เมื่อไม่มีเงาเหลือให้ซ่อน ผู้ใดเล่าจะกล้าเดินต่อภายใต้แสงโดยไม่หวั่นไหว
แสงอาทิตย์เช้าวันใหม่ ทอผ่านม่านหมอกที่ลอยอยู่เหนือทุ่งเซกิคุ
ไม่มีใครถือดาบ
ซาโยะ ยืนอยู่แถวหน้า
“ข้าคือธิดาของขุนพลผู้ล่มสลาย
ข้าคือเจ้าสาวของศัตรู
และข้าคือหญิงสาวที่เลือกจะไม่ตกเป็นเครื่องมือของแสงหรือเงาอีกต่อไป”
เสียงของเธอไม่ได้ดังก้อง
ฮากุโร่ ก้าวมาข้าง ๆ
เขามอบมันให้ผู้นำแต่ละตระกูล
ผู้นำตระกูลคุเสะ เป็นคนแรกที่เดินออกมา
“ข้าสำนึกในสิ่งที่เงาเคยทำแทนมือข้า
แต่จากนี้ ข้าจะรับผิดชอบทุกคำสั่งด้วยใบหน้าเปล่า”
ตัวแทนอิซึมิ, โฮชิ, และตระกูลย่อยอื่น ๆ ทำตาม
จนแสงแดดสูงเหนือศีรษะ
ซาโยะถามเบา ๆ กับฮากุโร่:
“เจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าพวกเขาจะเลือกอยู่ในแสง?”
ฮากุโร่ตอบโดยไม่มองหน้าเธอ
“ข้าไม่รู้... แต่ข้าเลือกจะอยู่ในแสงให้พวกเขาเห็นว่า...มันไม่ใช่ที่อ่อนแอ”
และบทนี้จบลง ไม่ใช่ด้วยชัยชนะ
แต่ด้วย “การเลือก” ของผู้ที่ไม่ถูกบีบบังคับ
ผู้ที่ยืนอยู่ในแสงโดยไม่มีเกราะ ไม่มีดาบ
มีเพียงเงาของตัวเอง—ที่ไม่ต้องหลบมันอีกต่อไป
พร้อมเดินสู่บทสุดท้ายใน “บทที่ 30: ฤดูที่เงาไม่กลับมา”
ที่จะปิดซีซันแรกอย่างเต็มอารมณ์และยิ่งใหญ่
บทที่ 68 — ดอกไม้ที่เบ่งบานในวันศพบางศพไม่ต้องเผา...ก็ส่งกลิ่นแห่งการเปลี่ยนแปลงสถานที่: หมู่บ้านอาเนะโนะ, ฮานาเระ, มินามิ-ซาวะ และอีกเจ็ดหมู่บ้านเวลา: สัปดาห์ถัดจากเหตุการณ์ไฟไหม้หอสมุดที่ไม่มีใครอ้างตัวรับผิดชอบข่าวลือแพร่ไปทั่วแคว้นในคืนเดียวว่า“เด็กหญิงที่เขียนชื่อคนตาย ถูกจับไปแล้ว”“เธอไม่ได้ร้องไห้แม้แต่คำเดียว”“ก่อนถูกพาไป เธอวางสมุดเล่มหนึ่งไว้ใต้เสื่อ...เขียนคำสุดท้ายว่า ‘อย่าลืมชื่อของพวกเขา’”ไม่มีใครยืนยัน ไม่มีใครเห็นแต่ทุกคน...เชื่อในหมู่บ้านอาเนะโนะ:ยายของอาคิยืนเงียบหน้าศาลาว่างเธอถือโคมไร้ไส้หนึ่งอัน และกล่าวเบา ๆ“ข้าจะไม่พูดว่าหลานข้าตายข้าจะพูดว่า...ความเงียบของเจ้า เปลี่ยนฤดูกาลได้”ฉาก: เด็ก ๆ แต่งชุดขาว เรียงกันบนเนินเขาแต่ละคนถือกระดาษแผ่นเล็ก เขียนชื่อใครบางคนที่เคยถูกลืมแทนพวงหรีด — พวกเขาวางกระดาษเหล่านั้นรอบโคม“นี่คืองานศพที่ไม่มีศพแต่มีคนจำนวนมาก...ที่ตื่นขึ้น”ในหมู่บ้านมินามิ-ซาวะพระผู้เคยเผาแผ่นไม้ กลับเดินมาร่วมพิธีเงียบเขาไม่พูด เขาแค่ถอดผ้าโพกหัววางไว้ข้างชื่อหนึ่งบนกระดาษชื่อที่เขาเคยสั่งให้ลบเสียงกระซิบจากฝูงชน:“นางยังมีชีวิตหร
บทที่ 67 — การล่าคนที่จำเมื่อชื่อกลายเป็นภัยและความจำ…กลายเป็นอาชญากรรมสถานที่: สำนักงานบัญชีศรัทธาแห่งแสง – เขตศักดิ์สิทธิ์ใจกลางเมืองหลวงผู้ควบคุมบัญชีใหญ่ “ท่านเมียวโกะ” ได้รับรายงานจากสายลับภาคสนาม:“มีเอกสารต้องห้ามแทรกซึมเข้าสู่หมู่บ้าน 17 แห่งใน 2 เดือนทั้งหมดเขียนด้วยลายมือคล้ายเด็กหญิง และมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ที่ถูกขจัดไปแล้ว”ท่านเมียวโกะ (ชายชราในชุดคลุมขาว):“ชื่อคือพันธนาการของวิญญาณหากเราปล่อยให้มันถูกเรียกกลับ...พวกตายจะเดินอีกครั้ง”เขาจึงสั่งตั้งหน่วย “ผู้ชำระความจำ”ประกอบด้วยนักพรต 6 คนพร้อมเด็กฝึกวัยหนุ่มที่เชี่ยวชาญการเผาหนังสือและลบจารึกฉาก: หมู่บ้านโยโระพระหนุ่มนามว่า เร็นไซ มาถึงพร้อมคัมภีร์และไฟเขาไม่ประกาศเจตนา ไม่ถามความสมัครใจเขาแค่พูดเบา ๆ ว่า:“ใครยังเขียนชื่อที่ตายไปแล้ว...นั่นคือผู้ทรยศแสง”อาคิ ถูกซ่อนในห้องใต้ดินเด็กคนหนึ่งร้องไห้บอกว่า“ข้าเผาไม้สลักชื่อไปแล้ว พวกเขาจะปล่อยพวกเรามั้ย?”ซาโยะ อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียง ได้ข่าว จึงรีบเร่งมาแต่ช้าไปหนึ่งคืนแผ่นไม้สลักชื่อกว่า 100 แผ่น...กลายเป็นเถ้าถ่านผู้ชำระความจำ เริ่มแฝงตัวเป็นคนในหมู่บ้
บทที่ 66 — เด็กหญิงที่ไม่มีชื่อไม่มีใครเรียกชื่อเธอแต่เธอคือเหตุผลที่ชื่อของคนอื่น…ยังคงอยู่สถานที่: ระหว่างเส้นทางลับในป่าลึกเชื่อมหมู่บ้านอาเนะโนะ–ฮิเมะสึรุเธอถูกเรียกเพียงว่า “หนู” หรือ “เด็กคนนั้น” ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเธอไม่มีใครแน่ใจว่าเธอเป็นลูกใครแต่ทุกหมู่บ้านในเขตศรัทธาเงา ต่างได้รับกระดาษแผ่นเล็กจากเธอกระดาษเหล่านั้นไม่ได้มีบทสวดแต่มี “ชื่อ” คนที่ถูกลืม พร้อมประโยคสั้น ๆ เช่น:“เขาเคยเป็นคนสอนหนังสือให้หมู่บ้านหนึ่ง”“นางเคยเอาข้าวให้คนที่ไม่มีสิทธิ์กิน”“เขาถูกตัดชื่อจากบัญชีศาสนา แต่ลูกสาวยังรอเขาอยู่”เธอไม่พูด ไม่ร้องแต่รู้เส้นทางทุกแยกในป่าที่ไม่มีในแผนที่เธอไม่หยิบดาบแต่รู้ว่าคำพูดไหนต้องหลบคำไหนต้องปล่อยให้คนอื่นได้ยินคืนหนึ่ง ที่หมู่บ้านมิเนะโซโนะเธอวางกระดาษเล็กใต้หมอนของผู้เฒ่าหูตึงคนหนึ่งข้อความเขียนว่า:“ชื่อของลูกชายท่าน ยังไม่ควรหายไป”“มีเด็กคนหนึ่งยังจำได้ว่าเขายิ้มยังไง”เช้าวันถัดมา ผู้เฒ่าคนนั้นจุดโคมไฟไว้หน้าบ้านโดยไม่ใส่ไส้ — เป็นโคม “ไร้ไฟ” แห่งแรกของหมู่บ้านนั้นในเมืองหลวง, ขุนนางผู้ดูแลทะเบียนศาสนาเปิดสมุดบันทึกดูรายชื่อ — แล้วสะดุ
บทที่ 65 — ผู้แบกความทรงจำ ไม่มีสิ่งใดตายจริง หากยังมีใครคนหนึ่ง เรียกชื่อมันได้ สถานที่: หมู่บ้านอาเนะโนะ — ชายป่าทางเหนือของแคว้นมิสุโนะ หมู่บ้านที่เคยเป็นศูนย์กลางของการล้างประวัติศาสตร์เมื่อ 20 ปีก่อน เด็กหญิงคนหนึ่งชื่อว่า อาคิ อาศัยอยู่กับยาย เธอไม่เคยได้เรียนในวัดหลวง ไม่เคยถูกสั่งให้สวด แต่เธอ “จำชื่อคนที่ถูกลืม” ได้มากกว่าผู้ใด เธอเดินจากบ้านสู่ศาลาหมู่บ้านทุกค่ำ ไปนั่งตรงเสากลาง แล้วเขียนชื่อลงในไม้ “ยามาดะ เคย์ซึ” “นัตสึโนะ ซากุระ” “โทริอิ โยเฮ” “มุราเสะ ไดจิ” “คันโนะ เรน” …ชื่อที่ไม่มีในตำราของศาสนจักรแห่งแสง ชาวบ้านถามเธอเสมอว่า: “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าใครเคยมีอยู่?” อาคิ: “ยายข้าเคยได้ยินเสียงพวกเขาร้อง ข้าแค่จดไว้ก่อนที่เสียงนั้นจะจางหาย” วันหนึ่ง ซาโยะ เดินทางมาถึงหมู่บ้านอาเนะโนะ เธอได้ยินเสียงท่องชื่อจากศาลาในยามค่ำ ไม่ใช่บทสวด ไม่ใช่คำอธิษฐาน แต่เป็นการ “จำ” ที่ไม่มีใครสั่ง ซาโยะถามอาคิ: “เจ้ารู้ไหมว่าทำแบบนี้...เจ้ากำลังต่อต้านศาสนจักร?” อาคิ: “ข้ารู้ แต่ถ้าการจำชื่อใครสักคน คือการต่อต้าน งั้นพวกเขาก็กลัวความทรงจำยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก”
บทที่ 64 — เสียงที่สะท้อนจากกำแพงเก่าเมื่อเงาในอดีตยังพูด แม้ไม่มีผู้ฟังและการลืม…คือการปล่อยศัตรูมีชีวิตต่อไปสถานที่: เมืองชายแดน ชิโรคุรุะ — ป้อมร้างที่เคยเป็นศูนย์บัญชาการของฝ่ายต่อต้านแสงในสงครามยุคก่อนเสียงฝีเท้าของ ซาโยะ ก้องสะท้อนในอุโมงค์ใต้ดินรอบข้างคือกำแพงที่เคยถูกสลักถ้อยคำต้องห้ามมีข้อความซีดจาง…แต่ยังมองเห็น“อย่าเชื่อทุกแสงที่ส่องมาใกล้เพราะบางดวง…เผาเจ้าก่อนอุ่น”คุโรอิ เดินตามหลังนาง พร้อมกล่องเหล็กเล็กในนั้นคือเศษสมุดบันทึกเก่าที่ค้นพบ— เศษความคิดของขุนศึกกลุ่มแรกผู้ “เงียบหายไป” หลังพ่ายศรัทธา“นี่ไม่ใช่เอกสารทหาร…แต่มันคือเสียงคร่ำครวญของคนที่ไม่ถูกยินดีให้รอดชีวิต”— คุโรอิพวกเขาค้นพบ ห้องบันทึกเก่า — ผนังหินเต็มไปด้วยรอยขูด เขียนด้วยเล็บราวกับเสียงสุดท้ายก่อนตายถูกฝังไว้ตรงนี้“ศรัทธาคือสิ่งที่ฆ่าเราไม่ใช่ดาบของพวกเขาแต่คือความเงียบของพวกเราเอง”ซาโยะ ยืนนิ่ง หน้ากำแพงเธอไม่เคยได้ยินเสียงของพวกนี้ไม่เคยเรียนชื่อพวกนี้ในตำราของแคว้น“เราถูกสอนให้เชื่อว่าไม่มีฝ่ายนี้แต่กำแพงนี้มันยังพูดอยู่…”ในเมืองหลวง, แม่มดแห่งแสง เริ่มเผาห้องบันทึกเก่าแต่กลับม
บทที่ 63 — โคมไฟที่ไม่มีไส้แสงบางชนิดไม่ต้องการไฟเพียงแค่มีเงาให้มันสะท้อนคืนเดือนดับ เมืองซาโอะแห่งชายแดนไม่มีพิธี ไม่มีธูป ไม่มีนักบวชแต่ทุกบ้านเปิดหน้าต่างจุดโคมเปล่า — ไม่มีไส้ ไม่มีเปลวไฟวางไว้กลางบ้านอย่างเงียบงันไม่มีคำอธิบายไม่มีประกาศแต่ทุกคน “เข้าใจ”ซาโยะ เดินผ่านบ้านเหล่านั้นมองโคมเงาที่ไม่ได้สว่างจริงแต่มี “บางอย่าง” ที่อบอุ่นกว่าแสงจากวัดหลวงเธอหยุดลงหน้าบ้านหลังหนึ่งเด็กหญิงเดินออกมาถามเบา ๆ:“ท่านคิดว่ามันสว่างพอไหมคะ?”ซาโยะ: (ยิ้มบาง ๆ)“ข้าคิดว่า…มันไม่ใช่ความสว่างแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ข้ากลับมามองความมืดอย่างไม่กลัว”ภายในเมืองหลวงแม่มดแห่งแสง ได้รับรายงานการ “จุดโคมไร้ไส้”นางโกรธ ไม่ใช่เพราะแสงแต่เพราะมันไม่มีเจ้าภาพ“ใครกันที่จุดแสงนี้แล้วไม่ขออนุญาตเทพ?”คำถามนั้นไม่มีใครตอบเพราะไม่มีใคร “รู้ว่าใครเริ่ม”แต่ทุกคน “เริ่มทำเอง”ฮากุโร่ ยืนอยู่บนเขา มองทะเลโคมที่ไม่เรืองแสงเขาเอ่ยกับตนเองว่า:“แสงชนิดนี้ไม่มีใครจุด ไม่มีใครดับเพราะมันเริ่มจากสิ่งที่ไม่ต้องใช้ไฟ”“มันเริ่มจากหัวใจที่หยุดกลัว…ว่าไม่มีใครจะตาม”สมุดเงา เริ่มมีข้อความใหม่:“ข้าไม่ต้