ณ งาน Digital Art Gallery ของ Monet & Friend ซึ่งจัดขึ้นในกรุงเทพ
ภาพผลงานของโคลด์ โมเนต์ที่ฉายบนผนังสีขาวขนาดใหญ่อลังการในพื้นที่ภายในอาคารที่มีเพดานสูงเท่าๆ กับตึกสามชั้น ดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมได้เป็นอย่างดี
เหล่าผู้รักงานศิลป์ที่เสียเงินเข้าชมงานในราคาที่ค่อนข้างสูงต่างนั่งหรือยืนจมจ่อมไปกับความรู้สึกของตน ดำดิ่งไปยังภาพศิลปะและแสงสีเสียงที่ถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
หญิงสาวในชุดเดรสกระโปรงสั้นเหนือเข่าสีขาว ผมสีดำถูกมัดรวบขึ้นเป็นหางม้าเผยลำคอขาวนวลเนียน ก็เป็นหนึ่งในนั้น
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มบนใบหน้ารูปไข่ขนาดเล็กกำลังจดจ้องมองพื้นข้างใต้รองเท้าผ้าใบสีขาวนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวของผลงานศิลปะสีสันสดใสที่ขยับเปลี่ยนไปมาบนพื้นให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในความฝัน
ทุกมุมผนังไม่เว้นแม้แต่ข้างล่างและข้างบนต่างถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันสดใสของศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ เสียงเพลงที่ถูกสรรสร้างมาประกอบก็ช่างมีจังหวะจะโคนและระดับเสียงที่เพอร์เฟกต์ ส่งผลให้แม้แต่คนที่ไม่เข้าใจในศิลปะสามารถผ่อนคลายและดำดิ่งลงสู่ความคิดของตนได้
แต่แล้วเหล่าเด็กน้อยอายุประมาณสี่ถึงห้าขวบทั้งสามคนก็วิ่งเล่นกันจนเกือบมาชนตัวเธอ
ถึงแม้เด็กเหล่านั้นจะพูดคุยกระซิบกระซาบกันเสียงเบา แต่พฤติกรรมการวิ่งเล่นที่กินพื้นที่กว้างเป็นพิเศษก็ค่อนข้างรบกวนใครหลายๆ คนอยู่เหมือนกัน
สุดท้ายเฌอเอมเลยต้องย้ายร่างตัวเองไปยังคาเฟ่สไตล์ยุโรปที่ตั้งอยู่ข้างในแกลลอรี่ ซึ่งเป็นจุดที่สามารถนั่งเอ็นจอยงานศิลปะไปพร้อมๆ กับอาหารได้
ข้อเสียเดียวคือหากไม่ได้จองแบบเสียเงินไว้ก่อน ก็จะอดได้ที่นั่งข้างหน้าสุดซึ่งสามารถเห็นงานศิลปะได้อย่างเต็มตา สามร้อยหกสิบองศา ส่วนคนที่ไม่ได้จองไว้ก็จะเห็นแต่ศีรษะของโต๊ะข้างหน้าเป็นส่วนประกอบของภาพไปด้วย
“มากี่ท่านครับ”
“คนเดียวค่ะ”
“รอตรงนี้สักครู่นะครับ พนักงานกำลังเคลียร์โต๊ะอยู่พอดี”
ยืนรอได้เพียงครู่เดียว ยังไม่ทันที่จะถูกเชิญไปยังโต๊ะ ก็มีชายหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยเดินเข้ามาทัก
“สวัสดีครับ คุณเฌอเอม”
“อ้าว สวัสดีค่ะ คุณพิรุณ”
นี่นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอได้เจอกับเขาโดยบังเอิญ หากไม่นับครั้งแรกที่เขาตั้งใจเดินเข้ามาทักเธอที่ร้านกาแฟ
“ถ้าไม่รังเกียจ เชิญที่โต๊ะผมก็ได้นะครับ ผมมาคนเดียว”
ชายหนุ่มชี้ไปยังโต๊ะที่ทำเลดีเป็นพิเศษ บนโต๊ะมีแก้วกาแฟและจานอาหารวางอยู่หนึ่งชุด
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวตอบรับคำชวนโดยไม่ลังเล
คราวก่อนที่เจอกันในงานสัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก เธอได้พูดคุยกับเขาไปพอประมาณ
จากตอนแรกที่ทักทายเพียงห่างเหินกลับสนิทกันได้อย่างง่ายดายเพราะมีความสนใจและรักในสิ่งเดียวกัน
การได้แลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเอ็กโซติก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้เจอคนคุยที่ถูกคอ ช่วงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องส่วนตัวเลยสักนิด
เรื่องที่เธอรู้เกี่ยวกับเขามีเพียงชื่อเท่านั้น
“ไม่นึกว่าคุณจะชอบพวกงานศิลปะเหมือนกัน” เฌอเอมเริ่มบทสนทนาหลังจากที่ได้จิบกาแฟร้อนๆ และแน่นอนว่าเธอสั่งเมนูโปรดคือแฟลทไวท์
“ชอบดู แต่ก็ดูไม่ค่อยเป็นหรอกครับ มันช่วยให้ผ่อนคลายดีเฉยๆ”
“ฉันก็ดูไม่ค่อยเก่งหรอกค่ะ พอจะเข้าใจผลงานได้แค่บางแนวเท่านั้น มีของโมเนต์นี่แหละค่ะที่รู้สึกชอบเป็นพิเศษ”
ครั้งนี้ต่างจากการเจอกันเมื่อคราวก่อน เพราะทั้งคู่ต่างสนทนากันเพียงแค่เล็กน้อย และให้เวลาตัวเองสัมผัสประสบการณ์ของงานศิลปะที่เพิ่งเคยมีการจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
“ไม่อยากวาดแล้ว ไม่เห็นจะสนุกเลย”
เสียงบ่นกระปอดกระแปดขององค์หญิงน้อยดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของธรรมชาติอันแสนร่มรื่น
สมัยก่อนได้วาดรูปสัตว์ต่างๆ เล่นก็สนุกดีอยู่หรอก แต่พอต้องมาวาดแบบจริงจังให้สวยสมจริง มันก็หมดสนุกไปเลย หากเธอมีหัวศิลป์สักหน่อย ก็คงอยากจะดัดแปลงหรือคิดค้นอุปกรณ์อื่นมาช่วยในการวาดภาพ จะได้สวยสมใจคนสอนสักที
แต่เธอดันมีฝีมือเข้าขั้นย่ำแย่นี่สิ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องวาด ไปเล่นกับพี่ดีกว่า”
“พี่สาม”
องค์หญิงน้อยวัยสิบชันษาร้องอย่างดีใจเมื่อเห็นเสด็จพี่ของตนเดินเข้ามาพร้อมด้วยเพื่อนข้างกาย
พี่สามมาทีไร เธอได้เล่นสนุกตลอด ไม่ต้องมามัวแต่ฝึกฝนงานศิลป์ตามที่แม่นมพยายามเคี่ยวกรำอีกต่อไป
ทว่าหลังจากที่เธอลุกขึ้นผละจากผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ไปแค่สามส่วน ก็มีร่างสูงของขุนนางหลี่เดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าผืนผ้าใบแทน
ยืนมองได้เพียงครู่เดียว ก็นั่งลงจัดแจงหยิบพู่กันมาแต่งแต้มต่อ
เฉินหงหมิงที่ตอนแรกกำลังจะห้ามเพื่อน ก็ได้แต่หยุดชะงัก เมื่อเห็นความพริ้วไหวและคล่องแคลวของสหายตน ซึ่งสะกดให้คนหยุดมองได้โดยไม่รู้ตัว
อิ๋งเออร์ก็เช่นกัน... เธอไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการมองคนคนหนึ่งวาดภาพด้วยพู่กันจะสามารถสะกดความสนใจได้ขนาดนี้
ขุนนางหลี่ที่แต่ก่อนเป็นเพียงพี่ชายตัวผอมแห้ง บัดนี้ร่างกายกลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเพราะเพิ่งกลับมาจากไปร่วมรบที่เมืองชายแดนเป็นเวลาปีกว่า
ฝ่ามือใหญ่ที่หยาบกร้านเพราะอาวุธยุทโธปกรณ์ไม่อาจลดประสิทธิภาพการควบคุมด้ามพู่กันของเขาได้ เพียงชั่วก้านธูป ภาพวาดธรรมชาติง่ายๆ ที่อยู่ตรงหน้าก็ถูกจับมาใส่ในผืนผ้าใบได้อย่างครบถ้วน
ถึงแม้จะเป็นเพียงภาพร่าง แต่กลับเก็บรายละเอียดสำคัญๆ ไว้ได้อย่างครบถ้วน และยังสามารถส่งสารถึงคนดูได้เป็นอย่างดี ทั้งความรู้สึกพลิ้วไหวของสายลมและแสงเงา
ทว่ามือหนายังไม่หยุดเพียงเท่านั้น...
เขาแต่งแต้มเงาร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งลงไปด้วย
ภาพที่ถึงแม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ในผืนผ้าใบ แต่ทุกคนก็สามารถบอกได้ทันทีว่านั่นคือภาพขององค์หญิงน้อยที่ยืนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
เป็นการวาดโดยที่เขาไม่ต้องหันไปดูต้นแบบเลยสักนิด
เพราะภาพของเสี่ยวอิ๋งติดอยู่ในความทรงจำของเขามาโดยตลอด
ณ บ้านของพิรุณที่ปากช่อง
หลังจากชายหนุ่มผู้แสดงตนว่าเป็นแฟนของเธอได้อย่างไหลลื่นเดินจากไป เฌอเอมก็โทรกลับไปเคลียร์กับน้องชายของตน
ธารณ์ เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของเธอซึ่งมีอายุห่างกันถึงเจ็ดปี
น้องชายคนนี้สมัยเด็กก็เป็นเด็กอ้วนติดเกมติดการ์ตูนติดพี่สาวอยู่หรอก แต่พอขึ้นมัธยมต้นก็เริ่มเถลไถลไปกับสิ่งยั่วยุทั้งหลายแหล่ เห็นเพื่อนสำคัญกว่าทุกสิ่ง เวลาเพื่อนมีเรื่องก็จะคอยเข้าไปผสมโรงด้วยเสมอ นอกจากนี้ตอนมัธยมปลายยังโดดเรียนไปสังสรรค์หรือแข่งรถมอเตอร์ไซต์กับเพื่อนอยู่บ่อยๆ จนสุดท้ายนเรศทนไม่ไหว ต้องส่งเด็กดื้อไปดัดสันดานที่ต่างประเทศ
แต่ถึงแม้เขาจะติดเพื่อนมากแค่ไหน ผู้หญิงคนเดียวที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือพี่สาวของเขา
น่าแปลกที่จนถึงป่านนี้ น้องชายของเธอจะยังไม่มีแฟนเลยสักคน
ส่วนใหญ่ธารณ์มักจะไปค้างคืนข้างนอก ไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่อง แต่เขาไม่เคยลืมที่จะกลับมาทานข้าวกับพี่สาวของเขาทุกวันเสาร์อาทิตย์ และไม่เคยลืมวันเกิดของเธอเลยสักปี
ทุกเรื่องในชีวิตของเฌอเอมแทบไม่เคยหลุดพ้นสายตาของธารณ์ไปได้ ทั้งที่พวกเธอแทบไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเลยด้วยซ้ำ
มีตอนที่เด็กหนุ่มถูกส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศนี่แหละ ที่ทำให้เขางอแงเป็นพิเศษ คอยโทรหาเธอวันเว้นวันจนเธอนึกว่าตัวเองมีลูกติด
“เจ้ไปแอบมีแฟนตอนไหน ทำไมไม่บอกผม” ปลายสายโวยวายทันทีที่เธอโทรกลับไป
จะให้บอกตอนไหนล่ะ ตัวเธอเองก็ยังงงๆ อยู่เลย
ตอนแรกคิดว่าแค่แกล้งๆ หลอกป๊าก็พอ ไม่นึกว่าจะต้องหลอกน้องชายต่อด้วย
“ก็เราไม่เคยถามเจ้นี่นา”
“ผมก็ถามตลอดนะว่ามีใครมาจีบเจ้บ้างหรือเปล่า”
ก็คนนี้เขาไม่ได้จีบน่ะสิ
“เอาน่า จะโวยวายไปทำไม ก็คนมันมีไปแล้ว”
“คบกันนานหรือยัง ไว้ใจได้แค่ไหน ทำไมถึงยอมไปอยู่ด้วยกันง่ายขนาดนั้น เจ้เอาที่อยู่มาเลยนะ เปิดระบบติดตามในมือถือเจ้ด้วย เผื่อเจ้หายไปขึ้นมา ผมจะได้ตามหาได้ทัน”
“เว่อร์”
“เกิดทะเลาะกัน แล้วเขาฆ่าเจ้ขึ้นมาจะทำยังไง”
น้องชายยังคงโวยวายไม่หยุด จนเธอเริ่มอดจะคิดตามไม่ได้
นั่นสิ นิสัยใจคอก็ยังไม่ได้รู้จักกันดี ถ้าเกิดเขากลายเป็นฆาตกรโรคจิตขึ้นมาคงจะน่ากลัวพิลึก
“พอๆๆ พอเลย เจ้เลือกแล้ว ธารณ์ต้องเคารพการตัดสินใจของเจ้ด้วย”
สุดท้ายหญิงสาวก็ปัดความคิดนั้นออกไป ก่อนจะพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
จังหวะที่ฝ่าเท้าขาวค่อยๆ ก้าวลงบันไดมาจากชั้นสอง เป็นจังหวะที่ดึงดูดสายตาของอีกคนหนึ่งในบ้านได้อย่างชะงักงัน
กางเกงขาสั้นที่เธอใส่เผยให้เห็นเรียวขายาวสุดแสนจะเพอร์เฟกต์ ผมยาวที่ปล่อยสยายอย่างอิสระระกรอบหน้านวลพริ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน ชวนให้รู้สึกอยากสัมผัส
ภาพที่เธอวนเวียนอยู่ในบ้านของเขาเหมือนเป็นเพียงความฝัน
ไม่นึกไม่ฝันว่าองค์หญิงที่นานๆ จะได้พบเจอในวันนั้น จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในบ้านของเขาในวันนี้
หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ขั้นล่างสุดของบันได ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเขากำลังมองเธออยู่
“อาหารอยู่ในครัวใช่ไหมคะ”
ท่าทางเก้ๆ กังๆ เหมือนคนไม่รู้จะเอาตัวเองไปไว้ตรงไหน ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ใช่ครับ มีสามอย่าง เดี๋ยวผมช่วย”
พิรุณรีบเดินไปช่วยตักแกงจืดตำลึงในหม้อลงใส่ถ้วย เพราะเพิ่งทำเสร็จได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี จึงไม่จำเป็นต้องอุ่นเพิ่ม
ขณะที่เฌอเอมตักข้าวใส่จานของตน โดยไม่ลืมถามอีกฝ่ายว่าให้ตักข้าวเผื่อด้วยหรือไม่
เพียงครู่เดียวโต๊ะกินข้าวก็ถูกจัดวางไว้ด้วยแกงจืด กุ้งอบวุ้นเส้น และไข่ยัดไส้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติซะจนเหมือนทั้งคู่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาก่อน
“เอ่อ มดที่คุณเลี้ยงไว้อยู่ที่ไหนเหรอคะ ฉันขอดูได้มั้ย”
ทานไปได้ครู่หนึ่ง เฌอเอมก็ถามอย่างอดใจไม่ไหว เพราะตั้งแต่เข้าบ้านมา เธอยังไม่เห็นสัตว์เลี้ยงของเขาเลยสักตัว จำได้ว่านอกจากมดแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกตั้งเยอะ
“อยู่ในห้องนอนของผม เดี๋ยวไว้ทานเสร็จแล้วผมพาไปสำรวจ”
“ตลกละ ใช้แค่คำว่า ‘ดู’ ก็พอมั้งคะ จะให้สำรวจอะไรกัน” หัวเราะคิกคักกลบเกลื่อนบรรยากาศแปลกๆ
“เผื่อคุณอยากสำรวจอย่างอื่นด้วยไงครับ” อีกฝ่ายแกล้งพูดแบบมีเลศนัย “ผมหมายถึงพวกของสะสมอย่างอื่นน่ะ”
จากนั้นก็ส่งยิ้มขี้เล่นมาให้ เผยให้เห็นลักยิ้มที่ข้างแก้มขวาซึ่งนานๆ ทีจะได้เห็น สิ่งนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขาที่เธอชอบ
“ถ้าเป็นพวกของสะสมล่ะก็... ฉันก็ขนมาบ้างเหมือนกันนะคะ” เผื่อคุณจะอยากสำรวจ
หญิงสาวไม่น้อยหน้า หยอกกลับไปบ้าง
20คำสารภาพ ‘ไก่จิกเด็กตายเฎ็กฏายบนปากโอ่ง’ ‘...’ ‘แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู’ ‘...’ ‘คุณพิรุณ ธนจิรกานต์’ ‘องค์หญิง...’ ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปเป็นลุ้นๆ ทันทีเมื่อได้ยินเสียงตอบกลับจากขุนนางหนุ่ม ‘ท่านควรคิดก่อนพูดนะขอรับ’ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา ถึงหน้าตาจะคล้ายพี่พาย และความคิดหรือกิริยาท่าทางจะเหมือนพี่พายมากยังไง แต่ความเงียบขรึมและระยะห่างที่จงใจเว้นไว้อย่างชัดเจน ทำให้เฌอเอมรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่พี่พายของเธอ และต่อให้โคลนนิ่งออกมาเหมือนแค่ไหน แต่ขุนนางหลี่ก็ไม่มีทางแทนที่แฟนหนุ่มของเธอได้ เขาไม่ใช่คนที่เธอเคยใช้ชีวิตร่วมกัน หรือผ่านการพูดคุยด้านทัศนคติและแนวคิดมาด้วยกัน นี่คือเหตุผลที่เธอไม่อยากเจอขุนนางหลี่เฉิงไห่อีกทั้งที่ตอนแรกคอยสอบถามนางกำนัลอยู่บ่อยๆ ว่าขุนนางหลี่อยู่ที่ใด และตามไปทดสอบเขาอยู่เสมอๆ แต่ไม่ว่าเธอจะทดสอบเขากี่ครั้งก็ตาม ก็ไม่มีทีท่าว่าพี่พายจะเข้ามาสิงร่างเขา เหมือนกับที่เธอเข้ามาสิงร่างขอ
19อดีตชาติ เฌอเอมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งโดยไร้ซึ่งกายหยาบ แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนตรงที่เธอสามารถเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้สะดวก และไม่มีภาพเหมือนฉากหนังฉายผ่านให้เห็นอีก เพราะอิสระที่มีมากขึ้น ทำให้เธอได้ฉุกคิดและนึกย้อนไปถึงภาพความฝันที่ถูกฉายให้เห็น น่าแปลกที่องค์หญิงคนนั้นมีหน้าตาเหมือนเธอมาก ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือน จนเธอแอบนึกว่าทุกอย่างคือเรื่องของเธอ แต่มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกันล่ะ คนเราจะมีความทรงจำในสถานที่และยุคสมัยที่ไม่เหมือนกับที่ตัวเองอาศัยอยู่ได้ยังไงกัน นอกจากนี้ภาพฝันสุดท้ายยังทำให้เธอตกใจสุดๆ เพราะขุนนางหลี่คนนั้น... คนที่เธอเห็นหน้าเห็นตาไม่ชัดในฝันแรก กลับโผล่มาอย่างชัดเจนในความฝันที่สี่ และเขาก็มีหน้าตาคล้ายแฟนหนุ่มของเธอมาก ถึงจะไม่เหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บุคลิกภาพและการพูดการจานั่นมันแฟนเธอชัดๆ นี่เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ฝันถึงเรื่องของตัวเองและพี่พายได้เป็นตุเป็นตะ ฝันถึงเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงเลยสักนิด โชคดีที่เธอยังคงจำเรื่องราวทุกอย่างได้ และระลึกได้ว่าต้องหาทางตื่นจากฝัน
18เรื่องที่ปิดบังไว้ เนินเขาขนาดกำลังพอดีซึ่งถูกปกคลุมไปทั่วด้วยหญ้าสีเขียวชอุ่มเพราะได้รับน้ำจากฤดูฝนอย่างสม่ำเสมอนั้น ถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงชันรอบด้าน มีเพียงข้างหน้าเท่านั้นที่เปิดโล่ง ทำให้เห็นวิวบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ประปรายเบื้องล่าง ปะปนกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นของรีสอร์ท หมู่บ้านจัดสรร และโครงสร้างแบบสมัยก่อนของบ้านที่ถูกสร้างมานาน เขาใหญ่ก็ยังเป็นเขาใหญ่ ต่อให้พื้นที่หลายๆ ส่วนถูกเปลี่ยนให้เป็นรีสอร์ทหรือสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามเพียงใด แต่ธรรมชาติอันเขียวขจีก็ยังคงอยู่ คู่กับอากาศอันแสนสดชื่น เหมาะเป็นสถานที่ตากอากาศและสถานที่ทำงานสำหรับฟรีแลนซ์อย่างเฌอเอม ข้างบนเนินเขาซึ่งเป็นทุ่งหญ้าราบอันกว้างขวางและเป็นจุดชมวิวชั้นเยี่ยมที่น้อยคนนักจะรู้นั้น มีร่างของหญิงสาวแสนสวยในชุดเสื้อเปิดบ่าและกางเกงยีนส์ขายาวกำลังนั่งชันเข่าอยู่ ผมสีดำยาวถึงกลางหลังปลิวสยายเบาๆ ไปตามสายลมที่พัดโชยมาเป็นระยะ เพราะเมื่อวานฝนเพิ่งตกไป ทำให้ความชื้นหอบกลิ่นไอดินและกลิ่นเขียวของต้นไม้ขึ้นมา ฝุ่นและความสกปรกต่างๆ ถูกชำระล้างไปพร้อมกับสายฝน จนอากาศรอบกา
17คำเตือน “เธอมีดวงโดนมังกรกักขังกลืนกิน เขาจะครอบครองเธอให้เป็นของเขาเพียงคนเดียว” แม่หมออายุสามสิบกว่าปีอ่านไพ่ที่อยู่ตรงหน้า “…” “เขาไม่ชอบให้เธอพูดคุยกับผู้ชายคนอื่น แม้แต่จะพูดถึงก็ไม่ได้” “โอ้” “ไม่ใช่แค่นั้นนะ เขาไม่อยากให้เธอมีคนในครอบครัวหรือคนที่ต้องใส่ใจเยอะ เพราะเธอจะต้องใส่ใจเขาคนเดียวเท่านั้น เขาไม่อยากให้เธอเอาเวลาที่ควรจะเป็นของเขาไปให้กับคนอื่น” “ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ออกจะเกินไปนิด แต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่ชอบให้เธอพูดถึงเพื่อนผู้ชายคนอื่นจริงๆ “ใช่แล้ว ไหนขอแม่หมอเปิดไพ่เพิ่มหน่อย...” เสียงสับไพ่ดังขึ้น “คุณเจอผู้ชายคนนี้แล้วหรือยัง” “…” “อ้าว ไพ่บอกว่าคุณเจอแล้วนะ แถมยังอยู่ใกล้ตัวมากๆ ด้วย” “น่าจะอย่างงั้นแหละค่ะ” ถ้าไม่ใช่พี่พาย แล้วจะเป็นใครไปได้อีก พวกเธอเล่นตัวติดกันซะขนาดนี้ “โอ๊ะ ดูเหมือนคุณกับเขาจะเป็น Twin Flame กันด้วย” “คู่กรรม?” “ไม่ใช่ เป็นทั้งคู่แท้ และวิญญาณที่ขาดหายเลย” พอได้ฟัง เฌอเอมถึงกับหันไปมองหน้าเพื่อนสา
16สายลมและแสงแดด “แล้วอีกอย่าง พี่ก็หวงเมียพี่เหมือนกัน ไม่ได้อยากจะแชร์ให้ใครเห็น” “ใครเป็นเมียพี่กัน” เสียงโวยวายดังมาจากร่างที่อยู่ในอ้อมแขน “ตอนปกติเป็นแฟน แต่ตอนเอากันเป็นเมีย ถูกมั้ยล่ะ” “พูดจาน่าเกลียด” “น่าเกลียด แล้วใครกันที่ร้องครวญครางเพราะXพี่ทุกคืน แถมยังร้องว่าเสียวๆๆ ซะถี่จัด” หญิงสาวหน้าแดงก่ำกับคำพูดห่ามๆ นั้น จะเถียงก็เถียงไม่ได้ เพราะมันคือเรื่องจริง ชายหนุ่มจ้องมองคนหน้าเปลี่ยนสีเพราะคำพูดของเขาอย่างเอ็นดู แต่ตอนนี้ความร้อนในร่างกายต้องการการปลดปล่อยและอยากให้เธอได้ดูเอ็นเขามากกว่า เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ตัวหนึ่ง โดยที่ให้แฟนสาวนั่งคร่อมตักของตน หันหน้าเข้าหากัน หลังจากมีอะไรกันมาร่วมจะสองเดือน แน่นอนว่าท่าทุกท่าย่อมถูกใช้ออกมาหมด และแฟนของเขาก็ถูกเคี่ยวกรำจนเริ่มจะช่ำชองเอามากๆ ไม่จำเป็นต้องบอกให้เธอทำอะไร เพราะเธอนั้นสามารถตอบสนองเขาได้อย่างรู้ใจสุุดๆ เหมือนกับคนที่เกิดมาคู่กัน นี่แหละที่เขาว่ากันว่าความรักจะไปกันรอดหรือไม่ ก็อยู่ที่ว่าเซ็กซ์จะเข้าขากันด
15งอน “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่พาย” น้ำเสียงหวานเจืองัวเงียของหญิงสาวดังขึ้นในเช้าวันถัดมา เธอขยี้ตาอย่างพยายามทำตัวให้ตื่น เพราะเมื่อคืนดื่มไปหนักมาก จนแอบรู้สึกอึนๆ นิดหน่อย แต่น่าแปลกที่พอลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว กลับเห็นแฟนหนุ่มของเธอนอนลืมตามองหน้าเธออยู่เงียบๆ “ครับ” เสียงตอบเรียบๆ ทำให้เฌอเอมรู้สึกเอะใจ เพราะปกติเขามักตอบกลับมาเป็นจูบอรุณสวัสดิ์แสนหวาน ไม่ก็ตอบรับด้วยเสียงทุ้มนุ่มเสมอ เมื่อคืนหลังจากที่ตามตัวกอหญ้าซึ่งเผลอเข้าไปนอนหลับในห้องน้ำ (อย่างที่เธอกังวลไว้ไม่มีผิด) จนเจอแล้ว ทั้งสามคนก็ตรงไปยังรีสอร์ทที่กอหญ้าจองห้องไว้เพื่อมาพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งคืน แต่เพราะยังไม่รู้สึกเมาเท่าไหร่ และอยากจะสนุกต่อ ทำให้เฌอเอมเห็นดีเห็นงามกับไอเดียของกอหญ้าที่ว่าควรจะนั่งดื่มกันต่ออีกสักนิด เลยจบลงด้วยการที่พวกเธอและพี่พายตั้งวงดื่มเบียร์กระป๋องกันชิลล์ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบของรีสอร์ท และได้ดูดาวไปด้วยในตัว ขณะที่นั่งดื่ม เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าตั้งวงดื่มกันที่รีสอร์ทตั้งแต่แรกก็จบแล้ว จะได้ไม่โดนคนหน้า