Share

9.ตาแก่เจ้าเล่ห์

last update Dernière mise à jour: 2025-06-25 20:40:31

ตาแก่เจ้าเล่ห์

"มีอะไรอีกล่ะแม่นาง"

"คุณไม่ใช่หุ้นส่วนหรอกหรือคะ"

"หุ้นส่วนอะไรของเจ้าข้าไม่เข้าใจ ข้าแค่มาตัดไม้ไปเผาถ่านขายก็เท่านั้น ว่าแต่เจ้าเถอะ มาอยู่ในป่าได้อย่างไร"

"...ข้ามาได้อย่างไร"

เสวียนหนี่ครุ่นคิด เจ้าของธุรกิจร้านอาหารชื่อดังที่ประสบความสำเร็จจนขยายสาขามากกว่ายี่สิบสาขา และกำลังจ่อคิวขยายสาขาเพิ่มอีกสามแห่ง หญิงสาวทุ่มเทแรงกายและแรงใจในการดำเนินธุรกิจนี้เป็นอย่างมาก

ครั้นเมื่อถึงยามสรุปผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี เสวียนหนี่นั่งตรวจตราเอกสารด้วยตนเอง ในขณะที่ยังนั่งจดจ่อคำนวณรายรับของกิจการที่โต๊ะทำงานจู่ ๆ ก็รู้สึกง่วงซึม สาเหตุเพราะทำงานหามรุ่งหามค่ำร่างกายเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย แต่ก็ไม่ยอมพักผ่อนเลยสักงีบถึงเจ็ดวันเต็ม

หรืออาจจะเป็นเพราะหักโหมจนเกินไปจึงทำให้หมดสติ เช่นนั้นชายแก่ที่อยู่ตรงหน้าก็คงจะเป็นคนในความฝัน 

ฉู่เสวียนหนี่นึกได้ก็รีบหยิกแขนตนเองเพื่อทดสอบว่าความฝันหรือเรื่องจริง ทว่ากลับเจ็บแปลบจนต้องหลุดปากร้องออกมา

"อู้ย เจ็บ ๆ ความจริง นี่มันความจริง...อย่าบอกนะว่าทะลุมิติเข้ามาในยุคโบราณ เหลือเชื่อเกินไปแล้ว...จะกลับไปได้ยังไงละเนี่ย"

ตาแก่ถานเอียงคอมองนางแล้วลงความเห็นว่าแม่นางผู้นี้พิลึกนักหนา เขาเดินวนรอบตัวนางไปรอบ ๆ พลางสำรวจไปด้วยว่านางคือคนดีหรือคนบ้า

อาภรณ์ชั้นดี เครื่องประดับราคาแพง หน้าตางดงามประหนึ่งเทพธิดาบุปผา...แต่ท่าทางของนางนั้นตีความได้อย่างเดียวเลย วิปลาสชัด  ๆ

"ตกลงเจ้าจะให้ข้าไปได้หรือยัง"

"ยัง!"

"หา อะไรอีกเล่า"

"ท่านว่าข้าเป็นใคร?"

"ถามประหลาดนัก ข้าจะไปรู้กับเจ้ารึ แต่ดูจากการแต่งกายแล้วละก็...ข้าว่าเจ้าน่าจะเป็นลูกคุณหนูตระกูลใดตระกูลหนึ่ง"

เจี่ยนถานถานพูดออกมาไม่เต็มเสียง เพราะในหัวของเขาตอนนี้กำลังบังเกิดความคิดหนึ่ง ตาแก่เจ้าเล่ห์แอบหันไปลอบยิ้ม เขาคิดว่าหากนำแม่นางวิปลาสผู้นี้ส่งกลับตระกูลของนางอย่างปลอดภัย ตัวเขาก็จะต้องได้ค่าตอบแทนอย่างงาม เขาตีความว่านางเป็นคนบ้าไปเสียแล้ว การที่คนสติไม่ดีเดินเร่ร่อนออกจากบ้านแล้วพลัดหลงเป็นเรื่องปกติ หน้าที่จากนี้ของเขาคือตามหาบ้านนางให้เจอ แล้วเรียกร้องเอาเงินทดแทนสักสิบตำลึงเงิน

ถึงแม้ว่าถานถานจะเจ้าเล่ห์เพทุบายเพียงใด นับว่าฉู่เสวียนหนี่ยังโชคดีอยู่มากที่เขาไม่ใช่พวกหลอกกินเต้าหู้*  การได้มาพบเจอกับถานถานนั้นคือชะตาลิขิต แต่โชคชะตาจะดีหรือร้ายนั้นเสวียนหนี่ไม่อาจรู้ได้เลย

แน่นอนว่าหากถานถานมีความประสงค์จะพานางกลับจวนตระกูลฉู่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะหากนางได้กลับไปทหารพวกนั้นจะสังหารนางในทันที แต่ถานถานเขาจะไปรู้อะไรกัน เขาเมาหลับในป่าไม่ได้กลับออกไปตั้งแต่เมื่อวาน ข่าวคราวเรื่องปราบกบฏซีฮันยังไม่เข้าหูเขาสักประโยค

"เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เจ้าไปกับข้า ข้าจะพาเจ้าไปส่งบ้าน เป็นเพราะข้าสงสารผู้หญิงตัวคนเดียวที่เดินหลงอยู่กลางป่าหรอกนะ ข้าเองก็เป็นคนจิตใจดีเสียด้วยสิ"

"...กลับบ้านงั้นหรือ"

เสวียนหนี่พึมพำ อันที่จริงก็เห็นด้วยกับเขา หากเจ้าของร่างนี้เป็นคุณหนูตระกูลใดตระกูลหนึ่งอย่างที่ถานถานบอก ชีวิตใหม่ในโลกนี้คงไม่ขัดสนนัก เผลอ ๆ อาจได้อยู่อย่างสุขสบายไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างในโลกปัจจุบัน

จะว่าไปเส้นทางธุรกิจร้านอาหารของหญิงสาวค่อนข้างรุ่งโรจน์เลยทีเดียว เสวียนหนี่กำลังมีชื่อเสียงและไปได้ดีในสายอาชีพ สามารถสร้างชื่อเสียงให้ตนเองในฐานะนักธุรกิจดาวรุ่งอายุน้อยด้วยวัยยี่สิบสามหนาว อีกทั้งเงินทองที่หามาได้ก็ล้นเหลือเกินพอ โชคร้ายที่หาแทบตายแต่ดันมาตายจริงแล้วไม่มีโอกาสได้ใช้

"ตกลงจะไปกับข้าหรือไม่ เดินออกไปจากป่านี้ก็คงพลบค่ำพอดี กลางป่ากลางเขาคนไม่ชำนาญอาจมีอันตรายได้นะ อยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ดีหรอก"

เขาใช้วาจาหว่านล้อมให้นางคล้อยตาม เสวียนหนี่ที่ยังไม่ได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างก็เห็นด้วยกับเขา นางไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะกลับไปหาความทุกข์ยากลำบาก

"ตกลง ว่าแต่ท่านมีนามว่าอย่างไร"

"เรียกข้าว่าตาแก่ถานเหมือนคนอื่นเถอะ"

"ข้าเสวียนหนี่"

ความโชคร้ายของเสวียนหนี่ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะเธอดันมีชื่อเดียวกับเจ้าของร่าง ถานถานคิดว่าหากนางยังพอจะจดจำชื่อเสียงเรียงนามตนเองได้ก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา จะได้สืบหาบ้านให้นางแล้วเรียกร้องเอาเงินตอบแทนง่ายขึ้น

ตาแก่หัวเราะหึ ๆ ในลำคอก่อนจะหมุนตัวเดินนำหน้าให้หญิงสาวเดินตามหลัง กลิ่นสาบสุราที่ลอยมาทำให้เสวียนหนี่ต้องย่นจมูก นางยกนิ้วขึ้นมาอังใต้จมูกตนเองแล้วถามต่อ

"ตาแก่ถาน เราต้องเดินอีกไกลเท่าไรเจ้าคะ"

"อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว พอไปถึงเจ้าต้องไปพักที่บ้านข้าก่อน เอาไว้วันรุ่งขึ้นข้าจะช่วยตามหาครอบครัวให้"

"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ"

เมื่อถึงปลายยามโหย่ว ทั้งสองก็ได้มาถึงกระท่อมหลังน้อยที่ตั้งอยู่ห่างจากแหล่งชุมชนราวสิบลี้ เสวียนหนี่ยืนมองกระท่อมผุพังด้วยสายตาตกตะลึง ชวนให้นางคิดถึงสมัยเมื่อตอนเป็นเด็ก

ครอบครัวของเสวียนหนี่ยากจนมากนัก ฉะนั้นจึงตั้งใจขยันเล่าเรียน ในขณะที่เรียนอยู่ก็หางานพิเศษทำไปด้วยเพื่อเป็นค่าเทอม เมื่อจบการศึกษาเข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งจึงมีเงินเก็บสามารถนำมาลงทุนเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ แรกเริ่มเปิดกิจการเสวียนหนี่ทำเองทั้งหมด ตั้งแต่รับหน้าที่เป็นแม่ครัว เด็กล้างจาน บริกรร้าน พอร้านอาหารไปได้ดีมีผลกำไรก็ขยายกิจการเติบโตมาเรื่อย ๆ จนสามารถกำความสำเร็จเอาไว้ในกำมือ

กระท่อมเพิงพักตรงหน้านั้นมุงด้วยฟางข้าว ด้านข้างกระท่อมห่างออกไปห้าสิบก้าวมีเตาดินที่ใช้สำหรับเผาถ่านสองเตาใหญ่ ๆ ตาแก่ถานเห็นหญิงสาวหยุดยืนมองรอบ ๆ อย่างคนช่างสังเกตเขาจึงร้องเรียกนางให้มาจิบน้ำชาให้ชุ่มคอเสียก่อน

"แม่นางมานี่สิ เอานี่น้ำชา อยู่ที่นี่ไม่มีชาดีเหมือนที่เจ้าเคยดื่มหรอกนะ"

"ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าเคยดื่มชาดี"

"เฮ้อะ ข้าก็เดาเอานะสิ แค่ดูกำไลหยกที่เจ้าสวมอยู่ข้าก็รู้แล้ว เพราะข้าเป็นตาแก่ที่เฉลียวฉลาดอย่างไรเล่า"

"กำไลหยก?"

นึกย้อนไปถึงตอนที่เจอชายแก่ผู้นี้ครั้งแรก คลับคล้ายคลับคลาว่าเขากำลังพยายามจะถอดกำไลหยกนี่ออกจากข้อมือของนาง เสวียนหนี่หรี่ตามองถานถานอย่างเข้าใจลึกซึ้ง นางยกยิ้มมุมปากแล้วยกแขนข้างที่มีกำไลหยกมาชื่นชม

"งามจริงดังว่า มิน่าล่ะ"

"มิน่าอะไร"

"ไม่มีอะไร"

"เช่นนั้นข้าไปอาบน้ำก่อน ไม่ได้อาบแค่ไม่กี่เดือนเองทำไมมันคันนักนะ"

นิ้วมือหยาบกร้านเกามั่วซั่วไปตามแขนและขา เสวียน

หนี่ถึงกับกุมขมับ เขาไม่ได้อาบน้ำมาหลายเดือนแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตาแก่ถานถึงเนื้อตัวเหม็นสาบนัก

เมื่อถานถานแยกตัวมาแล้ว เสวียนหนี่ได้เดินตามเขาด้านหลังมาเงียบ ๆ  ด้านหลังกระท่อมมีบ่อน้ำธรรมชาติอยู่ไม่ไกล นางไม่ได้ตั้งใจจะแอบมอง แต่เพราะลางสังหรณ์บางอย่างทำให้นางไม่ค่อยเชื่อใจ แค่คิดว่าเขาจะขโมยกำไลข้อมือจากศพที่ตัวยังไม่ทันจะเย็น เสวียนหนี่ก็มองออกแล้วว่าถานถานโลภมากเพียงใด เป็นเพราะนางไม่มีทางเลือกมากนักถึงกล้าเสี่ยงติดตามเขามา โลกนี้กับโลกที่นางอยู่แตกต่างกันลิบลับ เมื่อต้องมาโผล่ดินแดนที่ไม่คุ้นชิน หากมีทางใดที่จะสามารถเอาตัวรอดได้นางก็ต้องรีบคว้าโอกาสไว้ ดีกว่าปล่อยให้ตนเองเดินหลงป่าไปเรื่อยแล้วหิวโหยตายอย่างทรมาน

นางเฝ้ามองตาแก่ถานที่กำลังลงอาบน้ำในบ่ออยู่หลังพุ่มไม้ กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งเค่อเสวียนหนี่เห็นว่าไม่มีอะไรน่าสงสัยจึงเตรียมจะย่องกลับ

แต่แล้วท่ามกลางแสงจันทราที่สาดส่องลงมา ทำให้นางมองเห็นแผ่นหลังของถานถานชัดเจน เห็นรอยแผลเป็นขนาดครึ่งฝ่ามือที่แผ่นหลังฝั่งซ้ายของเขาดูคุ้นตา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด พอคิดบางอย่างออกรอยยิ้มร้ายก็ปรากฏขึ้น

เช้าวันรุ่งขึ้น

ที่กระท่อมของถานถานไม่มีสิ่งใดที่สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้ เขาไม่รู้จักการปลูกผักหรือเลี้ยงสัตว์ ยามหิวก็แค่เดินเข้าป่าไปล่ากระต่ายหรือไก่ป่า เสวียนหนี่มองไปรอบ ๆ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ นางรู้สึกหิวจนไส้จะขาดแต่ตาแก่ถานที่ออกมานอนนอกกระท่อมยังนอนอ้าปากส่งเสียงกรนสนั่น

"ท่าน"

หญิงสาวเขย่าตัวเขาพร้อมกับร้องเรียก ขืนรอให้เขาตื่นเองคาดว่าน่าจะเลยยามอู่ ถานถานลุกขึ้นมามองหน้านางแล้วอ้าปากหาวจนมองเข้าไปเห็นลิ้นไก่ หญิงสาวรู้สึกเอือมระอาจนต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

"ท่านตา"

"หืม...ไม่เคยมีใครเรียกข้าอย่างนี้ ฟังดูรื่นหูดี ปกติคนทั่วไปเรียกข้าว่าตาแก่ขี้เถ้า"

"...คือว่า ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ ข้าปรุงอาหารเป็น หากท่านตาพอจะมีเนื้อสัตว์หรือผักสักหน่อยข้าพอจะปรุงเป็นอาหารให้ได้"

"ไม่มีหรอก ของแบบนั้นต้องเดินเข้าป่าไปหา แต่ก็ไม่รับประกันหรอกนะว่าจะได้ติดมือมาหรือเปล่า"

"ถ้าเช่นนั้น ปกติแล้วท่านตาไปกินที่โรงเตี๊ยมหรือเจ้าคะ"

ถานถานนิ่งเงียบไปสักครู่หนึ่ง เขากำลังคิดว่าหากพานางไปที่โรงเตี๊ยมแล้วหลอกล่อให้นางเอากำไลหยกไปขายแลกอาหาร แบบนั้นดูท่าจะดี ใบหน้าเหี่ยวย่นแย้มยิ้มดวงตาเป็นประกาย เขาลุกขึ้นหยิบน้ำในถุงที่ตัดเย็บจากหนังสัตว์มาเทล้างหน้า พอจัดการธุระของตนเองเสร็จแล้วก็ตะโกนบอกเสวียนหนี่

"ไปโรงเตี๊ยมกันเถอะ ข้าเองก็ชักอยากจะกินเป็ดพะโล้แล้วล่ะสิ ฮ่า ๆ"

***พวกหลอกกินเต้าหู้ หมายถึง หลอกล่อลวนลามสตรี เปรียบสตรีเป็นเต้าหู้ที่ขาวและนุ่มนิ่ม

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   43.จดหมายจากทางไกล (จบ)

    จดหมายจากทางไกล (จบ)“ฮูหยินเจ้าคะเมื่อเช้านี้คนเฝ้าประตูหุบเขานำจดหมายและของมาฝากให้ฮูหยินเจ้าค่ะ บอกว่าได้มาจากขบวนพ่อค้าผ่านทาง”สาวใช้วางจดหมายไว้บนโต๊ะแล้วก็เดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ ข้างจดหมายนั้นยังมีกล่องไม้ขนาดไม่ใหญ่มากเสวียนหนี่เปิดกล่องไม้ดูข้างในพบว่าเป็นผ้าบุหนาพันห่อบางสิ่งไว้อย่างดี สัมผัสยังชุ่มชื้นคล้ายกับว่ามีการพรมน้ำไว้ตลอดเวลา เมื่อนางเปิดผ้าห่อออกเห็นว่าสิ่งของข้างในคือกิ่งพันธุ์ของพืชชนิดหนึ่งจึงรีบคลี่จดหมายออกดู เนื้อความข้างในจดหมายได้เขียนบรรยายไว้ว่า…ข้าถึงแคว้นฉินอย่างปลอดภัยแล้วระหว่างทางมาแคว้นฉินข้าได้รู้จักกับพ่อค้าผู้หนึ่ง เขามีโรงย้อมอยู่ในเขตอำเภอเล็ก ๆ และได้รับข้าเข้าทำงานที่โรงย้อม หวังว่าจากนี้ชีวิตของข้าจะพบกับความสงบสุขอย่างที่เจ้าเคยกล่าวไว้ สิ่งที่ข้าฝากมาในกล่องคือกิ่งพันธุ์ฝูเถาพืชชนิดนี้ที่แคว้นฉินมีราคาแพงมาก เจ้าชอบเพาะปลูก ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะพึงพอใจข้าซื้อกิ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด    42.ปรารถนาให้ดอกไม้งามได้ผลิบาน

    ปรารถนาให้ดอกไม้งามได้ผลิบาน“ข้าหวังเพียงว่าจากนี้ไปเจ้าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างดีและมีความสุข ไม่ใช่แค่เจ้าที่คิดว่าข้าเป็นเหมือนคนในครอบครัวแต่ข้าเองก็คิดอย่างนั้น…ข้าอยากเห็นเจ้ามีความสุข”คำพูดคำจาของถานถานฟังแล้วต่างจากเดิมมาก เขาไม่ใช่ตาแก่ไร้สาระของนางอีกต่อไปแล้วเขาพูดสิ่งดี ๆ เพื่อคนอื่นก็เป็นเช่นกันแต่น้อยครั้งนักที่ถานถานจะเอ่ยวาจาได้ตรงกับใจอย่างนี้ส่วนมากเขามักจะเฉไฉและวางท่าคิดอย่างไรก็ไม่เคยแสดงออกอย่างเปิดเผย"แล้วเจ้าเด็กวุ่นวายนั่น""หมายถึงเพียนเพียนน่ะหรือเจ้าคะ อย่าห่วงเลย ตอนนี้ได้คุณหนูฟางจิงดูแลคุณหนูทั้งสอนหนังสือและเรื่องต่าง ๆ ให้นางอย่างดี เพียนเพียนจะต้องเติบโตได้ดีแน่เอาไว้ว่าง ๆ ข้าจะพานางไปเยี่ยมเยือนท่านที่ไร่นะเจ้าคะ" "อืมงั้นข้าไปละนะ ข้างในนี้ต้องเป็นของดีแน่ ๆ คิดแล้วน้ำลายไหล"เขาชูถุงผ้าขึ้นพลางหัวเราะร่า

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด    41.คำขอร้องของหลีเหว่ย

    คำขอร้องของหลีเหว่ยไม่จำเป็นต้องหลบหลังพุ่มไม้อีกต่อไปแล้วครั้งนี้เขาเดินอย่างองอาจเข้าไปในเรือน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าฟางจิงจึงได้หันกลับมามองยังต้นเสียงเห็นว่าคนที่มาคือหลีเหว่ยนางก็เกิดความสงสัยเป็นอย่างมากวันสำคัญเช่นนี้เขาควรจะเฉลิมฉลองอยู่ที่เรือนหลักกับคนอื่น ๆ นานแล้วที่นางและเขาไม่ได้เจอกันเลย ครั้งล่าสุดเห็นจะเป็นตอนที่ปิดล้อมจับห่าวอู๋ แต่ก็แค่เห็นผ่านตาเพียงเท่านั้นไม่ได้มีการพูดคุยกันสักครึ่งคำก่อนที่ฟางจิงจะถูกรถม้าทับเขาและนางมีความสนิทสนมกันที่สุดแทบจะเรียกได้ว่าสนิมเทียบเท่าผู้เป็นพี่ชายแท้ ๆหลังจากที่อี้เฉินถูกส่งให้ไปศึกษาที่สำนักศึกษาตี้จิวแล้วหลีเหว่ยก็ติดตามไปเป็นสหายร่วมเรียนฟางจิงและเขาก็ค่อย ๆ ห่างเหินกันไปตามกาลเวลาพอสำเร็จการศึกษาหวนคืนหุบเขานางก็ตีตัวออกหากเขาไปเรื่อย ๆไม่สนิทสนมอย่างเดิมแล้วจนปัจจุบันเหมือนคนเคยคุ้นที่อาศัยร่วมจวนเดียวกัน“นานมาแล้วที่ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน วัน

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด    40.คำตอบของอี้เฉิน

    คำตอบของอี้เฉิน“ไปหาเจี่ยนถานถานมาเป็นอย่างไรบ้าง" อี้เฉินถามคำพูดของพ่อค้าสองคนนั้นยังก้องอยู่ในหู เสวียนหนี่จึงยังไม่ทันได้ฟังที่เขาพูด นางเอาแต่นั่งเหม่อลอยใช้ตะเกียบเขี่ยเส้นบะหมี่วนอยู่ในชาม พอเห็นว่าอีกคนไม่ตอบคำถามเขาจึงเรียกชื่อนางซ้ำให้ดังขึ้น“เสวียนหนี่”“เจ้าคะ”หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยเงยหน้ามองบุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน“ไม่หิวหรือ"“อ๋อข้ายังไม่หิวเจ้าค่ะ”“อย่างนี้นี่เองเช่นนั้นเรากลับจวนกันเถอะ”กลับถึงจวนตระกูลหงก็ใกล้ตะวันตกดิน ที่ศาลาเห็นหลีเหว่ยและโม่โฉวกำลังนั่งเล่นหมากล้อม พวกเขาได้ลุกขึ้นยืนมองมาทางเสวียนหนี่และอี้เฉินด้วยแววตาสงสัยคาดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสได้เห็นทั้งคู่เดินเคียงกันมา"กลับมาแล้วหรือขอรับ"หลีเหว่ยทักทาย ประมุขหนุ่มมองตอบเพียงเท่านั้นแล้วเดินตรงเข้าไปในเรือน“เจ้ายังไม่กลับเรือนกุ้ยเ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   39.เกิดอะไรกับห่าวอู๋

    เกิดอะไรกับห่าวอู๋สีหน้าของฟางจิงดูสลดลงโม่โฉวบอกกับอี้เฉินว่าความพิการทางร่างกายของนางไม่ได้หนักหนา สิ่งที่ทำให้นางยังไม่สามารถลุกขึ้นมายืนหยัดได้นั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตใจไม่ว่าพี่ชายจะเสาะแสวงหาแพทย์ที่เก่งกาจเพียงใดมารักษาก็ไม่เป็นผลฟางจิงไม่ให้ความร่วมมือนางหวาดกลัวที่จะลุกขึ้นเดินอีกครั้งเสียงเย้ยหยันของผู้คนในอดีตที่ผ่านมาทำให้นางไม่กล้าลุกขึ้นสู้นางกลัวความผิดพลาดกลัวว่าหากลุกขึ้นมาใหม่แล้วต้องล้มลงไปอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็จะต้องอับอาย"รักษาเถิดกลัวไปไยพี่จะคอยอยู่ข้าง ๆ เจ้าเอง""...ข้าใช้ชีวิตเช่นนี้ก็พอใจดีอยู่แล้ววันนี้ข้ารู้สึกเวียนหัวขอตัวพักเอาแรงสักงีบ"ทุกครั้งที่พูดเรื่องบำบัดรักษาฟางจิงก็มักจะเลี่ยงตลอดอี้เฉินเองก็อ่อนใจเต็มทีเขามองตามร่างของน้องสาวที่เคลื่อนรถเข็นเข้าไปในเรือนแล้วถอนหายใจกลัดกลุ้ม ไม่รู้ว่าในระหว่างที่เขามองตามฟางจิงอยู่นั้นเสวียนหนี่เดินมาทางด้านหลังเขาตั

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด    38.ส่งซูหนี่

    ส่งซูหนี่“พี่สาวเจ้ามาลาข้าแล้ว”เมื่อวานนี้ซูหนี่ได้เข้ามาหาเขา แล้วก็แสดงเจตนาว่าอยากออกจากหุบเขา ดังนั้นอี้เฉินจึงพูดขึ้นเพื่ออยากรู้ว่าเสวียนหนี่ทราบเรื่องนี้แล้วหรือยัง พอได้ฟังนางแสดงสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที“ข้าไม่ได้ไล่นางไปนะเจ้าคะ แล้วก็ไม่ได้ตีนางด้วย”“ข้าก็ไม่ได้บอกว่าเจ้าไล่หรือตีนางเสียหน่อย”ท่าทางรีบร้อนแก้ต่างให้ตนเองของนางทำให้ดูลุกลนจนเกินไปอี้เฉินทำหน้าเหมือนผู้ใหญ่กำลังดุเด็กแล้วพูดต่อ“แต่ถึงเจ้าไม่ไล่ข้าก็ไล่นางออกไปอยู่ดี”หญิงสาวพูดไม่ออกเดิมทีอี้เฉินก็ไม่ไว้หน้าผู้ใดอยู่แล้วยิ่งเป็นซูหนี่ที่เคยอยู่ฝ่ายเดียวกันกับห่าวอู๋มาก่อนก็ไม่ต้องคาดหวังว่าเขาจะไว้ไมตรีด้วยความที่ชายหนุ่มมองคนขาดตั้งแต่แรกเริ่มจึงไม่ได้ให้ความเชื่ออกเชื่อใจใครโดยง่ายหากไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวังเขาเชื่ออย่างนั้นเป็นมิตรได้วันหนึ่งก็อาจเปลี่ยนไปเป็นศัตรู หรือบางรายเป็นศ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status