เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”
กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”
เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”
เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”
“อ้อ”
“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”
เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง
“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”
“พี่ภพเหรอครับ?”
“จ้ะ”
“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”
เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”
กนกพยักหน้าหงึก ๆ ดูตื่นเต้นเล็ก ๆ กับแผนที่ได้รับรู้เมื่อครู่ แต่เพชรกลับเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมองลูกชาย แววตาสะท้อนความกังวลบางอย่างที่เจ้าตัวอาจไม่ทันสังเกต
เด็ก ๆ นี่โตขึ้นกันไวจริง ๆ ...
สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านสวนมะพร้าว เสียงใบไม้เสียดสีกันดังแผ่วเบา สร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย แต่สำหรับกนกแล้ว หัวใจของเขากลับเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ทุกย่างก้าวที่เดินเข้าไปในสวน ความรู้สึกแปลก ๆ ก่อตัวขึ้นราวกับเงาที่เคยเลือนลางกำลังกลับมาชัดเจนขึ้นทีละนิด
เขาหลับตาสูดอากาศเข้าเต็มปอด แต่กลับรู้สึกเหมือนความทรงจำบางอย่างไหลทะลักเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว
เสียงหัวเราะของเด็กชายดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท ภาพเงาของเด็กตัวเล็กที่วิ่งเล่น ปีนต้นมะพร้าว และกระโดดเรียกใครบางคนที่อยู่ไกลออกไป มันเป็นภาพที่เลือนรางแต่กลับทำให้หัวใจเต้นแรง
กนกสะบัดหัวเบา ๆ พยายามเรียกสติกลับมา แต่ความรู้สึกหนักอึ้งในอกกลับถาโถมใส่ มือทั้งสองข้างยกขึ้นจับศีรษะแน่น ความปวดหน่วงในหัวเริ่มรุนแรงขึ้นทุกขณะ
พบรักที่เดินตามอยู่ข้างหลังสังเกตเห็นอาการผิดปกติของน้อง จึงรีบวิ่งเข้ามาใกล้ ดวงตาคมเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“กนก ได้ยินพี่ไหม”
เสียงของพบรักดังขึ้นชัดเจนท่ามกลางความสับสนของกนก
“กนกลืมตาขึ้นหน่อย ลืมตามองพี่หน่อย”
เสียงเรียกที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและห่วงใยทำให้กนกพยายามบังคับเปลือกตาของตัวเองให้เปิดขึ้น
ภาพตรงหน้าเริ่มชัดขึ้น ใบหน้าของพบรักปรากฏขึ้นในระยะใกล้ แววตาของเขาสั่นไหวด้วยความกังวล เหงื่อซึมอยู่ที่หน้าผากของกนก ขณะที่ลมหายใจยังติดขัดและไม่เป็นจังหวะ
“พิภพ...”
“พี่อยู่นี่” พบรักรีบโอบกอดเด็กชายเข้ามาแนบอก ลูบหลังเบา ๆ เพื่อให้กนกสงบลง “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะอยู่ตรงนี้”
สัมผัสอบอุ่นและน้ำเสียงหนักแน่นช่วยปลอบประโลมให้กนกค่อย ๆ กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง หัวใจที่เต้นรัวเริ่มผ่อนจังหวะลง ความรู้สึกหวาดกลัวค่อย ๆ จางหายไป
พบรักกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น คล้ายต้องการส่งผ่านความมั่นคงให้เด็กชายในอ้อมกอดได้รับรู้
“เราไม่ต้องฝืน” เขาพูดเสียงแผ่วเบา แต่หนักแน่น “เราจะโอบกอดกันและกัน”
กนกพยักหน้าช้า ๆ ซุกใบหน้าลงกับอกกว้าง ความอบอุ่นของอีกฝ่ายค่อย ๆ ปัดเป่าความกลัวออกไปทีละนิด
และในตอนนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ว่า... ไม่ว่าอดีตจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าอะไรจะรออยู่ข้างหน้า
เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว
สายลมเย็นพัดผ่านสวนมะพร้าว เสียงใบไม้กระทบกันเป็นจังหวะเบา ๆ แต่หัวใจของกนกเต้นแรงจนเหมือนจะดังกว่าเสียงรอบตัวทั้งหมด
มือของเขาสั่นเล็กน้อย หัวใจเต้นรัว หายใจหอบถี่ เหงื่อซึมออกมาทั่วใบหน้าและลำคอ ความรู้สึกหนักอึ้งถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไม่หยุด
"กนก ไม่ต้องหลับตานะ" เสียงของพบรักแผ่วเบา ทว่าแน่วแน่
มืออุ่น ๆ เอื้อมมาจับมือเขาไว้แน่น สัมผัสนั้นมั่นคงและอบอุ่นราวกับเป็นหลักยึดเดียวในโลกที่กำลังสั่นคลอน
"ไม่ว่าความมืด ความขัดแย้ง หรือความพร่ามัวในใจของเรา กนกจำไว้ว่าพี่ยังอยู่ตรงนี้เสมอ"
กนกพยายามหายใจเข้าออกช้า ๆ ตามจังหวะของพี่ภพ เขาพยักหน้ารัว ๆ ขณะที่มือยังกำมืออีกฝ่ายไว้แน่น
เขาจะไม่หลับตา
เขาจะอยู่ตรงนี้... ข้าง ๆ พิภพ
เขาจะปล่อยให้ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของพี่ภพปกป้องเขาไว้
"กนกรู้สึกเหมือนเคยมาที่นี่" เขาพึมพำเสียงแผ่ว ดวงตากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างไม่แน่ใจ
พบรักมองเด็กชายตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน "ถ้าพี่บอกว่าใช่ กนกจะเชื่อพี่ไหม"
กนกเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
"ที่นี่คือสวนของพี่" พบรักพูดต่อ น้ำเสียงของเขาอบอุ่นและมั่นคง "สวนของบ้านพี่ และกนกก็เคยชอบมาวิ่งเล่นที่นี่บ่อย ๆ ต้นไม้ต้นนี้..." เขาชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล "หนูก็เคยปีนมันเสมอ เป็นกนกน้อยตัวเล็ก ๆ อายุห้าขวบ"
กนกมองต้นไม้นั้น ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบผ่านหัวใจ ภาพเลือนรางจากอดีตคล้ายจะฉายชัดขึ้นในเสี้ยววินาที
"กนกชอบธรรมชาติที่นี่" เขากระซิบเบา ๆ
"ไว้เรามาด้วยกันบ่อย ๆ นะ ดีไหม" พบรักถาม พร้อมกระชับมือกนกเบา ๆ
กนกนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายข้างบ้าน ดวงตาสั่นไหวด้วยความลังเล
"ถ้ามีพี่ภพ... กนกจะปลอดภัยใช่ไหม"
เสียงของเด็กน้อยแผ่วเบาแทบกลืนไปกับสายลม แต่พบรักได้ยินชัดเจน
เขายิ้มบาง ๆ โน้มตัวลงมากุมมือน้องแน่นขึ้น แล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น
"ถ้ามีพี่อยู่กับกนก กนกไม่ต้องกลัวอะไรเลย" เสียงของเขาอ่อนโยน "พี่จะอยู่ข้างกนกเสมอ ในยามที่กนกหันมา... จะเจอพี่อยู่ตรงนี้เสมอ"
พูดจบ เขาก็โอบกอดเด็กชายไว้แน่น ราวกับอยากใช้ความอบอุ่นทั้งหมดที่มีโอบล้อมกนกเอาไว้
กนกค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของพี่ภพ
ความอบอุ่นจากสัมผัสนี้ ค่อย ๆ ขับไล่ความกลัวออกไปทีละนิด...
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน
เพชรนิ่งฟังคำพูดของพบรัก แววตาของเธอเต็มไปด้วยความลังเลและห่วงใย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของเขามีเหตุผลภพรักในวันนี้ไม่ใช่เด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่เธอเคยเห็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนอีกแล้ว เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจตัวเองและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอดีต แม้จะเจ็บปวด แม้จะต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดอยู่ตรงนี้ ด้วยความหวังที่ว่าเขาจะช่วยกนกได้ตุ๊กตาหมีสีเหลืองในมือของพบรักเป็นเหมือนตัวแทนของอดีตที่เขาและกนกเคยมีร่วมกัน เพชรลูบมันเบา ๆ ปลายนิ้วสัมผัสเนื้อผ้าหม่นหมองที่ผ่านกาลเวลา แต่มันก็ยังคงอยู่เธอถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเงยหน้ามองพบรัก"น้าเข้าใจว่าภพรักต้องผ่านอะไรมาบ้าง และน้าก็รู้ว่ากนกเองก็ยังคงมีบางอย่างที่ค้างคาในใจ... บางที การได้เจอภพรัก อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องกล้าเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองเหมือนกัน"พบรักมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่เขาก็รู้ดีว่าความไว้วางใจไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับมาโดยง่าย"แต่..." เพชรพูดต่อ "น้าขอแค่อย่างเดียว อย่าทำให้น้องต้องเจ็บปวดอีก"ภพรักยิ้มบาง ๆ เขารู้ดีว่าเส้นทา