เสียงฟ้าคำรามดังไปทั่วบริเวณกว้าง ภายในจวนตระกูลเว่ย บ่าวไพร่ต่างวิ่งกันวุ่นวายเพื่อจัดเก็บข้าวของหลบฝนเข้าด้านใน
แต่ที่ห้องเก็บฟืนทางด้านท้ายจวนมิได้รับรู้ความวุ่นวายนี้ ด้านในมีสตรีใบหน้างดงามกำลังเงยหน้ามองเม็ดฝนที่หลุดลอดเข้ามาตามช่องหลังคาที่เป็นรูโหว่
“หึ” นางส่งเสียงขึ้นจมูกออกมา เนื้อตัวที่มีเพียงเสื้อตัวบางสวมใส่อยู่ เมื่อมีพายุฝนและลมโหมเข้ามา นางก็อดที่จะงอตัวสั่นสะท้านไปด้วยความเหน็บหนาวไม่ได้
“คุณหนูรอง นายท่านให้บ่าวมาแจ้ง หากท่านสำนึกผิดได้เมื่อใด ค่อยปล่อยให้ท่านออกไปเจ้าค่ะ” แม่นมจินร้องบอกอยู่ด้านนอก
“เหตุใดข้าต้องสำนึก ในเมื่อท่านกับแม่ใหญ่ให้ข้ากระทำเช่นนี้”
“ถึงตอนนี้แล้ว ท่านยังจะปากแข็งอีกรึเจ้าคะ หากท่านไม่พึงใจในตัวคุณชายกู้จนถึงขั้นลอบนัดพบกัน ท่านจะถูกจับมาขังได้อย่างไร”
“หึหึ คำพูดเจ้าช่างน่าขันนัก แผนการทั้งหมดเจ้ากับแม่ใหญ่ก็เป็นผู้เตรียมการ ข้าเพียงเดินเข้าไปตกหลุมพรางของพวกเจ้าก็เท่านั้น ถึงตายคำผิดครั้งนี้ข้าก็ไม่ขอยอมรับ” ซีเยว่หัวเราะเยาะตนเอง ที่ช่างโง่เขลา เชื่อในคำพูดของคนพวกนั้น
“เช่นนั้น ท่านก็อยู่ในห้องเก็บฟืนไปจนตายเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมจินกล่าวจบ ก็เดินฝ่าสายฝนกลับไปรายงานทันที
เว่ยซีเยว่ดวงตาหม่นแสงลง นางไม่คิดว่าคนที่เลี้ยงนางมาตั้งแต่เล็กจะทำกับนางเช่นนี้ได้ลงคอ นางเชื่อใจแม่นมจินและอู๋ซื่อมากเกินไป ไม่ว่าทั้งสองสั่งนางเช่นใด นางก็ล้วนไม่เคยปฏิเสธ
ในครั้งนี้ก็เช่นกัน อู๋ซื่อเรียกนางเข้าไปพูดคุย ทั้งปรับทุกข์ เรื่องที่ไม่อยากให้เว่ยหลิวชิงแต่งกับกู้หยาง ที่เป็นเพียงบุตรชายนายอำเภอเล็กๆ เท่านั้น
แต่ด้วยตระกูลกู้เคยช่วยเหลือตระกูลเว่ยไว้ ท่านผู้เฒ่าทั้งสองจึงทำสัญญาเรื่องที่จะให้บุตรหรือหลานคนใดคนหนึ่งแต่งงานด้วยกัน
ทางตระกูลกู้ ถือหนังสือเข้ามาทวงสัญญาเมื่อสามเดือนที่แล้ว โดยเลือกว่าต้องแต่งกับเว่ยหลิวชิงที่เป็นบุตรภรรยาเอกเท่านั้น
ด้วยคนตระกูลกู้ที่เดินทางมาพบเห็นใบหน้าของเว่ยหลิวชิงแล้ว จึงไม่อาจจะเปลี่ยนตัวเจ้าสาวได้ และดูเหมือนว่ากู้หยางจะพึงใจต่อเว่ยหลิวชิงไม่น้อย
ร้อนถึงอู๋ซื่อที่ต้องเรียกเว่ยซีเยว่มาพบในวันนี้
“อาเยว่ เจ้าก็รู้ว่าข้ากับพี่สาวของเจ้า ดีต่อเจ้ามากเพียงใด” นางจับมือของซีเยว่แน่น ดวงตาทั้งสองข้างมีน้ำตาเอ่อคลอ
“ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ แม่ใหญ่อยากให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใด โปรดแจ้งแก่ข้าเถิด” ซีเยว่อดเห็นใจอู๋ซื่อไม่ได้ ด้วยใบหน้าของนางก็ดูอิดโรยคล้ายไม่ได้นอนมาเสียหลายวัน
“พี่หญิงของเจ้าช่างอาภัพนัก นางมีคนรักของนางอยู่แล้ว เรื่องนี้เจ้าก็รู้ดี แต่ว่า...” นางเหลือบมองใบหน้าของซีเยว่แวบหนึ่ง เมื่อเอ่ยถึงชายคนรักของหลิวชิง
ด้วยรู้ว่าบุรุษที่นางเอ่ยถึง คือมู่เสวี่ย บุตรชายของเสนาบดีมู่ เจ้ากรมการคลัง ก่อนหน้านี้ มู่เสวี่ยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการรับเว่ยซีเยว่เข้าไปเป็นอนุในจวน ซีเยว่เองก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่
นางที่เป็นเพียงบุตรอนุไม่มีทางตอบรับหรือปฏิเสธอยู่แล้ว แต่เว่ยหลิวชิงเอ่ยบอกความในใจของนางที่มีต่อมู่เสวี่ยขึ้นมาเสียก่อน นางอู๋ซื่อจึงได้วางแผนดึงความสนใจของมู่เสวี่ยมาให้บุตรสาวของตนเอง
นับจากนั้น เมื่อพบมู่เสวี่ย ซีเยว่นางจะแสดงนิสัยร้ายกาจออกมา เพื่อให้เขาถอยหนี แล้วหันไปสนใจเว่ยหลิวชิงแทน และดูท่าจะเป็นไปตามแผนการที่อู๋ซื่อวางไว้ให้ซีเยว่ทำ
ทางตระกูลมู่เริ่มเข้ามาพูดคุยทาบทามหลิวชิง แต่ก็ถูกตระกูลกู้เข้ามาทวงคำสัญญาเสียก่อน
“อาเยว่ เจ้าอย่าได้คิดว่าข้าใจดำกับเจ้าเลย แต่พี่หญิงของเจ้าไม่อาจจะไปอยู่ที่เจียงซานได้ นาง...นางบอบบางเกินไป ทั้งยังขี้โรค ข้าจะทนเห็นนางใช้ชีวิตลำบากได้อย่างไร ฮึก...” อู๋ซื่อสะอื้นไห้ออกมาอย่างน่าเห็นใจ
“ท่านก็เลยอยากให้ข้าแต่งออกแทน ใช่หรือไม่” ดวงตาของซีเยว่หม่นแสงลง พร้อมทั้งมองไปที่หลิวชิงที่สะอื้นไห้อยู่ด้านข้างของอู๋ซื่อ
“...” หลิวชิงไม่ได้พูดอันใดออกมา นางเพียงแค่ส่งสายตาขอร้องมาที่ซีเยว่อยู่ตลอด
แล้วตัวนางไม่กลัวความลำบากหรืออย่างไร ถึงแม้จะเป็นบุตรอนุ ไม่ได้ใช้สิ่งของดีเช่นบุตรภรรยาเอก แต่ตัวนางก็ไม่ต้องทำงานหนัก หรือว่าเคยใช้ชีวิตลำบากมาก่อน
“มิใช่เช่นนั้น ข้าเพียงแต่...เพียงแต่” นางอู๋ซื่อด้วยรู้ดีว่าซีเยว่นางก็ฉลาดไม่น้อย จึงคิดคำพูดที่จะหว่านล้อมนางไม่ถูกไปชั่วขนาด
“...” ซีเยว่นิ่งเงียบเพื่อรอฟังสิ่งที่นางจะพูด
“บ่าวว่า เพียงแค่จัดฉากให้คุณชายกู้ลอบพบกับสตรีอื่นดีหรือไม่เจ้าคะ” แม่นมจินเอ่ยสอดขึ้นมา
“ใช่ ใช่แล้ว อาเยว่ เจ้าเพียงแค่ไปหลอกล่อสาวใช้สักคนมาที่เรือนพักของคนตระกูลกู้เรื่องอื่นข้าจะจัดการเอง” อู๋ซื่อร้องออกมาอย่างดีใจ
“...” ซีเยว่เม้มปากแน่นอย่างครุ่นคิด หากเพียงหลอกล่อสาวใช้มาก็คงไม่มีปัญหามากนัก เรื่องนี้ก็ไม่ว่านางจะต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วย “เจ้าค่ะ” นางรับปากไปทันที
ทำให้ใบหน้าของอู๋ซื่อและหลิวชิงปรากฏรอยยิ้มที่พอใจออกมา
“ขอบใจเจ้ามาก น้องพี่” หลิวชิงบีบมือซีเยว่ไว้แน่น
เมื่อเขาเปิดออกดูจึงได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไว้ทั้งหมดผู้เป็นบิดารู้เรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลี้ยงมือสังหาร ยักยอกเงินคลังหลวงร่วมกับตระกูลมู่ แม้แต่เรื่องที่เขาส่งมือสังหารไปจัดการองค์ชายใหญ่หลายหนก็ถูกบันทึกไว้ทั้งหมด“หากยังไม่โง่เขลาจนเกินไปควรหยุดได้แล้ว” ฮ่องเต้มองที่องค์ชายสามอย่างเจ็บปวดเด็กน้อยที่วิ่งตามเขา ร้องเรียกเสด็จพ่อให้สนใจในสิ่งที่เขาทำเมื่อเยาว์วัย ไม่มีอีกแล้ว มีเพียงบุรุษหนุ่มที่ทำสิ่งใดก็ได้ เพื่อให้ได้บัลลังก์มาครอบครององค์ชายสามเมื่อเห็นแววตาของฮ่องเต้ที่มองมาทางเขาอย่างเจ็บปวด จึงสำนึกได้ว่าพระองค์รักเขาไม่น้อยไปกว่าบุตรคนอื่นเลย แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็คงจะสายไปเสียแล้วหากไม่หลงเชื่อเสนาบดีมู่ ที่เป่าหูเขามาตั้งแต่เล็กว่าผู้เป็นบิดารักองค์ชายใหญ่มากกว่า และต่อไปบัลลังก์ก็ต้องเป็นขององค์ชายใหญ่ เขาคงไม่เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนเลือดเย็นเช่นนี้แน่“เสด็จพ่อ ลูกขอโทษ” เขาคุกเข่าลงอยู่ที่แทบเท้าของฮ่องเต้“ลูกขอโทษ ลูกไม่น่าหลงเชื่อคำคนตระกูลมู่ ลูกขอโทษ”เขาเอาแต่พร่ำเพ้อพูดเช่นนั้น และร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ“ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อคำพูดผู้ใด แต่หากเจ้าคิดสักนิดว่
กู้หยางใช้แผนการตลบหลัง ปล่อยให้คนขององค์ชายสามวางใจ เข้ามาภายในจวนของเขาได้อย่างไม่สงสัยซีเยว่เข้าไปอยู่ภายในมิติของนางพร้อมกับแม่นมชุยอย่างว่าง่าย สาวใช้คนอื่นนางให้กลับไปที่เรือนพัก หากได้ยินเสียงใดห้ามออกมาอย่างเด็ดขาด หากจะพาคนทั้งหมดหายเข้าไปในมิติก็ดูจะน่าสงสัยเกินไป ถ้าภายในจวนไม่มีสาวใช้อยู่เลยมู่เสวี่ยนั่งดื่มสุราอยู่ในหอโคมแดง เขารู้ดีว่าองค์ชายสามคงลงมือในคืนนี้“ออกไป วันนี้ข้าต้องการอยู่เพียงผู้เดียว” เขาไล่คณิกาอันดับหนึ่งที่เรียกหาทุกครั้งที่มา ออกไปอย่างไม่ไยดีภายในอกของเขารุ่มร้อนด้วยเรื่องที่จะเกิดกับซีเยว่ จนไม่อาจจะหาความสำราญเช่นปกติได้ จะเข้าไปช่วยนางก็ทำไม่ได้ มู่เสวี่ยได้แต่ดื่มสุราดับอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตนเองเป็นอย่างที่คนของกู้หยางว่าไว้ เมื่อมือสังหารที่องค์ชายสามส่งมาลอบเข้ามาภายในจวนกู้ยามดึก ด้วยรู้มาว่าวันนี้กู้หยางจะอยู่หารือร่วมกับองค์ชายใหญ่ที่ตำหนักของพระองค์“...” มือสังหารเข้าไปเรือนนอนของซีเยว่อย่างง่ายดาย“หึ องครักษ์จวนกู้โง่เขลานัก คนลอบเข้ามามากเช่นนี้ ยังมิรู้เรื่องเลย” มือสังหารเอ่ยดูแคลนออกมาเสี่ยวซีและเสี่ยวสือรวมถึงคนอื่นได้แต่หนังตา
องค์ชายใหญ่เดินเข้าไปหาพ่อบ้านเว่ยที่ตกตะลึงอยู่หน้าวังอย่างร้อนใจ“เกิดเรื่องใดขึ้น อาเยว่นางเป็นอันใด”“เอ่อ...ฮูหยินกู้นางตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเว่ยเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ห๊ะ!!! คราวหลังเจ้าก็พูดให้เร็วกว่านี้” องค์ชายใหญ่รีบร้อนตามกู้หยางไปที่จวนตระกูลเว่ยทันทีเสี่ยวซีที่รออยู่ด้านนอกวังหลวงก็รีบร้อนติดตามผู้เป็นนาย เพื่อบอกกล่าวเรื่องน่ายินดีให้เขาได้รู้ก่อนที่จะร้อนใจจากคำพูดของพ่อบ้านเว่ยแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว กู้หยางใช้วิชาตัวเบาทะยานไปตามหลังคาบ้านเรือนโดยไม่สนใจสายตาของชาวเมืองที่มองมาด้วยความใคร่รู้ ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่วรยุทธ์สูงเช่นนี้ เห็นแต่เพียงแผ่นหลังที่หายไปของเขาเข้าไปภายในจวนตระกูลเว่ยเสี่ยวซีที่ตามมาทันกู้หยาง ก่อนจะเดินเข้าห้องโถง จึงได้บอกเรื่องสำคัญที่ได้รู้มา แต่ว่ายังมิทันได้บอกเรื่องตั้งครรภ์ของซีเยว่ กู้หยางก็พุ่งตัวเขาไปตามทิศที่สาวใช้นางบอกตำแหน่งของซีเยว่แล้ว“อาหยางเจ้ามาเสียที่ ข้า...” เว่ยหมิงที่เห็นกู้หยางกำลังพุ่งตัวเข้ามาภายในห้องโถง ก็ต้องชะงักนิ่งมีเพียงสายลมที่พัดผ่านตัวเขา พร้อมกับร่างที่หายไปแล้วของกู้หยาง“อาเยว่!!!” เขาร้
ตอนนี้ภายในจวนของเขาสงบยิ่งนัก ทั้งเรื่องสัญญาหมั้นหมายของบุตรสาวบุตรชายก็ดูจะราบรื่นไปเสียทุกสิ่ง ไหนจะเรื่องหน้าที่การงานของเขา มายามนี้ยังได้ข่าวดีที่ตนจะได้เป็นท่านตาแล้วอีกด้วย“ตกรางวัลให้คนทั้งจวน!!!” เขาร้องบอกพ่อบ้านเว่ย พร้อมทั้งให้เงินค่าตรวจท่านหมอไปเสียหนักอึ้ง ก่อนจะให้พ่อบ้านเว่ยไปส่งท่านหมอที่โรงหมอ และส่งคนไปรอแจ้งกู้หยางที่หน้าวังหลวงซีเยว่นางยังตกตะลึงไม่หาย ได้แต่นั่งนิ่งอึ้งอยู่บนเตียงตั่ง เสียงพูดแสดงความยินดีรอบข้างนางไม่ได้ยินเลยว่าทุกคนเอ่ยพูดเช่นไร“ข้าท้องรึเจ้าคะ ข้าจะมีลูกรึ” นางมองไปที่อู๋ซื่อ หลิวชิง เว่ยหมิงและแม่นมชุยอย่างไม่อยากเชื่ออยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ว่ามาจากที่ใดมากมาย“อาเยว่!!!” หลิวชิงร้องออกมาด้วยความตกใจ นางเพิ่งจะเห็นน้องรองนางร้องไห้ก็วันนี้เอง“อาเยว่ อย่าร้อง ประเดี๋ยวเด็กในท้องเจ้าจะขี้แยเอา” อู๋ซื่อเอ่ยเย้านางออกมา“จริงเจ้าค่ะ” แม่นมชุยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่นางก็ลอบปาดน้ำตาทิ้งอย่างเงียบๆด้วยท่าทีของซีเยว่ยามเมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์ช่างเหมือนกับถานเหยามารดาของนางไม่มีผิดเพี้ยนเช่นนี้แล้ว จะให้แม่นมชุยไม่ร้องไห้ออกมาได้
ดูเหมือนว่าคำสั่งครั้งนี้หมายมาเอาชีวิตซีเยว่นางโดยตรงด้วย หากไม่มีนางเรื่องทำเกลือ เรื่องทำหน้าไม้ แม้แต่เรื่องยาที่ส่งให้กองทัพก็คงไม่เกิดขึ้น องค์ชายสามจึงคิดที่จะกำจัดนางไปด้วยเลยแต่เรื่องนี้มู่เสวี่ยไม่รู้มาก่อน หากเขารู้ความคิดขององค์ชายสามที่สั่งการคนของพระองค์ คงจะเอ่ยห้ามไว้แล้ว ด้วยหากกู้หยางตายลง อย่างไรก็สามารถเก็บซีเยว่ ดึงนางมาเป็นคนของตนได้เมื่อไม่มีองค์ชายใหญ่ให้ต้องคอยคุ้มกัน กู้หยางก็ได้ลงมืออย่างเต็มที่ วรยุทธ์ของเขาทั้งหมดที่เก็บซ่อนไว้จึงได้เผยออกมา อย่าว่าแต่องครักษ์ขององค์ชายสามเลยที่ตกตะลึงกับความรุนแรงและพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายเขาคนของสำนักจืออวี้ และองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ต่างก็ล้วนแต่ตกตะลึง“พาคนที่บาดเจ็บล่วงหน้าไปโรงหมอที่เมืองหน้าก่อน ข้าจะตามไปภายหลัง” เขาสั่งการกับองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ที่ต่างได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อยคนที่อยู่กับกู้หยางมีเพียงเสี่ยวซีแล้วเสี่ยวสือที่จะทำหน้าที่บังคับรถม้าทั้งสองคันเท่านั้น“เจ้าว่า อาหยางจะจัดการมือสังหารเรียบร้อยแล้วหรือยัง” องค์ชายใหญ่เอ่ยถามซีเยว่ที่นั่งหน้าเครียดออกอย่างร้อนใจซีเยว่คำนวณเวลาก็เห็นว่าด้านนอกผ่าน
เสนาบดีมู่เมื่อได้ยินคำว่าเมืองเจียงซานใบหน้าของเขาก็ซีดขาวลงทันที ด้วยข่าวที่ซื้อมาจากสำนักจืออวี้มิใช่เรื่องที่องค์ชายใหญ่เดินทางไปทำเกลือ แล้วทำออกมาได้สำเร็จอีกด้วย เช่นนี้แล้วองค์ชายสามจะเอาสิ่งใดไปสู้ได้“ใต้เท้าเว่ย บุตรีของเจ้าสร้างประโยชน์ไม่น้อยเลย” ฮ่องเต้ตรัสชมออกมา“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ บุตรีกระหม่อมมีความรู้ตื้นเขิน หากมิได้องค์ชายใหญ่ ท่านเจ้าเมืองกู้และบุตรเขยของกระหม่อม ก็คงมิอาจทำเกลือออกมาได้” เว่ยหมิงคุกเข่าก้มหน้านิ่ง“เหอะ” ฮ่องเต้ได้แต่มองเว่ยหมิงด้วยความหมั่นไส้ เพียงประโยคถ่อมตัวประโยคเดียวของเขา ก็สร้างความชอบให้กับผู้ที่เขาเอ่ยออกมาได้ครบทุกคน“รอให้เดินทางกลับมาจากเจียงซานก่อน เจิ้นจะตกรางวัลให้อย่างงาม” ขุนนางไม่น้อยต่างมองมาทางเว่ยหมิงด้วยความอิจฉา ไม่รู้ว่าเขาทำบุญด้วยอันใดถึงได้มีบุตรสาวและบุตรเขยมากความสามารถเช่นนี้ภายในตำหนักขององค์ชายสาม เสียงขว้างปาข้าวของตกแตกดังลั่นไปทั่วทั้งตำหนัก“เดรัจฉาน!!! เหตุใดพวกมันถึงไม่ตายไปเสีย”เสนาบดีมู่และมู่เสวี่ย ที่นำความมาบอกกล่าว หวาดกลัวว่าจะถูกลูกหลงจนต้องหลบอยู่ที่มุมห้อง“โปรดระงับโทสะก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”