระทั่ง...ปึ้ง! เพลงเงียบลงทันใดวิคเตอร์กะพริบตาปริบ ๆ หันขวับไปมองต้นเสียง แมวดำตัวอ้วนกลมที่ชื่อว่า โคโค่ นั่งกอดอกอยู่บนโต๊ะกาแฟกลางห้อง แพขนฟู ๆ ยกหูรีโมตขึ้นแล้ววางอย่างช้า ๆ แบบโคตรมีเจตนา“โอ้ย โคโค่! เพลงกำลังมันส์ ทำไมปิดอะ!”“เพลงไม่สำคัญเท่า ‘เนื้อเรื่อง’ นะยะ” โคโค่หรี่ตาเหมือนจะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว “นายรู้มั้ยว่า คะแนนความชอบของแม่ยก ที่ให้กับตัวละคร ‘วิคเตอร์’ ตอนนี้มันหยุดนิ่ง! นาน! แล้ว! เพราะอะไร? เพราะคุณลูกชายเอาแต่นอนเป็นส้มในคอนโด ไม่ไปเข้าเนื้อเรื่องหลักไงล่ะ!”วิคเตอร์ทำท่าจะโวยแต่ก็กลายเป็นแค่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินลากสลิปเปอร์กลับไปที่โซฟาแล้วหยิบหมอนมาฟาดหน้าตัวเองอย่างเซ็ง ๆ “พูดอีกละ พูดทุกวัน หูผมชา