สองสัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่การล่มสลายของ 'กาลเวลา' องค์กรลับที่เคยบงการโลกเบื้องหลังฉาก เมรี่และทีมกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้งในลอนดอน แม้จะมีชื่อเสียงในฐานะวีรบุรุษผู้กอบกู้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเก็บตัวและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ หมอเจเน็ตยังคงดูแลคลินิกใต้ดินของเธอ มิสเตอร์คลาร์กได้กลับไปใช้ชีวิตในฐานะผู้จัดการสำนักพิมพ์ที่ซื่อสัตย์ ส่วนนักสืบโธมัสก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในวงการตำรวจ
เช้าวันหนึ่งที่สดใส เมรี่กับเฟรเดอริคตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ตลาดนัดคอเวนต์การ์เดน ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน เสียงดนตรีจากนักแสดงข้างถนนดังคลอเคลียกับเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของ บรรยากาศดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา "นี่แหละชีวิตที่แท้จริง!" เฟรเดอริคกล่าวพร้อมกับสูดหายใจลึกๆ "ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวาย ไม่ต้องมีองค์กรลับมาตามล่า" เมรี่ยิ้ม เธอเห็นด้วยกับพี่ชายอย่างเต็มที่ แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าบางอย่าง...ราวกับว่าชีวิตที่ไร้ความตื่นเต้นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอโหยหาอีกต่อไป ขณะที่พวกเขากำลังเลือกซื้อดอกไม้อยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวมาจากอีกฝั่งหนึ่งของตลาด! "ตูมมมมม!" ควันสีดำลอยฟุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า ผู้คนต่างกรีดร้องด้วยความตกใจและวิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน แผงลอยร้านค้าต่างๆ ล้มระเนระนาด ข้าวของกระจัดกระจายไปทั่วพื้น "เกิดอะไรขึ้น!" เมรี่ตะโกน เฟรเดอริคดึงแขนเมรี่ "รีบไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!" แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ขยับตัว ก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด! ผู้คนล้มลงไปกองกับพื้นทีละคนๆ ด้วยความหวาดกลัว "มันไม่ใช่อุบัติเหตุ!" เมรี่พึมพำ "นี่มันการโจมตี!" ความโกลาหลที่ควบคุมไม่ได้ ชายฉกรรจ์ในชุดสีดำหลายคนปรากฏตัวขึ้นจากกลุ่มควันที่หนาทึบ พวกเขาไม่ได้ใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า แต่ใบหน้าของพวกเขากลับไร้อารมณ์ราวกับหุ่นยนต์ พวกเขากำลังยิงปืนใส่ผู้คนอย่างไม่เลือกหน้า สร้างความโกลาหลไปทั่วตลาด "พวกมันคือใคร!" เฟรเดอริคคำราม "พวกเขาไม่ใช่ 'ยมทูต' ของ 'กาลเวลา' ค่ะ" เมรี่ตอบ "พวกเขามีวิธีการต่อสู้ที่แตกต่างออกไป" เมรี่พยายามมองหาทางหนี เธอเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่ท่ามกลางกองซากปรักหักพัง พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตไปแล้ว "เราต้องช่วยเด็กคนนั้นค่ะ!" เมรี่ตะโกน เฟรเดอริคพยักหน้า พวกเขาทั้งสองคนวิ่งตรงเข้าไปหาเด็กหญิงคนนั้น โดยมีกระสุนปืนเฉียดผ่านใบหน้าไปอย่างหวุดหวิด "ไม่ต้องกลัวนะ!" เมรี่กล่าวพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา "เราจะพาเธอไปที่ที่ปลอดภัยเอง!" แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะวิ่งหนี ชายฉกรรจ์ในชุดดำคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา เขามีใบหน้าที่ดูน่ากลัว และมือของเขาก็กำลังจะยิงปืนใส่พวกเขา! "หลบ!" เฟรเดอริคตะโกน แล้วพุ่งเข้าผลักเมรี่กับเด็กหญิงให้พ้นจากวิถีกระสุน "ปัง!" เสียงปืนดังขึ้นอย่างรุนแรง กระสุนเฉียดไหล่ของเฟรเดอริคไปอย่างหวุดหวิด "พี่เฟรเดอริค!" เมรี่ร้องด้วยความตกใจ เฟรเดอริคกัดฟันแน่น "ฉันไม่เป็นไร! รีบไปเถอะ!" เมรี่ไม่มีทางเลือก เธอวิ่งหนีไปพร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ตัวสั่นด้วยความกลัวความเงียบเข้าปกคลุมตู้โดยสารรถไฟหลังจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เมรี่, ปู่ทวด, อเล็กซานเดอร์, เฟรเดอริค, เอดิสัน, และเบ็น มองหน้ากันด้วยความงุนงง แสงสีฟ้าที่ดูดกลืนมิสเตอร์คลาร์กและกลุ่ม 'พันธมิตรแห่งเวลา' หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงกลิ่นโอโซนจางๆ ในอากาศ"เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับปู่ทวด?" เฟรเดอริคถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือปู่ทวดลูบเคราสีขาวของเขาอย่างครุ่นคิด "บางที...นี่อาจจะเป็นฝีมือของ 'ผู้ส่งสารจากอนาคต' ที่พูดถึงในวิทยุ""พวกเขาเป็นใครกันคะ?" เมรี่ถาม ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่จุดที่มิสเตอร์คลาร์กหายไป"เรายังไม่รู้แน่ชัด" ปู่ทวดตอบ "แต่ที่แน่ๆ คือพวกเขาไม่ได้อยู่ในมิติเวลาเดียวกับเรา"ท่านหัวหน้าหน่วยสืบสวนลับเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาดูซีดเผือดไม่ต่างจากคนอื่นๆ"ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลยครับ" ท่านหัวหน้ากล่าว "มันเหนือความเข้าใจของมนุษย์""ถึงเวลาที่เราต้องรีบไปเอดินบะระแล้วครับ" ปู่ทวดกล่าว "สมุดบันทึกเล่มนี้อาจจะมีคำตอบทุกอย่าง"รถไฟที่ถูกเคลียร์พื้นที่กลับมาให้บริการอีกครั้งในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พวกเขาทั้งหมดตัดสินใจเดินทางต่อเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง
รถไฟหยุดลงที่สถานีเล็กๆ แห่งหนึ่งกลางชนบทของสกอตแลนด์ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ผู้โดยสารทุกคนถูกอพยพลงจากขบวนรถ เพื่อให้ทีมสืบสวนลับสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ บรรยากาศภายในตู้โดยสารที่เกิดเหตุเต็มไปด้วยความเงียบสงบที่น่าขนลุก มีเพียงเสียงรองเท้าของเจ้าหน้าที่และเสียงกล้องถ่ายรูปเท่านั้นที่ดังก้องไปมาหัวหน้าหน่วยสืบสวนลับ หรือที่เมรี่และทีมเรียกเขาว่า "ท่านหัวหน้า" กำลังยืนคุยกับ นักสืบโธมัส อย่างเคร่งเครียด ดวงตาของเขากวาดมองไปทั่วบริเวณราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง"คุณแน่ใจนะครับว่านี่คือฝีมือของ 'พันธมิตรแห่งเวลา' ?" นักสืบโธมัสถาม"ผมค่อนข้างมั่นใจครับ" ท่านหัวหน้าตอบ "สัญลักษณ์ที่พบในที่เกิดเหตุนั้นเป็นของพวกเขาอย่างแน่นอน"เมรี่เดินเข้าไปหาท่านหัวหน้า "ท่านหัวหน้าคะ พวกเขาฆ่านักโบราณคดีคนนี้ไปเพื่ออะไรกันคะ?"ท่านหัวหน้าหันมามองเมรี่ ใบหน้าของเขาดูจริงจัง "เรายังไม่รู้แน่ชัดครับ แต่ผมเชื่อว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่นักโบราณคดีคนนี้กำลังค้นพบ"ปู่ทวดของเมรี่เดินเข้ามาสมทบ "ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องหาคำตอบกันเองแล้วล่ะ"เมรี่หันไปมองศพของ จอห์น สมิธ อีกครั้ง เธอรู้สึกถึงควา
เบาะแสที่ถูกทิ้งไว้เมรี่เดินเข้าไปใกล้ศพของชายผู้นั้น เธอสังเกตเห็นว่าชายคนนั้นกำมือข้างหนึ่งไว้แน่น เมื่อเธอกางนิ้วมือของเขาออก เธอก็พบกับกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ถูกพับไว้อย่างดี"นี่คืออะไรคะ?" เมรี่พึมพำเธอกางกระดาษออก และพบกับสัญลักษณ์แปลกๆ ที่ถูกวาดด้วยหมึกสีแดงเข้ม มันเป็นสัญลักษณ์ที่ดูคล้ายกับนาฬิกาโบราณ แต่มีเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขโรมัน XII และมีตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัวเขียนอยู่ด้านล่าง: R.E.D."R.E.D. อย่างนั้นหรือ?" เฟรเดอริคพึมพำ "มันหมายความว่าอะไรกันแน่?""มันอาจจะเป็นรหัสลับครับ" เอดิสันกล่าว "หรืออาจจะเป็นชื่อขององค์กรบางอย่าง""หรืออาจจะเป็นเบาะแสที่ผู้ตายทิ้งไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต" เมรี่เสริมทันใดนั้นเอง พนักงานรถไฟก็วิ่งเข้ามาในตู้โดยสารพร้อมกับชายร่างใหญ่สองคนในชุดเครื่องแบบ"เกิดอะไรขึ้นครับ!" พนักงานรถไฟถามด้วยความตกใจ"มีคนตายครับ!" ผู้โดยสารคนหนึ่งตอบ "เขาถูกฆาตกรรม!"พนักงานรถไฟมองไปที่ศพด้วยความตกใจ แล้วเขาก็หันมามองที่เมรี่และทีม"พวกคุณเป็นใครกัน!" พนักงานรถไฟถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด"เราเป็นนักสืบครับ" ปู่ทว
หลังจากที่ปู่ทวดของเมรี่กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง ชีวิตของทุกคนก็พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาย้ายเข้าไปยังบ้านพักลับของปู่ทวดที่ตั้งอยู่ในชนบทอันห่างไกล เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตามล่าจาก 'เงาที่หลงเหลือ' และเตรียมพร้อมรับมือกับ 'สงครามแห่งกาลเวลา' ที่ปู่ทวดกล่าวถึง ภายในบ้านหลังนั้น ปู่ทวดได้เปิดเผยความลับมากมายเกี่ยวกับตระกูลแบล็ควู้ด องค์กร 'กาลเวลา' และบุคคลลึกลับที่ชื่อว่า 'สถาปนิกแห่งหายนะ' รวมถึงวิธีการต่อสู้กับพลังเหนือธรรมชาติบางอย่างที่พวกเขากำลังจะต้องเผชิญ"เราจะต้องไปที่ เอดินบะระ ครับ" ปู่ทวดกล่าวในวันหนึ่ง "มีเบาะแสสำคัญที่นั่น ที่จะนำเราไปสู่ความจริงเกี่ยวกับ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' และ 'สงครามแห่งกาลเวลา' ""เราจะเดินทางอย่างไรครับ?" อเล็กซานเดอร์ถาม"เราจะไปโดยรถไฟ" ปู่ทวดตอบ "มันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้"แม้จะยังคงหวาดระแวงจากเหตุการณ์บนรถไฟครั้งก่อน แต่พวกเขาก็เชื่อใจในการตัดสินใจของปู่ทวด พวกเขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เรียบง่าย เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต และขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าสู่เอดินบะระ เมืองหลวงของสกอตแลนด์ ทันทีที่รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากสถานี ความรู้สึกตื่นเต้นและกังวล
เมรี่วิ่งไปตามตรอกซอกซอยที่แคบและซับซ้อนของลอนดอน โดยมีเสียงปืนและเสียงกรีดร้องของผู้คนดังไล่หลังมาอย่างไม่หยุดหย่อน เธอพยายามหาที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยสำหรับเด็กหญิงในที่สุด เธอก็มาถึงโรงละครเก่าๆ แห่งหนึ่งที่ถูกทิ้งร้าง มันเป็นที่ที่เธอเคยใช้เป็นฐานลับในการสืบสวนคดีต่างๆ ในอดีต"เราปลอดภัยแล้วนะหนู" เมรี่กล่าวพร้อมกับวางเด็กหญิงลง "ไม่ต้องกลัวแล้วนะ"เด็กหญิงยังคงร้องไห้อย่างต่อเนื่อง เมรี่กอดเธอไว้แน่นเพื่อปลอบประโลมในขณะที่เธอกำลังกอดเด็กหญิงอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากด้านหลัง..."น่าประทับใจจริงๆ ที่เจ้ายังจำที่แห่งนี้ได้"เมรี่หันขวับ และพบกับชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยแววตาที่เฉลียวฉลาด และแววตาที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาดใจ"คุณเป็นใครคะ!" เมรี่ถามด้วยความสงสัยชายชราคนนั้นยิ้ม "ข้าคือคนที่เฝ้ารอเจ้ามานานแล้ว"เขาก้าวเข้ามาใกล้เมรี่ แล้วยื่นมือมาสัมผัสที่ใบหน้าของเธอ เมรี่รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าบางอย่างที่ไหลผ่านร่างกายของเธอ"เจ้าคือความหวังสุดท้ายของข้า" ชา
สองสัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่การล่มสลายของ 'กาลเวลา' องค์กรลับที่เคยบงการโลกเบื้องหลังฉาก เมรี่และทีมกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้งในลอนดอน แม้จะมีชื่อเสียงในฐานะวีรบุรุษผู้กอบกู้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเก็บตัวและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ หมอเจเน็ตยังคงดูแลคลินิกใต้ดินของเธอ มิสเตอร์คลาร์กได้กลับไปใช้ชีวิตในฐานะผู้จัดการสำนักพิมพ์ที่ซื่อสัตย์ ส่วนนักสืบโธมัสก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในวงการตำรวจเช้าวันหนึ่งที่สดใส เมรี่กับเฟรเดอริคตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ตลาดนัดคอเวนต์การ์เดน ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน เสียงดนตรีจากนักแสดงข้างถนนดังคลอเคลียกับเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของ บรรยากาศดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา"นี่แหละชีวิตที่แท้จริง!" เฟรเดอริคกล่าวพร้อมกับสูดหายใจลึกๆ "ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวาย ไม่ต้องมีองค์กรลับมาตามล่า"เมรี่ยิ้ม เธอเห็นด้วยกับพี่ชายอย่างเต็มที่ แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าบางอย่าง...ราวกับว่าชีวิตที่ไร้ความตื่นเต้นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอโหยหาอีกต่อไปขณะที่พวกเขากำลังเลือกซื้อดอกไม้อยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงระเ