เพชรนิ่งฟังคำพูดของพบรัก แววตาของเธอเต็มไปด้วยความลังเลและห่วงใย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของเขามีเหตุผล
ภพรักในวันนี้ไม่ใช่เด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่เธอเคยเห็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนอีกแล้ว เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจตัวเองและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอดีต แม้จะเจ็บปวด แม้จะต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดอยู่ตรงนี้ ด้วยความหวังที่ว่าเขาจะช่วยกนกได้
ตุ๊กตาหมีสีเหลืองในมือของพบรักเป็นเหมือนตัวแทนของอดีตที่เขาและกนกเคยมีร่วมกัน เพชรลูบมันเบา ๆ ปลายนิ้วสัมผัสเนื้อผ้าหม่นหมองที่ผ่านกาลเวลา แต่มันก็ยังคงอยู่
เธอถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเงยหน้ามองพบรัก
"น้าเข้าใจว่าภพรักต้องผ่านอะไรมาบ้าง และน้าก็รู้ว่ากนกเองก็ยังคงมีบางอย่างที่ค้างคาในใจ... บางที การได้เจอภพรัก อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องกล้าเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองเหมือนกัน"
พบรักมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่เขาก็รู้ดีว่าความไว้วางใจไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับมาโดยง่าย
"แต่..." เพชรพูดต่อ "น้าขอแค่อย่างเดียว อย่าทำให้น้องต้องเจ็บปวดอีก"
ภพรักยิ้มบาง ๆ เขารู้ดีว่าเส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่เพียงแค่ได้รับโอกาส เขาก็จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
"ผมสัญญาครับ น้าเพชร ผมจะโอบกอดกนกด้วยหัวใจของผม และจะไม่ปล่อยให้น้องต้องเผชิญความมืดมิดเพียงลำพังอีกต่อไป"
ภพรักไม่เคยต้องการให้ตัวเองเป็นเพียงเงาจาง ๆ ในความทรงจำของกนกที่ค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา เขาอยากให้กนกจดจำทุกสิ่งที่พวกเขาเคยมีร่วมกัน ให้ระลึกถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองได้เติบโตและเรียนรู้กันมา ไม่ใช่ด้วยความเจ็บปวด แต่ด้วยความเข้าใจและความอบอุ่นที่เขาตั้งใจจะมอบให้
สิ่งที่พบรักทำอยู่ตอนนี้ จึงเป็นมากกว่าการเฝ้ามองจากที่ไกล ๆ เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นฟูความทรงจำของกนก ให้เด็กคนนั้นค่อย ๆ เรียนรู้และเปิดใจรับอดีตทีละนิด โดยไม่ต้องกลัวมันอีกต่อไป เขาอยากเป็นอ้อมกอดที่โอบรับกนกไว้ในวันที่เหนื่อยล้า เป็นความมั่นคงที่ทำให้น้องรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังในความมืดมิดที่เคยกลืนกินจิตใจ
“น้าจะขอเชื่อใจภพนะ”
เสียงของเพชรในวันนั้นยังคงก้องอยู่ในใจของพบรัก มันเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความลังเลและความหวังในเวลาเดียวกัน
“เพราะน้าเคยอยากให้เขาได้เผชิญกับความเจ็บปวด เพื่อก้าวผ่านมันไป แต่สุดท้าย... น้าก็ถอดใจหลายครั้ง หมอเคยแนะนำให้น้าลองให้กนกได้พบเจอกับบางอย่าง อาจช่วยให้เขาเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองได้”
เธอถอนหายใจยาว สายตาสั่นไหวด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก
“แต่สุดท้าย... น้าก็ทนไม่ได้ น้าทนเห็นลูกต้องจมอยู่กับความเหม่อลอยและความซึมเศร้าไม่ได้”
เพชรหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมขึ้นใหม่ และสบตาพบรักด้วยแววตาที่อ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม
“แต่ถ้าหากเราได้ช่วยกัน... บางที มันอาจจะเป็นผลดีกับน้อง”
“ครับ น้าเพชร” พบรักตอบหนักแน่น “ผมจะช่วยน้อง ให้เขาได้ต่อสู้และเติบโตได้อย่างสมบูรณ์”
ตั้งแต่วันนั้น เพชรก็รับรู้ได้ว่าผู้ชายตรงหน้าพร้อมจะโอบกอดลูกชายของเธออย่างแท้จริง ด้วยความเข้าใจ ด้วยความอดทน และด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ที่สุด
วันนี้เพชรรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้เห็นเด็กสองคนเดินเคียงข้างกันกลับมาถึงบ้าน มันไม่ใช่แค่ภาพของการกลับบ้านธรรมดา แต่เป็นสัญญาณของบางสิ่งที่กำลังเปลี่ยนไป
เธอเห็นแววตาของกนกที่ดูสว่างขึ้นกว่าแต่ก่อน ไม่ใช่เด็กชายที่เคยจมอยู่กับความเงียบเหงาและหวาดกลัวอีกต่อไป และเธอเห็นพบรักที่ยังคงเฝ้ามองกนกด้วยสายตาอ่อนโยน—สายตาของคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างในทุกช่วงเวลา
บางที… ความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งสองคน อาจเป็นสิ่งที่ช่วยพากนกก้าวผ่านเงามืดในอดีตที่เคยหลอกหลอน คล้ายกับหมอกบาง ๆ ที่ลอยคลุมอยู่ในใจเขา ยามใดที่เมฆฝนแห่งความทรงจำพัดผ่านมา
แต่วันนี้… มีแสงแดดบาง ๆ ส่องลงมาแล้ว
และเพชรก็หวังว่า แสงนั้นจะค่อย ๆ ส่องนำทางให้กนกก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงขึ้น—โดยไม่ต้องเดินเพียงลำพังอีกต่อไป
กนกมองหน้าแม่สลับกับพี่ภพ ดวงตากะพริบปริบ ๆ อย่างสงสัย แปลกใจที่แม่ดูจะผ่อนคลายและส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้พี่ภพ ราวกับรู้อะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้
“แล้ววันนี้พบจะเข้าไปนอนกับแป้น หรือจะกลับไปที่ในตัวเมืองล่ะ?” แม่เอ่ยถามเสียงนุ่ม
พบรักละสายตาจากกนก หันไปตอบ “วันนี้ผมกลับไปทำงานที่หอก่อนนะครับ ยังมีโปรเจคต้องเคลียร์กับอาจารย์ แล้วก็งานลูกค้าที่ต้องส่งอีก”
กนกเงยหน้ามอง “พี่ภพต้องกลับไปที่มหาลัยเลยเหรอครับ” น้ำเสียงฟังดูเสียดายโดยที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัว “โห... งั้นวันนี้ก็เหนื่อยแย่เลย”
พบรักหัวเราะเบา ๆ “ไม่เหนื่อยหรอก แค่ขับรถมาส่งไอ้หนูกับเพื่อนเอง สบายมาก”
“งั้นรีบกลับเถอะจ้ะ จะได้ไม่ค่ำ” แม่เอ่ยขึ้น “กนก ไปส่งพี่เขาที่หน้าบ้านหน่อย แล้วรีบมาอาบน้ำนะลูก เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”
“ครับแม่”
ระหว่างเดินไปส่งพี่ภพ กนกก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเบา ๆ “ไม่เห็นพี่ภพบอกเลยว่ามีงาน ไม่งั้นกนกก็ไม่รบกวนให้ไปส่ง...”
พบรักปรายตามองเด็กน้อยข้าง ๆ อย่างเอ็นดู “แล้วพี่เคยบอกเหรอว่ารบกวน?” เขายกคิ้วขึ้น “พี่เสนอตัวเองต่างหาก”
กนกเม้มปากแน่น เหมือนจะเถียงแต่ก็พูดไม่ออก “ก็...”
“อีกไม่กี่วันพี่ก็มาหาแล้ว ไม่ต้องคิดถึงพี่หรอก” พบรักแกล้งยิ้มขยิบตาให้
กนกชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี “อะไรกันเล่า ยังไม่ได้พูดเลยว่าคิดถึง”
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นจากคนข้าง ๆ พบรักมองแก้มแดง ๆ ของเด็กน้อยแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
“ยังไงพี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกัน”
พอเปิดประตูรถเตรียมก้าวขึ้นไป มือเล็ก ๆ ของกนกก็ดึงชายเสื้อเขาไว้เบา ๆ
พบรักหยุดนิ่ง หันกลับมามอง กนกยังคงหลุบตาลงไม่กล้าสบตา แต่เสียงที่เปล่งออกมานั้นนุ่มนวล
“ขับรถดี ๆ นะครับ”
ความอบอุ่นบางอย่างแผ่ซ่านไปทั่วอก พบรักจ้องมองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณนะครับ... คนเก่งของพี่”
เขายิ้ม แล้วจึงค่อย ๆ ปิดประตูรถ ขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน พบรักเหลือบมองกระจกหลัง เห็นกนกยังยืนอยู่ที่เดิม มองส่งเขาจนลับสายตา
รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา...
อีกไม่กี่วัน เขาจะต้องกลับมาเจอเด็กน้อยคนนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน
พบรักชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงแรงดึงที่ชายเสื้อของเขา กนกไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่สบตาเขาแล้วหลุบมองต่ำเหมือนลังเลอะไรบางอย่าง
มันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่กลับทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น
“ขับรถดี ๆ นะครับ”
คำพูดเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่ชัดเจน พบรักยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขายกมือขยี้กลุ่มผมนุ่มของเด็กน้อยตรงหน้าเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ขอบคุณนะครับ คนเก่งของพี่”
กนกไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่ใบหูที่ขึ้นสีแดงนั้นทำให้พบรักต้องกลั้นหัวเราะ น่ารักจริง ๆ ... เด็กคนนี้
เขาก้าวขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่อง แต่ยังอดไม่ได้ที่จะมองกระจกหลัง เห็นกนกยืนมองส่งเขาอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเจือรอยยิ้มบาง ๆ
แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่มันกลับทำให้พบรักรู้สึกเหมือนได้รับของขวัญล้ำค่า
และเขารู้ดีว่า อีกไม่กี่วันข้างหน้า... เขาจะต้องกลับมาเพื่อพบกับรอยยิ้มนี้อีกครั้ง
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน
เพชรนิ่งฟังคำพูดของพบรัก แววตาของเธอเต็มไปด้วยความลังเลและห่วงใย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของเขามีเหตุผลภพรักในวันนี้ไม่ใช่เด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่เธอเคยเห็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนอีกแล้ว เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจตัวเองและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอดีต แม้จะเจ็บปวด แม้จะต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดอยู่ตรงนี้ ด้วยความหวังที่ว่าเขาจะช่วยกนกได้ตุ๊กตาหมีสีเหลืองในมือของพบรักเป็นเหมือนตัวแทนของอดีตที่เขาและกนกเคยมีร่วมกัน เพชรลูบมันเบา ๆ ปลายนิ้วสัมผัสเนื้อผ้าหม่นหมองที่ผ่านกาลเวลา แต่มันก็ยังคงอยู่เธอถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเงยหน้ามองพบรัก"น้าเข้าใจว่าภพรักต้องผ่านอะไรมาบ้าง และน้าก็รู้ว่ากนกเองก็ยังคงมีบางอย่างที่ค้างคาในใจ... บางที การได้เจอภพรัก อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องกล้าเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองเหมือนกัน"พบรักมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่เขาก็รู้ดีว่าความไว้วางใจไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับมาโดยง่าย"แต่..." เพชรพูดต่อ "น้าขอแค่อย่างเดียว อย่าทำให้น้องต้องเจ็บปวดอีก"ภพรักยิ้มบาง ๆ เขารู้ดีว่าเส้นทา
พี่ภพขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของกนก หลังจากส่งพราวและมิวเสร็จเรียบร้อยแล้วกนกแทบไม่รอให้รถจอดสนิทดี เขารีบเปิดประตูแล้ววิ่งพุ่งเข้าไปหาแม่ทันที"โถลูก… อย่าวิ่งเร็ว เดี๋ยวล้มนะ"เสียงของแม่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็อ้าแขนรับกอดลูกชายของเธอไว้แน่นกนกฝังหน้าลงกับไหล่ของแม่ สูดกลิ่นที่คุ้นเคย ราวกับจะซึมซับความอบอุ่นให้เต็มหัวใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหน แต่ในอ้อมกอดของแม่ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดจากมหาวิทยาลัยเหมือนค่อย ๆ คลี่คลายแม่ลูบหลังเขาเบา ๆ "เป็นไงบ้างครับ ปิดเทอมจบปีหนึ่งแล้ว เด็กน้อยของแม่"กนกเงยหน้าขึ้น หัวเราะเบา ๆ แต่ดวงตายังคงฉายแววอ่อนล้า "คิดถึงแม่มากเลยครับ คิดถึงพ่อด้วย เหนื่อยมากเลย ทำไมชีวิตมหา’ ลัยเหนื่อยขนาดนี้""ออกมาอยู่บ้านไหมลูก เครียดหรือเปล่า?"กนกหัวเราะกับคำพูดของแม่ เขารู้ว่าแม่ไม่อยากให้เขาต้องเครียดหรือกดดันกับชีวิตในมหาวิทยาลัยก่อนที่เขาจะตัดสินใจไปเรียนต่อ แม่เคยบอกเสมอว่า "ถ้าเหนื่อยหรือเครียดเกินไป กลับมานะ มาอยู่กับ