เข้าสู่ระบบในที่สุดก็ถึงวันเปิดเรียนวันแรก ฉันขอร้องอ้อนวอนสุดชีวิตเพื่อให้เฮียฮ่องเต้มาส่งที่คณะเพราะไม่อย่างนั้นคงได้เดินให้เหนื่อยเพราะฉันไม่มีรถขับพ่อกับแม่ฝากฝังชีวิตฉันไว้กับเฮียเลยนะ คอนโดนี้ก็ไม่ได้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเลยสักนิดเดียว
"ตอนเย็นเฮียว่างมารับไหม"
ฉันหยิบกระเป๋าขึ้นมาแนบอกแล้วถามคนขับแต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
สายตาของเฮียกำลังมองออกไปยังกระจกหน้ารถที่มีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดนักศึกษาแบบเดียวกันกับฉันยืนอยู่กับเพื่อนของเธอ แววตาที่เขามองนั้นทำให้หัวใจของฉันมันบีบตัวแน่นจนจุกแปลกๆ
"เฮีย!"
"หะ...หา! อะไรจะเสียงดังทำไมวะ!" พอโดนเรียกจนตกใจเขาก็ทำท่าทางหงุดหงิดใส่ฉัน แบบนี้บ่งบอกถึงความผิดปกติอย่างแน่นอน ต้องไปสืบสักหน่อยแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับเฮีย
"ก็ชาถามแล้วเฮียไม่ตอบอะ"
"มีอะไร" น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงสายตายังคงมองไปตรงที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นระยะ ฉันจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ก่อนแล้วกันเดี๋ยวไก่ตื่น
"เย็นนี้มารับชาด้วยนะ เลิกห้าโมงเพราะรุ่นพี่นัดรวมรับน้องต่อ"
"หัดหาเพื่อนคบแล้วไปกับเพื่อน เฮียไม่ใช่เบ๊ที่จะมารับใช้เธอได้ทุกเวลา"
"ก็ถ้าเฮียว่างตอนไหนชาก็จะรอมารับก็ได้ ไม่ได้คิดว่าเป็นคนใช้สักหน่อย เราแต่งงานกันแล้วแค่นี้มันยากเย็นนักหรือไง" ทำหน้าที่สามีที่ดีหน่อยก็ไม่ได้
"เรื่องของเธอเถอะ ทีอย่างอื่นล่ะเก่งนัก ลงไปได้แล้วรีบไปเรียน!"
เอะอะก็ขึ้นเสียงใส่ตลอด อย่าให้ถึงที่ฉันต้องขึ้นเสียงบ้างแล้วกันจะเอาให้หัวหด
ฉันลงมาจากรถก็เดินเข้าไปในอาคารเพื่อต่อแถวหน้าลิฟต์รอขึ้นไปยังชั้นเจ็ดของอาคารนี้ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดของคณะบริหาร นักศึกษาส่วนใหญ่จะมาเรียนที่นี่เพราะเป็นอาคารเรียนรวมวิชาพื้นฐานของคณะ ส่วนอาคารของแต่ละสาขาก็จะกระจายอยู่รอบๆ
"ชะนี!!" เสียงของชายใจหญิงคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่เดินอ้อนแอ้นเข้ามาใกล้
"ยัยปาล์มมี่ เบาๆหน่อยสิเขามองกันหมดแล้ว" ใครบอกว่าฉันไม่มีเพื่อนกันล่ะ นี่แหละเพื่อนคนแรกของฉันในมหาวิทยาลัย เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนมาลงทะเบียนและไม่รู้อะไรชักพาให้เราทั้งคู่มาถูกตาต้องใจกันแบบนี้
"ขอโทษค่ะ ปาล์มมี่ดีใจที่เจอเพื่อนหน้าลิฟต์พอดีไม่อยากจะเชื่อว่าจะเจอ" น้ำเสียงและกิริยาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสายตาของปาล์มมี่เหลือบไปเจอรุ่นพี่คนหนึ่งที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรยืนอยู่ข้างฉันพอดี
ก็พอๆกับเฮียแหละ แต่สำหรับฉันแล้วเฮียหล่อที่สุดในจักรวาล
รุ่นพี่ยกยิ้มขึ้นเพียงนิดก่อนจะหันกลับไปด้านหน้า มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงอีกข้างถือหนังสือเพียงหนึ่งเล่ม ใบหน้าของเขาหล่อกระชากใจใครหลายคนได้เลยโดยเฉพาะเพื่อนฉันที่มันยืนขั้นกลางอยู่ตรงนี้
"แกมาเรียนยังไงปาล์มมี่ เลิกเรียนขอกลับด้วยคนสิ"
"ฉันก็เดินมาสิยะพักอยู่หอนักศึกษาชายตึกสิบนี่เองแกจะไปกับฉันไหมล่ะ" ให้ตายเถอะฉันคิดว่ามันอยู่หอนอกซะอีก คิดว่าจะขอติดรถไปด้วยสักหน่อย
"คิดยังไงอยู่หอใน"
"เหตุผลเพียงอย่างเดียวของฉันคือผู้ชายค่ะชะนี ลาภปากฉันเลยนะเดินไปทางไหนก็มีแต่ข้าวหลามหนองมน แกรู้ไหมว่าหอพักชายคือสวรรค์ของกระเทย" ยังปาล์มมีหัวเราะชอบใจจนลืมไปว่าตอนนี้เราอยู่ในลิฟต์แล้ว ไม่พอรุ่นพี่หน้าตาดีคนเมื่อกี้นี้ก็ยืนอยู่กับเราด้วย
แถมตอนนี้เขายังแอบมีรอยยิ้มเพราะคงได้ยินสิ่งที่เราพูดคุยกันอยู่
"งั้นแกมีรถใช้หรือเปล่า" ฉันเปลี่ยนเรื่องเลยดีกว่า ปาล์มมีกำลังทำเราดูแย่ในสายตาคนอื่น นี่มันเพิ่งเป็นการเรียนวันแรกในรั้วมหาวิทยาลัยเลยนะ
"มี มอเตอร์ไซค์นะ ทำไมเหรอ"
"ไปส่งกลับคอนโดหน่อยสิ พอดีฉันไม่มีรถกลับ"
"อยู่คอนโดแต่ไม่มีรถใช้เนี่ยนะยัยใบชา!" ปาล์มมีส่งเสียงดังขึ้นมาประจวบเหมาะกับตอนที่ลิฟต์กำลังเปิดออกพอดี
ติ้ง!
"แกจะเสียงดังทำไมเนี่ย!"
"ก็แกบอกว่าอยู่คอนโด แต่ไม่มีรถใช้" ยัยเพื่อนสาวสองยังคงสงสัยไม่เลิกฉันจึงต้องอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด
"พอดีฉันมาพักอยู่กับ..." พอพูดมาถึงตรงนี้ฉันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคิดถึงคำพูดของเฮียที่ว่าไม่ให้บอกเรื่องของเรากับใครเด็ดขาด "มาพักกับพี่ ก็เลยกลับไม่ได้เพราะพี่ฉันเลิกเรียนค่ำ"
"ออ สบายมากฉันจะไปรับส่งแกเอง"
"ขอบคุณน้า...คนสวย เธอมันสวยที่สุดในสาขา" ว่าแล้วก็เอาหน้าไปซบกับอฝแขนของปาล์มมีอย่างออดอ้อน ทำไมใจดีอย่างนี้เนี่ยแม่พระมาโปรด
"อย่ามาอ้อน ฉันขนลุก!" ปาล์มมีสะบัดตูดเดินหนีฉันเข้าไปในห้องเรียนที่ตอนนี้มีเพื่อนร่วมสาขาเดียวกันอยู่เต็มห้อง บางคนก็รู้สึกคุ้นตาอยู่แล้วเพราะสองสามวันมานี้รุ่นพี่นัดพวกเรามาทำความรู้จักและทำกิจกรรมร่วมกัน
จนกระทั่งสายตาของฉันไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่กับเพื่อนอีกคนกลางห้อง ใบหน้านั้นฉันจำได้เป็นอย่างดีว่าคือผู้หญิงคนที่เฮียมองตาค้าง
และมันไม่ใช่แค่มองแบบธรรมดา มันมีอะไรซ่อนอยู่ในแววตาของเฮียด้วย
"คนนั้นยัยเพลง ชอบทำตัวเด่นนะฉันว่า" ปาล์มมีสะกิดฉันที่เผลอมองยัยนั่นนานไปหน่อยเพิ่งจะรู้ตัวตอนเพื่อนพูดคำนั้นออกมา "แกก็คิดเหมือนฉันสินะชะนี"
"เขาเด่นอยู่แล้วหรือเปล่า" เราสองคนหมุนตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้องเพราะมาสายกว่าเพื่อนเลยเหลือแค่แถวหน้าสุดให้นั่งเท่านั้น
"ในฐานะที่ฉันมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายอยู่ในร่างเดียวกัน ฉันมองออกว่ายัยนั่นน่ะไม่ได้สวยไปกว่าคนอื่นหรอกแค่ทำตัวเหมือนตัวเองสวยน่ะ"อันที่จริงฉันไม่ได้สนใจหรอกว่าผู้หญิงคนนั้นจะสวยหรือไม่สวย ตอนนี้อยากรู้แค่ว่าเฮียคิดยังไงกับผู้หญิงคนนี้
"อย่าไปว่าเขา"
"จะไม่ว่าได้ไง มันว่าฉันก่อน" ปาล์มมี่หันไปมองเพื่อนสาขาที่ชื่อเพลงคนนั้นพอยัยนั่นมองกลับนางก็สะบัดหน้าหันกลับมาทันทีเหมือนเป็นการเปิดสงคราม "ตอนมาลงทะเบียนเรียนฉันแอบได้ยินมันคุยกับเพื่อนว่าไม่ชอบกระเทย บลาๆ แต่สาขานี้ดันมีกระเทยถึงสี่คน"
"พูดแบบนั้นเลยเหรอ" ทำไมต้องไม่ชอบด้วยล่ะไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็เป็นคนเหมือนกันหมด
"ใช่ นางแค่ทำตัวเหมือนนางเอกแต่จิตใจโคตรสกปรก"
ฉันเข้าใจควารู้ของปาล์มมี่เลยคงกวนใจมากที่ได้ยินแบบนั้น ถ้าเป็นฉันก็คงจะญาติดีกับยับเพลงนั่นไม่ได้หรอก
"ปาล์มมี่" แล้วเสียงหวานๆของใครสักคนก็ดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเรา พอหันไปมองถึงรู้ว่าเป็นเพลงกำลังยืนยิ้มหวานให้พวกเราอยู่ "มีอะไรกับเราหรือเปล่า พอดีเห็นเธอทำเหมือนไม่พอใจอะไรเราอยู่เลย"
"..." ปาล์มมี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง "ไม่มีอะไรนี่เพลง เราซื้อหมอนมาให้เลยโดนหมอนกัดคอน่ะ ลองสะบัดหน้าแรงๆดูไม่เกี่ยวกับเธอเลย ทำไมถึงคิดแบบนั้น ฉันงง"
นี่ฉันดูละครเวทีอยู่หรือเปล่าเนี่ย ปาล์มมี่แสดงเก่งมากแต่ยัยเพลงนั่นก็ไม่แพ้เลย
"อ้าวเหรอ ขอโทษนะที่เข้าใจผิด ฉันกลัวจะไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจน่ะ"
"ไม่เลยจะเพลง เธอเข้าใจผิดแล้ว" ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าหน้ากากใครหนากว่ากันแต่ฉันที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ยังไงก็ดูออกว่าปลอมทั้งคู่ เห็นรอยยิ้มของปาล์มมี่ตอนนี้บอกเลยว่าขนลุก จนกระทั่งเพลงกลับไปนั่งที่ตัวเองเพื่อนถึงได้พูดออกมาอย่างหงุดหงิด "นังตอแหล"
"ไงมึง วางแผนกันดิบดีสุดท้ายก็แพ้เมีย" เสียงของพี่ฮ้องเต้ดังขึ้น น้ำเสียงปนหัวเราะของเขาบ่งบอกว่ากำลังเยาะเย้ยพี่ทศกัณฑ์อยู่ตอนนี้ฉันยืนแอบอยู่ตรงมุมตึกซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไม่กี่เมตร ทำให้ได้ยินบทสนทนาชัดเจน"…" พี่ทศกัณฑ์เงียบกริบไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นแบบนี้มั้ยอาจจะคุยโม้ก็ได้ใครจะไปรู้"มึงมันไม่ได้เรื่อง เป็นพี่ว้ากจนน้องปีหนึ่งปีสองกลัวแต่มาแพ้ให้เด็กอักษรคนเดียว เหอะ" พี่คิวพูดออกมาเหมือนเสียอารมณ์เพราะเป็นคนคิดแผนทั้งที"มึงก็รอรับชะตากรรมแบบกูได้เลย" พี่ทศกัณฑ์พูดเสียงเบาหวิว จนฉันแอบสงสารจับใจ"กูไม่มีทางกลัวเมียแบบมึงแน่นอน ผู้หญิงก็แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด""มึงไม่กลัวเตยเลยเหรอ" พี่ทศกัณฐ์ถามซ้ำ"กลัวทำไม ยัยนั่นดิต้องกลัวฉันขาดฉันไปซักคนเตยคงอยู่ไม่ได้ ร้องไห้แงๆ"โอ้อวดนักนะ เดี๋ยวโดนดีแน่พี่คิว!"พี่ทศกัณฑ์!" ฉันเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วเรียกพี่ทศกัณฑ์เสียงดัง จนพี่ๆ หันมามองกันพรึบ ส่วนพี่นธีขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายทั้งคนอ่านออกแน่ๆ"ยะ…ญานิน มาได้ไง" เก่งมากคุณแฟน เสียงสั่นแบบไม่ต้องซ้อมมา"เดินมาค่ะ""น้องญาน
"…" เงียบอยู่นั่นแหละไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่มั้ย หรือว่าเขาไม่อยากคบฉันแล้ว แววตาของเขาที่มองเหมือนกำลังลังเลบางอย่างอยู่เลย"นินทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมพี่ไม่บอกถ้านินผิดก็พร้อมจะแก้ไข แต่พี่ทศกัณฑ์ไม่ให้โอกาสนินได้รับรู้เลย อึก...อยู่ๆ ก็ไม่เห็นค่ากันแบบนี้""ญานิน…" เขาเรียกชื่อฉันเบาๆ ขณะที่ฉันเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้"พี่เบื่อนินแล้วใช่มั้ย พี่ทศกัณฐ์ไม่รักนินแล้วใช่มั้ย...ฮึก""ไม่ใช่" เขาตอบแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือฉันพร้อมกับถอนหายใจเขาดันตัวฉันลงกับเตียงอีกรอบ ใช้นิ้วเรียวยาวลูบปัดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน"ที่จริงแล้วแค่อยากจะทดสอบ แต่ตอนนี้พี่คงแพ้อีกแล้ว" เขาพูดแล้วจ้องตาฉันนิ่ง"หมายความว่ายังไง" คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วชนกัน"…" เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนกำลังลำบากใจที่จะพูด "เพราะคิดว่าช่วงนี้เราชอบเอาแต่ใจ ก็เลยอยากดัดนิสัยนิดหน่อย จะได้หันมาง้อพี่บ้างไม่ใช่ตัวเองถูกทุกอย่าง" เขาอธิบายแบบเหนี่ยมอายนิดหน่อยนี่มันอะไรกันเนี่ย…"อย่าบอกว่าที่แกล้งยุ่งกับงานก็เพราะอยากลองดูการกระทำของนินด้วย""…" พยักหน้าเป็นคำตอบ"แล้
Tossakan talk"ไอ้เชี่ยมึงใจเย็น นิ่งไว้ๆ""ฮ่าๆ มึงท่องไว้พุทธโธๆ เดี๋ยวแม่งเสียแผนหมด"เสียงของไอ้เต้กับไอ้คิวที่เกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็น ทั้งที่ภาพตรงหน้าคือผู้ชายกำลังเกาะแกะแฟนผมอยู่แล้วพวกมันก็มาฉุดรั้งตัวผมที่แทบจะพุ่งตัวไปหาญานิน ขณะที่ไอ้นธีเอาแต่นั่งยิ้มน้อยๆ มองผมเหมือนดูหนังตลกตลกเชี่ยไรเดี๋ยวเมียมันเจอมั่งจะรู้สึก"ถ้ามึงเข้าไปตอนนี้น้องมันรู้แน่ว่ามึงไม่ได้ยุ่งกับโปรเจ็ค แต่มาตามดูน้องมันอะ" ไอ้คิวบอกแต่กลับยิ้มขำ "แล้วที่มึงทำมาทั้งหมดน้องก็จะคิดว่ามึงโกหก""เออ มึงต้องนั่งดูอย่างใจเย็น"ใจเย็นอะไรของมันวะ ตอนนี้เหมือนกองไฟในอกผมมันกำลังจะปะทุออกมาอยู่แล้ว"มึงจะทำเสียแผนนะเว่ย จากที่จะดัดนิสัยน้องกลายเป็นน้องได้ดัดนิสัยมึงแทน"'แผน' ที่ว่านั้นมันเริ่มจากปัญหาของผมนี่แหละเรื่องมันมีอยู่ว่าอาทิตย์ก่อนเราทะเลาะกันเรื่องญานินลืมมือถือไว้ในห้องก่อนออกไปเรียน โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย เราเลยทะเลาะกันใหญ่โตแต่สุดท้ายผมก็เป็นคนง้อญานินเพราะเรื่องมันมักจะจบแบบเดิมคือน้องมันถูกเสมอไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คนที่เป็นฝ่ายผิดสุดท้ายแล้วต้องเป็นผมเพราะญานินจะไม่ยอมง้อผมเลย
หลายเดือนต่อมาหลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดตอนนั้นจบลง ชีวิตของฉันก็กลับมาสงบสุขและคบกับพี่ทศกัณฐ์อย่างแฮปปี้ใช่ซะที่ไหนกัน!การคบกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาและทุกครั้งที่ทะเลาะกันนั้นพี่ทศกัณฐ์มักจะเป็นฝ่ายยอมฉันเสมอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะพี่ทศกัณฐ์รักฉันมากๆ ยังไงล่ะ!"เป็นอะไรหน้าบูดเป็นตูดหมามาเลย" เสียงของนิเนยทักขึ้นตอนที่ฉันกำลังเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆ พอใบเฟิร์นได้ยินคำพูดของนิเนยก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสนใจตอนนี้เราอยู่ปีสองกันแล้วนะ เป็นรุ่นพี่แล้วและช่วงนี้ก็เป็นช่วงรับน้องทำให้ค่อนข้างเหนื่อยกับการจัดเตรียมกิจกรรมให้น้องๆ ทำส่วนพี่ทศกัณฐ์ก็อยู่ปีสี่แล้วเขาก็วุ่นวายกับการทำโปรเจ็คหลังจากที่เพิ่งฝึกงานสามเดือนจบแล้วก็เหลือเวลาอีกแค่เทอมกว่าในรั้วมหาวิทยาลัยทำให้ช่วงนี้เราแทบจะไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดกัน"ไม่มีอะไร" ฉันตอบนิเนยแล้วหยิบเอกสารสำหรับวิชานี้ขึ้นมาเตรียมไว้บนโต๊ะเลคเชอร์"ทะเลาะกับพี่ยักษ์เหรอ" นิเนยถามแล้วกอดอกมองฉัน"..." พยักหน้าเป็นคำตอบ"เรื่อง?""เมื่อวานฉันเข้าคอนโดก่อน เพราะเขาบอกว่าจะเลิกดึก พอถามว่าจะให้ไปนั่งทำงานด้วยมั้ยก็
เช้าวันต่อมา"ได้เรื่องมั้ยครับ"เสียงของพี่ทศกัณฐ์ดังขึ้นจากปลายเตียงเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนฉันจึงค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมอง"มีหลักฐานครบแล้วใช่มั้ย""ดีเลย งั้นรบกวนคุณลุงจัดการให้ผมหน่อย""น้องดีขึ้นแล้วครับ ตรวจแล้วไม่เป็นอะไร มีรอยช้ำที่โดนตีนั่นแหละ...ผมรู้แล้วน่า ว่าที่หลานสะใภ้ลุงทั้งคนจะไม่ดูแลได้ไง"นี่กำลังพูดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย แอบฟังเองก็เขินเองแล้วนะ"ครับ ขอบคุณครับ รอชมผลงานนะแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทางนี้เอง" แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็กดวางสายก่อนจะหันมามองทางฉันที่แกล้งขยับเปือกตาขึ้นมาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน "เช้าอยู่เลยรีบตื่นทำไม""นินปวดหัวค่ะ" ฉันตอบแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง "เหมือนจะเป็นไข้""..." พี่ทศกัณฐ์ลุกขึ้นจากปลายเตียงขยับมานั่งขอบเตียงข้างฉันแล้วเอาหลังมือมาอังหน้าผากไว้ "นอนพักก่อนเดี๋ยวกินข้าวกินยา""ค่ะ" ฉันพยักหน้าทำตามคำสั่งแล้วเขาก็หายออกไปจากห้องตอนนั้นทันทีไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้ม ยาและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว แกล้งป่วยซักเดือนดีมั้ยเนี่ยมีบุรุษพยาบาลส่วนตัวซะด้วย"เมื่อกี้คุยกับใครเหรอ" ฉันเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยเพราะนอนคิดคนเดียวก็คงไม่รู้คำตอ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ฉันตรวจ ใส่เฝือกอ่อนที่เท้าและรับยาเสร็จก็มาแจ้งความที่สถานีตำรวจกับพี่เนย์ต่อ มีรุ่นพี่ปีสองและพวกนิเนยอยู่เป็นเพื่อนรอให้พี่ทศกัณฑ์และพี่นธีมารับ"เป็นไงบ้าง" พี่นธีถามทันทีที่มาถึงส่วนพี่ทศกัณฑ์กำลังเดินเข้ามาท่าทางเงียบครึมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่"ให้รายละเอียดกับตำรวจไว้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องมาอีก""เอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะเว้ย ต้องไม่ยอมมันรอบนี้ต้องเอาให้มันจมดิน!" ใบเฟิร์นพูดและกำหมัดแน่นหมับ!อยู่ๆ ร่างของฉันถูกดึงไปกอดไว้ในอ้อมแขนขณะที่เจ้าของการกระทำนั้นไม่พูดอะไรเลยซักคำ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนและรุ่นพี่รวมไปถึง...พี่เนย์ยังดีที่ตอนนี้นิเนยมันเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนแล้วไม่อย่างนั้นคงดูตลกน่าดูหนุ่มวิศวะกอดกับหญิงสาวในชุดโบราณ"กลับเลยมั้ย" พี่ทศกัณฑ์ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระซะทีเดียวเขายังโอบฉันไว้อย่างหลวมๆ"ค่ะ อยากอาบน้ำพักผ่อนแล้ว" ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปขอบคุณพี่ๆพี่ทศกัณฐ์อุ้มฉันขึ้นออกมาจากตรงนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลยไม่รู้ว่าทำไม พอมานั่งในรถเขาก็ติดเครื่องแต่ก็ไม่ยอมขับออกไป สายตาของเขาหันไปมองพี่เนย์ที่กำ







