นับหนึ่ง…นับสอง…นับสาม
นิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะทำงานอย่างใจเย็น บุรินทร์ภัทรมองจ้องไปยังประตูห้องทำงานแต่กลับไร้วี่แวว
ผ่านไปหลายวันที่ยื่นข้อเสนอให้ลิชา แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับทำให้เขารู้สึกหัวเสียไม่น้อย
แกร๊ก…บานประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอีกครั้ง ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะถอนหายใจลากยาวอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่เป็นลูกน้องคนสนิทไม่ใช่คนที่คิดไว้
“เฮียให้ผมมาพบด่วนมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”
“วันนี้ลิชามาทำงานหรือเปล่า”
“น้องมาตั้งนานแล้วครับ”
“แล้วทำไมยังไม่ขึ้นมาหากูอีก”
“เฮียนัดน้องไว้หรือเปล่าครับ”
“เปล่า ไม่ได้นัด ช่างเถอะ แต่อีกเดี๋ยวก็คงมา”
ลูกน้องคนสนิทยกมือเกาหัวด้วยความงงงวย ร้อยวันพันปีเจ้านายไม่เคยถามหา ถ้าไม่ได้มีธุระด่วนหรือเรื่องคอขาดบาดตาย “เอ่อ…ว่าแต่เฮียถามหาลิชาทำไม”
“กูเป็นเจ้านายแค่ถามหาลูกน้องไม่ได้หรือไง”
“ผมถามแค่นี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วย”
“มึงจะไปไหนก็ไป เห็นแล้วหงุดหงิดฉิบหายเลย” โบกมือไล่ลูกน้องยกใหญ่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปทั้งหมด
“ลิชา…ชื่อคุ้นๆ” ไคโรที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นานเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนได้ยินชื่อนี้มาก่อน “เหมือนชื่อพนักงานของมึงเลยนิ”
“ไม่ต้องเสือกสักเรื่อง”
“ถามหาเขาทำไมไม่ทราบ” หรี่สายตามองเพื่อนชายอย่างจับผิด พวกเขาเป็นเพื่อนกันมานาน ต่อให้ไม่บอกก็รู้ว่าไอ้แฟรงก์กำลังสนใจเด็กเฉิ่มคนนั้น
“อะไรไคโร มึงไม่ต้องมามองกูแบบนั้น”
“บอกมาว่ามึงกับยัยเฉิ่มได้กันยัง”
“มึงพูดอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง” ใบหน้าหล่อเหลาเผลอสอดส่องสายตาไปมาคล้ายท่าทางเลิ่กลั่ก
“มึงมีพิรุธนะแฟรงก์” ไคโรเดินเข้าใกล้ ใช้จมูกฟุดฟิตสูดดมกลิ่นผิดปกติจากเพื่อนชาย
“พะ…พิรุธอะไร?”
“หน้ามึงแดง หูก็แดงด้วย” ไม่พูดเปล่าแต่ยังดึงติ่งหูอย่างแรง จนแฟรงก์เผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ “ถ้ามึงไม่ยอมพูดความจริง กูจะจูบปากมึงเดี๋ยวนี้”
แฟรงก์ทำหน้าพะอืดพะอม เขาน่ะยังไม่เมาแต่ไอ้ไคโรน่ะเมามากแล้ว พอมันเมาทีไร ผีรักเพื่อนมักเขาสิงมันทุกที
“กูเมา”
“เมาห่าอะไร มึงยังไม่ได้แดกเหล้าสักหยด” ถึงจะเมามาก แต่ก็ยังมีสติคิดเองได้
“เออ! ยอมรับก็ได้ กูอยากได้ยัยนั่น”
“แล้วทำมาเป็นหวงก้าง ที่แท้มึงคิดจะเก็บยัยนั่นไว้แดกเองใช่ไหม”
“เอาไว้ให้กูได้ก่อน จากนั้นพวกมึงจะทำอะไรก็ทำ”
“แต่ยัยเฉิ่มนั่นไม่ใช่สเปกมึงเลยนิ ทำไมจู่ๆ ถึง…”
“ก็แค่อยากลองอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง”
“แน่ใจ?”
“แล้วพวกมึงจะอยากรู้เรื่องของกูไปทำไมนักหนา” ใช่ไคโรคนเดียวที่ไหน ไอ้คัมภีร์กับเจย์เดนยังเอียงหูฟังทำหน้าสลอนสอดรู้สอดเห็นไม่ต่างกัน
“มึงเปลี่ยนไปนะแฟรงก์ แต่ก่อนมึงกับพวกกูไม่เคยมีความลับต่อกัน” คัมภีร์สวมบทเศร้าเดินเข้าไปกอดคอเพื่อนชาย
ไอ้แว่นมันก็มีเมียได้ลูกเป็นคอกทิ้งพวกเขาไปแล้ว ส่วนไอ้แฟรงก์ก็ทำตัวลับๆ ล่อๆ ไม่น่าไว้ใจ
“พวกมึงไม่ต้องดราม่า ถ้าอยากเสือกมาก เดี๋ยวกูจะเล่าให้ฟัง”
“…..”
-ทางด้านของลิชา-
“บอกมานะ วันนั้นแกกับเฮียหายไปไหนกันมา” ฟ้าใสยืนกอดอกมองเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เธอตั้งใจมาหาเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบแต่ลิชาก็ยังยืนยันคำเดิม
“เฮียแวะไปส่งที่บ้าน ไม่ได้มีอะไรเลย”
“แกไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม”
“เราพูดความจริง หรือถ้าฟ้าไม่เชื่อก็ไปถามเฮียเอาเองสิ”
“ไม่ต้องท้าฉันถามแน่”
“…..”
“เฮียไม่ใช่ผู้ชายที่น่าเข้าใกล้นักหรอก ถ้าแกไม่อยากเสียใจก็อยู่ห่างเขาไว้ ฉันขอเตือน”
“อืม…”
“ถ้าเตรียมของเสร็จแล้ว แวะไปเช็กสต๊อกที่โกดังหลังร้านให้ฉันด้วยนะ” เพราะฟ้าใสเป็นคนสนิทกับผู้จัดการร้านถึงมีสิทธิ์หรือออกคำสั่งกับพนักงานคนอื่นๆ
“เดี๋ยวเราเช็กให้”
“เช็กดีๆ ด้วยล่ะ ถ้าผิดพลาดเดี๋ยวจะโดนเฮียหักเงินเดือน”
“เราจะระวัง”
ลิชายืนนิ่งอยู่ในมุมสลัวเพียงลำพังเมื่อฟ้าใสเดินหายออกไป
‘อย่าคิดนานนัก ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ’
บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ เธอสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง หลังจากที่นึกเห็นภาพของผู้ชายคนนั้นมาตลอดระยะเวลาหลายวัน
“ฉันมาเอาคำตอบ!”
“…..” ลิชาสะดุ้งเฮือก ขยับถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณ ยกมือขึ้นทาบอกพร้อมหัวใจเต้นแรงแบบไม่ทันตั้งตัว “เฮียมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ข้อเสนอที่ฉันให้ ตกลงจะว่ายังไง”
“…..” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ไม่คิดว่าเจ้านายจะตามมาหาเธอด้วยเรื่องนี้
“รีบพูดมา ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมายืนเฝ้าเธอทั้งวัน” แฟรงก์ยืนรอฟังคำตอบ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ปฏิเสธเขาได้ลงคอ
“หนูขอไม่รับนะคะ”
“อีกทีสิ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร” ทวนถามอีกครั้งเผื่อบางทีอาจจะหูดับหรือได้ยินผิดไป
“ข้อเสนอของเฮียหนูไม่ขอรับไว้นะคะ”
“ลองไปคิดดีๆ ก่อนสิ”
“ชาคิดดีแล้วค่ะ” คนตัวเล็กรีบเดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้นด้วยอาการประหม่า แต่ชายหนุ่มก็ยังคงเดินตามมาขวางหน้าของเธอไว้
“ไม่อยากมีเงินใช้หรือไง”
“…..” ยอมรับว่าเงินก็อยากได้แล้วก็ชอบเขามากด้วย แต่ถ้าเธอยอมทำตามข้อเสนอ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผู้หญิงขายตัวเลยสักนิด
“จะเอาไหมเงิน”
“หนูขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนดิ…” แฟรงก์มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่รีบวิ่งหนีเขาออกไป อะไรที่ได้มายากยิ่งรู้สึกท้าทายเสมอ ยิ่งเธอหนีเขายิ่งรู้สึกอยากเอาชนะ “อวดดีไปเถอะ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
-หลายปีผ่านไป-เอส. บี . ดี เซอร์วิสบุรินทร์ภัทรยืนมองภาพถ่ายวันแต่งงานขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนฝาผนังในห้องทำงาน ก่อนจะยกมือปัดป่ายเช็ดถูขัดมันจนเงาวิบวับเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาชีวิตคู่หลังจากแต่งงานมีความสุขดี ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นดังใจหวัง เขาได้ใช้ชีวิตกับคนที่รัก มีลูกชายที่เป็นดังแก้วตาดวงใจของทุกคนในครอบครัวธุรกิจการงานถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ต้องการไอ้แว่นมันได้ขยายกิจการไปต่างประเทศตามที่ตั้งใจ ส่วนงานของเขาก็อยู่ในความพึงพอใจไม่ได้มีอะไรหวือหวาตอนนี้ดาวศุกร์อายุสิบหกปี กำลังแตกเนื้อสาวสะพรั่ง กลายเป็นสาวฮ็อตประจำโรงเรียน ที่มีหนุ่มๆ คอยตามจีบให้เขาตามปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันส่วนชารากับชารันเด็กแฝดถูกไอ้แว่นส่งตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ นานทีปีหนถึงจะได้กลับมา แต่ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะมีปู่กับย่าย้ายถิ่นฐานคอยตามไปดูแล จะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยก็ต่อเมื่อเรียนจบชนินทร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของบุรินทร์วัชร์เป็นคนเจ้าสำอางละเมียดละไม ส่วนเฟยน้องเล็กเป็นเด็กเก็บตัวเงียบชอบอ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร“ป๊า…”อลิชาที่เพิ่งไปรับลูกกลับจากโรงเรียน เปิดประตูเดินเข้า
“เจ๊…”ผู้เป็นแม่ละสายตาจากสิ่งที่ทำ หันกลับไปหันมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าเป็นบุรินทร์ภัทรที่สวมชุดเจ้าบ่าวเดินเข้ามาหา“อะไรของแก”“วันนี้หนูจะแต่งงานแล้วนะ”“ฉันรู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องมาบอก”“อวยพรให้หนูหน่อย” เดินเข้าไปกอดเจ๊ผู้เป็นที่รักไว้แน่น หอมแก้มแม่ซ้ำๆ เหมือนที่ชอบทำอยู่บ่อยๆวันนี้เจ๊ปาลินของเขาแต่งตัวทำผมสวยจัดเต็ม แถมสีหน้ายังดูอิ่มเอมที่ลูกชายคนโตกำลังจะได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา“อารมณ์ไหนของแก”“ตอนนี้จริงจังนะ ไม่ล้อเล่น” ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงบนส้นเท้า น้ำเสียงที่พูดก็ดูเปลี่ยนไป จนทำให้คนเป็นแม่ปรับอารมณ์ไม่ทัน“หนูอยากมาขอพรจากแม่” ชายหนุ่มพนมมือนอบน้อมก้มลงกราบเท้าของคนเป็นแม่ ไม่ใช่แค่ขอพรแต่ตั้งใจจะมาขอขมาและอโหสิกรรมกับสิ่งล่วงเกินที่เคยทำผิดพลาด“…..” ปราณปาลินมองคนตรงหน้าพร้อมแววตาไหวสั่น ยกมือลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน “แม่ขออวยพรให้แฟรงก์มีความสุขในชีวิตนะ ไม่ว่าลูกจะทำอะไร ขอให้ประสบผลสำเร็จทุกอย่าง”“หนูอาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีเหมือนที่แม่อยากให้เป็น หนูขอโทษนะ อโหสิกรรมให้ผมด้วย” หลายครั้งหลายหนที่ทำให้แม่ร้องไห้ ทำให้พวกท่านเสียใจกับลูกที่ไม่ไ
-2F BAR-รถยนต์คันหรูมากมายไปจนถึงระดับไฮเปอร์คาร์จอดเรียงรายนับร้อยคันเต็มพื้นที่บริเวณลานจอดรถขนาดใหญ่ ล้นทะลักออกไปจนถึงด้านนอก“จัดแค่งานเล็กๆ เฮียเชิญเฉพาะแค่คนที่รู้จัก”อาจจะเป็นแค่งานเล็กสำหรับเขา แต่มันมโหฬารอลังการมากสำหรับเธอ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนี้มองด้วยตาเปล่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่าสองพันคนบุรินทร์ภัทรเป็นคนมีอิทธิพลกว้างขวาง คนในวงการต่างนับหน้าถือตาไม่ใช่น้อยๆ จึงไม่แปลกที่จะมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีมากมายในวันนี้เขาเลือกสถานที่จัดงานคือ ‘2F BAR’ ที่แห่งนี้คือจุดเริ่มต้นทำให้ได้เจออลิชาในวันนั้นจนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ความทรงจำดีๆ มากมายอยู่ในที่แห่งนี้“ไหนบอกแค่งานเล็กๆ ไงเฮีย” หมวยเฟย์สะกิดแขนพี่ชายที่ยืนตรวจความเรียบร้อยของงาน“เฮียเชิญแค่คนสนิท มีแต่คนกันเองทั้งนั้น”“นี่มันไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ” หมวยเฟย์วาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจ ซุ้มดอกไม้นำเข้าจากต่างประเทศยาวยิ่งใหญ่เป็นร้อยเมตร เวทีแสงสีเสียงเหมือนกับงานคอนเสิร์ตนักร้องชื่อดังตระการตาอลังการยิ่งกว่าเทศกาลงานประจำปี‘เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้’ ไม่ต้อง
ฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ปลายคางเพื่อให้คนตัวเล็กยอมเปิดริมฝีปาก จับแก่นกายอัดกระแทกเข้าออกจนสุดความยาวซ้ำไปซ้ำมา“อื้อออ…” เสียงหวานร้องครางขาดห้วงเมื่อความคับแน่นตีขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจตายแต่ร่างกายไม่รักดีกับตอบสนองสู้กลับคืนตามสัญชาตญาณ ปลายเรียวลิ้นลากไล้โลมเลียตั้งแต่ส่วนโคนมาจนถึงหัวแดงก่ำ“โคตรเสียว…” ก้มลงมองหญิงสาวด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม อลิชาโคตรทำให้เขาเสียอาการจนแขนขาอ่อนแรงใช้มือควานหาที่จับเพื่อพยุงตัวริมฝีปากเล็กดูดเม้มจนแก้มตอบ ส่วนปลายเรียวลิ้นโลมเลียตวัดขึ้นลงราวกับเป็นไอศกรีมแท่งโปรด“แบบนั้นเลยเด็กดี” รวบเส้นผมยาวสลวยเป็นหางม้า กระตุกลงอย่างแรงเพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นรับสัมผัส “อื้ออ…เฮียแฟรงก์… ” คนตัวเล็กเบ้หน้าด้วยความจุกแน่นเมื่อถูกเอวสอบกระแทกสวนเข้ามาอย่างเนิบนาบแต่หนักหน่วงจนส่วนหัวเข้าลึกไปถึงลำคอ“ดูดแรงๆ เฮียจะแตก”มือเล็กเร่งจังหวะชักรูดท่อนเอ็นให้เร็วขึ้น จนคนตัวสูงเกร็งสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่านสองมือกดศีรษะของเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับหนี ก่อนจะปล่อยสายธารน้ำรักฉีดพวยพุ่งเข้าไปในโพรงปากเล็กทุกหยาดหยด“อื้อ…” เล็บสวยจิกลงบนท่อนขาแกร่งเพื่
“แว่นน้องรัก” บุรินทร์วัชร์ละสายตาจากเด็กน้อยในอ้อมอก เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาใหม่ แค่ได้เห็นหน้าพี่ชายตัวป่วนถึงกับถอนหายใจลากยาววีรกรรมแต่ละอย่างของมันใช่ย่อยที่ไหน ชอบสร้างแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น“กูขอคุยด้วยหน่อย”“ว่ามาสิ”บุรินทร์ภัทรเดินเข้าไปหย่อนตัวนั่งลงข้างแฝดน้อง ก่อนจะส่งยิ้มกว้างมองด้วยสายตาหวานเยิ้ม“ไม่ต้องลีลา มึงจะเอาอะไรก็ว่ามา” แค่เห็นท่าทางมีพิรุธของมันก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องมากวนใจเขาอีกแน่นอน“กูกำลังจะแต่งงาน”“อืม…” ก็พอรู้มาบ้างแล้ว เพราะไอ้แฟรงก์มันชอบพูดกรอกหูให้ฟังอยู่บ่อยๆ เลยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจอะไร“มึงช่วยแต่งงานเป็นเพื่อนกูหน่อยได้ไหม”“อะไรของมึง”“กูอยากให้เราใส่ชุดเจ้าบ่าวเหมือนกัน”“เมาน้ำมันเครื่องเหรอ กูแต่งงานแล้วจะให้แต่งอีกได้ยังไง”“แต่งแล้วก็แต่งอีกได้ แต่งเป็นเพื่อนกูไง”“เลิกคิดอะไรที่มันประหลาดได้แล้วแฟรงก์!” บอกปัดอย่างนึกรำคาญ ไอ้ประเภทที่มันบอกคนปกติเค้าคงไม่ทำกัน“นะแว่นน้องรัก ช่วยแต่งงานอีกรอบเป็นเพื่อนพี่ชายสุดหล่อคนนี้ที”“…..”“มึงเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของกูนะ ทุกช่วงเวลาที่มีความสุขก็อยากมีมึงอยู่ข้างกัน” เอนใบหน้
เอส.บี.ดี เซอร์วิสเอี๊ยดดดด~ ล้อยางรถบดเบียดไปกับพื้นคอนกรีตขัดมันจนเกิดเป็นรอยทางยาว ตามด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มจนทำให้คนที่อยู่แถวนั้นต่างหันมองด้วยความแตกตื่นปราณปาลินรีบวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ ก่อนจะเห็นรถกระบะคันเก่าดริฟหักโค้งหลายตลบเข้ามาภายในร้าน ควันดำโขมงลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ“เด็กเวรที่ไหนมันมาเบิ้ลรถแถวนี้ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน!” ยืนเท้าเอวตะโกนด่าจนเอ็นคอขึ้น ทำเอาลูกค้าของเธอตกอกตกใจกันไปหมด มันน่าจะบิดให้หูขาด “อย่าให้รู้นะเว้ย แม่จะตบให้สมองไหล”“จะเป็นใครได้ล่ะ ก็ลูกชายเจ๊นั่นแหละ”“…..” หลังจากได้ยินประโยคที่หมวยเฟย์บอกจึงรีบถอดแว่นกันแดดแบรนด์เนมออกจากใบหน้า หรี่สายตามองเพื่อให้แน่ใจไม่ผิดแน่ ไอ้เด็กเวรที่เธอเพิ่งด่าไปเมื่อกี้มันคือไอ้ลูกชายตัวดี!“ไอ้แฟรงก์!”แผดเสียงเล็กแหลมตะโกนเรียกดังลั่น บุรินทร์ภัทรเปิดประตูลงจากรถกระบะคันเก่า ยกมือเสยผมขึ้นโชว์ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมส่งยิ้มหวาน สาวใดได้เห็นมีอันต้องหลงจนหัวปักหัวปำแต่โทษทีที่คนหล่อรวยสุดแสนจะเพอร์เฟคอย่างเขานั้นมีลูกมีเมียแล้ว! นอกจากอลิชาเมียเด็กสุดที่รัก ก็ไม่คิดจะมองใครอีก“เป็นไงเจ๊ เท่สะบัดไปเล