"แล้วหนูจะได้อยู่กับเฮียอีกตอนไหนเหรอคะ" "เอาไว้ถ้าฉันต้องการเธอเมื่อไหร่แล้วจะเรียก" ขยับใบหน้าเข้าใกล้จูบลงบนศีรษะของเธอเบาๆ ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากร้ายกาจ "ปิดปากของเธอให้สนิท อย่าให้ใครรู้เรื่องของเราเด็ดขาด" ".." "ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่นเมื่อไหร่ เธอได้จบเห่แน่" รีบก้าวขาลงจากเตียง วิ่งเข้าไปสวมกอดเขาไว้แน่นจากทางด้านหลัง "เฮียมีแค่ชาคนเดียวได้ไหม" "แล้วทำไมฉันต้องทำแบบที่เธอบอก คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้น?" "เปล่าค่ะ หนูไม่ได้สำคัญตัว" "งั้นก็ลองบอกเหตุผลมา เผื่อฉันจะเก็บไปพิจารณา" "ถ้าเฮียอยากให้หนูทำอะไร หนูจะทำให้เฮียทุกอย่าง" "คิดว่าตัวเองมีดีขนาดไหน?" "ที่ชายอมเพราะชารักเฮียนะ สนใจหนูบ้างได้มั้ย" "หวังสูงเกินไปหรือเปล่า ฉันมีอะไรกับเธอมันก็เป็นแค่เรื่องสนุก" ".."
View More-2F BRA-
ร่างสูงคมคายพ่นควันบุหรี่ออกทางจมูกและริมฝีปากจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนสีหน้าดูเคร่งเครียด มือซ้ายยกโทรศัพท์แนบหู ส่วนมืออีกข้างคอยชี้นิ้วสั่งพนักงานในร้าน
‘แฟรงก์ บุรินทร์ภัทร’ หนุ่มหล่อวัย28ปี ดีกรีเจ้าของคลับชื่อดังมากกว่า5สาขาทั่วกรุงเทพอยู่ในชุดลำลองสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงยีนขายาวขาดเข่าสีซีด
ทรงผมมัลเล็ตสีควันบุหรี่ถูกจัดทรงให้เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนข้อมือสวมใส่นาฬิกาแบรนด์ดังราคาหลักหลายล้านที่ขโมยน้องชายฝาแฝดมา
ใบหน้าราวกับเทพเจ้าปั้นคิ้วเข้มหนารับกับดวงตาเฉี่ยวคม ทำให้ดูโดดเด่นกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่อยู่แถวนั้นได้ไม่ยาก
‘จะโทรจิกอะไรนักหนา บอกว่าทำงานอยู่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง’
‘น่ารำคาญชะมัด แค่นี้แหละ’
ติ๊ด…ชายหนุ่มรีบกดตัดสายทิ้งด้วยความหงุดหงิด เธอคือผู้หญิงที่เข้ามาติดพันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
“หงุดหงิดกับสาวคนไหนอีกล่ะเฮีย” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยแซวผู้เป็นเจ้านายด้วยความสนิทสนม
เฮียแฟรงก์ของเขาเรียกว่าหล่อสะบัด ฐานะก็ดี หน้าตาก็หล่อเหลาเต็มพิกัด ทำให้มีสาวสวยมาติดพันมากมาย
“มึงจำยัยวิกกี้ได้มั้ย” แค่นึกเห็นหน้าก็ปวดหัว นอกจากเรื่องบนเตียงก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่เข้ากันได้
“จำได้ครับ คนนี้เฮียเพิ่งคบได้ไม่นานเองไม่ใช่เหรอ”
“คบห่าอะไร กูแค่หลอกเอา” แฟรงก์ถอนหายใจหนัก ยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ วิกกี้เป็นลูกคุณหนู เรียนจบปริญญาจากเมืองนอก ก็แค่เอาไว้ควงเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจัง “วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่เดินตามกูต้อยๆ น่ารำคาญชะมัดเลย”
“ยังไม่ชินอีกเหรอเฮีย”
“ถ้าเธอมาตามหากูที่นี่อย่าให้เข้ามาในร้านเด็ดขาด ถ้าเกิดว่ามึงปล่อยให้เธอเข้ามาได้กูนี่แหละจะไล่มึงออก”
“รับทราบครับเฮีย”
ชายหนุ่มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะบังเอิญหันไปสบตากับใครบางคนที่ยืนแอบมองเขาอยู่ในมุมมืด
“ลิชา!”
“…..” เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ รีบหันไปมองยังคนที่มาใหม่
‘อลิชา เดชาพงศ์’ หรือเรียกสั้นๆ ว่าลิชา อายุ20ปี เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาที่ไม่ได้ดูโดดเด่น แต่งกายเข้าขั้นว่าเฉิ่มเชย มัดผมรวบยาวเป็นหางม้า สวมแว่นสายตาใส่เสื้อพนักงานและกางเกงสุภาพสีดำ
“มายืนทำอะไรตรงนี้”
“เราเอาของมาเก็บน่ะ”
“เสร็จแล้วก็รีบไปทำงานต่อ วันนี้ลูกค้าเยอะมาก” ฟ้าใสเป็นคนหน้าตาดีแต่งตัวเก่ง รู้จักเข้าสังคมและคบกับลิชาเป็นเพื่อนสนิทกันมานานหลายปี “แกมัวแต่ยืนมองอะไร”
“ปะ…เปล่าสักหน่อย”
“ฉันเห็นนะ ว่าแกแอบมองเฮียแฟรงก์”
พอถูกจับได้ถึงกลับรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ลิชาแอบชอบเจ้านายมาแรมปี รู้ตัวว่าไม่มีวันเป็นไปได้ เธอและเขาอยู่ต่างกันเกินไป เลยได้แต่เฝ้ามองแอบชอบเขาไปวันๆ
“ไม่ใช่…ไม่ได้มองสักหน่อย”
“ฉันรู้ว่าแกน่ะชอบเฮียแฟรงก์” ฟ้าใสหรี่สายตามองเพื่อนรักอย่างจับผิด ลิชาชอบคนเดียวที่ไหน เธอเองก็ชอบเฮียแฟรงก์เหมือนกัน ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้นใครไม่ชอบก็แปลกแล้ว
“ปะ…เปล่า”
“ไม่ชอบก็ดีแล้ว ส่องกระจกดูสภาพตัวเองด้วย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ถึงแกจะชอบให้ตายยังไงเฮียแฟรงก์ก็ไม่มีวันสนใจแกหรอก ตัดใจเถอะ”
“อืม เรารู้ตัวเองดี”
“…..”
“ลูกค้าร้านมึงแน่นขนาดนี้ แบบนี้ก็รวยตายเลยดิ” ไคโรวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบของร้าน
ธุรกิจของเพื่อนรักกำลังไปได้ดี ไอ้แฟรงก์มันถึงได้หายหน้าไม่โผล่หัวมาให้เห็น จนเขาต้องมาดูให้เห็นกับตาว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือตายห่าไปแล้ว
“ขอรวยอย่างเดียวพอ ส่วนเรื่องตายกูยกให้มึง” แฟรงก์บอกปัดอย่างนึกรำคาญ ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่พวกมันมาหา
“ปากมึงนี่ยังหมาเหมือนเดิมเลยนะ”
“กูจะถือว่าเป็นคำชม”
“สาวร้านมึงคนไหนเด็ด ไปเรียกมาให้กูหน่อย” ไคโรหันไปกระซิบถามก่อนจะยกยิ้มมองหน้ากันอย่างรู้ใจ
“ถามแบบนี้ดีกว่าว่าคนไหนยังไม่เสร็จมันบ้าง” เจย์เดนพูดอย่างรู้ทัน ตัวท็อปเด็ดๆ ของร้านไม่น่าจะหลุดจากมือไอ้แฟรงก์ไปได้ “ว่างๆ ก็ไปตรวจโรคบ้างนะ เดี๋ยวนี้จะเป็นเอดส์ตายไปซะก่อน”
“ขอให้พ่อมึงเป็นก่อนกูก็แล้วกัน ได้ข่าวว่ายังแอบแม่มึงไปลงอ่างอยู่เลยนิ”
เจย์เดนฟึดฟัดเพราะรู้ว่าสู้มันไม่ไหว ไอ้แฟรงก์มันปากหมาเกินไป เถียงกลับไปมีแต่จะโดนมันด่ากลับมา “หยอกแค่นี้ทำเป็นโมโห”
“ประตูอยู่ทางนั้น ถ้าพวกมึงจะมาเพื่อกวนส้นตีน เชิญไสหัวออกไปครับ”
“ใจเย็นเพื่อนรัก พวกกูคิดถึงมึงเลยแวะมาหา” ไคโรโผกอดคอเพื่อนชายไว้แน่น อุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกล ยังไงวันนี้ต้องได้เมาหัวทิ่ม
“…..”
“น้อง! น้อง!” ลิชาหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับไปมองยังโต๊ะลูกค้าสาวสวยโซนวีไอพี เธอไม่มีตำแหน่งตายตัว บางวันก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ บางวันก็ช่วยงานหลังร้าน แล้วแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้างาน
“เรียกหนูเหรอคะ?”
“เรียกน้องนั่นแหละ”
“มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าคะ”
“ไปขอเบอร์เจ้าของร้านให้หน่อยสิ คนที่หล่อๆ นั่งอยู่โต๊ะนั้นอ่ะ” ชี้ไปทางแฟรงก์ที่นั่งถัดไปไม่ไกล
เรียกว่าออร่าความหล่อกระแทกเข้าตาของพวกเธอเต็มๆ แถมชื่อเสียงของเจ้าของร้านยังการันตีว่าเด็ดจนอยากลองด้วยตัวเอง
“คะ?” ลิชาเอียงหูฟังเผื่อบางทีอาจจะได้ยินผิดไป
“พี่บอกว่าไปขอเบอร์เจ้าของร้านให้หน่อย”
“เอ่อ…”
“เดี๋ยวพี่ให้ทิป”
ยังไม่ทันได้ตอบตกลง เงินแบงก์พันถูกยัดเยียดใส่มือแบบงงๆ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะมันมากกว่าค่าแรงของเธอทั้งวันเสียอีก
“ใช้อะไรก็ไปทำสิ มัวยืนงงอะไร”
ลิชารวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหากลุ่มของชายหนุ่มที่นั่งอยู่เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มจนแสบแก้วหู ยังไม่เท่าเสียงหัวใจของเธอที่กำลังเต้นแรงในตอนนี้
“เฮียแฟรงก์คะ”
“…..”
“เฮียแฟรงก์!”
สายตาของคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะต่างจับจ้องมองมาทางเธอแบบพร้อมเพรียงกัน แฟรงก์ค่อยๆ หันกลับไปมอง ก่อนจะไล่สายตาสำรวจคนที่มาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
เธอสวมชุดพนักงาน ที่หน้าอกข้างซ้ายมีป้ายชื่อว่า ‘ลิชา’
“มีอะไร?”
“ลูกค้าโต๊ะนั้นให้มาขอเบอร์เฮียค่ะ”
“มาพูดใกล้ๆ จะเอาอะไร”
“…..” ลิชาเดินเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวังก่อนจะนั่งคุกเข่าลงบนพื้น ส่วนเจ้านายของเธอนั่งอยู่บนโซฟา
หัวใจดวงน้อยเต้นแรง ริมฝีปากบางแห้งผากเมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงมากระซิบถามข้างใบหู จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมประจำตัว “ฉันถามว่าจะเอาอะไร?”
“ละ…ลูกค้าให้หนูมาขอเบอร์เฮียค่ะ”
“ไม่ให้ ไปบอกพวกนั้นว่าฉันมีเมียแล้ว”
คนตัวเล็กกำมือแน่น รู้สึกจุกอยู่ที่ลำคอ แม้จะไม่ได้คาดหวัง แต่ภายในใจลึกๆ ยังคงรู้สึก ได้แค่ฝืนยิ้มอย่างใสซื่อไม่ได้ตอบกลับอะไร
“ช่วยดิลยัยนี่ให้หน่อย กูจะเอา” ไคโรสะกิดบอกเพื่อนชายก่อนจะยกยิ้มมุมปากยียวน
“คนอื่นก็มี ทำไมต้องคนนี้” แฟรงก์หันขวับไปกระซิบถามต่อ หลังจากได้ยินประโยคนั้น
“กูชอบนะ ดูซื่อดี น่าจะไม่ค่อยเป็นงาน”
“เอาคนอื่นดิ เดี๋ยวกูจัดการให้”
“ก็กูจะเอาคนนี้”
“มึงพูดไม่รู้เรื่องหรือไง กูบอกว่าใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนนี้” ตบหัวเพื่อนชายอย่างแรงจนหัวทิ่มด้วยความหงุดหงิด
“เอ้า! ไอ้เวรนี่ มึงจะเก็บไว้แดกเองหรือไง”
แฟรงก์เบือนหน้าหันหนีเลือกที่จะสงบคำไม่ต่อล้อต่อเถียง มองไปทางคนตัวเล็กที่นั่งทำตาใสไม่รู้เรื่องราว “รกหูรกตา อย่ามานั่งทำตัวเกะกะแถวนี้ จะไปไหนก็ไป”
หลายเดือนผ่านไป“ปู่…” เด็กชายฟาเรนตะโกนร้องเรียกด้วยความดีใจเมื่อเห็นหน้าคนที่เฝ้ารอมานานแสนนาน ไม่ใช่แค่ปู่แฟรงก์ที่มาหาแต่ปู่ฟรินก็มาด้วยเหมือนกัน“แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ของพวกเอ็งไปไหน”“แด๊ดดี้ไปทำงานที่ภูเก็ตกับหม่ามี๊” ฟรานตอบด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วพักหลังมานี้พ่อกับแม่ชอบทำตัวติดกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าพ่อจะไปไหนมักจะบังคับเอาแม่ติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ“แล้วพวกเอ็งอยู่บ้านกับใคร ทำไมไม่โทรหาปู่”“พวกเราอยู่กับลุงครามและแนนนี่ค่ะ”ครามรีบก้มหน้าอย่างเจียมตัวเมื่อเห็นสายตาของนายใหญ่ที่ใช้มอง“หลบหน้าหลบตากูทำไม” แฟรงก์เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อลูกน้องตัวดี“เปล่าครับนาย”“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่ามึงกับลูกสาวกูทำอะไรกันมา” ถึงแม้จะเป็นความลับแต่เขารู้ว่าดาวศุกร์และครามมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง “กูไม่มีวันรับคนอย่างมึงมาเป็นลูกเขย จำใส่หัวสมองของมึงไว้เลย”“ผมรู้ตัวครับ ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”“ไปทำท่าไหนมาล่ะ ลูกกูถึงรักถึงหลงมึงจนหัวปักหัวปำ”“ลุงครามเป็นแฟนอานตี้นะ ฟรานจะฟ้องอานตี้ว่าปู่ดุลุงคราม” เด็กหญิงยืนเท้าเอวพูดเสียงแข็งตอบกลับ ลุงครามมีท่าทางซึมลงจนน่าสงสารพวกเด็ก
โรงพยาบาล“น้องจิ๋วมาแล้ว”“ไหนๆ ขอดูบ้าง”“ทำไมน้องไม่ลืมตา”“ตัวนิ่มมากเลย ลองจับดูสิ”เสียงบทสนทนาของพวกเด็กน้อยกำลังพูดคุยกันอย่างไร้เดียงสา ยืนล้อมวงจ้องมองสมาชิกใหม่ที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน“ตัวเป็นอะไร ทำไมไม่มาดูน้องคนใหม่” ฟรานเดินเข้าไปถามแฝดน้องที่เอาแต่นั่งกอดอกทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมพูดจา“เบื่อ! เค้าไม่อยากได้น้องผู้ชาย เค้าอยากมีน้องผู้หญิง” เด็กชายบ่นพึมพำพลางเบือนหน้าหันหนี“ผู้ชายก็ดีนะ ตัวจะได้ไม่เหงา จะได้มีเพื่อนเล่นไง”“เล่นแต่ฟุตบอลกับปั่นจักรยานจนเบื่อแล้ว อยากเล่นอย่างอื่นบ้าง”“แล้วอย่างอื่นที่แฝดว่ามันคืออะไร อยากเล่นขายของหรือเล่นตุ๊กตาเหรอ” ใบหน้าน้อยๆ ของฟรานเอียงคอมองน้องชายฝาแฝดอย่างไม่เข้าใจ “เพราะหม่ามี๊เลือกน้องให้เราไม่ได้”“แล้วทำไมแด๊ดดี้ถึงมีแต่ลูกผู้ชาย ทำไมถึงไม่มีลูกผู้หญิงบ้าง” เด็กชายตัดพ้อทำสีหน้าเศร้า ถ้ามีน้องผู้ชายเพิ่มขึ้นมาอีกคนคงได้ปวดหัวกว่าเดิม“เพราะแด๊ดดี้ทำผู้หญิงไม่เป็น ทำเป็นแต่ผู้ชายไง”“เค้าขอเปลี่ยนแด๊ดดี้ได้ไหม อยากได้แด๊ดดี้คนใหม่ เค้าอยากลองมีน้องผู้หญิงดูบ้าง”“เปลี่ยนไม่ได้หรอก พวกเราเกิดมาจากปิ๊กาจูของแด๊ดดี้นะ ต
หลายเดือนผ่านไป“อาการของคุณฟาเรนดีขึ้นมากเลยค่ะ วันนี้ทำกายภาพได้หลายอย่างเลย”เดมี่ยิ้มกว้างพร้อมกับหัวใจที่พองโตหลังจากได้ยินข่าวดีจากพยาบาลที่ดูแลลูกชายตั้งแต่ได้รับตัวยาชนิดใหม่จากบุรินทร์ อาการของฟาเรนก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ จากกล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแรงค่อยๆ ขยับได้มากขึ้น กลายเป็นช่วยเหลือตัวเองได้ดีและเดินเองได้ในที่สุด“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยดูแลฟาเรนให้เป็นอย่างดี”“คุณฟาเรนใจสู้มากค่ะ อีกไม่นานคงวิ่งเล่นกับพวกพี่ๆ ได้อย่างแน่นอน”“มี่รักแด๊ดดี้นะ รักที่สุดในโลก” หญิงสาวเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มไว้แน่นแทนคำขอบคุณ ใบหน้าจิ้มลิ้มซบลงบนแผงอกแกร่งอย่างออดอ้อน“อะไรของเธอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองการกระทำเหล่านั้น ถึงแม้จะดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจแต่หัวใจของเขายังคงเต้นแรงกับผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอดต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมเสมอมา“เพราะมีแด๊ดดี้ ฟาเรนถึงมีอาการดีขึ้นในทุกวัน ถ้าไม่ได้แด๊ดดี้ช่วยดูแล ลูกคงแย่แน่เลยค่ะ”บุรินทร์อุทิศและทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อคิดหาวิธีการรักษาลูกชาย จนในที่สุดเขาก็ทำมันได้สำเร็จ“ฟาเรนเป็นลูกฉันเหมือนกัน ยังไงก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”“…..
“ฟาเรน!” เด็กชายหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย ไปหน้าน้อยๆ เอียงคอมองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นพี่สาววิ่งเข้ามากอด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าบอกว่าปู่จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ“ไหนบอกว่าปู่จะพาไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่นไง”“ไม่อยากไปแล้ว เอาไว้ให้ฟาเรนหายป่วย พวกเราค่อยไปด้วยกัน” ฟรานโผกอดน้องชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นวิลแชร์ด้วยความคิดเด็กหญิงไม่ได้คิดเสียใจหรือเสียดายเลยสักนิด พวกเขาสามคนตกลงกันแล้วว่าจะไม่ขอไปเที่ยวถ้าเกิดไม่มีฟาเรนหรือถ้าจะไปก็ต้องไปพร้อมกัน“ไปวิ่งเล่นกัน แด๊ดดี้ทำสนามเด็กเล่นให้พวกเราอันใหม่ใหญ่เบ้อเริ่มเลย”“แต่แด๊ดดี้ไม่ให้ออกจากบ้านนะ เดี๋ยวไม่สบาย” ฟาเรนพูดเสียงเบา สีหน้าดูซึมลงอย่างน่าสงสาร เขารู้ตัวเองเสมอว่าไม่ใช่เด็กปกติเหมือนคนทั่วไป“ตอนนี้แด๊ดดี้ไม่อยู่ ทางสะดวกแล้วนะ อยากไปไหม”“ยะ…อยากไป” พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะวาดสายตาหันซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้“งั้นก็รีบขี่หลังพี่เลย”“จะไม่โดนแด๊ดดี้ตีใช่ไหม”“ถ้าแด๊ดดี้โมโห ให้ตีฟาโรห์แทนก็ได้”“เอ้าแฝด…คะ…เค้าไม่อยากโดนแด๊ดดี้ตีนะ” แค่นึกเห็นหน้าผู้เป็นพ่อก็รู้สึกกลัวจนฉี่แทบราด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยโดนตี แต่กลับรู้สึกก
“ทำอะไรอยู่ตัวเล็ก”“ก่อประสาททรายอยู่ครับ”ฟาเรนเด็กชายวัยห้าขวบหันไปตอบผู้เป็นพ่อ ก่อนจะหันกลับมาสนใจสิ่งตรงหน้าดังเดิม“เล่นคนเดียวเหงาไหม” บุรินทร์ยืนมองลูกน้อยที่นั่งเล่นอยู่ไม่ไกล ข้างกายของฟาเรนมีรถเข็นวิลแชร์ประตำแหน่งและพยาบาลพิเศษมากถึงสามคนคอยประคบประหงมอยู่ไม่ห่างถึงแม้ว่าฟาเรนจะมีอายุห้าขวบ แต่น้ำหนักและสัดส่วนค่อนข้างตกเกณฑ์ต่ำกว่าเด็กปกติทั่วไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลข้างเคียงมาจากการคลอดก่อนกำหนด“หนูอยากมีเพื่อน” เด็กชายบอกผ่านน้ำเสียงเศร้าสร้อยท่าทางซึมลงจนสังเกตได้ตั้งแต่จำความได้ เขาถูกเลี้ยงดูแตกต่างจากเด็กทั่วไป ในขณะที่พวกพี่ได้วิ่งเล่นแต่ฟาเรนทำได้แค่นั่งมองอยู่ในห้องพักปลอดเชื้อต้องให้ยาทุกสี่ชั่วโมง“อย่านั่งตากแดดนาน เดี๋ยวไม่สบาย”“คุณปู่ไม่รักฟาเรนเหรอครับแด๊ดดี้ ทำไมถึงไม่พาหนูไปเที่ยวด้วย”คำถามของลูกชายทำเอามาเฟียหนุ่มหยุดชะงักนิ่งไป หัวอกคนเป็นพ่อสั่นไหวค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงข้างเด็กน้อย“เพราะฟาเรนไม่ค่อยสบาย”“แล้วเมื่อไหร่จะหาย หนูอยากไปเที่ยวเหมือนคนอื่นบ้าง”“เดี๋ยวก็หายแล้ว”“…..”“เอาไว้ถ้าหายดีเมื่อไหร่ แด๊ดดี้จะพาไปเที่ยวทุกที่ที่ลูก
“แฟรงก์มา!”เด็กน้อยที่นั่งอยู่ต่างหันขวับกันอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าน้อยๆ ของหลานฉีกยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นปู่ที่เดินเข้ามาหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายเดือน“แฟรงก์…แฟรงก์!” เด็กหญิงตะโกนเรียกซ้ำๆ กระโดดโลดเต้นดีใจรีบวิ่งเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงวันนี้ในมือปู่มีขนมแถมยังหิ้วของเล่นมาฝากหลานเยอะแยะ ตามใจกว่าแด๊ดดี้และหม่ามี๊ก็คงจะเป็นผู้ชายคนนี้“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกปู่ ข้าไม่ใช่เพื่อนเล่นของพวกเอ็งนะ” คนเป็นปู่ถอนหายใจมองหน้าไอ้พวกเด็กฝรั่งที่ไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนแต่ได้พอสบสายตาอันไร้เดียงสาเหล่านั้น หัวใจแกร่งก็ยอมโอนอ่อนให้โดยดี“ปู่คืออะไร” ฟาโรห์ตัวป่วนเอียงคอถามอย่างสงสัย“คือพ่อของพ่อไง”“แล้วพ่อคือใคร” พอได้ยินแบบนั้นยิ่งทำให้งงไปกันใหญ่“พ่อก็คือแด๊ดดี้ไง ภาษาไทยเขาเรียกว่าพ่อ”“เข้าใจแล้ว”“เดี๋ยวนี้ลืมกันแล้วสิ ทำไมพวกเอ็งถึงไม่ไปหาปู่บ้างเลย” บุรินทร์ภัทรแสร้งทำท่าทางตัดพ้อน้อยใจ อยู่ที่บ้านก็เอาแต่ชะเง้อคอคอยมองทางหลานน้อยอยู่ทุกวัน“ไม่ได้ลืมสักหน่อย แต่แด๊ดดี้ไม่ให้ไป” เด็กหญิงพูดแทรกน้ำเสียงเจื้อยแจ้วแต่สีหน้ากลับดูซึมลงอย่างเห็นได้ชัด“อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปเที่ยว
Comments