แสงบางชนิดไม่ต้องการไฟ
เพียงแค่มีเงาให้มันสะท้อน
คืนเดือนดับ เมืองซาโอะแห่งชายแดน
ไม่มีคำอธิบาย
ซาโยะ เดินผ่านบ้านเหล่านั้น
เธอหยุดลงหน้าบ้านหลังหนึ่ง
“ท่านคิดว่ามันสว่างพอไหมคะ?”
ซาโยะ: (ยิ้มบาง ๆ)
“ข้าคิดว่า…มันไม่ใช่ความสว่าง
แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ข้ากลับมามองความมืดอย่างไม่กลัว”
ภายในเมืองหลวง
แม่มดแห่งแสง ได้รับรายงานการ “จุดโคมไร้ไส้”
“ใครกันที่จุดแสงนี้
แล้วไม่ขออนุญาตเทพ?”
คำถามนั้นไม่มีใครตอบ
ฮากุโร่ ยืนอยู่บนเขา มองทะเลโคมที่ไม่เรืองแสง
“แสงชนิดนี้
ไม่มีใครจุด ไม่มีใครดับ
เพราะมันเริ่มจากสิ่งที่ไม่ต้องใช้ไฟ”
“มันเริ่มจากหัวใจที่หยุดกลัว…ว่าไม่มีใครจะตาม”
สมุดเงา เริ่มมีข้อความใหม่:
“ข้าไม่ต้องการผู้นำ
ข้าต้องการแค่คนเดินข้าง ๆ
แม้จะมองไม่เห็นหน้ากัน”
และข้อความนั้น ปรากฏซ้ำในหลายฉบับ
บทสรุปของบท
ซาโยะ เขียนลงในสมุดว่า:
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
แต่ถ้าคืนหนึ่งมีโคมพันดวง แม้ไม่สว่าง
มันก็เพียงพอจะบอกว่า —
มีคนไม่กลัวที่จะเผชิญความมืดอีกต่อไป”
ค่ำคืนหนึ่งในหมู่บ้านซาโอะแห่งชายแดน
"บางทีถ้าเราวางโคมไว้โดยไม่ต้องจุดไฟ... มันอาจทำให้คนคิดว่า แสงไม่ได้อยู่ที่ใครคนเดียว"
ฮากุโร่ ปรากฏกายในเงาหลังโรงนา
เด็กชายเงยหน้าขึ้น เห็นชายในเสื้อคลุมดำยืนอยู่
ฮากุโร่: “เจ้าพูดเรื่องแสงโดยไม่มีไฟ... เจ้าคิดว่าแสงเกิดจากอะไร?”
เด็กชายเงียบ ก่อนตอบ
“จากใจที่อยากให้คนอื่นไม่กลัวความมืด”
ฮากุโร่มองเขาอย่างนิ่งนาน
“เจ้าจุดโคมพวกนั้นก่อนใคร?”
เด็กชายส่ายหน้า
“ข้าแค่วางไว้ เพราะบ้านข้าไม่มีน้ำมัน ไม่มีไฟ
แต่แม่บอกว่า ถ้าวางไว้ มันก็เหมือนแสดงว่าเรารอแสงอยู่”
“ข้าไม่คิดว่าจะมีใครทำตาม”
เงาสั่นไหวในแววตาของฮากุโร่
ฮากุโร่:
“เจ้าวางสิ่งหนึ่งไว้... แล้วมันปลุกหัวใจคนทั้งหมู่บ้าน
โดยไม่ต้องสั่ง ไม่ต้องตะโกน
แสงแบบนั้น... คือสิ่งที่ข้าไม่เคยชนะมันได้”
เด็กชายมองเขา
“ท่านเป็นใครกันแน่?”
ฮากุโร่ไม่ตอบ เพียงย่อตัวลง
“ข้าคือคนที่เคยจุดไฟทุกดวงเพื่อเอาชนะ
แต่คืนนี้ ข้าจะวางโคมไว้...
โดยไม่จุดไฟ”
ในความเงียบ — เด็กชายไม่รู้
บทที่ 70 — เงาที่ล้มเงาเมื่อคนที่เคยเงียบ...เริ่มพูด,เมื่อคนที่เคยก้มหน้า...เริ่มมองตา,และเมื่อความกลัวหมดฤทธิ์ — ผู้ชำระความจำ…เริ่มสะดุ้งกับเสียงที่ไม่ใช่เสียงตะโกนหมู่บ้านอาเนะโนะ - ยามก่อนรุ่งบนลานหน้าศาลาว่างมีคนยืนเรียงเป็นแถวเงียบ...ไม่มีธูป ไม่มีไฟ ไม่มีผู้นำแต่ทุกคนถือกระดาษแผ่นเล็กหนึ่งใบเด็กคนหนึ่งอ่านออกเสียงช้า ๆ“มิเนะ - ผู้เก็บเงาจากผืนดิน”หญิงชราอีกคนต่อว่า“เร็นโซ - ผู้ไม่เคยสวด...แต่เคยช่วยข้าหนีน้ำป่า”ชายหนุ่มในชุดชาวไร่พูดตาม“ข้า - ผู้เคยลืมชื่อแม่ตนเอง…วันนี้ ข้าจำได้อีกครั้ง”นี่คือ “พิธีชื่อ” ที่ไม่หลบซ่อนอีกต่อไปจัดกลางหมู่บ้านในวันเดียวกับที่ผู้ชำระความจำจะเดินทางมาล้างบันทึกครั้งใหญ่ผู้ชำระความจำกลุ่มหนึ่ง — นำโดยขุนนางหนุ่มชื่อ “อิซุนะ”เดินทางพร้อมนักบันทึก และนักสวดแต่เมื่อมาถึงอาเนะโนะ พวกเขาพบเพียงภาพที่ไม่เคยปรากฏในบันทึกใดคนในหมู่บ้านยืนเรียงกันโดยไม่พูดและบนกำแพงศาลา — มีชื่อของ “คนที่เคยตายตามทะเบียน”ถูกจารไว้อย่างเปิดเผยบางชื่อเป็นเด็ก…บางชื่อคือพ่อแม่ของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอิซุนะพึมพำกับตนเอง:“นี่คือการยั่วยุศรัทธา...หรือคือศรั
บทที่ 69 — คนตายที่เดินอยู่ในเงาพวกเขาไม่ได้กลับมาด้วยความแค้นแต่กลับมาพร้อมคำว่า “ข้าเคยมีตัวตน”สถานที่: ทางเดินใต้ดินเชื่อมหมู่บ้านร้างสามแห่งซึ่งเคยใช้เป็นที่ลี้ภัยในยุคสงครามสายเลือดเก่าเสียงฝีเท้าเบา ๆ กึกก้องในความมืดชายชราเดินนำ สวมเสื้อคลุมปิดหน้าเด็กหญิงสองคนตามหลัง ขนสมุดหนาไว้ในกระสอบเมื่อถึงห้องลับ — แสงจากโคมไร้ไส้สะท้อนผนังเผยให้เห็นใบหน้าของ “ผู้ตายตามทะเบียน”คือคนที่เคยถูกประกาศว่าเสียชีวิตในการชำระศรัทธาแต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ — ในเงาชายคนหนึ่ง (เคยเป็นช่างไม้):“ลูกข้าเคยถามว่า ทำไมชื่อข้าถึงไม่มีในคำสวดข้าตอบไม่ได้ แต่ข้าจำเสียงหัวเราะของนางได้มันพอแล้ว...ที่ข้ายังอยู่เพื่อฟังเสียงนั้นอีกครั้ง” ซาโยะแอบตามรอยเงาในป่าพบเงาคนสองคนวางกระดาษไว้ใต้ต้นไม้เมื่อหยิบขึ้นมา เธอพบเพียงข้อความว่า:“เราคือคนตายที่เดินอยู่ในเงาแต่ถ้าท่านยังจำ ข้าไม่ใช่วิญญาณอีกต่อไป”ซาโยะไม่พูดอะไรเธอแค่เขียนชื่อเหล่านั้นลงในสมุดของตนต่อเติมบันทึกเงาที่อาคิทิ้งไว้ย้อนอดีตของผู้ชำระความจำคนหนึ่ง (เร็นไซ)เขาเคยเห็นชายชราถูกเผาทั้งเป็นเพราะสลักชื่อเมียลงบนหินคืนหนึ่งในป่า เขา
บทที่ 68 — ดอกไม้ที่เบ่งบานในวันศพบางศพไม่ต้องเผา...ก็ส่งกลิ่นแห่งการเปลี่ยนแปลงสถานที่: หมู่บ้านอาเนะโนะ, ฮานาเระ, มินามิ-ซาวะ และอีกเจ็ดหมู่บ้านเวลา: สัปดาห์ถัดจากเหตุการณ์ไฟไหม้หอสมุดที่ไม่มีใครอ้างตัวรับผิดชอบข่าวลือแพร่ไปทั่วแคว้นในคืนเดียวว่า“เด็กหญิงที่เขียนชื่อคนตาย ถูกจับไปแล้ว”“เธอไม่ได้ร้องไห้แม้แต่คำเดียว”“ก่อนถูกพาไป เธอวางสมุดเล่มหนึ่งไว้ใต้เสื่อ...เขียนคำสุดท้ายว่า ‘อย่าลืมชื่อของพวกเขา’”ไม่มีใครยืนยัน ไม่มีใครเห็นแต่ทุกคน...เชื่อในหมู่บ้านอาเนะโนะ:ยายของอาคิยืนเงียบหน้าศาลาว่างเธอถือโคมไร้ไส้หนึ่งอัน และกล่าวเบา ๆ“ข้าจะไม่พูดว่าหลานข้าตายข้าจะพูดว่า...ความเงียบของเจ้า เปลี่ยนฤดูกาลได้”ฉาก: เด็ก ๆ แต่งชุดขาว เรียงกันบนเนินเขาแต่ละคนถือกระดาษแผ่นเล็ก เขียนชื่อใครบางคนที่เคยถูกลืมแทนพวงหรีด — พวกเขาวางกระดาษเหล่านั้นรอบโคม“นี่คืองานศพที่ไม่มีศพแต่มีคนจำนวนมาก...ที่ตื่นขึ้น”ในหมู่บ้านมินามิ-ซาวะพระผู้เคยเผาแผ่นไม้ กลับเดินมาร่วมพิธีเงียบเขาไม่พูด เขาแค่ถอดผ้าโพกหัววางไว้ข้างชื่อหนึ่งบนกระดาษชื่อที่เขาเคยสั่งให้ลบเสียงกระซิบจากฝูงชน:“นางยังมีชีวิตหร
บทที่ 67 — การล่าคนที่จำเมื่อชื่อกลายเป็นภัยและความจำ…กลายเป็นอาชญากรรมสถานที่: สำนักงานบัญชีศรัทธาแห่งแสง – เขตศักดิ์สิทธิ์ใจกลางเมืองหลวงผู้ควบคุมบัญชีใหญ่ “ท่านเมียวโกะ” ได้รับรายงานจากสายลับภาคสนาม:“มีเอกสารต้องห้ามแทรกซึมเข้าสู่หมู่บ้าน 17 แห่งใน 2 เดือนทั้งหมดเขียนด้วยลายมือคล้ายเด็กหญิง และมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ที่ถูกขจัดไปแล้ว”ท่านเมียวโกะ (ชายชราในชุดคลุมขาว):“ชื่อคือพันธนาการของวิญญาณหากเราปล่อยให้มันถูกเรียกกลับ...พวกตายจะเดินอีกครั้ง”เขาจึงสั่งตั้งหน่วย “ผู้ชำระความจำ”ประกอบด้วยนักพรต 6 คนพร้อมเด็กฝึกวัยหนุ่มที่เชี่ยวชาญการเผาหนังสือและลบจารึกฉาก: หมู่บ้านโยโระพระหนุ่มนามว่า เร็นไซ มาถึงพร้อมคัมภีร์และไฟเขาไม่ประกาศเจตนา ไม่ถามความสมัครใจเขาแค่พูดเบา ๆ ว่า:“ใครยังเขียนชื่อที่ตายไปแล้ว...นั่นคือผู้ทรยศแสง”อาคิ ถูกซ่อนในห้องใต้ดินเด็กคนหนึ่งร้องไห้บอกว่า“ข้าเผาไม้สลักชื่อไปแล้ว พวกเขาจะปล่อยพวกเรามั้ย?”ซาโยะ อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียง ได้ข่าว จึงรีบเร่งมาแต่ช้าไปหนึ่งคืนแผ่นไม้สลักชื่อกว่า 100 แผ่น...กลายเป็นเถ้าถ่านผู้ชำระความจำ เริ่มแฝงตัวเป็นคนในหมู่บ้
บทที่ 66 — เด็กหญิงที่ไม่มีชื่อไม่มีใครเรียกชื่อเธอแต่เธอคือเหตุผลที่ชื่อของคนอื่น…ยังคงอยู่สถานที่: ระหว่างเส้นทางลับในป่าลึกเชื่อมหมู่บ้านอาเนะโนะ–ฮิเมะสึรุเธอถูกเรียกเพียงว่า “หนู” หรือ “เด็กคนนั้น” ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเธอไม่มีใครแน่ใจว่าเธอเป็นลูกใครแต่ทุกหมู่บ้านในเขตศรัทธาเงา ต่างได้รับกระดาษแผ่นเล็กจากเธอกระดาษเหล่านั้นไม่ได้มีบทสวดแต่มี “ชื่อ” คนที่ถูกลืม พร้อมประโยคสั้น ๆ เช่น:“เขาเคยเป็นคนสอนหนังสือให้หมู่บ้านหนึ่ง”“นางเคยเอาข้าวให้คนที่ไม่มีสิทธิ์กิน”“เขาถูกตัดชื่อจากบัญชีศาสนา แต่ลูกสาวยังรอเขาอยู่”เธอไม่พูด ไม่ร้องแต่รู้เส้นทางทุกแยกในป่าที่ไม่มีในแผนที่เธอไม่หยิบดาบแต่รู้ว่าคำพูดไหนต้องหลบคำไหนต้องปล่อยให้คนอื่นได้ยินคืนหนึ่ง ที่หมู่บ้านมิเนะโซโนะเธอวางกระดาษเล็กใต้หมอนของผู้เฒ่าหูตึงคนหนึ่งข้อความเขียนว่า:“ชื่อของลูกชายท่าน ยังไม่ควรหายไป”“มีเด็กคนหนึ่งยังจำได้ว่าเขายิ้มยังไง”เช้าวันถัดมา ผู้เฒ่าคนนั้นจุดโคมไฟไว้หน้าบ้านโดยไม่ใส่ไส้ — เป็นโคม “ไร้ไฟ” แห่งแรกของหมู่บ้านนั้นในเมืองหลวง, ขุนนางผู้ดูแลทะเบียนศาสนาเปิดสมุดบันทึกดูรายชื่อ — แล้วสะดุ
บทที่ 65 — ผู้แบกความทรงจำ ไม่มีสิ่งใดตายจริง หากยังมีใครคนหนึ่ง เรียกชื่อมันได้ สถานที่: หมู่บ้านอาเนะโนะ — ชายป่าทางเหนือของแคว้นมิสุโนะ หมู่บ้านที่เคยเป็นศูนย์กลางของการล้างประวัติศาสตร์เมื่อ 20 ปีก่อน เด็กหญิงคนหนึ่งชื่อว่า อาคิ อาศัยอยู่กับยาย เธอไม่เคยได้เรียนในวัดหลวง ไม่เคยถูกสั่งให้สวด แต่เธอ “จำชื่อคนที่ถูกลืม” ได้มากกว่าผู้ใด เธอเดินจากบ้านสู่ศาลาหมู่บ้านทุกค่ำ ไปนั่งตรงเสากลาง แล้วเขียนชื่อลงในไม้ “ยามาดะ เคย์ซึ” “นัตสึโนะ ซากุระ” “โทริอิ โยเฮ” “มุราเสะ ไดจิ” “คันโนะ เรน” …ชื่อที่ไม่มีในตำราของศาสนจักรแห่งแสง ชาวบ้านถามเธอเสมอว่า: “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าใครเคยมีอยู่?” อาคิ: “ยายข้าเคยได้ยินเสียงพวกเขาร้อง ข้าแค่จดไว้ก่อนที่เสียงนั้นจะจางหาย” วันหนึ่ง ซาโยะ เดินทางมาถึงหมู่บ้านอาเนะโนะ เธอได้ยินเสียงท่องชื่อจากศาลาในยามค่ำ ไม่ใช่บทสวด ไม่ใช่คำอธิษฐาน แต่เป็นการ “จำ” ที่ไม่มีใครสั่ง ซาโยะถามอาคิ: “เจ้ารู้ไหมว่าทำแบบนี้...เจ้ากำลังต่อต้านศาสนจักร?” อาคิ: “ข้ารู้ แต่ถ้าการจำชื่อใครสักคน คือการต่อต้าน งั้นพวกเขาก็กลัวความทรงจำยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก”