ยื่นข้อเสนอแลกชีวิต
เมื่อได้ฟังชื่อของถานถานห่าวอู๋ก็มีแววตาที่เปลี่ยนไปโดยทันที หลายสิบปีก่อนเขายังเป็นหนุ่มน้อยและได้รับหน้าที่ดูแลคลังเสบียงเป็นงานหลักเพียงอย่างเดียว หลังจากได้ทำงานที่มอบหมายได้เพียงสองปีก็เกิดไฟลุกไหม้ที่คลังเสบียงอย่างหนัก ข้าวของที่เก็บไว้ในคลังเสบียงถูกไฟเผาไหม้จนไม่เหลือซาก ตอนนั้นอี้เจ๋อโมโหหนักถึงขั้นสั่งให้คนตามล่าเอาชีวิตเจี่ยนถานถานตามหาเขาแทบพลิกแผ่นดิน ออกคำสั่งว่าหากพบเจอที่ใดสามารถสังหารถานถานได้ทันทีไม่ต้องจับกลับมาแบบเป็น ๆ
“หลานจะรื้อคดีวางเพลิงคลังเสบียงขึ้นมาใหม่หรือ”
“ไม่มีความจำเป็นต้องรื้อคดีใหม่ ในเมื่อเจี่ยนถานถานคือผู้กระทำผิด…เว้นเสียแต่ว่าคนที่วางเพลิงไม่ใช่เขา”
ว่าแล้วอี้เฉินก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้มแต่สายตาแข็งกร้าวมองตอบไม่กะพริบตา ห่าวอู๋ไม่ได้รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นคือรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความจริงใจ และคำพูดเมื่อครู่นี้ยังพูดขึ้นเพื่อประเมินดูปฏิกิริยาเขาว่าจะมีท่าทางอย่างไร
29. นางพูดถึงข้าว่าอย่างไร“แม่นางซูหนี่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!”หลีเหว่ยเบิกตาด้วยความตกใจเขาถอยหลังออกไปราวสามสี่ก้าวแล้วย้ำถามเสวียนหนี่น้ำเสียงตะกุกตะกัก“เจ้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร แล้วเมื่อครู่นี้เห็นอะไรบ้าง”“เห็นว่าท่านกำลังแอบมองคุณหนูฟางจิงแล้วก็ได้ยินท่านพูดว่าชอบคุณหนูฟางจิงเจ้าค่ะ”“ไม่ใช่ ๆ ลืมให้หมด”คิดหรือว่าพูดเพียงเท่านั้นแล้วจะจบทุกอย่างเสวียนหนี่อมยิ้มพลางนึกในใจ หรืออาจจะเป็นเพราะประมุขหงผู้นั้นหวงแหนน้องสาวเกินกว่าเหตุ มิเช่นนั้นเขาก็อาจจะบังคับขู่เข็ญหลีเหว่ยจนไม่กล้าที่จะแสดงออกกับฟางจิงอย่างเปิดเผย คนโหดเหี้ยมอำมหิตพรรค์นั้นขนาดความรักของผู้อื่นยังขวางกั้น เขาจะไม่ยอมปล่อยให้คนข้างกายมีความสุขในการใช้ชีวิตเลยหรืออย่างไรหรือต้องให้คนรอบตัวเขานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอมทุกข์ไปกับเขาตลอดเวลา แล้วใครมันจะไร้หัวจิตหัวใจได้แบบนั้น“ในเมื่อชอบคุณหนูฟางจิงแล้วเห
ความโหดเหี้ยมของประมุขหง“ขายเป็นชั่งไม่มีผู้ใดทำหรอกแม่นาง ไม่ว่าจะหมูป่า กวาง กระต่ายป่า ไก่ป่า ก็ขายกันเป็นตัวทั้งนั้น ไม่มีใครขายแบบชำแหละหรอก หากชำแหละขายเป็นชั่งแล้วน้ำหนักกระดูกและน้ำหนักหนังส่วนที่คนไม่กินกันก็จะหายไปนะซีขายเป็นตัวแบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้าตระกูลใดที่มีสมาชิกหลายคนเดี๋ยวก็มาซื้อไปชำแหละเองนั่นแหละ”ที่แท้ก็มีความคิดเช่นนี้นี่เอง เสวียนหนี่อมยิ้มน้อย ๆ แล้วเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในเมื่อคนในยุคนี้ขายสัตว์แบบยกตัว บางทีหากนางขายแบบชำแหละเป็นชั่งอาจจะขายดีกว่าเสียด้วยซ้ำ ใช่ว่าทุกคนจะมีเงินซื้อยกตัวไปทำเองทุกบ้านเสียเมื่อไร ถ้าเป็นสัตว์เล็กอย่างกระต่ายป่าหรือไก่ป่าก็ว่าไปอย่างแต่นี่หมูป่าเชียวนะ!หมูป่าตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม“พี่ชาย แล้วหมูป่าตัวเท่าที่ท่านกำลังขายอยู่นี่ท่านขายราคาเท่าไร”“ห้าตำลึง”ถานถานที่เงี่ยหูฟังอยู่พักหนึ่งนึกเอะใจจึงได้ดึงเสวียนหนี่เข้าไปพูดกระซิบกระซาบถาม“หมู
คุณหนูฟางจิง“จริงสิ ข้ามีบางอย่างอยากถามพวกเจ้าสักหน่อย”“…แม่นางซูหนี่อยากถามอะไรพวกข้าหรือ”“พวกเจ้าเคยเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เดินทางมากับข้าหรือไม่ นางตัวสูงเท่านี้ ตากลม ๆ แก้มเยอะ ๆ”เสวียนหนี่ทำมือบอกระดับความสูงของเพียนเพียนให้สาวใช้ทั้งสองดูพวกนางหันหน้าเข้าหากันทำหน้างง ๆ แต่แล้วหนิงเอ๋อร์ก็นึกบางอย่างออกเมื่อวานตอนที่นางเดินผ่านเรือนกุ้ยเหมยได้บังเอิญเผลอมองเข้าไปด้านในและได้เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในเรือน เด็กคนนั้นกำลังนั่งเล่นอยู่กับฟางจิง“ข้าเห็น ข้าเห็นนางอยู่กับคุณหนูฟางจิงที่เรือนกุ้ยเหมย”“คุณหนูฟางจิงคือใคร”“น้องสาวแท้ ๆ ของท่านประมุข”ในที่สุดเสวียนหนี่ก็ได้รู้แล้วว่าเพียนเพียนอยู่ที่ใดเช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าก่อนที่จะเข้าป่าไปหาของป่ามาขายกับถานถานนางจะต้องไปหาเพียนเพียนเสียก่อน ไม่รู้ว่าคุณหนูฟางจิงที่สาวใช้เอ่ยถึงจะเ
ให้ถอยกลับไม่ได้จริง ๆ"นั่น!นั่นที่นิ้วมือของนางก็มีจุดสีแดงเช่นกันขอรับท่านประมุข"หลีเหว่ยตะลึงค้างชี้ไปที่มือของซูหนี่ ปรากฎว่าที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของนางก็มีจุดสีแดงเช่นกัน โม่โฉวเองก็ประหลาดใจไม่น้อยเขารีบปล่อยมือจากนางแล้วพูดขึ้น“นางทั้งสองมีจุดสีแดงที่นิ้วมือข้างซ้ายเช่นเดียวกัน ยากพิสูจน์แล้ว”“เช่นนั้นหนึ่งในสองคนนี้ต้องสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมาแน่นอนเอาอย่างไรดีขอรับท่านประมุข” หลีเหว่ยหันกลับมาถามอี้เฉินยังคงนั่งทอดมองสตรีทั้งสองด้วยท่าทีสงบแม้ว่าพวกนางจะมีจุดแดงที่มือทั้งสองคนแต่ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอันใดสำหรับเขาอย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้รู้แน่ชัดแล้วว่าซูหนี่คือคนของใคร นางน่าจะทำข้อตกลงบางอย่างกับห่าวอู๋เรื่องราวถึงได้มีจุดจบที่เสวียนหนี่คือผู้กระทำผิดทุกครั้งที่มีเรื่องมีราว เห็นได้ชัดว่าห่าวอู๋แสดงตัวเข้าข้างซูหนี่อย่างออกนอกหน้า“อี้เฉิน”“ขอรับท่านอา”“เจ้าจะเอาอย่างไรดี คงไม่คิดจะแต
จุดสีแดงบนนิ้วมืออี้เฉินมองสาวรับใช้ที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาเขาหันไปสบตากับโม่โฉวและหลีเหว่ยหากเดาไม่ผิดสาวใช้นางนี้ประจำอยู่เรือนไป่เหอ คงมีเรื่องเกี่ยวกับสองสตรีต่างถิ่นมารายงานเป็นแน่แท้"มีอะไร"อี้เฉินถามเสียงเรียบ"ท่านประมุขแม่นางเสวียนหนี่กับแม่นางซูหนี่ตีกันแล้วเจ้าค่ะพวกนางตีกันอยู่หน้าเรือนไป่เหอเจ้าค่ะ ทำอย่างไรดีเจ้าคะ""ตะตีกัน"หลีเหว่ยทวนคำแล้วหมุนตัวเตรียมจะวิ่งไปดูแต่อี้เฉินและโม่โฉวยังสงบอยู่เขาจึงหันขวับกลับมามองแล้วถาม"ไม่รีบไปแยกพวกนางหรือขอรับท่านประมุข ท่านอาจารย์""รอสักหนึ่งเค่อเถิด""เหตุใดต้องรอ""ข้ายังอ่านตำราเล่มนี้ไม่จบ""หา อย่างนี้ก็ได้หรือ"หลีเหว่ยพึมพำเบา ๆประมุขหงใจเย็นถึงเพียงนี้แม้แต่สตรีที่กำลังจะมาเป็นภรรยามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเขายังมีอารมณ์นั่งอ่านตำราต่ออันที่จริงอี้เฉินก็เพียงแค่เข้าใจความคับแค้นใจของเสวียนหนี่เป็นอย่าง
หาแสงหญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ แต่ไม่ละสายตาจากห่าวอู๋แล้วพูดขึ้นโดยที่สายตายังจับจ้องร่างนั้นอยู่“เขานี่แหละตัดสินว่าข้าแอบอ้างตัวเป็นเสวียนหนี่…เอ๊ะ ข้าก็เป็นเสวียนหนี่อยู่แล้วนี่ ซูหนี่ต่างหากที่อ้างตัวเป็นข้า น่าโมโหชะมัด นางทำให้ผู้คนทั่วทั้งหุบเขาเรียกข้าว่าซูหนี่ข้าเกลียดชื่อนี้จะตายไป ว่าแต่เจ้าเถอะตาแก่ถาน”“ข้าทำไมหรือ”“เจ้ามีความหมางใจอะไรกับห่าวอู๋ผู้นี้ตอนตัดสินโทษเขามีสายตาแปลกประหลาดราวกับว่าไม่ต้องการให้เจ้ามีชีวิตรอด”“จะบ้าเรอะ ข้าจะไปมีเรื่องกับห่าวอู๋ได้อย่างไร ข้ากับเขามันคนละระดับ” "จริงสิ...หรือว่า...""ท่านประมุข แม่นางซูหนี่ขอเข้าพบเจ้าค่ะ"ที่เรือนเฝิ่งหง เสวียนหนี่ยืนรอการอนุญาตของอี้เฉินอยู่หน้าประตูหลังจากสาวใช้เข้าไปรายงานอี้เฉินได้พยักหน้ารับทราบ สาวใช้เดินออกมาบอก