เพราะตอนที่คุยกันอยู่ที่โต๊ะกินข้าวชั้นล่าง เธอมัวแต่โฟกัสเรื่องสัตว์เลี้ยงของเขา ทำให้ไม่ได้คิดอะไรมาก
แต่พอกำลังจะก้าวเดินเข้าไปในห้องนอนของอีกฝ่าย ก็อดที่จะประหม่าไม่ได้
อืม... ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอเข้าห้องผู้ชายซะด้วยสิ ถึงแม้จะไม่มีเจตนาไปทางนั้นก็เถอะ
หญิงสาวมีเวลาพอที่จะได้เห็นภาพรวมเฟอร์นิเจอร์ห้องนอนของชายหนุ่มเพียงคร่าวๆ เท่านั้น ก่อนที่เขาจะเปิดประตูที่เชื่อมต่อกับห้องนอนไปยังอีกห้องหนึ่ง
“ห้องผมของเยอะหน่อยนะครับ” พิรุณส่งสัญญาณให้เธอเดินนำเข้าไปก่อน
เฌอเอมเดินเข้าไป ก่อนจะพบเข้ากับสรวงสวรรค์
“โอ้โห”
มันคือสวรรค์จริงๆ เพราะทั้งห้องเต็มไปด้วยของสะสมหลากหลายอย่าง แบ่งโซนกันอย่างชัดเจน ได้แก่ โซนภาพวาดศิลปะ โซนโมเดล และโซนสัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก
เป็นห้องในฝันของเธอเลย!
ร่างบางก้าวไปหยุดอยู่กลางห้อง มองไปทางโน้นทีทางนี้ทีอย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะเดินไปดูตรงไหนก่อน
ห้องนี้เป็นห้องขนาดเจ็ดคูณเจ็ดตารางเมตรซึ่งใหญ่พอๆ กับคอนโดหนึ่งห้อง ปูไว้ด้วยพื้นพรมสีเทาเข้ม ในห้องมีอากาศเย็นสบายเนื่องจากแอร์ที่ถูกเปิดไว้ก่อนแล้ว และคาดว่าน่าจะเปิดอยู่ตลอดเวลา
ผนังฝั่งซ้ายถูกประดับประดาไว้ด้วยงานศิลปะทั้งหมด มีทั้งแขวนอยู่ และวางไว้บนชั้น ซึ่งเป็นจุดแรกที่เธอตัดสินใจเดินไปดู
“ทำไมคุณไม่เอาไปตกแต่งห้องอื่นบ้างล่ะคะ”
เธอหันไปถามชายหนุ่มที่กำลังปิดประตูห้อง เพราะจำได้ว่าตั้งแต่เธอเดินเข้าบ้านเขามา ก็ไม่เคยเห็นงานศิลปะชิ้นไหนเลย มีเพียงแจกันดอกไม้ที่วางอยู่ประปรายเท่านั้น
เขาเดินตามเธอมาหยุดอยู่ที่หน้ารูปภาพของวรพร นักวาดรุ่นใหม่ของไทยที่หลงไหลในวิถีชีวิตของชาวปกาเกอะยอเป็นพิเศษ
“ผมชอบบ้านโล่งๆ มากกว่าน่ะครับ”
เธอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนที่ฝีเท้าจะไปหยุดอยู่ที่หน้ารูปภาพพู่กันจีนโบราณขนาดมาตรฐานภาพหนึ่งซึ่งถูกแขวนไว้บนผนังห้อง
เป็นภาพวิวทิวทัศน์ทั่วไปที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก แต่มันประหลาดตรงที่มีหมีแพนด้าและเต่ายักษ์อยู่ในภาพ ในขณะเดียวกันก็มีเด็กสาวตัวเล็กๆ ยืนอยู่ด้วย
ดูขัดแย้ง แต่ก็เข้ากันอย่างน่าประหลาด
“ใครเป็นคนวาดรูปนี้เหรอคะ” ไม่เห็นจะมีชื่อเจ้าของภาพแปะไว้ข้างล่างอย่างภาพอื่น
“คนวาดชื่อหลี่เฉิงไห่น่ะครับ”
พูดชื่อออกไป ก็สังเกตการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่พบปฏิกิริยาใดๆ ที่บ่งบอกว่าเธอเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
จริงๆ แล้วมันคือภาพที่เขาวาดขึ้นใหม่อีกครั้งในชาตินี้ โดยที่ไม่ลืมวาดองค์หญิงน้อยของเขาลงไปด้วย
“เป็นภาพที่ให้อารมณ์แปลกดีนะคะ”
เธอหันมาคุยด้วย ก่อนจะสังเกตว่าใบหน้าของเธอกับเขาอยู่ห่างกันเพียงแค่ชั่วระยะไม้บรรทัดกั้น
“ครับ แปลกแต่ผม ‘ชอบ’...”
คำว่าชอบ ถูกเว้นจังหวะ และสายตาเป็นประกายของฝ่ายชายทำเอาหัวสมองของเธอเริ่มเบลอ ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงกับบรรยากาศแปลกๆ นี้
“อ๋อค่ะ” สุดท้ายก็หาเสียงของตัวเองเจอ เลยได้ตอบกลับไปแผ่วเบา
เมื่อได้เห็นร่างบางทำหน้าสับสนและทำตัวไม่ถูก พิรุณก็ยิ่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในตัวที่ถูกจุดขึ้น
เป็นความรู้สึกหวานปนขม อยากจะแกล้งอีกฝ่ายให้ไปไม่เป็น ทำตัวไม่ถูกมากยิ่งขึ้น
“ไหนๆ เราก็อยู่ด้วยกันแล้ว ผมขอเรียกคุณว่า ‘เอม’ เฉยๆ ได้ไหมครับ”
ประโยคสองแง่สองง่ามของเขาทำเอาหญิงสาวหน้าร้อนผ่าว
“อยู่บ้านเดียวกันค่ะ ไม่ใช่อยู่ด้วยกัน”
“สำหรับผม มันก็ความหมายเดียวกันนะครับ”
“ไม่เหมือนสิคะ”
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะหมายความว่า อยู่ด้วยกัน ล่ะครับ”
“คุณพิรุณ” จะให้เธอพูดออกไปได้ยังไงเล่า!
“เรียก ‘พี่พาย’ ก็พอครับ”
“ค่ะ งั้นเรียกเอมว่าเอมก็ได้ค่ะ”
เธอรีบตอบรับ เพราะไหนๆ เขาก็พาเปลี่ยนเรื่องแล้ว
น่ารักจัง ชายหนุ่มได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจเมื่อได้ยินหญิงสาวแทนตัวเองด้วยชื่อของตน เหมือนตอนที่พวกเขาเล่นละครหลอกคุณนเรศ
“ครับ เอม” น้ำเสียงอ้อยอิ่ง ชวนใจสั่น จนเจ้าของชื่อแสร้งทำเป็นสนใจอย่างอื่นเพื่อที่จะเดินหนีออกไปจากจุดนั้น
และกรงมุ้งลวดขนาดใหญ่ที่ข้างในมีเบี๊ยดดราก้อนอยู่ ก็เป็นจุดที่เธอเลือกใช้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตน
“น้องอ้วนจังเลย ตัวนี้ตัวผู้หรือตัวเมียเหรอ... อุ๊ย!”
จังหวะที่หันไปถามคนที่ยังไม่ได้เดินตามมานั้น จู่ๆ เธอก็สะดุดอากาศ ล้มจนเข่าทั้งสองข้างกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง ดีที่มีมือช่วยรับน้ำหนักไว้
เป็นจังหวะที่แม้แต่พิรุณก็เข้ามาช่วยไว้ไม่ทัน แต่ชายหนุ่มก็รีบเข้ามาพยุงเธอขึ้นให้ไปนั่งบนโซฟาที่วางอยู่หน้าตู้ไม้น้ำ
ทำไมไม่เห็นเหมือนในละครเลย ที่เวลาผู้หญิงล้ม มักจะมีผู้ชายมาช่วยไว้ได้ทัน
เฌอเอมแอบคิดอย่างเซ็งๆ
“เอมไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ หลังจากต้องยอมตัดใจปล่อยมือออกจากร่างนุ่มนิ่มทั้งที่ไม่อยากทำเลยสักนิด
ขนาดแขนกับเอวยังนุ่มลื่นขนาดนี้ ไม่รู้ว่าส่วนอื่นจะนุ่มนิ่มขนาดไหน
“ไม่เจ็บ แต่อายค่ะ” หน้างอง้ำจนคนมองอยากจะหยิกแก้มกลมๆ นั่นซะเหลือเกิน “พี่พายก็เห็นใช่มั้ยว่าไม่มีอะไรอยู่ที่พื้น ไม่รู้ทำไมเอมถึงสะดุดได้”
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเธอเรียกชื่อเล่นของเขา
“ใช่ ไม่มีอะไรเลยครับ”
“ใช่มะๆ” หันไปเขย่าแขนคนข้างตัวอย่างดีใจที่มีคนเห็นด้วย
แต่ก่อนที่จะได้ผละออกไป กลับถูกมือหนากุมมือข้างหนึ่งไว้ ทำให้หญิงสาวมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแปลกใจ
“เมื่อกี้ผมถามจริงจังนะ” นิ้วหนาแต่นุ่มลูบหลังมือเธอแผ่วเบา “ทำยังไงเราถึงจะอยู่ด้วยกันได้ล่ะครับ”
น้ำเสียงที่จู่ๆ ก็จริงจังขึ้นมา ส่งผลให้แก้มขาวแดงปลั่ง
“พี่พายก็รู้อยู่นี่คะ”
“ผมอยากฟังจากเอมมากกว่า”
สายตาคมเป็นประกายเจิดจ้าซะจนหญิงสาวแทบจะทนมองต่อไปไม่ได้
อ่า... จะให้เธอพูดออกไปได้ยังไงเล่า
“นะครับ...” น้ำเสียงติดจะออดอ้อน ทำเอาหญิงสาวใจอ่อนยวบ
“ถ้าอย่างนั้นพี่พาย...” กลืนน้ำลายหนึ่งทีเรียกความกล้า
“...”
“เป็นแฟนกับเอมนะคะ”
โดยไม่ปล่อยให้เธอได้มีโอกาสหนีเพราะความอาย ชายหนุ่มก็ใช้อีกมือรั้งคนน่ารักเข้ามาใกล้จนหน้าแทบจะชิดกัน
“ครับ”
จากนั้นก็ประกบริมฝีปาก ไล้ชิมเรียวปากที่แดงสวยโดยไม่ต้องแต่งแต้มลิปสติกใดๆ สัมผัสความหวานดั่งที่เขาเคยจินตนาการไว้ ก่อนจะค่อยๆ ใช้ลิ้นเปิดริมฝีปากบางออก
ซึ่งเจ้าของก็ยินยอมแต่โดยดี ปากเล็กเปิดออกรับสัมผัสจากลิ้นร้อนที่กวาดชิมน้ำหวานภายในโพรงปากแทบทุกซอกทุกมุม
เหมือนอุณหภูมิห้องจะสูงขึ้นกะทันหัน ทุกอย่างพร่ามัวไปหมด หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้อง มือบางจับบ่าอีกฝ่ายแน่น ในขณะที่ริมฝีปากบางก็จูบตอบกลับไปเช่นกัน
มือหนากระชับแผ่นหลังบอบบางเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นจนหน้าอกของทั้งคู่แนบชิดสนิทกัน
ร่างบางบดเบียดหน้าอกอวบอิ่มไปกับแผ่นอกกว้างด้วยอารมณ์หวามไหว เธอส่งลิ้นเล็กเข้าสอดประสานตอบรับดูดดึงเรียวลิ้นอีกฝ่ายจนร่างหนาครางฮึม
ฝ่ามือใหญ่เริ่มอยู่ไม่สุข เลื่อนลงมาบีบเคล้นสะโพกนุ่มอย่างเพลิดเพลิน
ต่างฝ่ายต่างตอบสนองซึ่งกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ท่ามกลางความเงียบของห้อง มีเพียงเสียงแลกลิ้นและเสียงหอบหายใจดังออกมาเท่านั้น
ความร้อนรุ่มที่ถูกจุดขึ้นทำเอาพิรุณรู้สึกทรมานเป็นที่สุด
คนที่เขาเคยเฝ้าฝันถึงมาตลอดชีวิต คนที่เขาเพิ่งเจออีกครั้งเพียงแค่เดือนกว่าๆ ก็ทำเอาเขาหมกมุ่นคิดถึงคะนึงหาตลอดเวลา
ตอนนี้คนคนนั้นอยู่ในบ้านของเขา... ในอ้อมกอดของเขา
“ผมขอได้มั้ย” เสียงทุ้มกระซิบถามแผ่วเบา
คนฟังที่เข้าใจความหมายเป็นอย่างดีเริ่มมีสติขึ้นมาถึงแม้ประกายตาจะยังคงหยาดเยิ้มด้วยไฟราคะที่ถูกจุดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“พี่พาย อายสัตว์เลี้ยงบ้างเถอะค่ะ”
เม้มปากแน่น ก่อนจะซุกหน้าลงไปบนไหล่กว้างอย่างเขินอาย
เข้ามาอยู่บ้านคนอื่นไม่ถึงวันดี เธอก็ได้แฟนใหม่ซะแล้ว แถมยังจูบกันอย่างดุเดือดด้วย
“งั้นย้ายไปห้องนอนพี่มั้ยครับ”
เสียงกระเส่าข้างใบหู ทำเอาหญิงสาวใจอ่อนยวบ อายก็อาย เขินก็เขิน แต่ความรู้สึกอยากรู้อยากลองกำลังต่อสู้กันอยู่ภายใน
“นะครับ คุณแฟน”
“กะ...ก็ได้ค่ะ”
รู้ตัวอีกทีร่างบางก็ถูกอุ้มมาถึงเตียงนอนใหญ่ในห้องที่อยู่ติดกันเรียบร้อย
ริมฝีปากหนาแทบไม่อยากผละออกจากริมฝีปากอวบอิ่มฉ่ำน้ำที่โดนเขารังแกจนบวมช้ำไปหมด
นัยน์ตาหยาดเยิ้มที่มองมาที่เขาอย่างหวานซึ้งยิ่งทำให้น้องชายรู้สึกร้อนรุ่ม อยากจะย่ำยีองค์หญิงของเขาเสียเต็มแก่ เอาให้ร่างตรงหน้าดิ้นพล่านทรมานซะจนต้องร้องขอความเมตตาจากเขา
แผ่นหลังบอบบางค่อยๆ สัมผัสกับเตียงนุ่ม เรือนผมหอมกรุ่นที่สยายเต็มผ้าปูที่นอนสีกรมท่าเชิญชวนให้ชายหนุ่มเข้าไปสูดดม
เขาดอมดมเส้นผมช้าๆ ก่อนจะไล่มาจุมพิตที่หน้าผากกลมกลึง ระลงมายังเปลือกตา จมูกโด่งสวย และริมฝีปากบางอีกครั้ง ขบเม้มดูดดึงจนอีกฝ่ายหายใจแทบไม่ทัน
ในขณะเดียวกัน มือหนาก็ล้วงเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวโคร่ง สัมผัสผิวเนียนนุ่มราวกับก้นเด็ก ก่อนจะเข้าขย้ำก้อนเนื้ออวบอิ่มที่ถูกบราขวางกั้นไว้
ฝ่ามือหนาบีบนวดคลึงเคล้นทั้งสองเต้าอย่างเพลิดเพลิน แล้วเคลื่อนไปปลดตะขอที่เบื้องหลังออกอย่างง่ายดายจนสาวเจ้าไม่ทันได้ตั้งตัว
เสื้อยืดและบราเซียถูกร่นขึ้นไปกองไว้ข้างบนอก อำนวยความสะดวกให้ร่างใหญ่ก้มลงไปลิ้มลองรสชาติของทรวงอกขาวได้อย่างสะดวก
“อ๊า...”
ยอดปทุมถันที่ถูกดูดดึงโลมเลียโดยลิ้นร้อนทำเอาหญิงสาวดิ้นพล่านกับประสบการณ์ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
เมื่อได้ยินเสียงครางอันแสนหวาน พิรุณก็ยิ่งย่ามใจ มือและปากสลับกันปรนเปรอหญิงสาวจนหน้าอกใหญ่แดงช้ำเป็นปื้นไปหมด
ชายหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาถอดเสื้อและชุดชั้นไหนของหญิงสาวออก ก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองตาม
เฌอเอมเอามือมาปิดหน้าอกทั้งสองข้างของตนอย่างเขินอายทันทีที่เบื้องบนถูกเปิดโล่งออกหมด แต่สองมือน้อยก็ไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรได้เลยสักนิด
กลับกัน... ยิ่งดันให้หน้าอกเบียดชิดล้นทะลักซะจนน่าซุกไซ้เข้าไปใหญ่
ดวงตากลมโตมองดูเรือนร่างข้างบนของฝ่ายชายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำลังดีอย่างตื่นตาตื่นใจ ก่อนที่มือน้อยจะซุกซนเอื้อมไปสัมผัสกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นของคนเบื้องบนเบาๆ
“อยากจับก็จับแน่นๆ สิครับ”
ชายหนุ่มจับมือบางให้กดลงบนกล้ามหน้าท้องของเขาจนแนบสนิท สายตาจับจ้องใบหน้าเล็กของคนซุกซนที่ดูกล้าๆ กลัวๆ อย่างเอ็นดู
“มั่นใจแล้วใช่มั้ยที่เป็นแฟนกับพี่”
“ค่ะ” เสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น
“พี่หวงมากนะ ถ้าเอมเป็นของพี่แล้ว เอมจะไปยุ่งกับคนอื่นไม่ได้”
“พี่พายเป็นแฟนเอม ทำไมเอมต้องไปยุ่งกับคนอื่นด้วยล่ะคะ”
“จำคำพูดของตัวเองไว้ให้ดีล่ะ”
“...”
“เพราะว่าพี่... มีสิทธิในตัวเอมทุกอย่าง”
20คำสารภาพ ‘ไก่จิกเด็กตายเฎ็กฏายบนปากโอ่ง’ ‘...’ ‘แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู’ ‘...’ ‘คุณพิรุณ ธนจิรกานต์’ ‘องค์หญิง...’ ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปเป็นลุ้นๆ ทันทีเมื่อได้ยินเสียงตอบกลับจากขุนนางหนุ่ม ‘ท่านควรคิดก่อนพูดนะขอรับ’ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา ถึงหน้าตาจะคล้ายพี่พาย และความคิดหรือกิริยาท่าทางจะเหมือนพี่พายมากยังไง แต่ความเงียบขรึมและระยะห่างที่จงใจเว้นไว้อย่างชัดเจน ทำให้เฌอเอมรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่พี่พายของเธอ และต่อให้โคลนนิ่งออกมาเหมือนแค่ไหน แต่ขุนนางหลี่ก็ไม่มีทางแทนที่แฟนหนุ่มของเธอได้ เขาไม่ใช่คนที่เธอเคยใช้ชีวิตร่วมกัน หรือผ่านการพูดคุยด้านทัศนคติและแนวคิดมาด้วยกัน นี่คือเหตุผลที่เธอไม่อยากเจอขุนนางหลี่เฉิงไห่อีกทั้งที่ตอนแรกคอยสอบถามนางกำนัลอยู่บ่อยๆ ว่าขุนนางหลี่อยู่ที่ใด และตามไปทดสอบเขาอยู่เสมอๆ แต่ไม่ว่าเธอจะทดสอบเขากี่ครั้งก็ตาม ก็ไม่มีทีท่าว่าพี่พายจะเข้ามาสิงร่างเขา เหมือนกับที่เธอเข้ามาสิงร่างขอ
19อดีตชาติ เฌอเอมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งโดยไร้ซึ่งกายหยาบ แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนตรงที่เธอสามารถเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้สะดวก และไม่มีภาพเหมือนฉากหนังฉายผ่านให้เห็นอีก เพราะอิสระที่มีมากขึ้น ทำให้เธอได้ฉุกคิดและนึกย้อนไปถึงภาพความฝันที่ถูกฉายให้เห็น น่าแปลกที่องค์หญิงคนนั้นมีหน้าตาเหมือนเธอมาก ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือน จนเธอแอบนึกว่าทุกอย่างคือเรื่องของเธอ แต่มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกันล่ะ คนเราจะมีความทรงจำในสถานที่และยุคสมัยที่ไม่เหมือนกับที่ตัวเองอาศัยอยู่ได้ยังไงกัน นอกจากนี้ภาพฝันสุดท้ายยังทำให้เธอตกใจสุดๆ เพราะขุนนางหลี่คนนั้น... คนที่เธอเห็นหน้าเห็นตาไม่ชัดในฝันแรก กลับโผล่มาอย่างชัดเจนในความฝันที่สี่ และเขาก็มีหน้าตาคล้ายแฟนหนุ่มของเธอมาก ถึงจะไม่เหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บุคลิกภาพและการพูดการจานั่นมันแฟนเธอชัดๆ นี่เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ฝันถึงเรื่องของตัวเองและพี่พายได้เป็นตุเป็นตะ ฝันถึงเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงเลยสักนิด โชคดีที่เธอยังคงจำเรื่องราวทุกอย่างได้ และระลึกได้ว่าต้องหาทางตื่นจากฝัน
18เรื่องที่ปิดบังไว้ เนินเขาขนาดกำลังพอดีซึ่งถูกปกคลุมไปทั่วด้วยหญ้าสีเขียวชอุ่มเพราะได้รับน้ำจากฤดูฝนอย่างสม่ำเสมอนั้น ถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงชันรอบด้าน มีเพียงข้างหน้าเท่านั้นที่เปิดโล่ง ทำให้เห็นวิวบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ประปรายเบื้องล่าง ปะปนกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นของรีสอร์ท หมู่บ้านจัดสรร และโครงสร้างแบบสมัยก่อนของบ้านที่ถูกสร้างมานาน เขาใหญ่ก็ยังเป็นเขาใหญ่ ต่อให้พื้นที่หลายๆ ส่วนถูกเปลี่ยนให้เป็นรีสอร์ทหรือสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามเพียงใด แต่ธรรมชาติอันเขียวขจีก็ยังคงอยู่ คู่กับอากาศอันแสนสดชื่น เหมาะเป็นสถานที่ตากอากาศและสถานที่ทำงานสำหรับฟรีแลนซ์อย่างเฌอเอม ข้างบนเนินเขาซึ่งเป็นทุ่งหญ้าราบอันกว้างขวางและเป็นจุดชมวิวชั้นเยี่ยมที่น้อยคนนักจะรู้นั้น มีร่างของหญิงสาวแสนสวยในชุดเสื้อเปิดบ่าและกางเกงยีนส์ขายาวกำลังนั่งชันเข่าอยู่ ผมสีดำยาวถึงกลางหลังปลิวสยายเบาๆ ไปตามสายลมที่พัดโชยมาเป็นระยะ เพราะเมื่อวานฝนเพิ่งตกไป ทำให้ความชื้นหอบกลิ่นไอดินและกลิ่นเขียวของต้นไม้ขึ้นมา ฝุ่นและความสกปรกต่างๆ ถูกชำระล้างไปพร้อมกับสายฝน จนอากาศรอบกา
17คำเตือน “เธอมีดวงโดนมังกรกักขังกลืนกิน เขาจะครอบครองเธอให้เป็นของเขาเพียงคนเดียว” แม่หมออายุสามสิบกว่าปีอ่านไพ่ที่อยู่ตรงหน้า “…” “เขาไม่ชอบให้เธอพูดคุยกับผู้ชายคนอื่น แม้แต่จะพูดถึงก็ไม่ได้” “โอ้” “ไม่ใช่แค่นั้นนะ เขาไม่อยากให้เธอมีคนในครอบครัวหรือคนที่ต้องใส่ใจเยอะ เพราะเธอจะต้องใส่ใจเขาคนเดียวเท่านั้น เขาไม่อยากให้เธอเอาเวลาที่ควรจะเป็นของเขาไปให้กับคนอื่น” “ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ออกจะเกินไปนิด แต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่ชอบให้เธอพูดถึงเพื่อนผู้ชายคนอื่นจริงๆ “ใช่แล้ว ไหนขอแม่หมอเปิดไพ่เพิ่มหน่อย...” เสียงสับไพ่ดังขึ้น “คุณเจอผู้ชายคนนี้แล้วหรือยัง” “…” “อ้าว ไพ่บอกว่าคุณเจอแล้วนะ แถมยังอยู่ใกล้ตัวมากๆ ด้วย” “น่าจะอย่างงั้นแหละค่ะ” ถ้าไม่ใช่พี่พาย แล้วจะเป็นใครไปได้อีก พวกเธอเล่นตัวติดกันซะขนาดนี้ “โอ๊ะ ดูเหมือนคุณกับเขาจะเป็น Twin Flame กันด้วย” “คู่กรรม?” “ไม่ใช่ เป็นทั้งคู่แท้ และวิญญาณที่ขาดหายเลย” พอได้ฟัง เฌอเอมถึงกับหันไปมองหน้าเพื่อนสา
16สายลมและแสงแดด “แล้วอีกอย่าง พี่ก็หวงเมียพี่เหมือนกัน ไม่ได้อยากจะแชร์ให้ใครเห็น” “ใครเป็นเมียพี่กัน” เสียงโวยวายดังมาจากร่างที่อยู่ในอ้อมแขน “ตอนปกติเป็นแฟน แต่ตอนเอากันเป็นเมีย ถูกมั้ยล่ะ” “พูดจาน่าเกลียด” “น่าเกลียด แล้วใครกันที่ร้องครวญครางเพราะXพี่ทุกคืน แถมยังร้องว่าเสียวๆๆ ซะถี่จัด” หญิงสาวหน้าแดงก่ำกับคำพูดห่ามๆ นั้น จะเถียงก็เถียงไม่ได้ เพราะมันคือเรื่องจริง ชายหนุ่มจ้องมองคนหน้าเปลี่ยนสีเพราะคำพูดของเขาอย่างเอ็นดู แต่ตอนนี้ความร้อนในร่างกายต้องการการปลดปล่อยและอยากให้เธอได้ดูเอ็นเขามากกว่า เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ตัวหนึ่ง โดยที่ให้แฟนสาวนั่งคร่อมตักของตน หันหน้าเข้าหากัน หลังจากมีอะไรกันมาร่วมจะสองเดือน แน่นอนว่าท่าทุกท่าย่อมถูกใช้ออกมาหมด และแฟนของเขาก็ถูกเคี่ยวกรำจนเริ่มจะช่ำชองเอามากๆ ไม่จำเป็นต้องบอกให้เธอทำอะไร เพราะเธอนั้นสามารถตอบสนองเขาได้อย่างรู้ใจสุุดๆ เหมือนกับคนที่เกิดมาคู่กัน นี่แหละที่เขาว่ากันว่าความรักจะไปกันรอดหรือไม่ ก็อยู่ที่ว่าเซ็กซ์จะเข้าขากันด
15งอน “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่พาย” น้ำเสียงหวานเจืองัวเงียของหญิงสาวดังขึ้นในเช้าวันถัดมา เธอขยี้ตาอย่างพยายามทำตัวให้ตื่น เพราะเมื่อคืนดื่มไปหนักมาก จนแอบรู้สึกอึนๆ นิดหน่อย แต่น่าแปลกที่พอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว กลับเห็นแฟนหนุ่มของเธอนอนลืมตามองหน้าเธออยู่เงียบๆ “ครับ” เสียงตอบเรียบๆ ทำให้เฌอเอมรู้สึกเอะใจ เพราะปกติเขามักตอบกลับมาเป็นจูบอรุณสวัสดิ์แสนหวาน ไม่ก็ตอบรับด้วยเสียงทุ้มนุ่มเสมอ เมื่อคืนหลังจากที่ตามตัวกอหญ้าซึ่งเผลอเข้าไปนอนหลับในห้องน้ำ (อย่างที่เธอกังวลไว้ไม่มีผิด) จนเจอแล้ว ทั้งสามคนก็ตรงไปยังรีสอร์ทที่กอหญ้าจองห้องไว้เพื่อมาพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งคืน แต่เพราะยังไม่รู้สึกเมาเท่าไหร่ และอยากจะสนุกต่อ ทำให้เฌอเอมเห็นดีเห็นงามกับไอเดียของกอหญ้าที่ว่าควรจะนั่งดื่มกันต่ออีกสักนิด เลยจบลงด้วยการที่พวกเธอและพี่พายตั้งวงดื่มเบียร์กระป๋องกันชิลล์ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบของรีสอร์ท และได้ดูดาวไปด้วยในตัว ขณะที่นั่งดื่ม เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าตั้งวงดื่มกันที่รีสอร์ทตั้งแต่แรกก็จบแล้ว จะได้ไม่โดนคนหน้า