Home / รักโบราณ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 69 — ดอกไม้ที่เบ่งบานในวันศพ

Share

บทที่ 69 — ดอกไม้ที่เบ่งบานในวันศพ

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-06-27 22:33:04

บทที่ 69 — ดอกไม้ที่เบ่งบานในวันศพ

บางศพไม่ต้องเผา...ก็ส่งกลิ่นแห่งการเปลี่ยนแปลง


สถานที่: หมู่บ้านอาเนะโนะ, ฮานาเระ, มินามิ-ซาวะ และอีกเจ็ดหมู่บ้าน
เวลา: สัปดาห์ถัดจากเหตุการณ์ไฟไหม้หอสมุดที่ไม่มีใครอ้างตัวรับผิดชอบ


ข่าวลือแพร่ไปทั่วแคว้นในคืนเดียวว่า

“เด็กหญิงที่เขียนชื่อคนตาย ถูกจับไปแล้ว”

“เธอไม่ได้ร้องไห้แม้แต่คำเดียว”

“ก่อนถูกพาไป เธอวางสมุดเล่มหนึ่งไว้ใต้เสื่อ...เขียนคำสุดท้ายว่า ‘อย่าลืมชื่อของพวกเขา’”

ไม่มีใครยืนยัน ไม่มีใครเห็น

แต่ทุกคน...เชื่อ


ในหมู่บ้านอาเนะโนะ:

ยายของอาคิยืนเงียบหน้าศาลาว่าง

เธอถือโคมไร้ไส้หนึ่งอัน และกล่าวเบา ๆ

“ข้าจะไม่พูดว่าหลานข้าตาย

ข้าจะพูดว่า...ความเงียบของเจ้า เปลี่ยนฤดูกาลได้”


ฉาก: เด็ก ๆ แต่งชุดขาว เรียงกันบนเนินเขา

แต่ละคนถือกระดาษแผ่นเล็ก เขียนชื่อใครบางคนที่เคยถูกลืม

แทนพวงหรีด — พวกเขาวางกระดาษเหล่านั้นรอบโคม

“นี่คืองานศพที่ไม่มีศพ

แต่มีคนจำนวนมาก...ที่ตื่นขึ้น”


ในหมู่บ้านมินามิ-ซาวะ

พระผู้เคยเผาแผ่นไม้ กลับเดินมาร่วมพิธีเงียบ

เขาไม่พูด เขาแค่ถอดผ้าโพกหัววางไว้ข้างชื่อหนึ่งบนกระดาษ

ชื่อที่เขาเคยสั่งให้ลบ


เสียงกระซิบจากฝูงชน:

“นางยังมีชีวิตหรือไม่?”

“ใครเขียนสมุดต่อจากเธอ?”

“หรือบางที...มันไม่ใช่แค่คนเดียวอีกต่อไป”


ในหอสมุดที่เคยถูกไฟไหม้

เด็กชายคนหนึ่งเจอสมุดเล่มใหม่ใต้แผ่นไม้

ปกเขียนว่า:

“สมุดที่เขียนโดยคนที่จำ เพราะไม่มีใครเหลือให้จำแทน”


บทสรุปของบทนี้:

ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าอาคิตาย

แต่ทุกหมู่บ้านเริ่ม “จดชื่อ”

ดอกไม้กระดาษเริ่มบานในศาลาว่าง

และความทรงจำ...กลายเป็นการประท้วงเงียบที่ไม่มีดาบไหนหยุดได้

สถานที่: ลานหินบนเนินเขาร้างหลังหมู่บ้านอาเนะโนะ

เวลา: กลางคืน — พระจันทร์ครึ่งดวง


เด็ก 12 คนเดินขึ้นเนินอย่างเงียบงัน

ไม่มีคำพูด ไม่มีเสียง

มีเพียงกระดาษแผ่นบางในมือแต่ละคน

เขียนด้วยหมึกจาง ๆ บางแผ่นคือชื่อ บางแผ่นคือประโยคจำได้ครึ่งเดียว


เด็กหญิงคนหนึ่ง (ยูนะ) กระซิบเบา ๆ ขณะยื่นกระดาษให้เด็กอีกคน

“ข้าไม่แน่ใจว่าสะกดชื่อแม่ข้าถูกไหม...แต่ข้าจำเสียงหัวเราะของนางได้”


พวกเขานั่งล้อมกันเป็นวง

ตรงกลางวางกล่องไม้ — ไม่ใช่หีบศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นกล่องรองเท้าเก่าที่ถูกนำมาทำใหม่

กล่องนั้นบรรจุกระดาษจากคืนก่อน ๆ

ชื่อคนที่ไม่มีในทะเบียน

ชื่อคนที่เหลือเพียงเงาในความทรงจำ


เด็กชายคนหนึ่ง (เรย์):

“คืนนี้...เราจะไม่จุดไฟ

เพราะถ้ามีไฟ พวกเขาจะมา

แต่เราจะ ‘ฟัง’ แทน”


แล้วทุกคนก็หลับตา

เงียบ...

ก่อนที่เสียงกระซิบจะเริ่มขึ้น

ช้า ๆ…บางเบา…แต่มั่นคง


“ฟุซาโกะ — เคยสอนข้าเย็บกระเป๋าใบแรก”

“โทชิ — วิ่งเร็วกว่าใครในหุบเขา”

“ยูคิโอะ — เคยวางข้าวไว้หน้าบ้านคนถูกลืม”


เด็กทุกคนพูดพร้อมกันไม่ได้

แต่ทุกชื่อ…ถูกออกเสียงอย่างตั้งใจ

ไม่มีคำว่าศักดิ์สิทธิ์

ไม่มีคำว่าอนุญาต

แต่ทุกเสียงคือความศักดิ์สิทธิ์ในแบบที่โลกไม่รู้จัก


เมื่อจบ

พวกเขาวางกระดาษแต่ละแผ่นในกล่อง

จากนั้นกล่องจะถูกฝังไว้ใต้ก้อนหินหนึ่งก้อน

และคืนต่อมา…กล่องใหม่จะถูกสร้างขึ้นอีก


ยูนะพูดเบา ๆ ก่อนจาก:

“คนตายไม่ต้องลุกขึ้น

ขอแค่เรายังกล้าพูดชื่อพวกเขา…พวกเขาก็ยังอยู่ที่นี่”


บทสรุปของฉากนี้:

“พิธีชื่อ” ไม่มีบท

ไม่มีผู้ประกาศ

มีเพียงเสียงของเด็กที่ยังกล้าพูด

และในทุกคืนพระจันทร์ครึ่งดวง

เสียงนั้น…คือลมหายใจของการตื่นรู้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 129: พระที่ล้มแท่น

    “พระที่ล้มแท่น” พระบางคนเผาตำราเก่า และฟังเสียงเด็กแทน “เมื่อศรัทธาถูกใช้เพื่อปิดหู บางคนจึงเลือกปิดตำรา...เพื่อเปิดใจ” วัดโฮเซ็นจิในหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือของโยะริมิยะ เสียงระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่ง เคยดังก้องทุกเช้าค่ำ เรียกชาวบ้านให้สวดตาม สั่นเตือนให้พระผู้ถือบาตรเดินตามระเบียบ ก้องเตือนให้คนในศาสนจักรจำได้ว่า “คำข้างในตำรา...ศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงใด” แต่วันหนึ่ง เสียงระฆังเงียบ ไม่มีใครตี ไม่มีเสียงสวด มีเพียงกลิ่นควันจากกระดาษที่ถูกเผา พระที่เคยเทศน์จนเลือดเปื้อนหมึก ชื่อของเขาคือ “คันริว” ในวัยหนุ่ม เขาเคยจารึกบทสวดด้วยเลือดตนเอง เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ต้องบูชา ไม่ใช่ตั้งคำถาม เขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิด เคยตราหน้าเด็กที่ถามว่า “ทำไมบทสวดไม่พูดชื่อพ่อแม่ข้าเลย” แต่เขาก็เป็นคนเดียวในวัด ที่ทุกคืน…จะออกไปนั่งใต้ต้นสน เขียนสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา “เสียงที่แม่ร้องไห้” “ชื่อของคนที่ถูกฝังโดยไม่มีใครพูดถึง” “เสียงหัวเราะของเด็กที่ตายโดยไม่มีพิธี” เขาไม่เคยเผยสิ่งที่เขียน จนกระทั่งคืนหนึ่ง...ฝนตก เด็กที่เดินฝ่าฝนเข้า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำราเมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึงผู้คนก็เริ่มฟังกันเองโดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวรแต่ในปีแห่งเงาเดินกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status