“อีป้าหน้าจืดเนี่ยนะ เมียคุณเจย์เดน มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ แค่เห็นหน้าก็อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก มีดีตรงไหนวะ เฉิ่มชะมัด” “ใช่ ห้อยหลวงปู่มั่นเต็มคอก็ไม่ช่วยให้เขาชายตาแลหรอก อย่างดีก็เป็นแค่ขี้ฝุ่นในเล็บตีนเขาเท่านั้นแหละ” เรื่องของนริศราถูกเม้าท์มอยกันให้แซดในหมู่พีอาร์ ต่างใส่สีตีข่าวต่างๆ นาๆ จนกลายเป็นว่านริศราเป็นฝ่ายถูกยำเละไม่มีชิ้นดี “เออ ไม่มีใครสวยเท่าแม่มึงแล้วค่ะ” นริศราจีบปากจีบคอด่าพลางกลอกตามองบนใส่พีอาร์สาวสวยสองคนที่นินทาเธอระยะเผาขนอย่างหาได้แคร์ไม่ พวกมันกล้าด่าเธอขนาดนี้ มีหรือจะก้มหน้าก้มตายอมโดนด่าฟรี ถึงเธอจะเฉิ่มเชยเหมือนป้าอย่างที่โดนว่าก็ตาม แต่เธอก็เป็นคนเหมือนกัน แรงมาก็แรงกลับ ปาก้อนหินมาเธอก็จะปาขี้หมากลับเหมือนกัน! “มันด่ากลับว่ะลิลลี่ มึงเข้าไปจัดการมันเลยสิ” นีน่า พีอาร์สาวพยายามดันเพื่อนสาวตัวเองเข้าไปหาพนักงานสาวในร้านมินิมาร์ทที่พวกเธอข้ามถนนกันมาดูให้เห็นกับตาตัวเองว่าผู้หญิงที่ถูกพูดถึงว่าเป็นเมียของเจย์เดนเป็นอย่างไร แล้วก็อย่างที่เห็น หลายคนดูถูกเธอสารพัด แอบนินทาและพากันหัวเราะเยาะจนเธอทนไม่ไหว เลยต้องตอกกลับไปบ้างอย่างเหลืออด “ทำไมแมลงหวี่พ
“เป็นอะไรวะ นุ่มนิ่ม เห็นดูเหม่อๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว มึงมีอะไรในใจหรือเปล่าวะ ถ้ายังมัวแต่คิดเรื่องเมื่อวานที่โดนอีสองตัวมันมาป่วนอยู่อ่ะ มึงเลิกคิดได้แล้ว ไปให้ค่ากับพวกมันทำไม พวกประสาทแดกอย่างนั้น” จิราภาว่าพลางเบ้ปากมองบน คิดถึงพฤติกรรมแย่ๆ ของแพรวาและนพเมื่อวานแล้วก็ยังเจ็บใจไม่หาย เสียดายเมื่อวานนี้น่าจะด่าพวกมันไปเยอะๆ เอาให้สะใจมากกว่านี้“เจน”“ฮะ ว่าไง” จิราเงยหน้าขึ้นจากเครื่องทำกาแฟ มองเพื่อนที่ตาลอยไม่มีชีวิตชีวา“กูแม่งทุเรศขนาดนั้นเลยเหรอวะ” หลังจากเกิดเรื่องที่กระทบจิตใจทั้งตอนบ่ายและเมื่อคืนที่ผ่านมา เธอก็นอนคิดไปคิดมาทั้งคืนจนนอนไม่หลับ คำพูดของคนเหล่านั้นต่างหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับฝันร้ายที่ไม่สามารถสลัดออกไปได้“ทุรงทุเรศอะไร เฮ๊ย นี่มึงเก็บคำพูดของอีสองคนนั้นไปคิดเหรอ กูบอกแล้วไงว่าอย่าไปให้ค่าพวกมัน…” จิราภายังพูดไม่จบก็โดนเพื่อนสวนทันที“ก็มันไม่ได้มีแค่สองคนนั้นน่ะสิ” “เอ๊ะ…”“ใช่ กูโดนคนอื่นบูลลี่ ว่าไม่สวย ขี้เหร่ เป็นอีป้าหน้าจืด เมื่อก่อนกูก็อยู่ของฉันดีๆ แต่ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้มีแต่คนมายุ่งกับกู มาดูถูก บูลลี่สารพัด กูก็เลย…แค่เสียใจ”“ใครมันมาบูลลี่มึงอ
“ผมก็ทำแล้ว ตาก็ทำแล้ว ผิวหน้าก็ทำแล้ว ทำอะไรอีกดีน๊า…” เมื่อเช้าซินดี้พาเธอไปทำเลสิคมา ในที่สุดก็ยอมทำแม้จะแพงแต่ก็เพื่อความสวยเต็มรูปแบบ“ไม่รู้สิ” นริศราตอบซื่อๆ“เธออยากทำอะไรกับหน้าตัวเองหรือเปล่านุ่มนิ่ม ฉันแนะนำได้นะ ฉันก็ไม่รู้ว่าเธออยากทำไหม”นริศราส่ายหัว เรื่องความสวยความงามน่ะเธอไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง แค่ซินดี้พาเข้าคลินิกความงามเมื่อวานก็ถือว่าเปิดประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว ไม่รู้หมอเอาอะไรมาฉีดหน้า เห็นเขาบอกว่าเป็นวิตามิน แต่เธอก็รู้สึกเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ หน้ามันดูใสและตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังรู้สึกว่าที่ผ่านมาใช้ครีมบำรุงนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเท่ากับเข้าคลินิกเพียงแค่ครั้งเดียวเลย“อยากฉีดฟิลเลอร์ไหม อย่างที่พวกสาวๆ เขาชอบฉีดที่ปากกัน มันจะได้อวบอิ่มขึ้น แต่เธอก็ปากสวยอยู่แล้ว อวบอิ่มแล้วก็แดงเป็นธรรมชาติดี” เดิมทีแล้วนริศราเป็นคนผิวขาว ปากก็เลยแดงเป็นธรรมชาติอีกทั้งยังอวบอิ่มแบบที่ไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์“เธอเห็นว่าอะไรดีฉันก็ว่าตามแหละ แนะนำฉันหน่อย ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเท่าเธอหรอก”“อืม…ฉันว่าโดยรวมหน้าเธอสวยมากแล้ว แค่ฝึกแต่งหน้าบ่อยๆ ก็พอแล้วล่ะ มานี่ ฉันจะพาเ
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ร้านยังไม่เปิดนะคะ อีกประมาณสิบห้านาทีร้านจะเปิด ลูกค้าเข้าไปนั่งรอในร้านก่อนได้เลยค่ะ” จิราภากล่าวต้อนรับหญิงสาวสวยผู้มาใหม่โดยที่เพียงแค่เหลือบมองด้วยหางตาเท่านั้นทำเอาคนที่ไม่ได้เป็นลูกค้ายิ้มแก้มปรินริศราเดินไปที่หน้าเคาเตอร์ที่จิราภากำลังเช็ดทำความสะอาดอยู่พลางจ้องเพื่อนสาวอยู่อย่างนั้นจนจิราภารู้สึกแปลกใจเงยหน้าขึ้นมามองตรงๆ“เอ๊ะ…เฮ๊ย นุ่มนิ่ม! นี่มึงเองเหรอ อุ๊บ๊ะ ทำไมสวยอย่างนี้” จิราภาเอื้อมมือไปแตะใบหน้าสวยหวานที่เปลี่ยนแปลงไปจนแทบจำไม่ได้ของเพื่อนสาว ดวงตาลุกวาวเป็นประกายอย่างตื่นเต้นและแปลกใจ “ใช่ กูเองนี่แหละ นุ่มนิ่มคนดีคนเดิมแต่เพิ่มเติมสวยขึ้นเป็นกอง มึงว่ากูสวยขึ้นพอจะเอาไปตบหน้าอีนพกับแพรวได้หรือยัง”“ได้แล้ว ยิ่งกว่าเอาไปตบหน้าพวกมันอีก กูว่าตอนนี้มึงสวยกว่าพริตตี้พีอาร์อะไรพวกนั้นอีกนะ นี่มึงไปทำอะไรมาเนี่ย ทำไมหายไปแค่สองวันแต่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ดูสิ ผมก็ไม่ฟูแล้ว แว่นหนาๆ ก็ไม่มี” ว่าพลางแตะใบหน้าสวยๆ ของเพื่อนพลางเบี่ยงดูข้างซ้ายทีข้างขวาทีอย่างชื่นชมขนาดแต่งหน้ายังไม่เป็นนะเนี่ย ก็เลยแค่แต่งๆ เติมๆ นิดหน่อยแบบเพลย์เซฟเพราะกลัวโป๊ะ แต่มั
‘ก็ได้ค่ะ ฉันจะลองดู’ นี่คือคำตอบของเธอที่ได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่เขาจะปล่อยให้เธอได้ทำงานของตัวเองไปแล้วตัวเองก็กลับมาพักผ่อนที่เพ้นท์เฮาส์คิดถึงใบหน้าสวยหวานของเธอทีไรเขาก็มักจะเผลอยิ้มออกมาทุกครั้ง ท่าจะเป็นเอามาก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นเธออีกครั้งในแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมหัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่หยุด ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงหัวใจก็เต้นแรงเป็นบ้านี่กูต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ขนาดรักแรกหัวใจยังไม่เต้นแรงขนาดนี้เลย นี่แก่จนเกือบจะเลยวัยมีลูกมีเมียแล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ (เกินไป พระเอกมึงอายุแค่สามสิบห้าปีเองนะ)เพิ่งจะเจอเธอไปไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ให้ตาย คิดถึงอีกแล้ว สมองเฝ้าวนเวียนคิดถึงแต่ใบหน้าสวยๆ เรือนร่างสะโอดสะองสมส่วนนั้น พลันย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องระหว่างเขาและเธอในห้องสูทโรงแรมคืนนั้นโอ้วว กูเมื่อยมืออีกแล้ว…ณ ร้านสะดวกซื้อ Diamond Mart เจ๊แมนถึงกับตกใจแทบหงายหลังตกจากเก้าอี้เมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาดีคนที่เข้ามาถึงก็ทำโน่นทำนี่เข้านอกออกในภายในร้านจนเขาเกือบคิดว่าเธอเป็นขโมยเสียแล้ว ใครจะไปคิดล่ะว่าลูกจ้างสุดเฉิ่มที่ได้ฉายาว่ายัยป้าหน้าจืดจะเปลี่ยนแปลงไปมากขน
“พ่อ! ลุกขึ้นไปนอนในบ้าน มานอนอะไรอยู่หน้าบ้านอย่างนี้ ไม่หนาวหรือยังไง เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” นริศราก้มลงไปเขย่าร่างของชายวัยกลางคนที่นอนกำคอขวดเหล้าไว้แน่นราวกับไม่สนว่าตัวเองจะเป็นยังไงแต่ขอให้มีเหล้าข้างกายอยู่อย่างนี้ตลอดไป“โอยๆ…เอื้อก…” คำรณบิดขี้เกียจพลางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนที่กำลังเขย่าแขนตัวเองอยู่ “ใครวะ…เธอเป็นใครเข้ามาในบ้านของฉันได้ยังไง” พูดพลางหรี่ตามองคนตรงหน้า“เอ้า เมาจนจำลูกจำเต้าไม่ได้แล้วเหรอเนี่ย”“เธอเป็นใคร” คนพูดยังคงย้ำคำเดิมที่ไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครมาจากไหนและเข้ามาเขย่าตัวเขาเหมือนสนิทสนมอะไรกันถึงขนาดนี้ได้อย่างไร“ก็นุ่มนิ่มไง นุ่มนิ่มลูกสาวพ่ออ่ะ เป็นเอามากนะพ่อ เพลาๆ ลงบ้างนะเรื่องเหล้าน่ะ ยังไม่แก่เลยนะลืมลูกแล้วเนี่ย” หญิงสาวพูดหยอกเอินผู้เป็นพ่ออย่างที่ชอบอำกันเล่นอยู่เป็นประจำ“นุ่มนิ่ม?”“ใช่ นุ่มนิ่มเอง อ๋อ หนูสวยขึ้นใช่ไหมล่ะ” เวรกรรม! นี่เธอลืมไปว่าตัวเองไปแปลงโฉมมาใหม่แล้วยังไม่ได้เข้ามาบ้านสอง-สามวันแล้ว คนอื่นยังจำไม่ได้ แล้วมีหรือที่พ่อที่เมาเหล้าเป็นประจำจะจำได้ “หนูเองจริงๆ อ้าว ไม่เชื่อๆ อะดี๊” “แกไปทำอะไรมาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้” ด้
หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วเจย์เดนก็พานริศราไปเดินเที่ยวที่ย่านการค้าแห่งหนึ่ง เขาถามความเห็นว่าเธออยากไปทำอะไรทว่าเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรดีเพราะเธอไม่เคยมาเดทอย่างนี้ เธอไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการมาออกเดทระหว่างหนุ่มสาวหรอกนะ เพราะไม่เคยมีแฟน! อีกทั้งชีวิตก็เอาแต่วนลูปอยู่กับอะไรเดิมๆ ทำงานแทบทุกวันตั้งแต่เช้ายันดึกดื่นเที่ยงคืน นอกจากที่ทำงานก็ไม่รู้หรอกว่าจะไปที่ไหน ขนาดดูหนังเธอยังลืมไปแล้วว่าดูครั้งสุดท้ายเมื่อไร คงจะหลายปีมาแล้วตั้งแต่สมัยเรียนโน่นแหละมั้ง“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะดีกว่า” เธอให้คำตอบในที่สุดหลังจากที่เขารอคำตอบอยู่นานสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับวัดที่มีแม่น้ำด้านหลัง ผู้คนมาให้อาหารปลาและมาทำบุญปล่อยนกปล่อยปลากัน หลายปีมาแล้วที่เธอไม่ได้มาที่นี่ แต่อยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเคยมาเที่ยวกับพ่อแม่และน้องตอนสมัยที่ยังเป็นเด็ก ตอนนั้น แม้จะยังคงเด็กมาก ยังไม่ถึงสิบขวบเลยด้วยซ้ำแต่เธอจำได้ว่ามีความสุขมาก เพราะนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่พ่อพามาเที่ยวกันพร้อมหน้าพร้อมตากับแม่และน้อง เพราะหลังจากนั้นแม่ของเธอก็เสียและน้องชายก็เริ่มเผยความเป็
ในที่สุดก็จบที่โรงพยาบาล อวสานความตั้งใจที่อยากจะงาบเธอในคืนนี้ ทำไมมันถึงได้ซวยขนาดนี้วะ อยากจัดการเธอแต่กลับโดนส้มตำปูปลาร้าจัดการเสียนี่“คุณเจย์เดน เป็นยังไงบ้างคะ” นริศรารีบเดินเข้ามาหาเขาทันทีที่ออกมาจากห้องพบแพทย์ รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้คนตัวสูงแพ้อาหารจนผื่นขึ้นแดงเต็มหน้าเต็มตัวอย่างนี้“ไม่เป็นอะไรแล้วแหละ” ถึงจะยังไม่เป็นอะไรก็เถอะ แต่เมื่อสักครู่ที่พบหมอ หมอบอกว่าถ้ากินเข้าไปเยอะกว่านี้ก็มีสิทธิ์ที่จะอาการหนักถึงขั้นอาเจียน หมดสติได้ “หมอฉีดยาแล้วก็จ่ายยาแก้แพ้ให้แล้ว ตอนนี้ก็แค่รอให้ผื่นแดงมันค่อยๆ ยุบหายไป”“ฉันก็ตกใจแทบแย่ ไม่คิดว่าคุณจะแพ้ส้มตำ”“ไม่ได้แพ้ส้มตำหรอก หมอบอกว่าแพ้ปลาร้า”“แพ้ปลาร้า!” นริศราว่าพลางตกใจก่อนที่จะอมยิ้มและแอบหัวเราะ“หัวเราะอะไร” “ก็หัวเราะคนแพ้ปลาร้าน่ะสิ คนอะไรเนี่ย” จะบอกให้ว่าปลาร้าน่ะเป็นของเด็ดที่สุดแล้ว ทำไมแต้มบุญของเขาถึงได้น้อยอย่างนี้นะ“น่าแปลกตรงไหน” เขาเอ่ยเซ็งๆ ไม่ได้เซ็งที่รู้ตัวว่าแพ้ปลาร้าหรอกนะ แต่เซ็งเพราะคืนนี้อดแอ้มเธอต่างหาก“ฉันขอโทษนะคะ ที่เป็นต้นเหตุให้คุณเป็นแบบนี้” เธอแก้ตัวด้วยการขอโทษอย่างรู้สึกผิดจริงๆ ใบหน้
“นอนพักต่ออีกหน่อยไหม” เจย์เดนถามหลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารที่สั่งพนักงานโรงแรมเอาขึ้นมาส่งให้ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว ทั้งเธอและเขาต่างก็สวมชุดคลุมอาบน้ำของทางโรงแรมด้วยสภาพที่โทรมสุดๆ เพราะตั้งแต่ตื่นเมื่อวานก็จัดกันไม่หยุด ยังไม่ได้ออกไปเดินชมบรรยากาศภายนอกเลยด้วยซ้ำ“ไม่เอาแล้ว อยู่แต่ในนี้ทั้งวันทั้งคืน อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง”“งั้นก็ไปอาบน้ำสิ” “อื้ม…” นริศราตอบรับอย่างเขินอายเมื่อเขาดึงเธอเข้าไปใกล้แล้วจรดริมฝีปากลงที่หน้าผากมน มิหนำซ้ำยังกระซิบข้างหู“อาบด้วยกันอีกรอบไหมล่ะ…” น้ำเสียงแหบพร่าเซ็กซี่ทำเอาคนฟังขนลุกซู่เธอผลักเขาออกเบาๆ “ไม่เอา เดี๋ยวก็กินเวลาไปอีก ฉันเหนื่อยแล้ว” รู้น่าว่าคนอย่างเขาคิดอะไรอยู่ กินดุ กินเก่ง แล้วก็อึดชะมัดยาด…ทั้งสองคนอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย เจย์เดนสวมกางเกงขาสั้นแบรนด์เนมเสื้อฮาวายสีน้ำเงิน-ขาวและสวมแว่นตาดำหรูแบบที่ชอบใส่ ส่วนนริศราออกมาในชุดคลุมตาข่ายสีดำทว่าสามารถมองทะลุเข้าไปเห็นบิกินี่สีดำเช่นเดียวกัน เจย์เดนมองเธอด้วยสายตาหวานเชื่อม ไม่คิดว่าเธอจะกล้าสวมใส่ มันเย้ายวนหัวใจเขามากจนไม่อยากพาเธอออกไปเดินเล่นเลย อยากจัดเธอซ้ำ
“คุณไม่เห็นบอกฉันก่อนเลยว่าคุณจะพาฉันไปที่ภูเก็ตด้วย” เธอถามพลางเอาใบหน้าเกยไหล่หนาระหว่างที่นั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวมุ่งหน้าไปที่ภูเก็ตเขาคิดว่าเป็นเจ้าของชีวิตของเธอหรือไง ทำอะไรก็ไม่ปรึกษา พาเธอมาที่นี่ทั้งที่ยังไม่ได้ลางานเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่คาเฟ่และมินิมาร์ท กลับไปได้โดนไล่ออกกันพอดี“ก็ถ้าชวนดีๆ ก็คงไม่มาด้วยไง ฉันรู้เดี๋ยวเธอก็อ้างโน่นอ้างนี่”“แล้วก็มัดมือชกกันมาเนี่ยนะ” มิน่าล่ะ ทำไมวันนี้ถึงพาไปช็อปปิ้งเสียเยอะแยะขนาดนั้น ชุดว่ายน้ำด้วยอีกต่างหาก ที่แท้ก็จะพามาภูเก็ตนี่เอง“ใช่ แล้วก็ไม่ต้องกลัวนะเรื่องที่ทำงาน”“ทำไม” “ระหว่างที่เธอไปภูเก็ตกับฉัน ฉันให้คนไปทำงานแทนเธอแล้ว ฉะนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าที่ทำงานของเธอจะขาดคน” เห็นไหม ทำอะไรก็ไม่เคยบอก คิดเองเออเองทั้งนั้นแต่ก็เอาน่า ถือซะว่าได้มาเที่ยวอย่างไม่ต้องห่วงอะไรหารู้ไม่ว่า ที่เจย์เดนหาคนไปทำงานแทนเธอทั้งที่คาเฟ่และมินิมาร์ทนั้นเป็นการจ้างทำแบบถาวรไปเลยเพราะเขาลาออกแทนเธอแล้วเธอจะได้อยู่กับเขาตลอดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาไปทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำแต่ได้เงินเดือนละไม่กี่บาท เขาจะเลี้ยงและดูแลเธอให้ดีที่สุด อย่างที่ได้เคยพูดเอ
หมออนุญาตให้เจย์เดนออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เขากลับมาพักที่เพ้นท์เฮาส์โดยมีพยาบาลส่วนตัวที่คอยดูแลเป็นพิเศษจนอาการทางกายก็ค่อยๆ หายตามปกติ แต่อาการทางใจนั้นเรียกได้ว่าหายสนิทวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาขอให้เธอหยุดงาน ทั้งที่เธอเองก็รู้สึกเกรงใจศรัณญูเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะลาออกก็เสียดายเพราะทำมาหลายปี อีกทั้งได้ทำอยู่กับเพื่อนสนิทและมีเจ้านายที่ใจดี“ลาออกไหม ฉันเลี้ยงเธอเอง” เขาถามอีกครั้งหลังจากที่เคยยื่นข้อเสนอให้เธอลาออกแล้วเขาจะเป็นคนเลี้ยงเธอเองมันก็รู้สึกดีอยู่นะที่มีคนรักต้องการซัพพอร์ทดูแลเลี้ยงดู แต่ถ้าหากวันหนึ่งเธอกับเขาไปด้วยกันไม่ได้แล้วเธอจะไม่แย่หรอกหรือ เธอไม่ได้ต้องการเกาะใครกินหรอกนะ แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกถ้าหากเขาจะเลี้ยงเธอน่ะ รู้ดีว่ามันเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะหาเงินมาได้แต่ละบาท“สายเปย์เหรอ”“ได้หมด” ใบหน้าคมคร้ามยักคิ้วหนาพลางหยักยิ้มมุมปาก ขณะที่ใบหน้ายังมีรอยแดงจางๆ ทว่าก็ยังคงเท่ไม่เปลี่ยนสายเปย์นักใช่ไหม จะหลอกแดกให้หมดเลย“กินเยอะน๊า” “เท่าไหร่เชียว” ต่อให้มีเธออีกสิบคนเขาก็เลี้ยงไหว จะกินสักเท่าไหร่กันเชียว ของโปรดส้มตำไก่ย่าง ไม่ได้กินหรูหราในภ
นริศรายังคงใช้ชีวิตตามปกติเพียงแต่ว่าไม่สนใจใครบางคนที่พยายามตามตื๊อ ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร เป็นคนสวยก็ต้องเล่นตัวหน่อย ไม่ยอมหายงอนง่ายๆ หรอก แม้จะโดนกรอกหูจากน้องสาวในร่างชายที่เล่าให้มันฟังแล้วมันก็เอาแต่พูดว่า ‘เล่นตัวไปเถอะ ระวังหมาคาบไปแดก’ เอาสิ ถ้าเขาเป็นกระดูกก็เชิญหมาตัวไหนมาคาบไปเลยแต่พอผ่านมาหลายวัน ใจที่แข็งเป็นหินก็เริ่มอ่อนลง คิดไปคิดมาเธอทำเกินไปหรือเปล่า ทั้งที่เขาก็ให้ผู้หญิงคนนั้นช่วยยืนยันแล้ว อีกทั้งยังบอกต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นว่าเธอคือแฟนของเขาแค่นี้มันก็ชัดเจนมากพอแล้วไม่ใช่หรือไง…‘ตื๊ดดด…ตื๊ดดด…’ เสียงโทรศัพท์สั่น รีบเอื้อมมือไปคว้ามาดูหน้าจอทันทีก็พบกับเบอร์ของเขาจะรับไม่รับดีนะ หรือจะลองเล่นตัวต่อไปอีกสักวันดีล่ะ…กระทั่งเสียงสั่นเงียบไป แต่โทรศัพท์ก็ยังอยู่ในมือของเธอ‘ตื๊ดดด…ตื๊ดดด…’ โทรศัพท์สั่นอีกรอบ แต่คราวนี้เป็นเบอร์แปลก ไม่รู้ว่าเบอร์ใคร“ฮัลโหลค่ะ ใครคะ” “คุณนุ่มนิ่มครับ” เสียงผู้ชายๆ คุ้นๆ แฮะ“ค่ะ ใครคะ” “ผมครามครับ บอดี้การ์ดของคุณเจย์เดน” เธอจำได้แล้ว หนึ่งในบอดี้การ์ดที่ชอบใส่ชุดสูทดำและชอบประกบตามหลังเจย์เดน“มีอะไรเหรอคะ” นี่โทรหาแ
ร่างสูงใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตดำกางเกงแสล็คพร้อมด้วยเข็มขัดแบรนด์เนมย่างกรายเข้ามาในร้านพลางมองหาหญิงสาวคนที่อยากพบมากที่สุดหลังจากที่เธอหนีเขาออกมาจากคอนโด ทว่าเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวอีกคนที่กำลังยิ้มกว้างอย่างดีใจก็รู้สึกซวยเข้าแล้วทำไมเมลินดาไพลินต้องอยู่ที่นี่ด้วยนะ “เจย์เดน ทางนี้ เจอกันอีกแล้วนะ” เมลินดาไพลินโบกไม้โบกมือให้กับชายหนุ่ม กลัวว่าเขาจะมองไม่เห็นเธอภาพระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวตรงหน้าอยู่ในสายตาของนริศราทั้งหมด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องนัดผู้หญิงคนอื่นมาหยามเหยียดถึงที่ทำงานของเธอขนาดนี้ ผู้ชายเฮงซวย!“เม มาทำอะไรที่นี่” เขาจำเป็นต้องทักเมลินดาไพลินก่อนเพราะเธอเดินเข้ามาหาและยังจูงมือเขาไปนั่งที่โต๊ะเดียวกันกับเธออีก บ้าจริง จังหวะนรกชัดๆ“มาดื่มกาแฟเล่น ก็วันก่อนที่เมบอกคุณไปไงว่ามาที่นี่ รู้สึกว่ากาแฟอร่อย พนักงานก็น่ารัก เลยมาอีกน่ะ” ขณะที่เมลินดาไพลินกำลังอธิบายแต่เขากลับมองไปที่พนักงานที่อยู่หน้าเคาเตอร์แล้วบังเอิญสบตากับนริศราเข้าพอดีกูซวยของแท้งานนี้ เป็นไงเป็นกันวะ“เอ่อ…เม”“หืม ว่าไงเจย์เดน” คนที่กำลังจับต้นแขนเขาเดินไปนั่งที่โต๊ะเดียวกันถึงกับชะงักเม
นริศราเข้ามารอเจย์เดนที่ไนต์คลับ คิรินพาเธอเข้ามารอเขาที่ห้องวีวีไอพีทว่ารอมาครึ่งชั่วโมงแล้วเขาก็ยังไม่มา พอถามคิรินก็ทำอึกอักราวกับไม่กล้าตอบว่าตอนนี้เจย์เดนอยู่ที่ไหน“นุ่มนิ่ม”“ซินดี้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม” นริศราดีใจอย่างออกนอกหน้าที่ได้เจอซินดี้เพราะทนนั่งเหงาคนเดียวมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้จะทำอะไร เบื่อก็เบื่อ ง่วงก็ง่วงซินดี้ยิ้มน้อยๆ ตอบรับพลางนั่งลงข้างๆ เธอ “ก็เหมือนเดิมแหละ เธอล่ะเป็นยังไงบ้าง คงจะมีความสุขมากเลยสินะ” “เธอหมายความว่ายังไง ถ้าหมายถึงเรื่องที่เธอใจดีให้ฉันอยู่ที่คอนโดน่ะ ฉันก็ต้องมีความสุขมากขึ้นอยู่แล้ว ได้อยู่ที่สะดวกสบายขนาดนั้น”“ฉันหมายถึง เรื่องเธอกับ…คุณเจย์เดนน่ะ” ซินดี้เอ่ยถามพลางแอบสังเกตปฏิกิริยาของนริศราเงียบๆ นริศรายิ้มเขินพลางนึกย้อนกลับไปยังคราวที่แล้ว ที่ซินดี้กับคิรินดันจังหวะนรกเข้ามาเห็นเจย์เดนกับเธอจูบกันพอดี “ก็…ไม่มีอะไร”“ไม่มีอะไร? เธอกับเขาไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอ” แอบหลอกถามคนที่กำลังเขินอยู่ ดูว่าจะตอบอย่างไร ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองหรือเปล่า“เธอก็…” ใบหน้าสวยหวานแดงระเรื่อราวกับลูกเชอร์รี่สุกปลั่ง ยิ้มเขินต
“คุณกลับไปได้แล้วนะ” นริศราสะพายกระเป๋าขึ้นข้างลำตัวพลางสั่งร่างสูงใหญ่เพราะเธอกำลังจะออกไปจากที่นี่“จะไปไหน” นี่ก็เพิ่งจะสี่โมงเย็น เธอจะรีบออกไปทำงานพาร์ททามตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ เร็วไปไหม อันที่จริงเขาคิดมาหลายครั้งแล้วว่าจะให้เธอออกจากงาน อย่างน้อยหากเธอยืนยันที่จะไม่ยอมก็ทำแค่งานประจำเท่านั้นพอ เธอควรจะหยุดพักบ้างหรือเอาเวลามาให้เขาจะดีกว่า“ฉันจะเข้าบ้านสักหน่อย ไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว” กะจะไปดูพ่อด้วยว่ามีเงินซื้อเหล้า เอ๊ย…มีเงินใช้หรือเปล่า “เดี๋ยวไปส่ง”“ฮะ ไม่ต้อง ฉันไปเองได้ คุณกลับไปเถอะ”“ก็บอกว่าจะไปส่ง มีเรื่องจะคุยด้วย”อะไรอีกล่ะ อีตานี่ พอได้แล้วก็ทำตัวตามติด แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเลยนะ จะไม่ให้เธอมีชีวิตเป็นส่วนตัวบ้างหรือยังไง“จะคุยอะไร แค่นี้ยังคุยไม่จบอีกหรือไง”เจย์เดนลุกขึ้นพลางเดินนำเธอออกไปหน้าประตู “ค่อยคุยกันในรถก็ได้” ในที่สุด ทั้งสองคนก็เข้ามานั่งอยู่ในรถของเขา โดยที่นริศราก็ยังคงนั่งไปเกร็งไปจนเขาสังเกตได้“เป็นอะไร”“เปล่า” บอกไม่มีอะไรแต่หน้าเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ “ขะ…ข้างหน้า เลี้ยวซ้าย” เจย์เดนลอบยิ้มกับอาการของคนบอกทาง “ฉันว่า เธอออกจากงาน
“เฮือก…” นริศราสะดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งแต่ก็ต้องครางซี๊ดเพราะความร้าวระบมที่เกิดขึ้นทั่วร่างกายโดยเฉพาะส่วนสงวนกึ่งกลางกาย อีกทั้งเรือนร่างก็เปลือยเปล่าอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาที่ร่นลงล่างจนเต้าอวบทั้งสองข้างแทบทะลักออกมาโชว์ หลากหลายความรู้สึกประเดประดังเข้ามาในหัวสมอง ทว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้วเนี่ย ทำไมตรงรอยแยกของม่านหน้าต่างที่มีแสงจากข้างนอกลอดผ่านเข้ามาไม่เหมือนแสงของดวงอาทิตย์ยามเช้าเลย มันเหมือนตอนเที่ยงหรือบ่ายด้วยซ้ำไปไวเท่าความคิด นริศรารีบคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงมาดูเวลาทันที12:39 “เฮ๊ย! จะบ่ายแล้วเหรอเนี่ย” ทันทีที่กุลีกุจอลุกขึ้นจากเตียงพลันหางตาเหลือบไปเห็นร่างของใครคนหนึ่งนอนซุกผ้าห่มผืนเดียวกันที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นเมื่อสักครู่เพราะมัวแต่ตกใจเรื่องเวลาอยู่ร่างนั้นขยับเขยื้อนเพราะเสียงของเธอ“จะเสียงดังทำไม” คนงัวเงียเพิ่งตื่นเพราะเสียงของเธอเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่านริศราหน้าแดงก่ำเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืน “คุณ!”“ก็ใช่น่ะสิ จำผัวตัวเองไม่ได้หรือไง” ใช้คำนี้แหละ ตรงและชัดเจนดีก่อนหน้านี้ถ้าเธอจะบอกว่าครั้งเดียวไม่นับว่าเป็นผัวเป็นเมียเขาก็คงจะไม่
นริศราคล้องคอชายหนุ่มให้โน้มลงมาหาตัว ไม่คิดว่าใบหน้าคมคร้ามของเขาจะชนเข้ากับใบหน้าหวานฉ่ำของเธอ “อุ๊บ…อืม…” ราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน หลับตาก็ยังรับรู้ถึงความรู้สึกอ่อนโยน นุ่มละมุนทว่าเจย์เดนกำลังตกใจสุดขีดเพราะเธอโน้มต้นคอของเขาลงไปจูบ ปากแนบปาก ความนุ่มละมุนจากกลีบปากสวยงามนั้นส่งผ่านมายังปากหนาของตัวเอง มันช่างหอมหวานจริงๆ เขาอดใจไม่ไหวแล้วนะในที่สุด เจย์เดนตบะแตก เขาแทรกเรียวลิ้นสากเข้าไปควานหาความหวานที่แสนยั่วยวนนั้นอย่างดูดดื่ม เธอยั่วนักใช่ไหม จัดให้!ชายหนุ่มส่งเรียวลิ้นสากควานหาความหอมหวานภายในโพรงปากอย่างดุดัน ไม่อาจยับยั้งความต้องการให้ทำอย่างนุ่มนวลอีกต่อไป ปากที่เขาคิดถึง ปากที่ทำเขาอารมณ์ค้างที่ห้องวีวีไอพีคืนนั้น“เธอสวย…สวยจังเลย…นุ่มนิ่ม…” เขาครางกระเส่าพลางจูบเลื่อนไล้ทั่วใบหน้าสวยหวานเธอเผยอปากเล็กน้อยอย่างรอคอยปากและลิ้นของเขาตามความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจ แม้สมองจะพร่าเบลอแต่หัวใจสั่งการว่าเธอต้องการเขา เธอตอบสนองเขาด้วยการจูบตอบอย่างไม่ประสีประสา แต่นั่นยิ่งทำให้เขาใจสั่นปากหนางับริมฝีปากล่างของเธอพลางขบเม้มและดูดดึงเล่น เธอครางกระเส่าอยู่ในลำคอพลาง