Share

บทที่ 10

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน

“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”

การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้

เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์

รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมาก

หากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันที

กฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้

เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา

“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”

“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”

น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวกับเป็นมิตรสหายของนาง

ความประทับใจที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมีต่อเขานับว่าไม่เลวเลย เมื่อเห็นเขาที่สวมชุดขาวทั้งร่าง ความทรงจำที่เก่าจนฝุ่นจับก็วนเวียนอยู่ในหัวของนาง ความรักความทุกข์ทรมานผสมผสานปะปนไม่อาจแยกได้

“ขอบใจเจ้ามาก”

แต่นางไม่ต้องการ

ที่นางเรียนขี่ม้ายิงธนู ไม่ใช่เพื่อเอาอกเอาใจบุรุษ

ณ ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮากำลังอบรมสั่งสอนเฟิ่งจิ่วเหยียน

“เจ้ามีฐานะเป็นถึงฮองเฮา ต้องดูแลจัดการเหล่าสตรีในวังหลังให้ดี ตั้งแต่สนมชั้นเฟยทั้งสี่ไปจนถึงเหล่านางกำนัลและขันที

“นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ควบคุมและตักเตือน

“อย่างเช่นเรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยแต่เพียงผู้เดียว เจ้าเป็นฮองเฮาก็ต้องคอยโน้มน้าวฝ่าบาท ให้ฝนตกทั่วฟ้า เช่นนี้จึงจะรักษาสมดุลของทุกฝ่ายเอาไว้ได้

“อย่าได้ดูถูกวังหลังไป เบื้องหลังสนมนางในเหล่านั้น ล้วนมีข้าหลวงรับราชการอยู่วังหน้า...”

ดูเผิน ๆ เฟิ่งจิ่วเหยียนเหมือนจะตั้งใจฟัง แต่ที่จริงแล้วจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแม้แต่น้อย

เข้าวังมาสองวันแล้ว นางไม่ได้ลืมความแค้นที่ต้องชำระ

คืนนี้นางตัดสินใจที่จะไปตรวจสอบที่ตำหนักหลิงเซียวซักหน่อย

ณ ตำหนักหลิงเซียว ในเวลาเดียวกัน

ห้องภูษาหลวงส่งเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่มา ผ้าแพรต่วนวาววับส่องประกาย

สาวใช้กล่าวอย่างประจบประแจง

“พระสนม ฝ่าบาทช่างโปรดปรานรักใคร่ท่านเหลือเกินเพคะ ผ้าไหมฝูกวง[1]ที่แคว้นปา[2]ส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ ล้วนแต่พระราชทานเป็นรางวัลให้ท่านทั้งหมด หากคืนนี้พระสนมสวมอาภรณ์เหล่านี้ไปร่วมบรรทมจะต้องทำให้ฝ่าบาทไม่อาจละสายตาได้เป็นแน่เพคะ!”

รอยยิ้มของหวงกุ้ยเฟยนั้นเป็นความงามที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมา

แต่ทันใดนั้นเองรอยยิ้มของนางก็เลือนหาย นางจ้องตรงไปยังลายปักรูปดอกหลิงหลานบนอาภรณ์ตัวนั้น ใบหน้าแสดงความกรุ่นโกรธ

“นี่ปักลายอะไรกัน!”

“พระสนมโปรดระงับโทสะ...”

“โบยแปดสิบที ขับไล่ออกจากวัง” หวงกุ้ยเฟยพูดด้วยเสียงแผ่วเบา รวมทั้งโยนอาภรณ์ตัวนั้นทิ้งโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง

แม้แต่เหล่าสาวใช้เองยังรู้สึกว่านี่ช่างโหดร้ายเหลือเกิน โบยแปดสิบที ย่อมเป็นการเอาชีวิตแล้ว

เพียงแค่วันเดียวช่างปักในห้องภูษาหลวงก็ตายไปสิบสามคน ผู้คนในวังล้วนหวาดผวา กลัวว่าจะไปทำให้หวงกุ้ยเฟยไม่พอใจเข้า

ยามค่ำ ฝ่าบาทเสด็จมาที่ตำหนักหลิงเซียว ในตำหนักมีเสียงอ่อนหวานดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ฝ่าบาทเพคะ ลายปักนั้นช่างน่าเกลียดเกินไปแล้ว หม่อมฉันจะสวมออกไปข้างนอกได้อย่างไรกัน ฝ่าบาทเองก็รู้สึกว่าหม่อมฉันทำผิดอย่างงั้นหรือเพคะ?”

ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานนางอย่างไร้ขอบเขต “ไม่ผิด สมควรฆ่าทิ้ง”

ทันใดนั้นเองเขาก็มองขึ้นไปบนขื่อของเรือน ชุดคลุมยาวสะบัดไหว อาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อชิ้นหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนหลังคา

อาวุธลับพุ่งทะลุแผ่นกระเบื้อง เห็นเงาร่างสีดำเคลื่อนไหวอยู่บนหลังคา

ยามนี้เองเหล่าองครักษ์เพิ่งจะรู้ตัวว่าตำหนักหลิงเซียวมีนักฆ่าลอบเข้ามา แต่ละคนต่างชักดาบออกจากฝักเตรียมที่จะสังหารนักฆ่า

พวกเขาบุกขึ้นไปบนหลังคา เกือบจะล้อมนักฆ่าเอาไว้ได้แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่านักฆ่าผู้นั้นจะมีฝีมือขนาดนี้ เพียงชั่วพริบตาก็หายตัวไปท่ามกลางหมอกควัน

เหล่าองครักษ์ไม่เคยพบเจอสถานการณ์ที่แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อน จึงได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ที่จริงแล้วนี่เป็นเพียงการวัดกันที่ความเร็วเท่านั้น

วิชาตัวเบาของเฟิ่งจิ่วเหยียน แม้แต่อาจารย์ของนางยังเคยชมว่านางเป็นอัจฉริยะยากที่จะพานพบ

คืนนี้นางลอบเข้าตำหนักหลิงเซียวสำเร็จ ทั้งยังหลบองครักษ์พวกนั้นและกลไกลับได้ กลับไม่อาจซ่อนตัวจากฮ่องเต้ทรราชนั่นได้

ดูเหมือนกำลังภายในของฮ่องเต้ทรราชนั่นจะลึกล้ำเป็นอย่างมาก จึงสามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของนาง

เป็นนางที่ประเมินศัตรูต่ำไป

นางเกือบจะออกจากตำหนักหลิวเซียวอยู่แล้ว ทันใดนั้นด้านหน้าพลันมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบดบังทางหนีของนาง

คนผู้นั้นสยายผมสีดำขลับ ชุดคลุมดำด้านหน้าแง้มออกเล็กน้อย คอเสื้อเผยให้เห็นถึงลูกกระเดือกและเส้นเอ็นที่ขยายลงไปใต้อาภรณ์ ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายที่มืดมนและโหดเหี้ยม

เขาไม่ได้พกอาวุธใดติดตัวมา จึงอาศัยฝ่ามือต่างกระสวยพุ่งเข้าโจมตีไปที่นาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนตระหนักได้ว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก

แต่นางเองก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน นางสวมชุดพรางตัวท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียว หลบหลีกจากการโจมตีของเขามาได้และยังตีลังกาข้ามมาข้างหลังเขาประหนึ่งปลากระโดดเข้าประตูมังกรอีกด้วย[3]

ขณะเดียวกันนางก็ยิงลูกธนูสั้นในแขนเสื้อออกไป...

เซียวอวี้หน้าตาเคร่งขรึม

นักฆ่าคนนี้ แข็งแกร่งมาก

แค่เรื่องความเร็วก็เหนือกว่าเขาแล้ว

แต่...ไม่ได้หมายความว่าไม่มีจุดอ่อน

เขาเอียงตัวหลบลูกธนูสั้น แล้วออกฝ่ามือไปที่บั้นเอวของนาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนโงนเงนไปข้างหน้า นางรีบหยัดเท้าลงบนพื้นแล้วหันกายกลับมาอย่างรวดเร็ว

ผมของนางสยายออกมากลางอากาศ ตวัดเป็นเส้นโค้งที่งดงาม

ดวงตาทั้งสองข้างของเซียวอวี้หรี่ลงเล็กน้อย

สตรีงั้นหรือ

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว

บั้นเอวของนางมีแผลเก่าอยู่

นึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมองออก ทั้งยังโจมตีมาที่แผลเก่านั้นของนาง

เขาเป็นใครกันแน่!

องครักษ์ลับข้างกายของฮ่องเต้ทรราชงั้นหรือ!

เหล่าองครักษ์ต่างมารวมตัวกันจากทุกสารทิศ

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่อาจสู้ต่อไปได้ จึงปล่อยระเบิดควันออกมาอีกครั้ง แล้วใช้ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อหลบหนีจากไป

แต่ทว่าเซียวอวี้มีพลังการมองเห็นที่แข็งแกร่ง สามารถมองตามเงาร่างที่เคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็วได้ทัน

ณ ตำหนักหย่งเหอ

พอเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมาเหลียนซวงก็ปรี่เข้ามาปรนนิบัตินางเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนำชุดพรางตัวที่ถอดออกมาไปเก็บซ่อนทันที

“ฮองเฮา ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่!”

“ข้าไม่เป็นไร” เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น

ฝ่ามือเมื่อครู่ของบุรุษผู้นั้นทำให้แผลเก่าของนางกำเริบแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้น้ำร้อนอาบน้ำ เหลียนซวงที่เพิ่งจะก้าวออกจากตำหนักมองเห็นคนผู้หนึ่ง

เขาก้าวเดินออกมาจากเงามืด รูปลักษณ์งามสง่า สวมเสื้อคลุมมังกรอันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานะสูงสุดเหนือผู้ใด สวมกวานหยกม่วงรวบผมเอาไว้ ทุกย่างก้าวที่ย่ำเดินมั่นคงและน่าเกรงขาม

ดูเหมือนเขาจะเป็นฮ่องเต้

เหลียนซวงที่พบฮ่องเต้เป็นครั้งแรกตกตะลึงนิ่งอึ้งอยู่กับที่

นึกไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้ทรราชจะหน้าตาหล่อเหลางามสง่าเช่นนี้ รูปงามล่อลวงวิญญาณราวกับปีศาจในหนังสือภาพก็ไม่ปาน

ทว่ากลับน่ากลัว...ราวกับยมฑูตที่มาคร่าชีวิต!

“บ่าวคารวะฝ่าบาทเพคะ!”

เซียวอวี้ย่างก้าวตรงเข้าไปในตำหนัก

เมื่อครู่นักฆ่าผู้นั้นหายตัวไปในตำหนักหย่งเหอ

บั้นเอวของนางได้รับบาดเจ็บ แค่ตรวจดูก็รู้แล้ว

ระหว่างที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ พลันมีบุรุษบุกเข้ามา

นางหันหลังให้กับเขาแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท โปรดประทานอภัยที่หม่อมฉันไม่อาจลุกขึ้นคารวะได้”

เซียวอวี้สายตาคมปลาบ

ดึกถึงเพียงนี้แล้ว เพิ่งจะอาบน้ำ?

“ฮองเฮา ลุกขึ้นมาซะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมมือแน่น

ฮ่องเต้ทรราชสงสัยนางหรือ

“ฮองเฮา เจ้าไม่ได้ยินหรือไร!” บุรุษผู้น่าเกรงขามเดินเข้ามาใกล้

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ บนร่างไม่ได้สวมอะไรซักชิ้น

นางสัมผัสได้ถึงสายตาโหดร้ายเย็นชาของเขาที่จ้องมองมายังแผ่นหลังของนาง

ราวกับมีลูกธนูอันแหลมคมทะลุผ่านร่างของนาง

หากนางลุกขึ้นตามที่ฮ่องเต้ทรราชกล่าว เช่นนั้นร่องรอยฝ่ามือที่บั้นเอวของนางจะต้องถูกพบเป็นแน่

ยามนี้สายตาของเซียวอวี้ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ

ดูจากมุมนี้แล้วฮองเฮากับนักฆ่าผู้นั้นออกจะเหมือนกันอยู่บ้าง...

ทันใดนั้นเขาก็ก้าวไปด้านหน้าก้าวใหญ่ จับไหล่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วใช้แรงดึงนางขึ้นมาจากน้ำ

ซ่า...

----------------------------------------------

[1] ผ้าไหมล้ำค่าในสมัยจีนโบราณ มีคุณสมบัติกันน้ำ

[2] ดินแดนของชนเผ่าปาในสมัยโบราณเรียกว่าแคว้นปาโดยพื้นที่นี้ปัจจุบันอยู่บริเวณเขตปกครองตนเองเอินซี ในมณฑลหูเป่ย

[3] สำนวนที่หมายถึงประสบความสำเร็จ หรือได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (100)
goodnovel comment avatar
อุไรลักษ์ บุตรโชติ
เลิกติดตามคะ
goodnovel comment avatar
อุไรลักษ์ บุตรโชติ
ถูกหลอกเฉยเลย
goodnovel comment avatar
Joom
The angry king is very smart and strong.
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1707

    หลายวันต่อมาณ ลานประหารตงฟางซื่อกับฝานจิ้นในฐานะนักโทษหลวงตามหมายนำจับ ถูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา และถูกกดให้นั่งลงบนแท่นประหารฝูงชนที่มามุงดูต่างรู้สึกแค้นเคืองในความไม่เป็นธรรม“จอมยุทธ์ตงฟางเป็นคนดี! ฆ่าเขาไม่ได้!”“ขุนนางชั่วสมควรตาย! จอมยุทธ์ตงฟางกำจัดภัยเพื่อราษฎร!”บนแท่นประหารตงฟางซื่อไม่เหมือนนักโทษที่กำลังจะถูกตัดหัว กลับเหมือนคนที่กำลังดูการแสดงที่น่าสนุกอยู่ เขาเยาะเย้ยฝานจิ้น“เหล่าฝาน เจ้ายังไม่ดังเท่าข้าเลย เห็นอยู่ว่าพวกเราสองคนเป็นคนฆ่า แต่พวกเขากลับเอ่ยแต่ชื่อข้าคนเดียว...”ฝานจิ้นก้มหน้าลง เตือนโดยปิดบังรูปปาก“เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจ!“ต้องโทษความคิดไม่เข้าท่านี้ของเจ้า! บอกว่าอะไรกันต้องเอาตัวเข้าเสี่ยง เพื่อให้ซูฮ่วนมาช่วย... แล้วคนล่ะ? พวกเราศีรษะจะหล่นลงพื้นอยู่แล้ว แม้แต่เงาซูฮ่วนก็ยังไม่เห็นเลย!”ตงฟางซื่อมองไปรอบ ๆฝานจิ้นทนไม่ไหวอีกต่อไป เงยหน้าขึ้น “เจ้ามองหาอะไรกัน!”ตงฟางซื่อ: “ข้าก็มองหาคนน่ะสิ จะดูว่าเขามาหรือไม่”ฝานจิ้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย: “เจ้ารู้หรือว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร?”“ไม่รู้หรอก ไม่เคยเห็น แต่มิใช่ว่าทุกคนต่างพูดว่าเขาสวม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1706

    วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยเข้ามาในโรงน้ำชา ทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายนักเล่าเรื่องที่อยู่ตรงกลางกำลังบรรยายด้วยถ้อยคำอันน่าเร้าใจ“...แต่เห็นเพียงเด็กหนุ่มผู้นั้นสวมหน้ากากเงินครึ่งซีก ใบหน้าหล่อเหลา ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปอย่างสิ้นเชิง! แปดคนชั่วของหอเฟิ่งหวง แม้แต่กระบวนท่าของเด็กหนุ่มยังไม่ทันได้เห็นชัดเจน ก็ถูกปลิดชีพด้วยกระบี่เดียวทันที!”ด้านล่างมีคนหัวเราะดังลั่น“เฮ้ย! พูดเหลวไหลอะไรกัน! อีกเดี๋ยวก็บอกว่าคนผู้นั้นสวมหน้ากาก อีกเดี๋ยวก็บอกว่าหน้าตาหล่อเหลา ขัดแย้งกันเองเสียจริง! ลงไปเลย!”มีคนหัวเราะตาม: “กลุ่มคนชั่วของหอเฟิ่งหวง แต่ละคนวรยุทธ์ล้ำเลิศ จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนคนเดียวจะฆ่าพวกเขาได้ทั้งหมด? ฟังดูก็รู้ว่าแต่งเรื่องโกหก!”ผู้คนเหล่านั้นเอ่ยกันเซ็งแซ่ นักเล่าเรื่องตอบไม่ทันแต่ละคำถามในขณะนั้น บุรุษในชุดครามที่นั่งอยู่โต๊ะมุมห้องก็เอ่ยขึ้น“พวกเจ้ามีความเข้าใจที่ตื้นเขิน ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คนอื่นพูดนั้นผิด“ตามที่ข้ารู้ เด็กหนุ่มสวมหน้ากากในเรื่องเมื่อครู่นั้น ก็คือซูฮ่วนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน และกำจัดกลุ่มทะเลสาบเกลือเมื่อสอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1705

    “อาจารย์หญิง ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ! อาจารย์จะตีท่านเอาได้!” เฟิ่งจิ่วเหยียนตะโกนเสียงดัง แล้วหันตัวลุกขึ้นวิ่งไปฟ้องทันทีฮูหยินเมิ่งวิ่งตามไปข้างหลัง แต่กลับตามไม่ทันหลังจากเรื่องผ่านไปแล้ว เมิ่งฉวีก็หัวเราะจนท้องแข็ง“ฮูหยินเอ๋ย! ครั้งหน้าห้ามให้จิ่วเหยียนจับได้อีกนะ”“จิ่วเหยียน ทำได้ดีมาก!”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับการยอมรับและกำลังใจ ก็ยิ่งนำหลักการนี้ไปปฏิบัติมากขึ้นฮูหยินเมิ่งได้แต่ยิ้มจนกระทั่งวันหนึ่ง ในที่สุดเด็กสาวจิ่วเหยียนก็ส่งอาจารย์ของนางเข้าไปในคุกจำใหญ่ได้สำเร็จ ในวันนั้น เมิ่งฉวีกำลังหารือเรื่องสำคัญกับอดีตลูกน้องหลายคน พวกเขานำอาวุธที่สร้างขึ้นใหม่มาให้เมิ่งฉวีดู ว่าจะใช้ต้านศัตรูที่อยู่นอกชายแดนเหนือได้หรือไม่ขณะที่คนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส เด็กสาวคนนี้ก็พาเหล่าเจ้าหน้าที่ทหารกลุ่มหนึ่งมาปรากฏตัว และชี้ว่าพวกเขาลักลอบซ่อนยุทโธปกรณ์หลังจากวันนั้น ก็เกิดเรื่องตามมาไม่หยุดหย่อนแทบทุกเช้าที่เปิดประตูบ้านออกมา ฮูหยินก็จะเห็นเพื่อนบ้านมาฟ้องร้อง ว่าสิงโจวกับจิ่วเหยียน เด็กสองคนนี้ 'ก่อปัญหา' ไว้ไม่น้อยเลยไม่ใช่วันนี้ต่อยคนนี้ ก็เป็นเมื่อวา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1704

    ฮูหยินเมิ่งจดจำครั้งแรกที่ได้พบกับจิ่วเหยียนได้เสมอในตอนนั้น ฤดูหนาวเพิ่งจะผ่านพ้นไป อากาศในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิยังคงหนาวเย็นนางตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด แต่งกายให้สิงโจว เตรียมจะไปรับสามีที่ประตูเมืองสิงโจวเพิ่งอายุสองขวบกว่า ในวันนั้นเขาเริงร่าเป็นพิเศษคงรู้แน่ ๆ ว่าท่านพ่อกำลังจะกลับมาขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากบ้าน สาวใช้ก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยิน! ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว!”นางอุ้มสิงโจวอย่างตื่นเต้นยินดี ต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม“ท่านพี่...”ทว่าชั่วพริบตาต่อมา เมื่อเห็นผู้ที่มาถึง สีหน้าของฮูหยินเมิ่งก็พลันมืดครึ้มลงทันทีชายที่ยามปกติประหยัดมัธยัสถ์ วันนี้กลับสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวใหญ่ และอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนเขาปกป้องเด็กทารกคนนั้นอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ลมหนาวพัดโดน“หว่านจวิน” เมิ่งฉวียิ้มอย่างใสซื่อปนงงงวย รอยยิ้มอันอ่อนโยนเมื่อครู่ของฮูหยินเมิ่ง บัดนี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น“เมิ่งฉวีเอ๋ยเมิ่งฉวี! ท่านไปเดินทัพหนึ่งปี ช่างมอบความประหลาดใจใหญ่หลวงให้ข้ายิ่งนัก!”เมิ่งฉวีหน้าซีดเผือดทันที“ไม่ ไม่ใช่! เจ้าเข้าใจผิดแล้ว! นี่ไม่ใช่ลูกของข้านะ.

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1703

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหมดหวังแล้วเพราะอย่างไรเสีย เขาก็จะส่งชื่อมาให้นางไว้เว้นแต่ละวัน นางประหลาดใจมาก ว่าเขาเลี่ยงใช้คำที่ไพเราะเหล่านั้นโดยสิ้นเชิงได้อย่างไรกัน?เซียวอวี้ทำสีหน้าท่าทางลึกลับ“ก็ชื่อ...เซียวจื่อจู้[1]! เขาจะต้องเป็นเสาหลักของต้าฉี ร่วมค้ำจุนอาณาจักรต้าฉีนี้ไว้ไปพร้อมกับพวกเจ้า!”เขากล่าวอย่างฮึกเหิม แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบงันเฟิ่งจิ่วเหยียนหัวเราะแห้งการนำชื่อที่มั่วซั่วมาใส่ความหมายที่ยิ่งใหญ่โอ่อ่า เช่นนี้จะมีประโยชน์อะไรสิ่งที่นางต้องการคือชื่อสักชื่อหนึ่ง ไม่ใช่ความหมายเหล่านั้น!เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงกับขี้คร้านจะพูดอะไรแล้วแปะ แปะ แปะ!อาลี่ปรบมือ“เพราะดี ๆ! แมงมุมน้อย! ลูกชอบแมงมุมน้อย[2] เหมือนที่ชอบเจี้ยนเจี้ยนเลย!”“เซียวจื่อจู้ที่แปลว่าเสาหลักต่างหากเล่า”เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวเหน็บแนม“ใช่แล้ว สามเสาหลัก พอดีเลย อาหลิ่นกับลูก ๆ ก็ไม่ชอบชื่อตัวเอง เช่นนั้นเปลี่ยนชื่อพร้อมกันเลยดีกว่า เป็นต้าจู้ เอ้อจู้ ซานจู้ รับรองว่าแผ่นดินต้าฉีของพระองค์จะมั่นคงแข็งแรง ตั้งตระหง่านไม่ล้มแน่นอนเพคะ!”อาหลิ่นก้มหน้าอย่างท้อแท้ “เช่นนั้นก็ขอเป็นอาหลิ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1702

    กระทั่งฤดูใบไม้ผลิปีถัดมา หร่วนฝูอวี้ก็ยังไม่ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับรุ่ยอ๋องแต่ความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาของพวกเขานั้น ในทางปฏิบัติยังคงอยู่หร่วนฝูอวี้พักอยู่ในจวนอ๋อง บรรดาบ่าวไพร่ต่างก็รู้ว่านางคือพระชายาหลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ จี๋เอ๋อร์ก็ตัวสูงขึ้นไม่น้อยเพียงแต่ร่างกายของเขายังฟื้นตัวได้ช้ามากหร่วนฝูอวี้สงสารลูกชาย จึงเสาะแสวงหาหมอเทวดาจากทุกสารทิศต้นฤดูร้อนในปีเดียวกัน หมอเทวดาเหยียนเพิ่งจากไปแพทย์เปี่ยมคุณธรรมผู้ซึ่งปรุงยาถอนพิษจากหมอยาได้ บัดนี้ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบเพื่อเดินทางสู่ชีวิตอันเป็นนิรันดร์แล้วในวันพิธีศพ ฮ่องเต้ทรงเสด็จมาด้วยพระองค์เอง ราษฎรทั้งเมืองก็มาร่วมส่งเขาเช่นกันบทเพลงอันเศร้าโศกบรรเลงขึ้นในวังหลวง ทุกคนต่างเสียใจกับการจากไปของเขาบางคนแสวงหาหนทางสู่ความเป็นนิรันดร์ แต่บางคนกลับเกลียดชีวิตนิรันดร์ในระหว่างที่ตระกูลถานไถถูกคุมขัง มีหลายคนเลือกที่จะปลิดชีพตัวเองถานไถจิ้งให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เด็กคนนั้นพิเศษมาก เขาสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้ขณะได้ยินเสียงร้องไห้ของลูก ถานไถจิ้งก็หลั่งน้ำตาแห่งความสุขออกมา“อาเหยี่ยน เจ้ากลับมาแล้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status