Home / รักโบราณ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 65 — เสียงที่สะท้อนจากกำแพงเก่า

Share

บทที่ 65 — เสียงที่สะท้อนจากกำแพงเก่า

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-06-26 21:36:38

บทที่ 65 — เสียงที่สะท้อนจากกำแพงเก่า

เมื่อเงาในอดีตยังพูด แม้ไม่มีผู้ฟัง
และการลืม…คือการปล่อยศัตรูมีชีวิตต่อไป


สถานที่: เมืองชายแดน ชิโรคุรุะ — ป้อมร้างที่เคยเป็นศูนย์บัญชาการของฝ่ายต่อต้านแสงในสงครามยุคก่อน


เสียงฝีเท้าของ ซาโยะ ก้องสะท้อนในอุโมงค์ใต้ดิน

รอบข้างคือกำแพงที่เคยถูกสลักถ้อยคำต้องห้าม

มีข้อความซีดจาง…แต่ยังมองเห็น

“อย่าเชื่อทุกแสงที่ส่องมาใกล้

เพราะบางดวง…เผาเจ้าก่อนอุ่น”


คุโรอิ เดินตามหลังนาง พร้อมกล่องเหล็กเล็ก

ในนั้นคือเศษสมุดบันทึกเก่าที่ค้นพบ

— เศษความคิดของขุนศึกกลุ่มแรกผู้ “เงียบหายไป” หลังพ่ายศรัทธา

“นี่ไม่ใช่เอกสารทหาร…แต่มันคือเสียงคร่ำครวญของคนที่ไม่ถูกยินดีให้รอดชีวิต”

— คุโรอิ


พวกเขาค้นพบ ห้องบันทึกเก่า — ผนังหินเต็มไปด้วยรอยขูด เขียนด้วยเล็บ

ราวกับเสียงสุดท้ายก่อนตายถูกฝังไว้ตรงนี้

“ศรัทธาคือสิ่งที่ฆ่าเรา

ไม่ใช่ดาบของพวกเขา

แต่คือความเงียบของพวกเราเอง”


ซาโยะ ยืนนิ่ง หน้ากำแพง

เธอไม่เคยได้ยินเสียงของพวกนี้

ไม่เคยเรียนชื่อพวกนี้ในตำราของแคว้น

“เราถูกสอนให้เชื่อว่าไม่มีฝ่ายนี้

แต่กำแพงนี้มันยังพูดอยู่…”


ในเมืองหลวง, แม่มดแห่งแสง เริ่มเผาห้องบันทึกเก่า

แต่กลับมีเสียงกระซิบเล็ดลอดจากพื้นดิน

เสียงที่ไม่มีเจ้าของ แต่ปลุกให้เด็กชายหญิงบางคน…เริ่ม “ถามคำถาม”


ฮากุโร่ เขียนไว้ในสมุดเงา:

“ข้าเคยเชื่อว่าความเงียบคือวิธีรอด

แต่คืนนี้ ข้าเข้าใจว่า ความเงียบ…คือบทเรียนที่ไม่ได้ถูกเรียน

และวันหนึ่ง มันจะกลับมาสอบพวกเรา…ด้วยเลือด”


บทสรุปของบทนี้

กำแพงเก่าไม่ใช่สิ่งสร้างเพื่อป้องกัน

แต่มันเป็นเสียงสะท้อน

ของความจริงที่ยังเดินทาง…แม้ไร้ลมหายใจ

สถานที่: ริมลำธารหลังป้อมชิโรคุรุะ

เวลา: ยามโพล้เพล้ แสงสุดท้ายของวันสะท้อนผิวน้ำ

ซาโยะเดินมาเพียงลำพัง — ตามเสียงคำแนะนำของเด็กในหมู่บ้านที่ว่า “ชายแก่ในเงาอยู่ที่นั่น…”

เธอพบชายชราคนหนึ่ง นั่งทอดมองน้ำ

ผิวหนังเหี่ยวย่นมีรอยสักซีดเลือนคล้ายตัวอักษร

แต่ดวงตายังคมราวดาบที่เก็บในฝักมานานเกินไป


ซาโยะ: (นั่งลงข้างเขา)

“ข้าได้ยินว่าท่าน…เคยอยู่ในห้องใต้ป้อมนั้น”

ชายชรา: (เงียบ)

ซาโยะ:

“ข้าเห็นกำแพง...มันยังจำคำของพวกท่านไว้

แม้ไม่มีใครสอนให้เราอ่านมัน”

ชายชรา: (พูดเสียงแผ่ว)

“เพราะไม่มีใครสั่งให้จดจำ

แต่กำแพง...มันไม่ต้องได้รับอนุญาต”


ซาโยะ:

“ท่านเขียนบรรทัดนั้นหรือเปล่า

— ‘ศรัทธาคือสิ่งที่ฆ่าเรา ไม่ใช่ดาบของพวกเขา’”

ชายชรา: (ยิ้มเศร้า)

“ไม่…ข้าไม่ได้เขียน

แต่ข้าเห็นเขาเขียนมันด้วยเล็บของตัวเอง

คืนก่อนเขาตายเพราะหายใจไม่ออก”

ซาโยะ:

“…ใครคือ ‘เขา’?”

ชายชรา:

“คนธรรมดา

ที่ไม่อยากหลับโดยไม่มีสิทธิ์ฝัน”


(ซาโยะนิ่งงัน ดวงตาเริ่มสั่นไหว)

ซาโยะ:

“ข้าเคยเชื่อว่าผู้ที่ถูกลืมไม่มีอำนาจ

แต่ตอนนี้…ข้ารู้แล้วว่าพวกท่านไม่ได้เงียบ

แต่แค่ไม่มีใครฟัง”

ชายชรา:

“เราตะโกน…แต่หูของคนยุคนั้นเต็มไปด้วยคำสั่ง”


ซาโยะ:

“แล้วท่านยังอยากให้คนรุ่นข้าได้ยินอะไร?”

ชายชรา: (หันมาสบตา)

“อย่าจำแค่ชื่อผู้ชนะ

จงจำ ‘เสียง’ ของผู้พ่ายแพ้

เพราะมันคือสิ่งเดียว…ที่ไม่มีใครสามารถปลอมได้”


(ลมเย็นพัดผ่าน ทั้งสองเงียบงัน)

ชายชรา:

“เจ้าอยากรู้ไหม ว่าทำไมข้ารอดออกมาได้?”

ซาโยะ:

“เพราะอะไร?”

ชายชรา:

“เพราะข้าเลือกจะเงียบ…ในวันที่เสียงยังไม่มีค่า

แต่วันนี้ ข้าจะพูด

…เพราะในความเงียบของเจ้าคือคำที่พร้อมจะฟัง”


(เขาลุกขึ้น เดินหายเข้าไปในป่า

ทิ้งซาโยะไว้เบื้องหลัง…พร้อมสมุดเล่มเก่าที่วางไว้ข้างเธอ

ไม่เซ็นชื่อ

แต่มีลายมือที่เหมือนกับบรรทัดบนกำแพงนั้น)

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 129: พระที่ล้มแท่น

    “พระที่ล้มแท่น” พระบางคนเผาตำราเก่า และฟังเสียงเด็กแทน “เมื่อศรัทธาถูกใช้เพื่อปิดหู บางคนจึงเลือกปิดตำรา...เพื่อเปิดใจ” วัดโฮเซ็นจิในหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือของโยะริมิยะ เสียงระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่ง เคยดังก้องทุกเช้าค่ำ เรียกชาวบ้านให้สวดตาม สั่นเตือนให้พระผู้ถือบาตรเดินตามระเบียบ ก้องเตือนให้คนในศาสนจักรจำได้ว่า “คำข้างในตำรา...ศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงใด” แต่วันหนึ่ง เสียงระฆังเงียบ ไม่มีใครตี ไม่มีเสียงสวด มีเพียงกลิ่นควันจากกระดาษที่ถูกเผา พระที่เคยเทศน์จนเลือดเปื้อนหมึก ชื่อของเขาคือ “คันริว” ในวัยหนุ่ม เขาเคยจารึกบทสวดด้วยเลือดตนเอง เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ต้องบูชา ไม่ใช่ตั้งคำถาม เขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิด เคยตราหน้าเด็กที่ถามว่า “ทำไมบทสวดไม่พูดชื่อพ่อแม่ข้าเลย” แต่เขาก็เป็นคนเดียวในวัด ที่ทุกคืน…จะออกไปนั่งใต้ต้นสน เขียนสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา “เสียงที่แม่ร้องไห้” “ชื่อของคนที่ถูกฝังโดยไม่มีใครพูดถึง” “เสียงหัวเราะของเด็กที่ตายโดยไม่มีพิธี” เขาไม่เคยเผยสิ่งที่เขียน จนกระทั่งคืนหนึ่ง...ฝนตก เด็กที่เดินฝ่าฝนเข้า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำราเมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึงผู้คนก็เริ่มฟังกันเองโดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวรแต่ในปีแห่งเงาเดินกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status