หรงเจียวเจียวถึงกับนิ่งอึ้งไป จ้องมองหรงซื่อเจ๋ออย่างไม่อยากจะเชื่อ “พี่รอง ท่านพูดกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”หรงซื่อเจ๋อมองเห็นน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของนางในใจพลันเกิดความลังเลและเสียใจขึ้นมาชั่วขณะ รู้สึกว่าตนเองอาจพูดแรงเกินไปหรือไม่ แต่แล้วก็พลันคิดบางอย่างขึ้นมาได้นางตวาดเสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก “ข้าพูดผิดตรงไหนกัน?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครคือพี่น้องแท้ๆ ของเจ้า? กลับให้ค่าลูกพี่ลูกน้องมากกว่าพี่สาวที่คลานตามกันมาอีก เจ้าคิดอะไรอยู่ในหัวทั้งวันทั้งคืนกันแน่?!”ในวันปกติจะหาเรื่องหรงจือจือก็แล้วไปเถอะ อย่างไรเสียก็ยังอยู่ในเรือนของตนเองสองลูกพี่ลูกน้องนั่นก็หาใช่คนของมหาราชครูไม่ แล้วหรงเจียวเจียวยังไม่รู้จักปกป้องคนในเรือนตนเองอีก นี่ทำให้หรงซื่อเจ๋อรู้สึกสับสนจนไม่เข้าใจว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่!หรงเจียวเจียวขอบตาร้อนผ่าว กล่าวออกมาว่า “แต่ว่าท่านพี่เจ้าคะ หากไม่ใช่เพราะขุ่นเคืองใจแทนท่าน ข้าจะเกลียดชังพี่ใหญ่ถึงเพียงนี้ได้อย่างไร…”หรงซื่อเจ๋อเม้มริมฝีปากหลายปีมานี้ หรงเจียวเจียวก็พูดกับตนเช่นนี้มาตลอด ทั้งคำพูดและท่าทีล้วนสื่อความหมายว่า... ที่นางไม่ลงรอยกับพี่ใหญ่ คอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่า สาวใช้จ้าวตั้งใจจะพูดความจริง หรงจือจือก็ยิ่งมั่นใจว่า เส้นทางแห่งการล้างแค้นของตนอยู่ไม่ไกลอีกต่อไป นางไม่มีความจำเป็นต้องอดกลั้นอีกแล้ว!เมื่อเรื่องราวทั้งหมดจบสิ้น นางก็จะจากไป หากไม่ได้แต่งงานกับเฉินเยี่ยนซูก็ไม่เป็นไร จะไปยังแคว้นปกครองตนเอง หรือออกตะลอนไปในยุทธภพกับพ่อบุญธรรมก็ดีทั้งนั้นจากนี้ไป คนในตระกูลหรงเหล่านั้นจะไม่มีวันเกี่ยวข้องกับนางอีกแม้แต่น้อย!เมื่อคิดเช่นนั้น นางก็กล่าววาจาเจ็บแสบออกมาคำหนึ่งว่า "ไม่แปลกเลยที่บิดาอยากมีบุตรชายจากอนุภรรยาเพิ่มอีกคน ด้วยสติปัญญาของเจ้าขนาดนี้ หากบิดาไม่กังวล นั่นก็เพราะเขาใจกล้าจนเกินไปแล้ว!"หรงซื่อเจ๋อหน้าเขียวคล้ำ!นี่คือเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจเขามากที่สุดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหรงเจียวเจียวเองก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ที่หรงจือจือจะแสดงด้านที่ไม่ไว้หน้าใคร และด่าทอคนได้เจ็บแสบถึงเพียงนี้! หรือว่าที่ผ่านมา ที่หรงจือจือไม่ค่อยมีปากเสียงกับพวกเขา ไม่ใช่เพราะนางเถียงสู้ไม่ได้ แต่เป็นเพราะขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงด้วยต่างหาก?ในตอนนั้นเอง คนเฝ้าประตูก็เดินเข้ามาเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าหรงจือจือ
ในชีวิตนี้ของหรงจือจือน้อยครั้งที่จะด่าเป็นชุด ทำหน้าตาถมึงทึงเช่นนี้ คงเพราะสะอิดสะเอียนพวกคนที่อยู่ตรงหน้าตนสุดจะทนจริง ๆในชีวิตนี้พวกนางไม่เคยทำอะไรให้ตนเลย ไม่เคยเอ่ยประโยคแสดงความเป็นห่วงตนแม้แต่ประโยคเดียว ทว่ามาด่าทอนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดีแต่เกลียดที่นางเสียสละให้พวกนางไม่มากพอเป็นใครมาจากไหนกัน!หรงอี๋ได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดไปเลย น้ำตาคลออยู่ในเบ้าตาแล้ว ทำท่าจะหยดแต่ก็ไม่หยดหรงอวี้ยิ่งกลัวไม่กล้าส่งเสียงหรงเจียวเจียวเอ่ยขึ้นอย่างเหลือเชื่อ “พี่หญิง ท่าน...ท่านพูดจาไม่รื่นหูเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”หรงจือจือย้อนถาม “คำพูดไม่รื่นหูที่พวกเจ้าพูดกับข้ามีน้อยนักหรืออย่างไร? โดยเฉพาะเจ้า หรงเจียวเจียว แต่ละประโยคของเจ้าคล้ายเคารพ เหมือนหมาเห่า?”นางอดทนมานานแล้วจริง ๆถูกกรอบความดีงามและคุณธรรมผูกมัดตนเองมาโดยตลอด ถูกความคาดหวังของคนในครอบครัวตัวเองกดดันมาโดยตลอด บีบให้ตนคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาน้อย ๆ และเมตตากับคนมาก ๆแต่ในท้ายที่สุดนางได้อะไร? ได้ความเลวร้ายยิ่งกว่าเก่าของทุกคน!ในมือเป็นสตรีที่มีเมตตามีคุณธรรม แล้วต้องถูกทำให้อับอาย ต้องเดือดดาลทุกวี่ทุกวัน แล้วนางจะกดอาร
หรงจือจือยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “แม้ข้าจะไม่แต่งงานกับอัครมหาเสนาบดีเฉิน ข้าก็ยังเป็นท่านหญิงขั้นสองอยู่ดี น้องสามแล้วเจ้าล่ะ?”หรงเจียวเจียว “ท่าน...”นางถูกขัดอีกครั้งหรงอี๋เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “มิน่าล่ะท่านอาสะใภ้ถึงไม่ชอบพี่หญิงใหญ่ ปกติทำอะไรไม่มีบันยะบันยัง ไม่สนความเป็นความตายของคนในบ้าน”“พอได้ตำแหน่งท่านหญิงมา ก็เอามาใช้รังแกคนในบ้านหมด”“ก่อนหน้านี้ยังสัญญากับข้า ที่บอกว่าข้าจะมีการแต่งงานที่ดียิ่งกว่าล่ะ! คิดดูแล้วคงคิดว่าตำแหน่งฮูหยินราชเลขาธิการมั่นคงสินะ”“ตอนนี้เยี่ยมไปเลยใช่หรือไม่? เดิมทีท่านแม่ของท่านเสนาบดีก็ไม่ชอบสตรีที่ผ่านการหย่ามาก่อนเช่นท่าน ทำให้ข้ารอเก้อจริง ๆ”“ท่านว่ามาสิ ท่านจะอธิบายกับเราว่าอย่างไร!”เมื่อนางได้ยินว่านางกงซุนมาหาหรงจือจือ ยังคิดว่าแม่สามีให้ความสำคัญกับลูกสะใภ้ในอนาคต นึกถึงเรื่องที่ท่านปู่ให้ตนมาขอโทษหรงจือจือ จึงรีบสอดของเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วมาขอโทษเจอหรงเจียวเจียวระหว่างทาง ถึงได้มาด้วยกันทว่าเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ตรงประตู ตนยังต้องนำของขวัญชิ้นนี้ให้หรือไม่? เดิมทีหรงจือจือไม่คู่ควรเลยด้วยซ้ำหรงจือจือมองหรงอี๋ด้วยสา
เมื่อได้ยินนางเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ หรงจือจือก็รู้เจตนาในการมาของอีกฝ่ายแล้วนางกงซุนเอ่ยปากกล่าวขึ้นว่า “อย่างไรเจ้าก็เป็นคนที่ลูกชายข้าชอบ ข้าเองก็ไม่อยากพูดให้ไม่เข้าหูเกินไป จบกันไปแค่ตรงนี้เถอะ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”ใช่ว่านางไม่พูดอะไรที่มันฟังไม่รื่นหูเพราะสิ่งนี้ แต่เพราะประโยคนั้นของตนเมื่อครู่ก็นับว่าฟังไม่รื่นหูแล้วนางเป็นกังวลว่าหากตนพูดจาฟังไม่รื่นหู แล้วบุตรชายมารู้เข้า บุตรชายจะไม่ยอมปล่อยตนไปง่าย ๆในใจของนางก็ยังหวาดกลัวเฉินเยี่ยนซูอยู่หรงจือจือตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ วันนี้ท่านเสนาบดีส่งของมาให้ข้าไม่น้อย อย่างไรขอให้ฮูหยินนำของทั้งหมดกลับไปด้วยนะเจ้าคะ”ครั้นพูดจบ นางก็มองเจาซีทีหนึ่งผิวหน้าของนางกงซุนตึงเล็กน้อย ของขวัญที่บุตรชายคนโตส่งมา นางไม่กล้านำกลับไปส่ง ๆ หรอก เพียงแต่ไม่นาน หลังเห็นของขวัญเหล่านั้น…ความกังวลที่อยู่เต็มหัวใจนาง พลันสลายหายไปจนหมดสิ้นนี่เยี่ยนซูมอบอะไรให้หรงจือจือกัน? กระทั่งยังส่งของขวัญผิดฤดูกาล เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนซูไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อยมิใช่หรือ?นางยังเป็นกังวลว่าหากเยี่ยนซูรู้เรื่องนี้เข้า จะมาโวยวายกับต
เพิ่งจะพาตัวหมอดูผู้นั้นมาถึงจวนเสนาบดีผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็มารายงานว่า “ใต้เท้าหลิวอวิ๋นขอรับ ฮูหยินผู้เฒ่าไปจวนสกุลหรงขอรับ!”สีหน้าของหลิวอวิ๋นเปลี่ยน “แย่แล้ว! ท่านเสนาบดีล่ะ?”หลังพ่อบ้านหวงทำความเข้าใจเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าก็ปั้นยากขึ้นทันใด “ท่านเสนาบดีไปเข้าเฝ้าในท้องพระโรง ข้าจะส่งคนไปในวังเดี๋ยวนี้ พอท่านเสนาบดีเข้าเฝ้าในท้องพระโรงเสร็จ จะได้รายงานข่าวกับเขาทันที”เรื่องนี้ยุ่งยากจริง ๆ เปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเขายังพอไปขัดขวางได้ทว่าคนผู้นั้นดันเป็นฮูหยินผู้เฒ่า เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของท่านเสนาบดี พวกเขากล้าไม่เคารพเสียที่ไหน?หลิวอวิ๋นหิ้วคอเสื้อหมอดูผู้นั้นทั้งหน้าคล้ำดำเขียว “ก่อนที่ท่านเสนาบดีกลับมา ข้าจะไต่สวนเขาให้กระจ่างก่อน!”…จวนสกุลหรงวันนี้ฟ้าเพิ่งจะสว่างได้ไม่นาน เฉินเยี่ยนซูก็ส่งให้คนนำของขวัญมาส่งหรงจือจือมากมายแล้ว นางหวังไปดูด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นในแววตาก็เต็มไปด้วยการเหยียดหยามตอนหรงจือจือได้รับของขวัญเหล่านี้ ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกันเพียงแต่เนื่องจากของที่เฉินเยี่ยนซูส่งมา ล้วนเป็นของขวัญต่างฤดูกาลทั้งสิ้น อาทิเช่น ผ้าด