Masuk-มหาวิทยาลัย-
“เป็นอะไรฟ้าใส” เสียงหวานของคะนิ้งเอ่ยถาม พักนี้ฟ้าใสชอบนั่งเหม่อลอย ทำตัวลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมในแถมยังสวยขึ้นผิดหูผิดตา
“ปะ…เปล่า” คนถูกถามรีบดึงสติกลับมา พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“พักนี้แกเป็นอะไร มีความลับอะไรบอกมา”
“ไม่มีอะไรหรอก เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อย”
“ฉันได้ข่าวจากยัยชา มันบอกว่าแกมีแฟนแล้วเหรอ มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่” คะนิ้งหรี่สายตามองเพื่อนสาวอย่างจับผิด เหลือบสายตาเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมใบใหม่ที่วางอยู่ข้างกัน
“แกเอาเรื่องฉันไปบอกคนอื่นเหรอลิชา” หันไปถามลิชาด้วยท่าทางโวยวายยกใหญ่จนคนตัวเล็กใบหน้าถอดสี
“ฉันไม่ใช่คนอื่น แล้วแกจะไปหงุดหงิดใส่ชาทำไม เป็นบ้าหรือไง”
ฟ้าใสยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมทำท่าทางฟึดฟัด พักนี้ไม่ว่าลิชาจะทำอะไรก็ดูเหมือนว่าจะขัดหูขัดตาเธอไปเสียหมด
“ไปรวยอะไรมา แกเปลี่ยนกระเป๋าอีกแล้วเหรอ”
“เป็นยังไง สวยใช่ปะ”
“ใบละตั้งเป็นแสน แกไปเอาเงินมาจากไหน” ฐานะทางบ้านของฟ้าใสไม่ได้ร่ำรวย แต่กลับมีของแบรนด์เนมราคาแพงใช้ไม่ขาดมือ
“ฉันก็มีงานของฉัน ได้เงินดีแถมไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมาย”
“…..” ลิชารีบหันไปมองเพื่อนสาวอย่างให้ความสนใจ เธอเป็นลูกชาวสวนฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวย แต่มีสมองอันหลักแหลมจึงทำให้สอบได้ทุนของมหาวิทยาลัยชื่อดังได้
ตอนเช้ามาเรียนเหมือนนักศึกษาทั่วไป พอหัวค่ำหลังเลิกเรียนก็ต้องไปทำงานที่ร้านของบุรินทร์ภัทร
“สนใจมั้ยลิชา เดี๋ยวฉันติดต่อให้ ซื่อๆ แบบแก ฝึกแป๊บเดียวก็เก่งแล้ว” เพราะลิชามันโง่เกินไป ไม่ว่าเธอจะพูดหรือบอกอะไรก็เชื่อทั้งนั้น
“ฟ้าหมายถึงงานอะไร”
“ก็…” พูดไม่ทันจบเสียงของคะนิ้งก็ดังแทรกขึ้นมาซะก่อน
“นั่นมันเจ้านายแกใช่มั้ย”
“เฮียแฟรงก์!” ฟ้าใสชะเง้อคอมองตามด้วยสายตาแพรวพราวหลังจากที่เห็นเจ้านายเดินลงจากรถสปอร์ตคันหรู
ความสูงโดดเด่น ใบหน้าเข้าขั้นหล่อเหลาไร้ที่ติ ทำให้นักศึกษาที่อยู่แถวนั้นต่างให้ความสนใจ
“แล้วมาทำอะไรที่มหาลัยเรา”
“คงมารับแฟน” ลิชาได้แต่นั่งมองเหตุการณ์แบบเงียบๆ ก่อนจะเห็นนักศึกษาสาวสวยอีกคนเดินตามหลังเจ้านายออกไป
เสียงฝีเท้าหนักของใครบางคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ลิชาละสายตาจากหนังสือ เงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่มาใหม่
“เลิกเรียนแล้วใช่มั้ย ไปขึ้นรถสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“หมายถึงหนูเหรอคะ” หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่อเห็นบุรินทร์ภัทรยืนใกล้ในระยะประชิด จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ประจำตัว
“ฉันรู้จักแค่เธอ ถ้าไม่ได้หมายถึงเธอแล้วจะหมายถึงใคร”
“…..”
“รีบไปขึ้นรถ มัวชักช้าอยู่ทำไม”
“ไม่เป็นไรค่ะหนูกลับเองได้” เหลือบสายตามองไปยังฟ้าใสที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ เป็นเพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน เลยเลือกที่จะปฏิเสธ
“บ้านเธออยู่ทางผ่านฉันพอดี คงไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย”
“หนูกลับเองได้จริงๆ ค่ะ พอดีมี…”
“ฉันให้เวลาเก็บของห้านาที จะไปรอที่รถรีบตามมา”
“…..”
-บนรถ-
บรรยายภายในรถเงียบเหงา ไม่มีบทสนทนาใดๆ ต่อจากนั้น มีเพียงเสียงของเครื่องยนต์ที่กำลังทำงานอยู่ เพราะไม่มีตัวเลือกลิชาจึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์จำยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แฟนเฮียน่ารักจังเลยนะคะ” ร่างเล็กพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่แสนอึดอัด ลิชารู้สึกเหมือนมีสายตาของแฟรงก์คอยมองอยู่ตลอดเวลา
“อะไรของเธอ” ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะด้านข้าง ขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ผู้หญิงที่มากับเฮียน่ะค่ะ น่ารักดี”
“ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่เมีย เป็นแค่คู่นอนน่ะรู้จักมั้ย”
“อ่อ…ค่ะ”
“น้ำแตกแยกทางเข้าใจยากตรงไหน”
“แล้วเฮียไม่คิดที่จะมีแฟนบ้างเหรอคะ”
“เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ฉันไม่ชอบผูกมัดกับใคร”
“…..” คนตัวเล็กคลี่ยิ้มบางๆ เผลอนั่งจ้องใบหน้าคมคายแบบไม่รู้ตัว พอรู้ว่าคนที่ชอบยังไม่มีใครหัวใจที่ห่อเหี่ยวก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“แล้วเธอล่ะ มีแฟนหรือยัง?”
“ไม่มีหรอกค่ะ หนูไม่เคยมี”
“หมายถึงไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยใช่มั้ย”
“…..” ลิชาพยักหน้า ถ้าเขาอยู่ใกล้กว่านี้อีกนิดคงจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเธอเป็นแน่
“แล้วมีคนที่ชอบอยู่บ้างหรือเปล่า”
“ชาแอบชอบผู้ชายคนหนึ่ง…คงได้แค่แอบชอบน่ะค่ะ เราอยู่ห่างกันเกินไป”
“หมายถึงฉัน?”
“…..” ดวงตากลมโตล่อกแล่กไปมา เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามกรอบหน้าพร้อมความประหม่า ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าเผลอไปทำอะไรให้เจ้านายรู้ตัว
“ใช่ฉันหรือเปล่า”
“ฮะ…เฮียรู้ด้วยเหรอคะ”
“ก็หน้าเธอมันฟ้องทุกอย่างหมดแล้ว”
แฟรงก์ยกยิ้มมุมปาก เลื่อนใบหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกเกือบจะสัมผัสกันอยู่รอมร่อ
“ฮะ…เฮียแฟรงก์…” รีบยกมือสองข้างที่สั่นเทาดันใบหน้าคมคายให้ถอยห่าง
“ทำไม กลัวฉันจูบเหรอ”
“ปะ…เปล่าค่ะ ชาไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ฉันแค่จะรัดเข็มขัดให้”
ลิชาถอนหายใจลากยาวไม่ขยับ ยอมนั่งนิ่งให้เจ้านายคาดเข็มขัดนิรภัยแต่โดยดี “ฉันขอแวะรับลูกที่โรงเรียนแป๊บนึง เธอคงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย”
“เฮียมีลูกแล้วเหรอคะ”
“มีแล้ว”
“…..” ลิชายิ้มฝืนบางให้หลังจากได้ยิน ความหวังที่เคยริบหรี่มาตอนนี้ดับมืดสนิทมองไม่เห็นหนทาง “หนูได้ยินฟ้าใสบอกมาว่าเฮียมีงานพิเศษให้ทำด้วยเหรอคะ”
“ถามทำไม”
“ช่วงนี้หนูกำลังหางานพิเศษเพิ่มเลยถามดูค่ะ”
“แล้วเพื่อนเธอได้บอกหรือเปล่าว่างานอะไร”
“ไม่ได้บอกค่ะ แต่ฟ้าใสบอกว่าได้เงินดี เป็นงานสบายไม่ต้องใช้แรงเยอะ”
“…..”
“หนูสนใจอยากลองทำดูค่ะ”
“มันไม่เหมาะกับเธอ”
“ชาทำได้ ทำได้ทุกอย่างเลย”
FAHKIN PART บรี๊น…เสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าท่อดังบิดคันเร่งสนั่นจนควันขโมงไปทั่วบริเวณ เจ๊ติ๋มชะเง้อคอมองตามคอยสอดส่อง ในถือตะหลิวเตรียมจะเขวี้ยงใส่ไอ้พวกเด็กแว๊นที่ชอบมาเบิ้ลรถแถวนี้ เสียงท่อดังจนหมาข้างบ้านตกใจเห่าร้องประสานกันระงมสร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่อยู่แถวนั้น “ขับรถรีบไปตายที่ไหนวะ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่…” “พ่อกับแม่ผมไปดีแล้วป้า ทิ้งลูกเต้าไว้ให้คนอื่นเลี้ยง” แต่พูดยังไม่ทันจบประโยคเสียงที่คุ้นเคยทำให้รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร “ที่แท้เป็นฟาคินนี่เอง ป้าก็นึกว่าใคร” ฟาคินขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาหาจีบสาวที่แอบชอบมานาน “พี่รี่อยู่ไหม” “นังรี่มันอยู่ในครัว เดี๋ยวป้าไปตามมันให้” จากขุ่นเคืองแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีหลังจากเห็นลูกชายมหาเศรษฐีมาตามจีบลูกสาวทุกวี่ทุกวัน “รีบไปรีบมาเลยนะ ฝากบอกลูกสาวป้าด้วยว่าผมคิดถึง” ตึกตัก เสียงหัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงทุกครั้งยามได้เห็นหน้า หมาเด็กกับพี่คนสวยน่าจะเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาที่สุด “มีอะไรหรือเปล่า” “ไปนั่งรถเ
4ปีผ่านไปPHARAOH PART “เฮียเป็นไร ทำไมไม่ยอมคุยกับน่าน” น่านฟ้าที่อยู่ในอาการมึนเมา หยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียงด้วยท่าทางโอนเอนทรงตัวแทบไม่ไหว จ้องมองชายหนุ่มที่นอนคลุมโปงส่งเสียงสะอึกสะอื้น “ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปให้พ้น” “งอนอะไรอีก” “ไม่ต้องมายุ่ง อยากอยู่คนเดียว” เพราะเธอออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นเลยกลับบ้านช้าผิดเวลาไปนิดหน่อย “น่านบอกแล้วไงว่ามินนี่เป็นแค่รุ่นน้อง ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย” “ถ้าไม่มีอะไรแล้วไปกินข้าวด้วยกันทำไม ฉันโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ” “ก็แบตมันหมด น่านเคยบอกไปแล้ว ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้าง” “คนเจ้าชู้แบบเธอมันไว้ใจไม่ได้ ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เราเลิกกัน!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างงุนงงพลางถอนหายใจหนักๆ “พองอนทีไรบอกเลิกน่านตลอดเลย” “…..” “ถ้าน่านไปจริงอย่ามาง้อแล้วกัน” น่านฟ้าแสร้งพูดขึ้นเสียงดัง จงใจให้แฟนหนุ่มได้ยิน แล้วมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อคนตัวโตหยุดการเคลื่อนไหวราวกับรอฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นต
หลายวันต่อมา ร่างสูงคมคายของบุรินทร์ทอดสายตามองผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่ที่ไกลจนสุดสายตา แสงท้องฟ้ากลายเป็นสีทองอร่ามในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าเมื่อถึงเวลาของมัน สายลมและเสียงเกลียวคลื่นที่ดังกระทบเข้าฝั่งให้ความรู้สึกสงบทุกครั้งที่ได้ยิน “มี่ตามหาตั้งนาน หลบมายืนอยู่ตรงนี้นี่เอง” เดมี่เดินเข้าไปสวมกอดสามีจากทางด้านหลัง ภาพเบื้องหน้ามีลูกทั้งห้าคนที่กำลังส่งรอยยิ้มพูดคุยอย่างสนุกสนาน “ดูพวกเขาเล่นกัน” ฟาคินนั่งก่อประสาททรายโดยมีฟรังค์และฟาโรห์นอนอาบแดดอยู่ข้างกัน ส่วนฟรานเป็นคนขับเจสกีมีฟาเรนนั่งซ้อนท้ายส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วบริเวณ “มี่ไม่เคยเห็นพวกเขามีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย” “แล้วเธอมีความสุขไหม” “ความสุขของมี่ก็คือแด๊ดดี้ไง” “ฉันคงเป็นพ่อที่แย่ ขอโทษที่ไม่มีเวลาให้เธอกับลูก” ถึงแม้จะมีเงินมากมายแต่สิ่งที่ซื้อไม่ได้ก็คือเวลา บุรินทร์ใช้เวลาทุ่มเทให้กับธุรกิจของตัวเอง เขาทำงานอย่างหนักก่อนจะวางมือเพื่อให้ลูกได้ดูแลสืบสานต่อ “มี่รู้ว่าแด๊ดดี้ทำเพื่อพวกเรา มี
แกร๊ก…บานประตูห้องนอนถูกเปิดออกในยามวิกาล ดวงตาคู่สวยทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าของสามี ริมฝีปากสีคล้ำคาบมวนบุหรี่พ่นควันจนลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ “ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอน” ร่างเล็กเดินเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง วางใบหน้าสะสวยซบลงบนแผ่นหลังกว้างของสามีที่เต็มไปด้วยรอยสักน่าเกรงขาม บุรินทร์หันกลับมาเผชิญหน้า ก้มลงมองภรรยาคนสวยที่มีความสูงแค่ระดับแผงอกของเขาเพียงเท่านั้น “ลูกหลับแล้วเหรอ” “มี่ส่งเข้านอนครบทุกคนแล้วค่ะ” “แล้วฟาคินเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายดีขึ้นหรือยัง” “อาการดีขึ้นแล้วค่ะ คงเป็นเพราะได้ยาดีจากแด๊ดดี้แน่เลย” “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เด็กนั่นกลัวเข็มจะตายไป” บุรินทร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ใช้ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางของคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วบรรจงจูบที่ริมฝีปากอิ่มสวยเบาๆ “วันนี้เด็กดีสวยมาก สวยทุกวันเลยรู้มั้ย” “แด๊ดดี้ก็หล่อมากเหมือนกัน หล่อที่สุดในสายตามี่เลยรู้มั้ย” “ต้องการอะไรแค่พูดมา จะให้ทุกอย่าง” “อาทิตย์หน้าเราพาลูกๆ ไปเที่ยวเกาะกันดีไหมค
หลายเดือนผ่านไป พลั่ก! ตุบ! ตุบ! เสียงหมัดหนักๆ กระแทกเข้ากับกระสอบทรายอย่างบ้าคลั่ง สายตาเรียบนิ่งของเด็กชายจ้องแน่วแน่ไปที่เป้าหมายไม่มีวอกแวก ก่อนที่จะกระแทกหมัดหนักๆ ตรงไปยังพี่เลี้ยงที่เป็นผู้ฝึกซ้อม “ลูกชายคนเล็กของเสี่ยหน่วยก้านดีนะ ผมว่าอนาคตได้เป็นดาวรุ่งแน่นอน” บุรินทร์นั่งมองภาพฝึกซ้อมผ่านจอมอนิเตอร์ในห้องทำงาน ฟาคินมีใจรักทางด้านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ห้ามอีกทั้งยังสนับสนุนหาพี่เลี้ยงระดับมือโปรมาฝึกให้ “เดือนหน้ามีเดิมพันใหญ่ ถ้าเสี่ยตกลงบอกผมได้เลย” “ถ้าชนะแล้วได้อะไร” “เดิมพันด้วยชีวิตและท่าเรือ” “…..” บุรินทร์หลับตาลงพลางใช้ความคิดหลังจากได้ยินข้อเสนอที่แสนยั่วยวน ท่าเรือเดิมพันมีมูลค่ามหาศาล ถ้าได้มันมาคงจะต่อยอดธุรกิจของเขาได้ไม่น้อย “เสี่ยอยากได้ท่าเรือของไอ้ปีเตอร์มานานแล้วไม่ใช่เหรอ ลองเสี่ยงดูสักตั้งจะเป็นอะไรไป” “ข้อเสนอถือว่าไม่เลว” “ยิ้มแบบนี้แปลว่าตกลงใช่ไหม” “ตามนั้น” “แล้วรอบนี้เสี่ยจะส่งใครขึ้นชก ผมจะได้เตรีย
“วันนี้ตัวทำเมนูอะไรมาบ้าง” ฟาโรห์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ลุกขึ้นมาทำอาหารเพื่อใส่บาตรในวันนี้ เขาสวมชุดนอนสีชมพูสดใสพร้อมกับที่มาร์คหน้าเห็นเพียงดวงตาและริมฝีปากเหมือนอย่างเคย “วันนี้มีแซนด์วิชแซลมอนรมควันท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ให้หลวงตาแบบฉ่ำๆ มีอูนินำเข้าเกรดพรีเมี่ยมด้วยนะ และก็มีกุ้งล็อบสเตอร์อบชีส” เรื่องงานบ้านงานเรือนถือได้ว่าไม่เป็นที่สองรองใคร ทำได้หมดทั้งอาหารคาวหวาน ใครที่ได้เป็นผัวมีหวังโชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง “น้ำแร่บริสุทธิ์จากเทือกเขาประเทศสวิตส่วนผลไม้ส่งตรงจากออสเตรเลีย” “แค่ใส่บาตร มันต้องขนาดนี้เลยเหรอตัว” “แบบนี้ดีที่สุด ถ้าตายเราจะได้ไปสวรรค์” “…..” “นั่นไงหลวงตามาแล้ว” ฟรานยิ้มกว้างยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม มองไปทางหลวงตาและสามเณรฟาเรนที่เดินตามหลังกันเป็นขบวน อีกทั้งยังมีฟาคินคอยเป็นเด็กวัดสะพายย่ามถือข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ตั้งแต่น้องชายอาการดีขึ้น ปู่ก็เลยบังคับให้บวชเณรเพื่อต่อชะตาชีวิต ฟาเรนไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมจำนนเข้าพิธีบวชเณ






![NightZ [I] THE LOST MEMORIES](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
