Share

บทที่ 10

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน

“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”

การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้

เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์

รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมาก

หากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันที

กฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้

เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา

“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”

“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”

น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวกับเป็นมิตรสหายของนาง

ความประทับใจที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมีต่อเขานับว่าไม่เลวเลย เมื่อเห็นเขาที่สวมชุดขาวทั้งร่าง ความทรงจำที่เก่าจนฝุ่นจับก็วนเวียนอยู่ในหัวของนาง ความรักความทุกข์ทรมานผสมผสานปะปนไม่อาจแยกได้

“ขอบใจเจ้ามาก”

แต่นางไม่ต้องการ

ที่นางเรียนขี่ม้ายิงธนู ไม่ใช่เพื่อเอาอกเอาใจบุรุษ

ณ ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮากำลังอบรมสั่งสอนเฟิ่งจิ่วเหยียน

“เจ้ามีฐานะเป็นถึงฮองเฮา ต้องดูแลจัดการเหล่าสตรีในวังหลังให้ดี ตั้งแต่สนมชั้นเฟยทั้งสี่ไปจนถึงเหล่านางกำนัลและขันที

“นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ควบคุมและตักเตือน

“อย่างเช่นเรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยแต่เพียงผู้เดียว เจ้าเป็นฮองเฮาก็ต้องคอยโน้มน้าวฝ่าบาท ให้ฝนตกทั่วฟ้า เช่นนี้จึงจะรักษาสมดุลของทุกฝ่ายเอาไว้ได้

“อย่าได้ดูถูกวังหลังไป เบื้องหลังสนมนางในเหล่านั้น ล้วนมีข้าหลวงรับราชการอยู่วังหน้า...”

ดูเผิน ๆ เฟิ่งจิ่วเหยียนเหมือนจะตั้งใจฟัง แต่ที่จริงแล้วจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแม้แต่น้อย

เข้าวังมาสองวันแล้ว นางไม่ได้ลืมความแค้นที่ต้องชำระ

คืนนี้นางตัดสินใจที่จะไปตรวจสอบที่ตำหนักหลิงเซียวซักหน่อย

ณ ตำหนักหลิงเซียว ในเวลาเดียวกัน

ห้องภูษาหลวงส่งเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่มา ผ้าแพรต่วนวาววับส่องประกาย

สาวใช้กล่าวอย่างประจบประแจง

“พระสนม ฝ่าบาทช่างโปรดปรานรักใคร่ท่านเหลือเกินเพคะ ผ้าไหมฝูกวง[1]ที่แคว้นปา[2]ส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ ล้วนแต่พระราชทานเป็นรางวัลให้ท่านทั้งหมด หากคืนนี้พระสนมสวมอาภรณ์เหล่านี้ไปร่วมบรรทมจะต้องทำให้ฝ่าบาทไม่อาจละสายตาได้เป็นแน่เพคะ!”

รอยยิ้มของหวงกุ้ยเฟยนั้นเป็นความงามที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมา

แต่ทันใดนั้นเองรอยยิ้มของนางก็เลือนหาย นางจ้องตรงไปยังลายปักรูปดอกหลิงหลานบนอาภรณ์ตัวนั้น ใบหน้าแสดงความกรุ่นโกรธ

“นี่ปักลายอะไรกัน!”

“พระสนมโปรดระงับโทสะ...”

“โบยแปดสิบที ขับไล่ออกจากวัง” หวงกุ้ยเฟยพูดด้วยเสียงแผ่วเบา รวมทั้งโยนอาภรณ์ตัวนั้นทิ้งโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง

แม้แต่เหล่าสาวใช้เองยังรู้สึกว่านี่ช่างโหดร้ายเหลือเกิน โบยแปดสิบที ย่อมเป็นการเอาชีวิตแล้ว

เพียงแค่วันเดียวช่างปักในห้องภูษาหลวงก็ตายไปสิบสามคน ผู้คนในวังล้วนหวาดผวา กลัวว่าจะไปทำให้หวงกุ้ยเฟยไม่พอใจเข้า

ยามค่ำ ฝ่าบาทเสด็จมาที่ตำหนักหลิงเซียว ในตำหนักมีเสียงอ่อนหวานดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ฝ่าบาทเพคะ ลายปักนั้นช่างน่าเกลียดเกินไปแล้ว หม่อมฉันจะสวมออกไปข้างนอกได้อย่างไรกัน ฝ่าบาทเองก็รู้สึกว่าหม่อมฉันทำผิดอย่างงั้นหรือเพคะ?”

ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานนางอย่างไร้ขอบเขต “ไม่ผิด สมควรฆ่าทิ้ง”

ทันใดนั้นเองเขาก็มองขึ้นไปบนขื่อของเรือน ชุดคลุมยาวสะบัดไหว อาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อชิ้นหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนหลังคา

อาวุธลับพุ่งทะลุแผ่นกระเบื้อง เห็นเงาร่างสีดำเคลื่อนไหวอยู่บนหลังคา

ยามนี้เองเหล่าองครักษ์เพิ่งจะรู้ตัวว่าตำหนักหลิงเซียวมีนักฆ่าลอบเข้ามา แต่ละคนต่างชักดาบออกจากฝักเตรียมที่จะสังหารนักฆ่า

พวกเขาบุกขึ้นไปบนหลังคา เกือบจะล้อมนักฆ่าเอาไว้ได้แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่านักฆ่าผู้นั้นจะมีฝีมือขนาดนี้ เพียงชั่วพริบตาก็หายตัวไปท่ามกลางหมอกควัน

เหล่าองครักษ์ไม่เคยพบเจอสถานการณ์ที่แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อน จึงได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ที่จริงแล้วนี่เป็นเพียงการวัดกันที่ความเร็วเท่านั้น

วิชาตัวเบาของเฟิ่งจิ่วเหยียน แม้แต่อาจารย์ของนางยังเคยชมว่านางเป็นอัจฉริยะยากที่จะพานพบ

คืนนี้นางลอบเข้าตำหนักหลิงเซียวสำเร็จ ทั้งยังหลบองครักษ์พวกนั้นและกลไกลับได้ กลับไม่อาจซ่อนตัวจากฮ่องเต้ทรราชนั่นได้

ดูเหมือนกำลังภายในของฮ่องเต้ทรราชนั่นจะลึกล้ำเป็นอย่างมาก จึงสามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของนาง

เป็นนางที่ประเมินศัตรูต่ำไป

นางเกือบจะออกจากตำหนักหลิวเซียวอยู่แล้ว ทันใดนั้นด้านหน้าพลันมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบดบังทางหนีของนาง

คนผู้นั้นสยายผมสีดำขลับ ชุดคลุมดำด้านหน้าแง้มออกเล็กน้อย คอเสื้อเผยให้เห็นถึงลูกกระเดือกและเส้นเอ็นที่ขยายลงไปใต้อาภรณ์ ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายที่มืดมนและโหดเหี้ยม

เขาไม่ได้พกอาวุธใดติดตัวมา จึงอาศัยฝ่ามือต่างกระสวยพุ่งเข้าโจมตีไปที่นาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนตระหนักได้ว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก

แต่นางเองก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน นางสวมชุดพรางตัวท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียว หลบหลีกจากการโจมตีของเขามาได้และยังตีลังกาข้ามมาข้างหลังเขาประหนึ่งปลากระโดดเข้าประตูมังกรอีกด้วย[3]

ขณะเดียวกันนางก็ยิงลูกธนูสั้นในแขนเสื้อออกไป...

เซียวอวี้หน้าตาเคร่งขรึม

นักฆ่าคนนี้ แข็งแกร่งมาก

แค่เรื่องความเร็วก็เหนือกว่าเขาแล้ว

แต่...ไม่ได้หมายความว่าไม่มีจุดอ่อน

เขาเอียงตัวหลบลูกธนูสั้น แล้วออกฝ่ามือไปที่บั้นเอวของนาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนโงนเงนไปข้างหน้า นางรีบหยัดเท้าลงบนพื้นแล้วหันกายกลับมาอย่างรวดเร็ว

ผมของนางสยายออกมากลางอากาศ ตวัดเป็นเส้นโค้งที่งดงาม

ดวงตาทั้งสองข้างของเซียวอวี้หรี่ลงเล็กน้อย

สตรีงั้นหรือ

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว

บั้นเอวของนางมีแผลเก่าอยู่

นึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมองออก ทั้งยังโจมตีมาที่แผลเก่านั้นของนาง

เขาเป็นใครกันแน่!

องครักษ์ลับข้างกายของฮ่องเต้ทรราชงั้นหรือ!

เหล่าองครักษ์ต่างมารวมตัวกันจากทุกสารทิศ

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่อาจสู้ต่อไปได้ จึงปล่อยระเบิดควันออกมาอีกครั้ง แล้วใช้ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อหลบหนีจากไป

แต่ทว่าเซียวอวี้มีพลังการมองเห็นที่แข็งแกร่ง สามารถมองตามเงาร่างที่เคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็วได้ทัน

ณ ตำหนักหย่งเหอ

พอเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมาเหลียนซวงก็ปรี่เข้ามาปรนนิบัตินางเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนำชุดพรางตัวที่ถอดออกมาไปเก็บซ่อนทันที

“ฮองเฮา ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่!”

“ข้าไม่เป็นไร” เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น

ฝ่ามือเมื่อครู่ของบุรุษผู้นั้นทำให้แผลเก่าของนางกำเริบแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้น้ำร้อนอาบน้ำ เหลียนซวงที่เพิ่งจะก้าวออกจากตำหนักมองเห็นคนผู้หนึ่ง

เขาก้าวเดินออกมาจากเงามืด รูปลักษณ์งามสง่า สวมเสื้อคลุมมังกรอันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานะสูงสุดเหนือผู้ใด สวมกวานหยกม่วงรวบผมเอาไว้ ทุกย่างก้าวที่ย่ำเดินมั่นคงและน่าเกรงขาม

ดูเหมือนเขาจะเป็นฮ่องเต้

เหลียนซวงที่พบฮ่องเต้เป็นครั้งแรกตกตะลึงนิ่งอึ้งอยู่กับที่

นึกไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้ทรราชจะหน้าตาหล่อเหลางามสง่าเช่นนี้ รูปงามล่อลวงวิญญาณราวกับปีศาจในหนังสือภาพก็ไม่ปาน

ทว่ากลับน่ากลัว...ราวกับยมฑูตที่มาคร่าชีวิต!

“บ่าวคารวะฝ่าบาทเพคะ!”

เซียวอวี้ย่างก้าวตรงเข้าไปในตำหนัก

เมื่อครู่นักฆ่าผู้นั้นหายตัวไปในตำหนักหย่งเหอ

บั้นเอวของนางได้รับบาดเจ็บ แค่ตรวจดูก็รู้แล้ว

ระหว่างที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ พลันมีบุรุษบุกเข้ามา

นางหันหลังให้กับเขาแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท โปรดประทานอภัยที่หม่อมฉันไม่อาจลุกขึ้นคารวะได้”

เซียวอวี้สายตาคมปลาบ

ดึกถึงเพียงนี้แล้ว เพิ่งจะอาบน้ำ?

“ฮองเฮา ลุกขึ้นมาซะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมมือแน่น

ฮ่องเต้ทรราชสงสัยนางหรือ

“ฮองเฮา เจ้าไม่ได้ยินหรือไร!” บุรุษผู้น่าเกรงขามเดินเข้ามาใกล้

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ บนร่างไม่ได้สวมอะไรซักชิ้น

นางสัมผัสได้ถึงสายตาโหดร้ายเย็นชาของเขาที่จ้องมองมายังแผ่นหลังของนาง

ราวกับมีลูกธนูอันแหลมคมทะลุผ่านร่างของนาง

หากนางลุกขึ้นตามที่ฮ่องเต้ทรราชกล่าว เช่นนั้นร่องรอยฝ่ามือที่บั้นเอวของนางจะต้องถูกพบเป็นแน่

ยามนี้สายตาของเซียวอวี้ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ

ดูจากมุมนี้แล้วฮองเฮากับนักฆ่าผู้นั้นออกจะเหมือนกันอยู่บ้าง...

ทันใดนั้นเขาก็ก้าวไปด้านหน้าก้าวใหญ่ จับไหล่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วใช้แรงดึงนางขึ้นมาจากน้ำ

ซ่า...

----------------------------------------------

[1] ผ้าไหมล้ำค่าในสมัยจีนโบราณ มีคุณสมบัติกันน้ำ

[2] ดินแดนของชนเผ่าปาในสมัยโบราณเรียกว่าแคว้นปาโดยพื้นที่นี้ปัจจุบันอยู่บริเวณเขตปกครองตนเองเอินซี ในมณฑลหูเป่ย

[3] สำนวนที่หมายถึงประสบความสำเร็จ หรือได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (100)
goodnovel comment avatar
อุไรลักษ์ บุตรโชติ
เลิกติดตามคะ
goodnovel comment avatar
อุไรลักษ์ บุตรโชติ
ถูกหลอกเฉยเลย
goodnovel comment avatar
Joom
The angry king is very smart and strong.
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1631

    ถานไถเหยี่ยนหาได้ผิดคำพูดไม่ เขารีบจัดเตรียมคนมา รักษาอาการบาดเจ็บของหยวนจั้นทันที ไม่ช้า เลือดก็หยุดไหล หยวนจั้นรอดชีวิตได้อย่างหวุดหวิด ถึงแม้จะหมดสติเพราะความเจ็บปวด เขายังจับกระบี่นั้นไว้ไม่ปล่อย เรื่องใดที่เขาได้รับปากไว้แล้ว ต้องทำให้สำเร็จ! ถานไถเหยี่ยนเดินมาที่ข้างเตียงของเขา มองเขาด้วยแววตาที่ไม่อาจทนไหว “เจ้าควรระวังให้มากกว่านี้ “มัวแต่สนใจศัตรูที่อยู่ตรงหน้า กลับลืมศัตรูที่อาจปรากฏขึ้นข้างหลัง เจ้าประมาทเกินไป” ริมฝีปากซีดเซียวของหยวนจั้นกระตุกเล็กน้อย เหมือนยิ้ม และเหมือนเยาะเย้ย “อย่าเสแสร้งอีกเลย ข้า...ขยะแขยง” สีหน้าของถานไถเหยี่ยนไม่แสดงความขุ่นเคืองแม้แต่น้อย เขายื่นมือออกไปแตะผ่านหน้าอกของหยวนจั้น ซึ่งบนนั้นมีผ้าพันแผลอยู่ ทันใดนั้น ก็พลิกฝ่ามือ จับกระบี่นั้นไว้ แม้จะมีฝักกระบี่กั้นอยู่ เขายังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงของหยวนจั้น “เจ้าดูเหมือนจะชอบกระบี่เล่มนี้มาก แทบจะหมดสติแล้ว ก็ยังกำมันไว้แน่น” หยวนจั้นหันหน้าไปทางอื่น “ข้าพูดแล้ว ข้าอยากเป็นอ๋องของดินแดนนี้ และนี่คือคำมั่นสัญญา ไม่อาจทิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1630

    ถานไถเหยี่ยนประหลาดใจมาก ที่หยวนจั้นเป็นฝ่ายมาหาเขาก่อน และยังมาเพื่อหารือแผนการขับไล่ศัตรูด้วย หยวนจั้นนั่งลงที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามเขา ดวงตาเย็นชาเคียดแค้น “มิใช่ท่านอยากรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งหรือ? แล้วเหตุใดท่านจึงไม่กระทำการโต้กลับเสียที จะปล่อยให้หนานฉีโจมตีและยึดครองเมืองต่าง ๆ มากมายของแคว้นตงซานเช่นนี้หรือ?” ถานไถเหยี่ยนรินชาให้เขาด้วยตนเอง บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่อ่อนโยน “หยวนจั้น สิ่งที่เจ้าเห็น คือแคว้นตงซานสูญเสียหลายเมืองติดต่อกัน สิ่งที่ข้าเห็น เป็นกองทัพฉีที่กำลังเดินเข้าสู่กับดักที่ข้าเตรียมไว้ทีละก้าว “นั่นคือความสนุกของการล่า มิใช่หรือ? “บางคนชอบที่จะยิงสังหารเหยื่อด้วยลูกธนูเพียงดอกเดียว แต่ข้าชอบดูเหยื่อตกลงไปในกับดัก ดิ้นรนอย่างยากลำบาก ร้องคร่ำครวญ จนกระทั่งพวกเขาหมดหวังในการมีชีวิตรอด ภายใต้ความหวาดกลัวทางจิตใจและความเจ็บปวดทางร่างกาย โหยหาความตายตลอดเวลา” หยวนจั้นไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “เรื่องที่ท่านเอ่ยมา ข้าไม่เข้าใจ “สิ่งที่ข้ารู้คือ เท่าที่ดูตอนนี้ กองทัพฉีบุกทะลวงเหมือนผ่าลำไผ่ ท่านต้านทานไม่ไหวแล้ว” ถานไถเหยี่ยนกล่าวด้วยรอยย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1629

    เมื่อได้ยินข่าวว่าทัพแนวหน้ากำลังรอคอยเสบียงเพื่อบรรเทาสถานการณ์ฉุกเฉิน เหลียนซวงก็รีบตอบตกลงทันทีสิ่งเดียวที่เป็นกังวล คือเกรงว่าตนเองจะทำได้ไม่ดีพอ แล้วทำให้ล่าช้าเสบียงชุดที่สองถูกส่งออกเดินทาง พวกทหารปลอมตัวเป็นขบวนพ่อค้า โดยมีเหลียนซวงเป็นผู้นำขบวนตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางเดินทางไปมาหลายแห่งแรกเริ่มเพียงทำธุรกิจขายงานเขียนและภาพวาด แต่บัดนี้เพื่อเลี้ยงดูเด็กกำพร้าในจวน ธุรกิจที่นางข้องเกี่ยวก็ค่อย ๆ ขยายมากขึ้นในเรื่องนี้ก็ขาดการช่วยเหลือของเจียงหลินไม่ได้ตระกูลเจียงนับเป็นตระกูลมั่งคั่งที่สุดแห่งแคว้นหนานฉี หลังนายท่านเจียงเสียชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างในตระกูลเจียงล้วนยกให้เจียงหลินดูแลเด็กหนุ่มผู้เคยมีความฝันอยากถือกระบี่ออกพเนจรท่องยุทธภพ ท้ายที่สุดกลับถูกบีบให้แบกรับภาระอันหนักหน่วงของตระกูล…...แคว้นตงซานเฟิ่งจิ่วเหยียนอาศัยความมืด มาถึงจวนตระกูลหยวนนางไม่ได้เผยตัวตน หากแต่โยนก้อนหินที่พันด้วยแผ่นกระดาษเข้าไปในห้องภายในห้องหยวนจั้นที่เดิมนอนพลิกกายไม่หลับตลอดทั้งคืน ลุกขึ้นมาเก็บก้อนหินแล้วเห็นแผ่นกระดาษเมื่อเปิดออกดู เขาก็ขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็รีบทำลาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1628

    เซียวอวี้เห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยตาตนเอง ค่อยเชื่อว่านางมาจริง ๆเขารีบโอบกอดนางเต็มอ้อมแขน พร้อมทั้งจุมพิตลงบนหน้าผากของนาง“เจ้ามาได้อย่างไร? หรือว่าเจอตำแหน่งดวงตาค่ายกลแล้ว?”เฟิ่งจิ่วเหยียนคลายตัวออกจากอ้อมแขนเขา มองสบตาเขาอย่างจริงจัง“ความเป็นไปได้เก้าในสิบส่วน แต่ก็ยังไม่มั่นใจมาก“ตอนนี้มีปัญหาอย่างหนึ่ง กระบี่ของเสียวอู่ อยู่ในมือถานไถเหยี่ยน“หากจะเปิดประตูสำริดที่อยู่ด้านนอกตำแหน่งดวงตาค่ายกล ต้องใช้กระบี่เล่มนั้น”เซียวอวี้เข้าใจความหมายของนางทันที“เจ้ามาเพื่อชิงกระบี่ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“อืม”แล้วก็พูดเสริม “แวะมาดูท่านด้วย”เซียวอวี้หัวเราะขมขื่น “ที่แท้เราเป็นเพียงเรื่องแวะมาด้วยเท่านั้นเอง”เฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองผังทรายในกระโจมใหญ่ เดินเข้าไปเพ่งดูพลางเอ่ยถาม “ตอนนี้ไม่คิดจะโจมตีเมืองหลวงหรือ?”“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะแก่การโจมตีเมือง กองหนุนจากหนานเจียงก็กำลังใกล้มาถึงแล้ว เราส่งจางฉี่หยางออกไปรับเสบียง เตรียมพร้อมทำศึกระยะยาว”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“พูดถึงกองหนุน ที่จริงการมาครั้งนี้ หม่อมฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”เซ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1627

    ระหว่างที่พูด เฟิ่งจิ่วเหยียนยื่นกระบี่ชื่อหยวนที่อยู่กับตนให้ตงฟางซื่อ พร้อมกำชับเขา“กันไว้ดีกว่า หากข้าล้มเหลว เจ้าจงนำกระบี่เล่มนี้ไป ห้ามปล่อยให้ตกอยู่ในมือถานไถเหยี่ยนเด็ดขาด”ตงฟางซื่อไม่รับดาบ เขาเสนออย่างจริงจัง “ให้ข้าไปจะดีกว่า ต่อสู้กับถานไถเหยี่ยน ข้ามีโอกาสชนะมากกว่า”ว่ากันตามวิทยายุทธ เขาเหนือกว่าเฟิ่งจิ่วเหยียน ทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดปฏิเสธ“ถานไถเหยี่ยนมิใช่ผู้ที่มีฝีมือยุทธ์สูง เราสองคนไม่ว่าใครไป ผลก็ไม่ต่างกัน แต่หากจะเปิดตำแหน่งจุดศูนย์กลางค่ายกล เจ้าสำคัญกว่าข้า“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ามิได้คิดจะไปหาถานไถเหยี่ยน เพื่อต่อสู้กับเขาโดยตรง การทำเช่นนั้นไม่ต่างอะไรกับเอาตัวเข้าไปติดกับดัก”เมื่อเป็นเช่นนี้ ตงฟางซื่อก็ไม่เซ้าซี้อีก……นอกเมืองหลวงแคว้นตงซานกองทัพแคว้นหนานฉีล้อมเมืองเอาไว้แน่นหนา ทว่าไม่เร่งบุกเข้าโจมตีในกระโจมใหญ่เหล่าแม่ทัพเข้าทูลถามเซียวอวี้ “ฝ่าบาท พวกเรายังต้องรอคอยจังหวะต่อไปหรือไม่?”เซียวอวี้เอ่ยด้วยท่าทางขรึมขลัง“ถานไถเหยี่ยนมิได้อยู่ในเมืองหลวง แสดงว่าใจของเขามิได้อยู่ที่การป้องกันเมืองหลวง น่าจะเป็นการวางกับดักเสียมากกว่า“ประ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1626

    ตงฟางซื่อมั่นใจมากหนึ่งในร่องนูนที่เห็นนั้น ก็คือกระบี่ชื่อหยวนจากนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเคยบอกไว้ กระบี่ชื่อหยวนมีสองเล่ม คือกระบี่สว่างกับกระบี่มืดพวกมันจะต้องเป็นกุญแจสำหรับเปิดประตูสำริดยักษ์อย่างแน่นอน!ตงฟางซื่อหันไปถามเสียวอู่“กระบี่เล่มของเจ้าล่ะ!”เสียวอู่ขมวดคิ้ว“ข้าว่า สหายตงฟาง เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกท่านไป ท่านลืมแล้วหรือ? พวกเขาแย่งกระบี่ของข้าไปแล้ว นั่นเป็นกระบี่ที่ท่านอาจารย์มอบให้ข้า พวกเขาบอกว่าเป็นกระบี่แห่งบุตรสวรรค์ ข้า…”“เลิกพูดพล่าม กระบี่อยู่ไหน! ตอนนี้อยู่ในมือใคร?”ตงฟางซื่อที่ปกติเป็นคนใจเย็นต่อให้เผชิญความอันตรายยังคิดกินอาหารให้อิ่มท้อง เป็นผีอิ่มไม่เป็นผีอดตาย แต่เวลานี้กลับไม่อาจใจเย็นได้จุดศูนย์กลางของเขาเปล่งประกายความตื่นเต้นเสียวอู่ชะงัก“อยู่ อยู่...ในมือถานไถเหยี่ยน”สีหน้าของตงฟางซื่อแข็งทื่อนี่คงจะยุ่งยากหน่อย…เสียวอู่ถามต่อ “ว่าแต่ ทำไมท่านถึงร้อนรนขนาดนี้? กระบี่ของข้าถูกแย่งไป ดูเหมือนท่านจะร้อนใจกว่าข้าเสียอีก”เพื่อยืนยันความคิดของตนเอง และด้วยความรอบคอบ ตงฟางซื่อชี้ไปที่ปากของสัตว์อสูรยักษ์ ให้เสียวอู่ดู

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status