นับว่าเป็นโชคดีที่เซ็กซ์ของเขากับเธอเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม แต่ในอนาคตเขาก็ไม่แน่ใจว่าหลังจากที่ได้ร่วมรักกันแบบจริงจัง หญิงสาวจะยังคล้อยตามเขาเหมือนตอนนี้หรือเปล่า เพราะบางครั้งเมื่ออารมณ์ถึงขีดสุดเขายอมรับว่าตนอาจจะรุนแรงไปบ้างด้วยความลืมตัว ถ้าเธอรับได้ก็ดีไป แต่ถ้ารับไม่ได้เขาก็คงต้องเป็นฝ่ายปรับตัวให้อ่อนโยนลง
ร่างอรชรเริ่มขยับเร่งเร้ามากขึ้นทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวคงใกล้ถึงฝั่งเต็มที เขาเองก็เช่นกัน ที่สุดแล้วเธอก็ทิ้งนำเขาไปก่อน เขาจึงต้องรับผิดชอบส่วนที่เหลือของตนเองจนกระทั่งไล่ตามเธอทันในที่สุด
“เมื่อกี้พราวเซ็กซี่มากเลยนะรู้ตัวรึเปล่า พี่ชอบมากเลย”
นฤบดินทร์จูบหน้าผากชื้นเหงื่อของพราวนภาอย่างแสนรักพลางกอดเธอไว้แนบอก บอกใครก็คงไม่มีคนเชื่อว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขากับเธอปรนเปรอความสุขให้กันอย่างนี้ทุกวัน หากแต่เป็นการร่วมรักที่ไม่มีการล่วงล้ำใด ๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งเขาเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าตนจะสามารถอดทนได้
ยิ่งท่วงท่าที่หญิงสาวอยู่บนเมื่อครู่นี้ช่างง่ายดายเหลือเกินหากเขาคิดจะลงมือให้เธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ แต่เขาก็ทำไม่ลง เข
“จริงสิ วันนี้ตอนที่เดินในร้านคิตตี้ จู่ ๆ พราวก็ผุดไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้ละ” พราวนภาเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับอาณาจักรเท็ดดี้แบร์ที่ตนอยากทำด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขจนคนฟังอย่างนฤบดินทร์ได้แต่ยิ้มตามไปด้วย“น่าสนใจดีนะ พราวอยากทำก็ทำสิ พี่ออกทุนให้ก็ได้” จู่ ๆ ก็ได้ยินเขาพูดมาแบบนี้จึงทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึง เพราะการทำร้านลักษณะนี้ นอกจากต้องเสาะแสวงหาสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกแล้ว ยังต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับทางต้นสังกัดอีกด้วย“โห ไม่ไหวมั้งพี่ดิน น่าจะต้องใช้ทุนหลายล้านเลยนะ ไม่ไหวหรอก”“มันต้องค่อยเป็นค่อยไป อาจจะเริ่มจากประเภทสินค้าก่อนก็ได้ เช่นว่าพราวอาจจะขายตุ๊กตากับกล่องดนตรีก่อน แล้วค่อยขยับขยายไปประเภทอื่น”“พี่ดินอย่ามาจุดไฟความหวังให้พราวสิ พราวอุตส่าห์ล้มเลิกความคิดไปแล้ว พราวเกรงใจพี่ด้วย เงินไม่ใช่น้อย ๆ”“พราวอย่าลืมสิว่าพี่ได้เงินจากคดีนั้นมาตั้งเกือบสิบล้านนะ ตอนนี้มันนอนนิ่งอยู่ในบัญชีไม่ได้เอาออกไปใช้อะไรจนปลวกจะแทะอยู่แล้วมั้ง มาช่วยพี่ใช้เงินบ้างก็ได
แต่พอคิดถึงภาระหน้าที่หลังเรียนจบที่ต้องไปช่วยบิดาบริหารกิจการเครื่องสำอางแบรนด์เอเอ็นเอสและในเครือแล้ว รอยยิ้มเมื่อครู่ก็เจื่อนลงทันทีใช่ว่าพราวนภาไม่ชอบหรือไม่อยากทำธุรกิจของครอบครัว เธอรักมันเช่นกันเพราะเครื่องสำอางเป็นสิ่งที่เห็นและสัมผัสมาตั้งแต่จำความได้ เธอรักในสีสันและทึ่งในมหัศจรรย์ของการแต่งหน้า การได้ช่วยงานบิดาเป็นสิ่งที่หญิงสาวเต็มใจทำเป็นอย่างยิ่งพราวนภาตัดใจเรื่องอาณาจักรเท็ดดี้แบร์ในฝันแล้วเลือกซื้อเครื่องเขียนจำนวนหนึ่งเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ แต่พอเปิดกระเป๋าออกดู กลับพบว่ากระเป๋าสตางค์ของตนหายไปแล้ว“เฮ้ย! กระเป๋าตังค์หาย” พราวนภาหน้าตื่นเพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับตนมาก่อน“ขอโทษนะคะพี่ กระเป๋าตังค์หนูหาย ขอเดินไปดูในร้านก่อนนะคะเผื่อจะทำตกเอาไว้” เธอรีบหันไปบอกกับพนักงานแคชเชียร์แล้วเดินย้อนกลับไปตรงบริเวณที่ตนยืนอยู่เมื่อครู่ทันทีหญิงสาวรื้อดูในกระเป๋าสะพายอีกครั้ง ทุกอย่างอยู่ครบหมดมีเพียงกระเป๋าสตางค์เท่านั้นที่หายไป เธอพยายามหลับตานึกว่าครั้งสุดท้ายที่ตนเห็นมันคือเมื่อไร ก่อนจะสะดุ้งตกใจ
“คุณพ่อเขาไม่พูดหรอกแต่เขาจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ แม่เองก็เหมือนกัน แม่จะไม่ห้ามหรือบังคับหนูหรอกนะว่าต้องทำตัวอย่างนั้นอย่างนี้เพราะถือว่าโต ๆ กันแล้ว ดินน่ะแม่ก็เห็นเขามาตั้งแต่เด็ก แม่คิดว่าเขาก็เป็นผู้ชายที่ใช้ได้คนหนึ่งเลยละ ส่วนหนูเองแม่คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะแม่เลี้ยงหนูมาแม่ย่อมรู้ดีที่สุดว่าลูกสาวแม่เป็นคนยังไง”“ขอบคุณค่ะคุณแม่ หนูพราวรักคุณแม่ค่ะ” พราวนภากอดจันทร์เจ้าอย่างออดอ้อนเช่นที่เคยทำเมื่อครั้งเป็นเด็ก รุ้งจันทราเห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้ามากอดด้วยอีกคน“หนูรุ้งก็รักคุณแม่ รักพี่พราว”ช่วงหัวค่ำ พราวนภานั่งดูข่าวกับคุณยายเพราะจันทร์เจ้าพาบุตรสาวคนเล็กเข้านอน ขณะที่กำลังนั่งดูอยู่นั้น โทรศัพท์ของหญิงสาวก็สั่นครืดคราด เธอรู้ทันทีว่าใครโทร. มาจึงรีบหยิบมากดรับพร้อมกับเดินขึ้นห้องนอนของตนทันที“วันนี้มานอนบ้านแม่หรือ” เสียงทุ้มถามทันทีที่เธอกดรับสาย พราวนภายิ้มกว้างที่นฤบดินทร์ช่างเอาใจใส่ แค่เขาเห็นว่าสภาพห้องของเธอเปลี่ยนไป เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอมานอนบ้านมารดา“ใช่แล้ว เอา
“พราว! กลับมาแล้วหรือ”อภัสราตะโกนเรียกพราวนภามาแต่ไกล เจ้าของชื่อจึงหยุดเดินแล้วยืนรอให้เพื่อนที่กำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม แต่พออีกฝ่ายมาถึง เจ้าตัวกลับแบมือมาตรงหน้า พราวนภาจึงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย“ของฝากไงละ แกไปบอสตันมาทั้งทีไม่คิดจะมีของฝากให้เพื่อนบ้างเลยหรือ” อภัสรายังคงแบมือในท่าเดิม พราวนภาจึงยิ้มกว้างแล้วพูดว่า“มีสิ ไม่มีได้ยังไง เอาไว้เจอเก้าก่อนแล้วค่อยให้พร้อมกัน”“หวังว่าคงไม่ใช่เครื่องสำอางนะ” อภัสราพูดกลั้วหัวเราะ“บ้าสิ บ้านฉันทำเครื่องสำอางขายแล้วแกจะให้ฉันซื้อเครื่องสำอางมาฝากแกเนี่ยนะ” พราวนภาอดขำไม่ได้“แต่พูดก็พูดเถอะ อเมริกามันไม่ค่อยมีของอะไรที่เป็นเอกลักษณ์พอจะซื้อเป็นของฝากได้เลยเนอะ แกว่าไหม เพราะถ้าเป็นพวกเสื้อผ้า กระเป๋าอะไรพวกนี้ก็มีขายในไทยหมดแล้ว แถมราคาที่โน่นบางรัฐยังแพงกว่าที่ไทยด้วยซ้ำ ไม่เหมือนญี่ปุ่นหรือจีนที่มองปุ๊บก็รู้เลยว่าเป็นสินค้าของที่นั่น” พราวนภานึกถึงต
นับว่าเป็นโชคดีที่เซ็กซ์ของเขากับเธอเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม แต่ในอนาคตเขาก็ไม่แน่ใจว่าหลังจากที่ได้ร่วมรักกันแบบจริงจัง หญิงสาวจะยังคล้อยตามเขาเหมือนตอนนี้หรือเปล่า เพราะบางครั้งเมื่ออารมณ์ถึงขีดสุดเขายอมรับว่าตนอาจจะรุนแรงไปบ้างด้วยความลืมตัว ถ้าเธอรับได้ก็ดีไป แต่ถ้ารับไม่ได้เขาก็คงต้องเป็นฝ่ายปรับตัวให้อ่อนโยนลงร่างอรชรเริ่มขยับเร่งเร้ามากขึ้นทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวคงใกล้ถึงฝั่งเต็มที เขาเองก็เช่นกัน ที่สุดแล้วเธอก็ทิ้งนำเขาไปก่อน เขาจึงต้องรับผิดชอบส่วนที่เหลือของตนเองจนกระทั่งไล่ตามเธอทันในที่สุด“เมื่อกี้พราวเซ็กซี่มากเลยนะรู้ตัวรึเปล่า พี่ชอบมากเลย”นฤบดินทร์จูบหน้าผากชื้นเหงื่อของพราวนภาอย่างแสนรักพลางกอดเธอไว้แนบอก บอกใครก็คงไม่มีคนเชื่อว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขากับเธอปรนเปรอความสุขให้กันอย่างนี้ทุกวัน หากแต่เป็นการร่วมรักที่ไม่มีการล่วงล้ำใด ๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งเขาเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าตนจะสามารถอดทนได้ยิ่งท่วงท่าที่หญิงสาวอยู่บนเมื่อครู่นี้ช่างง่ายดายเหลือเกินหากเขาคิดจะลงมือให้เธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ แต่เขาก็ทำไม่ลง เข
ไม่ต้องเดาก็พอรู้แล้วว่าหลังจากที่นฤบดินทร์เรียนจบกลับมา หมอนั่นจะต้องเอ่ยปากกับเขาเรื่องนี้ตามตรงแน่นอน เพราะจะว่าไปแล้วนิสัยบางอย่างของนฤบดินทร์ก็มีส่วนคล้ายคลึงกับเขาไม่น้อยเอาเถอะ จะคบกันเขาไม่ว่า แต่ถ้าทิ้งลูกสาวกูเมื่อไร มึงตาย!ตลอดห้าวันที่พราวนภาอยู่ที่นี่ นฤบดินทร์มักฉวยโอกาสหาข้ออ้างพาหญิงสาวออกไปเที่ยวเสมอ แต่ความจริงแล้วเขาพาเธอขึ้นมาอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องพักที่ชั้นยี่สิบห้าที่เขาจองเอาไว้เพื่อพลอดรักกันตามประสาคู่รักทั่วไป และทุกครั้งทั้งสองคนก็จะนัวเนียกันอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ต่างคนต่างปรนเปรอความสุขให้อีกฝ่ายอย่างเต็มที่ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มีการล่วงล้ำเกินเลยกันสักครั้ง และชายหนุ่มเองก็ไม่เคยออดอ้อนขอให้หญิงสาวมอบให้ เพราะเหตุนี้พราวนภาจึงยิ่งรักเขามากขึ้นทุกวันจนแทบไม่อยากกลับเมืองไทยพราวนภานอนซบอยู่บนอกของนฤบดินทร์ สายตาทอดมองไปยังทิวทัศน์ด้านนอก หากแต่ไม่ได้ดื่มด่ำกับความสวยงามของมันเลยแม้แต่น้อย พรุ่งนี้เธอต้องกลับเมืองไทยแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย เหตุใดห้าวันจึงเหมือนกับห้านาที เธออยากหยุดเวลาไว้