ชรันได้ไปหาครอบครัวของแบมแต่เช้าเพื่อพูดคุยเรื่องหมั้นหมาย ซึ่งจบลงด้วยดีเพราะพ่อแม่ของเธอก็ชอบในตัวของธีทัต บวกกับความเป็นทายาทคนเดียวของกิจการขนส่งทางเรือใหญ่ระดับประเทศ
“รอให้หลังเรียนจบดีมั้ยครับ? ก่อนแบมจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ” พ่อของแบมเสนอขึ้นมา ส่วนชรันก็เห็นด้วย “ดีครับ ผมเองก็อยากส่งลูกชายไปเรียน ป.โท ด้วยเหมือนกันแล้วค่อยมารับช่วงกิจการ จากนั้นค่อยให้หนุ่มสาวเค้าแต่งงานกัน อายุอานามจะได้เหมาะสม” เมื่อคุยธุระจบ ชรันแจ้งข่าวนี้กับอดีตภรรยาทันที “คุณหาทางบีบให้ธีหมั้นให้ได้ ไม่งั้นผมไม่ยกกิจการอะไรให้ทั้งนั้น จะเซ็นยกให้ลูกของผมกับพิชามญช์แทน จะบีบน้ำตาทำยังไงก็ได้ให้หมั้นก่อน แล้วผมจะส่งธีไปเรียน ป.โท กับแบมที่อังกฤษ” กชกร อดีตภรรยาของชรันกดวางสายโดยไม่ตอบอะไร ส่วนชรันก็รู้ดีถึงความคิดของเธอว่าหวงสมบัติของเขาให้ลูกชายคนเดียวของทั้งคู่มากขนาดไหน เท่ากับว่าเขากดดันสองแม่ลูกให้ต้องทำตาม ช่วงเที่ยงณัฐวีย์ได้ขับรถพาพรรณนาราผู้เป็นลูกสาวไปรับแฟนใหม่ของเขาที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านรามคำแหงเพื่อไปทานข้าวและทำความรู้จักกัน ซึ่งเป็นคอนโดที่ดูสภาพค่อนข้างเก่า สักพักก็มีสาวผมตรงยาว การแต่งตัวดูเรียบร้อยได้เดินมาที่รถ พ่อของเธอรีบออกจากรถไปหาและเปิดประตูให้นั่งที่ด้านหลัง “พู่ นี่พี่ปริมนะ..ปริมนี่พู่กัน ลูกสาวผมที่เคยพูดให้ฟัง มีอะไรก็คุยกัน อายุห่างกันเท่าไหร่นะ? สิบปีไหมปริม?” “ปริม 28 ค่ะ น้องพู่ย่าง 16 ใช่มั้ยคะ? ก็ห่างกันรอบนึงพอดี” พรรณนาราหันไปกล่าวสวัสดีและยกมือไหว้ตามมารยาทโดยเงียบตลอดทางจนถึงเวลาทานมื้อเที่ยงด้วยกัน มีข้อความของธีทัตเข้ามาถามว่าเธออยู่ที่ไหน “น้องพู่ทานข้าวกับคุณพ่ออยู่ใช่มั้ยครับ? แล้วจะไปไหนต่อมั้ย?” “กำลังจะกินเสร็จแล้วค่ะ พ่อกับแฟนจะไปเที่ยวกันต่อ แต่หนูจะไม่ไปด้วย ค่อยเรียกแท็กซี่กลับบ้านคนเดียวเอาก็ได้” “พี่ไปหาได้มั้ย? แล้วเดี๋ยวจะส่งพู่กลับบ้านเอง” ธีทัตพิมพ์ถามและรอคำตอบด้วยใจที่ร้อนรนเพราะพรรณนาราตอบช้าจนผ่านไปเกือบสิบนาที “ยุ่งอยู่เหรอ?” “พึ่งแยกกับพ่อค่ะ หนูอยู่เอ็มโพเรียม” “พี่ไปตอนนี้เลย รอก่อนนะครับ” ธีทัตคว้ากุญแจรถได้ก็รีบออกจากห้อง พอลงบันไดมาก็เจอกับแม่ที่นั่งคุยอยู่กับ..แบม “เอ้า ธี..ลงมาพอดีเลย แบมมาเที่ยวหาแม่พอดี แล้วนี่จะไปไหนลูก?” กชกรถามลูกชายเพราะเห็นกุญแจรถในมือเขา “ผมจะไปหาเพื่อนครับ เดี๋ยวมา” “ยกเลิกนัดเพื่อนไปก่อนได้มั้ย? แม่มีเรื่องจะคุยด้วย” “เดี๋ยวผมกลับมาคุยครับ ไปไม่นาน” “เรื่องของยัยเด็กนั่นสำคัญกว่าแม่แล้วเหรอ?” แบมหันไปมองที่แม่ของธีทัตทันที “ใครคะแม่?” ธีทัตชักสีหน้าโดยไม่พูดอะไรแล้วจ้ำอ้าวออกไปที่รถและขับออกไปอย่างเร็ว “ธีไม่บอกแม่ว่าคือใครแต่เรียกว่าน้อง” กชกรโกหกแบมว่าไม่รู้จักตามคำสั่งของอดีตสามี ซึ่งแบมเองก็เชื่อที่เธอพูดจึงไม่ถามอะไรต่อ “แม่คะ ถ้าธีไม่มีใจให้หนูเหมือนเดิมอีกแล้วล่ะคะ?” “พวกเราจะช่วยกัน แล้วธีต้องไปเรียนต่างประเทศสักพักก็จะลืมไปเอง เพชรย่อมดีกว่ากรวดอยู่แล้ว ไม่นานธีก็จะตาสว่าง เชื่อแม่สิ พ่อเค้าจะส่งธีไปเรียน ป.โท กับแบมที่อังกฤษ แบมก็ใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับธีเลยทีเดียวสิลูก” แบมยิ้มขึ้นมาได้ที่พ่อแม่ของธีทัตสนับสนุนเธอ100% ธีทัตนัดเจอกับพรรณนาราในที่จอดรถ เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหากัน “พี่ธีจะไปส่งหนูที่บ้านเลยมั้ยคะ?” “ทำไมรีบขนาดนั้น? พี่แค่อยากมีเวลาอยู่กับพู่บ้าง” เขาดึงมือสาวน้อยไปนั่งที่ด้านหลังซึ่งเธออิดออดนิดหน่อย ทำให้ธีทัตไม่รู้ว่าเธอกลัวอะไรในตัวเขาหรือว่าจริงๆแล้วเธอเริ่มอยากตีตัวออกห่าง ความจริงนั้นพรรณนาราแค่คิดตามประสาวัยรุ่นที่ตกอยู่ในสถานการณชีวิตที่ไม่สู้ดี เธอเลือกธีทัตจากความชอบส่วนตัวเพื่อให้เป็นเขาเป็นผู้ชายคนแรกเพราะต้องการปกป้องจิตใจของตัวเองจากการถูกล่วงเกินโดยพ่อของเขาและไม่อยากมีปมในใจถ้าวันหนึ่งต้องเพลี่ยงพล้ำเสียท่าให้สามีใหม่ของแม่ขึ้นมา “พู่กลัวอะไรพี่รึเปล่า?” “พี่ธีควรห่วงตัวเองที่หนูยังไม่ถึง 18 มากกว่านะคะ” ธีทัตดึงแขนผู้หญิงที่เป็นของเขาให้มานั่งบนตักเพื่อจะได้กอดได้เต็มที่ สายตาที่สบกันนั้น ฝ่ายหนึ่งหลงรัก ฝ่ายหนึ่งสับสน เขายื่นหน้าไปจูบที่คอด้วยความรู้สึกลึกล้ำ กลิ่นกายที่หอมอ่อนๆชวนให้รู้สึกสดชื่นนั้นทำให้เคลิ้มอยู่ในภวังค์ ธีทัตเอ่ยปากพูดด้วยเสียงอู้อี้เพราะเอาแต่ซุกหน้าอยู่ที่ต้นคอเธอ “พู่ขอพ่อขอออกมาอยู่หอใกล้โรงเรียนได้มั้ย? พี่จะจ่ายค่าหอให้เอง” “พูดง่ายแต่ทำยากค่ะ แม่คงไม่ยอมเพราะกลัวไม่ได้ตามข้อตกลง ส่วนพ่อ..เหตุผลร้อยแปดก็คงไม่ฟังแล้วพาลจะต้อนเอาความจริง ซึ่งความจริงมันมีหลายเรื่องที่พ่อหนูน่าจะรับไม่ได้สักเรื่อง” “งั้นสิ่งที่พี่ทำได้คือจะมาค้างที่บ้านพ่อทุกวันที่หนูต้องอยู่ที่นั่น” “ค่ะ เราคงทำได้แค่นั้น” พรรณนาราเบี่ยงหน้าไปทางอื่นในขณะที่ธีทัตพยายามยื่นหน้ามาจูบที่ปาก “พู่เปลี่ยนไปนะ ได้พี่แล้วจะทิ้งเหรอ?” เขาโอบกอดเธอแน่นขึ้น นิ้วมือเริ่มบีบขยำที่อกเสื้อ “พี่ธีคะ..เรา..จะเป็นยังไงต่อเหรอ?” “คบกับพี่ได้มั้ย? พี่จริงจังนะ ระหว่างรอพู่เรียนจบ พี่ก็คงเก็บเงินได้ประมาณหนึ่งเพื่อให้หนูออกมาอยู่ข้างนอก แล้วพี่จะบอกทุกคนว่าเราเป็นแฟนกัน” “ที่ต้องรอหลายปีเพราะพี่รู้ดีว่าไม่มีใครสนับสนุนเรื่องของเราหรอก..ใช่มั้ยล่ะ? พี่รู้ได้ไงว่ามันง่ายแบบนั้น? พี่แน่ใจได้ไงว่าจะยังมั่นคงกับหนูคนเดียว พี่อาจไปเจอคนใหม่ในสังคมใหม่ก็ได้” ธีทัตจับเธอนอนลงบนเบาะหลังแล้วคร่อมเธอไว้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดบันทึกด้วยกล้องหน้า เขาเริ่มจูบและพูดว่าหลงรักเธอแค่ไหน “พี่ธีทำอะไรน่ะ อัดคลิปทำไมกัน?” “ถ้าพี่ผิดคำพูดก็เอาคลิปนี้ให้ทุกคนดู ว่าหนูเป็นของพี่ พี่คือผู้ชายคนแรกของพู่” “หนูร้อน..อย่าทำหนูเลย.. ส่งหนูกลับบ้านเถอะ” เขามองหน้าเธอใกล้ๆพลางคิดหาคำตอบว่าทำไมเธอถึงไม่อยากใกล้ชิดด้วย “เพราะพี่เป็นลูกของคนที่เกลียดใช่มั้ย? ตอนนี้พึ่งมาคิดได้ก็เลยอยากออกห่างพี่งั้นเหรอ?” “ไม่ใช่ค่ะ แต่..เราก็มีอะไรกันไปแล้วไงคะ พี่ธีอยากได้อะไรจากหนูอีกเหรอ?” นั่นทำให้เขาได้สติขึ้นมาว่า เธอเองก็เป็นแค่เด็กสาวที่ไม่ใช่สาวเต็มตัว อารมณ์เรื่องอย่างว่าคงไม่ได้มีมากแบบวัยรุ่นอารมณ์ร้อนแรงอย่างตัวเขา พรรณนาราคว้าโทรศัพท์ของธีทัตมาได้แล้วกดลบที่บันทึกออกไป ในขณะที่เขาเลิกชุดเธอขึ้นมาถึงเอวแต่เธอก็พยายามดึงมันลง “พี่ทำไม่ดีหรือหนูเข็ดที่เจ็บ?” “หนูรู้สึกผิด..ต่อแฟนพี่ รู้สึกผิดต่อตัวเอง พาหนูกลับบ้านเถอะ” ธีทัตจำเป็นต้องปล่อยเธอ และออกจากเบาะหลังกลับไปนั่งที่คนขับเพื่อพาเธอกลับบ้าน “ขอบคุณค่ะพี่ธี” “วันพรุ่งนี้อยู่บ้านตลอดหรือไปไหนมั้ย?” “วันอาทิตย์คงไม่ไปไหนค่ะ” “งั้นวันจันทร์เจอกันที่บ้านพ่อพี่นะ ..พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ทำให้พู่รู้สึกไม่ดี วันหลังจะไม่ทำอีกถ้าหนูไม่ยินยอม” พรรณนาราพยักหน้าและยกมือสวัสดีเขาแล้วเดินหันหลังเข้าบ้านไปด้วยท่าทางเฉยชา เธอคงเจอเรื่องแย่ๆมา…แล้วเรายังเหมือนไปซ้ำเติมเธออีก…ด้วยเรื่องแบบนั้น..ขอโทษนะ..พู่กัน แต่มันยังมีเรื่องที่ธีทัตต้องกังวลอีกเพราะอดีตแฟนสาวและแม่ของเขารอที่จะคุยด้วย แถมท่าทางแม่จะรู้ว่าเขากำล้งสานสัมพันธ์กับใครอยู่ “มาได้สักทีนะลูก แม่กับแบมรอคุยด้วย จนแบมเขามีธุระขอตัวกลับไปก่อนแล้ว” “ครับ แม่มีอะไรหรือเปล่า?” “แม่มีเรื่องกังวลเพราะพ่อของลูกโทรมาบอกว่าจะมีลูกใหม่กับนังนั่น พ่อน่ะกลัวว่าลูกจะเหลวไหลเลยจะวางรากฐานไว้ให้ลูกตั้งแต่ตอนนี้ เพราะต่อให้มีลูกใหม่ก็อายุห่างกันมาก พ่อจะส่งลูกไปเรียน ป.โท ที่อังกฤษที่เดียวกับแบม” ธีทัตถึงกับนิ่งเพราะไม่เคยมีใครบอกเขาเรื่องนี้มาก่อน …………………………………💔🥃ธีทัตอยากบอกพ่อของเขาด้วยซ้ำว่าพรรณนาราเป็นของเขาแล้ว แต่ต้องอดทนเก็บความลับเอาไว้เพราะเขาไม่อยู่ในจุดที่ปกป้องเธอได้จากทุกอย่างถ้าเขาพูดมันออกไป “ผมจะเรียนต่อก็ได้ แต่ขอเรียนที่ไทย เพราะไม่งั้นแม่ต้องอยู่คนเดียวมีแค่แม่บ้าน ผมกับแม่ไม่เคยแยกกันอยู่”“พ่อคุยกับแม่เรียบร้อยแล้ว แม่เห็นด้วย ก็แค่สองปีจะอะไรนักหนา มีเวลาอีกเท่าไหร่เตรียมตัวซะตั้งแต่เนิ่นๆ”“ผมจบเดือนนี้แล้ว แต่ต้องรอมหาวิทยาลัยประกาศผลจบการศึกษาแล้วอนุมัติให้ก่อน ถึงจะขอ Transcript ได้ อย่างต่ำใช้เวลาสองเดือน”“ดี จัดการซะ อย่าทระนงตัวให้มากนักว่าเป็นลูกชายคนเดียวแล้วจะดื้อด้านยังไงก็ได้ เพราะถ้าน้องแกเกิดมาไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็เท่ากับว่าพ่อมีทายาทอีกคนที่ฝากฝังกิจการได้ อย่าลืมว่าพ่ออายุแค่ 51 ยังอยู่ได้อีกนานพอจะเห็นน้องแกโต แม่แกก็ไม่ได้มีธุรกิจอะไรนอกจากเงินที่ได้จากการหย่าไป อยากเสียตรงนี้ไปก็แล้วแต่”ชรันหันหลังจะกลับออกไปแต่เหมือนนึกอะไรได้จึงหันกลับมาพูดด้วยอีกครั้ง “ไม่ต้องมานอนค้างที่นี่อีก ถ้าจำเป็นก็ไปเปิดโรงแรมนอน พ่อจ่ายเอง”“ทำไมครับ?”“ที่นี่มีพ่อเป็นผู้ชายคนเดียวก็พอแล้ว”ชรันออกจากห้องของธีทัต ก็มองที
“ไม่เห็นมีใครถามความเห็นจากผมเลย ถ้าต้องไปเรียนผมต้องเตรียมตัวหลายอย่างมาก แล้วทำไมต้องไปที่เดียวกับแบม ในเมื่อที่อื่นก็มี ในไทยก็เรียนได้ มีมหาวิทยาลัยดีๆก็เยอะ ที่ผมเรียนอยู่ก็มี ป.โท ชื่อเสียงก็ระดับประเทศ”“ลูกคบกับลูกสาวของนังชู้ใช่มั้ย? ถึงไปบอกเลิกแบม บอกแม่ตามตรงธี แม่ก็คือแม่นะ อย่าโกหก”“ผมรู้สึกมาปีกว่าๆแล้วว่าผมกับแบมความสัมพันธ์มันถอยหลัง ไม่คืบหน้า เราต่างคนต่างอยู่มีแค่โทรคุยกันสั้นๆถึงจะทุกวันก็ตาม ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”“พ่อของลูกบอกแม่ว่า ทางนั้นเองก็ไม่เห็นด้วยเรื่องคบหากัน ถ้าลูกและนังเด็กนั่นพยายามที่จะดื้อรั้น พ่อจะยกทุกอย่างให้ลูกใหม่ที่จะเกิดกับอีนั่น ธี..แม่ขอร้องเถอะ มันคือสิทธิ์ของลูก อย่าให้ใครมาแย่งกิจการที่ต้องเป็นของลูกไป โดยเฉพาะลูกชู้นั่น”“แม่หยุดเรียกพวกเขาแบบนั้นได้มั้ยครับ?”“ตกลงจะไม่เลิกกับมันใช่มั้ย?”“แม่พูดอะไร น้องยังเด็กกำลังจะสิบหก” “ทำเพื่อแม่ได้มั้ยธี? แม่เสียครอบครัว เสียสามีให้นังนั่นไปแล้ว แม่ต้องทนดูลูกเสียกิจการของพ่อไปอีกไม่ได้นะ เอางี้..เรื่องเด็กนั่น ถ้าลูกอยากคบ ก็รอให้เด็กอายุสักยี่สิบเป็นไง ช่วงนี้ก็เออๆออๆกับพ่อไปก่อน จนกว่
ชรันได้ไปหาครอบครัวของแบมแต่เช้าเพื่อพูดคุยเรื่องหมั้นหมาย ซึ่งจบลงด้วยดีเพราะพ่อแม่ของเธอก็ชอบในตัวของธีทัต บวกกับความเป็นทายาทคนเดียวของกิจการขนส่งทางเรือใหญ่ระดับประเทศ“รอให้หลังเรียนจบดีมั้ยครับ? ก่อนแบมจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ”พ่อของแบมเสนอขึ้นมา ส่วนชรันก็เห็นด้วย“ดีครับ ผมเองก็อยากส่งลูกชายไปเรียน ป.โท ด้วยเหมือนกันแล้วค่อยมารับช่วงกิจการ จากนั้นค่อยให้หนุ่มสาวเค้าแต่งงานกัน อายุอานามจะได้เหมาะสม”เมื่อคุยธุระจบ ชรันแจ้งข่าวนี้กับอดีตภรรยาทันที “คุณหาทางบีบให้ธีหมั้นให้ได้ ไม่งั้นผมไม่ยกกิจการอะไรให้ทั้งนั้น จะเซ็นยกให้ลูกของผมกับพิชามญช์แทน จะบีบน้ำตาทำยังไงก็ได้ให้หมั้นก่อน แล้วผมจะส่งธีไปเรียน ป.โท กับแบมที่อังกฤษ”กชกร อดีตภรรยาของชรันกดวางสายโดยไม่ตอบอะไร ส่วนชรันก็รู้ดีถึงความคิดของเธอว่าหวงสมบัติของเขาให้ลูกชายคนเดียวของทั้งคู่มากขนาดไหน เท่ากับว่าเขากดดันสองแม่ลูกให้ต้องทำตามช่วงเที่ยงณัฐวีย์ได้ขับรถพาพรรณนาราผู้เป็นลูกสาวไปรับแฟนใหม่ของเขาที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านรามคำแหงเพื่อไปทานข้าวและทำความรู้จักกัน ซึ่งเป็นคอนโดที่ดูสภาพค่อนข้างเก่า สักพักก็มีสาวผมตรงยาว การแต่งตัวด
แบมนั่งมองธีทัตที่ไม่สบตากับเธอเลยอยู่พักหนึ่งโดยไม่พูดอะไรกัน จนเธอต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา“ห่างกันดูสักพักก็ได้ธี แบมขอเวลาทำใจหน่อย จริงอยู่ว่าสองปีหลังนี้เราดูไม่ค่อยมีกิจกรรมด้วยกัน ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเพราะต่างคนต่างมีเพื่อนของตัวเอง ใกล้จบด้วยมันเลยหนัก แล้วก็เรื่องอย่างว่าที่แบมเข้าใจดีว่ามันขาดหายไปนานมาก ปีแรกเรามีอะไรกันบ่อยทุกครั้งที่มีโอกาส หลังจากนั้นความถี่ก็ลดลงเรื่อยๆ เพราะเรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย?”“อย่างที่บอก มันไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ทางกาย มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ยังไม่ลึกซึ้งพอ เอาเป็นว่าธีนิสัยไม่ดีเอง”“ลองห่างกันดู อาจทำให้เรารู้ใจตัวเองว่ายังต้องการกันอยู่มั้ย”แบมลุกขึ้นเดินกลับไปที่รถโดยไม่รอฟังคำตอบจากเขาอีก แล้วขับรถตรงไปที่บ้านแม่ของธีทัต“สวัสดีค่ะคุณแม่..หนูโดนพี่ธีบอกเลิกแบบงงๆเลยค่ะ วันนี้คงเรียนไม่รู้เรื่อง..”เธอพูดพร้อมเช็ดน้ำตาไปด้วย แม่ของธีทัตรีบมานั่งข้างๆพร้อมกับลูบหลังเบาๆ“สองสามวันก่อนแม่ถามหาแบมกับธี เขายังบอกว่าหนูยุ่งๆแต่ก็คุยกันทุกวัน ทำไมมาบอกเลิกอะไรกันน่ะ”“เขาบอกว่ามีใจให้คนอื่นค่ะ คือ..หนูมาที่นี่ไม่ได้จะมาตีโพยตีพายนะคะ แ
คุณป้าแม่บ้านได้ทำแผลให้พิชามญช์ที่ห้องรับแขก ส่วนชรันก็นอนแช่จากุซซี่เพื่อให้ใจเย็นลง ในขณะที่ธีทัตเริ่มคิดว่าถ้าเข้าไปตอนนี้น่าจะโดนกันท่าอีก จึงคิดว่าจะจอดรถไว้ไกลบ้านแล้วเดินเข้ามาเพื่อไม่ให้คนในบ้านรู้ว่าคืนนี้เขามาอีก “พี่ธี มาแล้วเหรอ? หนูอยู่ในห้องน้ำของคุณป้าแม่บ้าน”“พู่ หนูขอคุณป้าเอาชุดนักเรียนมาให้ได้ไหม? พี่ว่าจะพาไปอยู่ที่อื่นก่อน ให้พวกเขาคิดว่าหนูอยู่ห้องคุณป้าคืนนี้ก็ได้มั้ง”“ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาตามหนูมั้ย แล้วถ้ารู้ว่าหนูไม่อยู่คงแย่แน่”“ไม่กล้าหรอก เพราะกลัวพู่ไปบอกพ่อหรือตำรวจ มีเรื่องแบบนี้พวกเขาทำอะไรไม่ได้มากหรอก พี่จะจอดรถรอที่นอกบ้านนะ เดินมาไม่ไกล หนูรีบมาจะได้รีบไป”“ค่ะ”ธีทัตขับรถเข้าหมู่บ้านและไปจอดใกล้ๆบ้านหลังหนึ่งแล้วโทรบอกพรรณนารา ไม่นานนักเธอก็เดินมาตัวเปล่ามีแค่โทรศัพท์ที่เอามา เขารีบลงไปเปิดประตูรถให้เธอแล้วรีบขับออกไปจากหมู่บ้านอย่างเร็ว “ไม่เอาอะไรมาเลยเหรอ? พรุ่งนี้จะไปเรียนยังไง?”“หนูบอกเพื่อนไว้ว่า ปวดท้องเมนส์ เผื่อคุณครูเช็กชื่อ”เขาเลือกโรงแรมสี่ดาวซึ่งราคาพอรับได้ เพื่อให้เธอได้นอนพักสบายๆ ซึ่งตอนเช็กอินนั้นพวกเขาต่างเขินเจ้าหน้าที่ขอ
ธีทัตอุ้มไปส่งเธอในห้องน้ำเพื่อให้ชำระร่างกาย จนกระทั่งเธอทำอะไรเสร็จแล้วเปิดประตูออกมา เขารีบไปประคองให้มานั่งบนเตียง “เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อยามาให้นะ ขอโทษที่พี่ลืมตัวทำพู่เดือดร้อน”“พี่ธี..ถ้าเขาแอบไขห้องหนูอีกแล้วรู้ว่าเรามีอะไรกัน หนูต้องโดนแน่ๆ แล้วนี่ยังเจ็บอยู่ ถ้าเขาทำอะไรหนูรับไม่ไหวหรอก”“พี่มีวิธี หนูรอแป๊บนึง พี่ไปร้านขายยานอกนี้ก่อนนะ”ธีทัตรีบบึ่งออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้ แล้วจัดการขนหมอนและผ่าห่มมาให้เธอนอนที่ห้องรับแขก โซฟาเข้ามุมขนาดใหญ่รูปตัวแอลพอที่จะนอนสองคนได้ เขานั่งเปิดโน้ตบุ้คทำงานอะไรไป โดยมีสาวน้อยที่นอนอยู่ส่งยิ้มให้ “พี่จะมานอนค้างที่นี่ทุกวันที่พู่อยู่ แล้วก็..พี่จะเคลียร์เรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อยระหว่างที่รอพู่อายุสิบแปด เข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ เราคงต้องคุยกันจริงจังอีกทีว่าต้องอยู่ที่ไหน แต่ไม่ใช่ที่นี่”“ค่ะ เพราะถ้าแม่ท้องบวกกับมีน้อง พู่น่าจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะได้หาเรื่องไปอยู่หอไม่ก็บ้านพ่อ”“ไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ?”พรรณนาราได้ยินคำถามนี้ เธอขยับตัวนอนหันหลังเข้าพนักผิงโซฟาพร้อมกับถอนหายใจแรง“เอ้า..ไหงงั้นล่ะ?”“ให้ทุกอย่างมันถูกต้องกว่านี้