ธีทัตอยากบอกพ่อของเขาด้วยซ้ำว่าพรรณนาราเป็นของเขาแล้ว แต่ต้องอดทนเก็บความลับเอาไว้เพราะเขาไม่อยู่ในจุดที่ปกป้องเธอได้จากทุกอย่างถ้าเขาพูดมันออกไป
“ผมจะเรียนต่อก็ได้ แต่ขอเรียนที่ไทย เพราะไม่งั้นแม่ต้องอยู่คนเดียวมีแค่แม่บ้าน ผมกับแม่ไม่เคยแยกกันอยู่” “พ่อคุยกับแม่เรียบร้อยแล้ว แม่เห็นด้วย ก็แค่สองปีจะอะไรนักหนา มีเวลาอีกเท่าไหร่เตรียมตัวซะตั้งแต่เนิ่นๆ” “ผมจบเดือนนี้แล้ว แต่ต้องรอมหาวิทยาลัยประกาศผลจบการศึกษาแล้วอนุมัติให้ก่อน ถึงจะขอ Transcript ได้ อย่างต่ำใช้เวลาสองเดือน” “ดี จัดการซะ อย่าทระนงตัวให้มากนักว่าเป็นลูกชายคนเดียวแล้วจะดื้อด้านยังไงก็ได้ เพราะถ้าน้องแกเกิดมาไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็เท่ากับว่าพ่อมีทายาทอีกคนที่ฝากฝังกิจการได้ อย่าลืมว่าพ่ออายุแค่ 51 ยังอยู่ได้อีกนานพอจะเห็นน้องแกโต แม่แกก็ไม่ได้มีธุรกิจอะไรนอกจากเงินที่ได้จากการหย่าไป อยากเสียตรงนี้ไปก็แล้วแต่” ชรันหันหลังจะกลับออกไปแต่เหมือนนึกอะไรได้จึงหันกลับมาพูดด้วยอีกครั้ง “ไม่ต้องมานอนค้างที่นี่อีก ถ้าจำเป็นก็ไปเปิดโรงแรมนอน พ่อจ่ายเอง” “ทำไมครับ?” “ที่นี่มีพ่อเป็นผู้ชายคนเดียวก็พอแล้ว” ชรันออกจากห้องของธีทัต ก็มองที่ประตูห้องของพรรณนาราแล้วแอบเคืองใจที่คืนนี้เขาอดที่จะเข้าไปหาเธอเพราะลูกชายดันเป็นก้างขวางคออยู่ที่นี่ แต่เขาเปลี่ยนใจเดินลงบันไดไปที่ห้องพักของฟ้าแทน ธีทัตรีบโทรหาพรรณนาราที่อาบน้ำอยู่ เธอที่เอาโทรศัพท์ไปในห้องน้ำด้วยจึงรีบรับสาย “พี่ธี คุยกับพ่อเสร็จแล้วเหรอ? เขาไปไหน? กลับห้องหรือยัง?” “พ่อพี่ลงไปข้างล่างน่ะ” “พี่ลองไปดูให้หน่อยได้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่งั้นคงไปห้องพี่ฟ้า” พรรณนาราวางสายแล้วรีบล้างตัวและใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย นั่งรอเงียบๆอยู่ในห้อง ธีทัตเดินลงไปหาชรันที่ไหนก็ไม่เจอ จึงเดินออกไปที่ห้องพักแม่บ้านลองแนบหูฟังห้องแรกนั้นเงียบ แต่อีกห้องพอลองเงี่ยหูฟังจึงได้ยินเสียงพ่อของเขากำลังปลอบใจแม่บ้านสาวและเหมือนกำลังจะเริ่มต้นกิจกรรมอะไรกัน ธีทัตจึงรีบเดินกลับเข้าบ้านแล้วโทรบอกเรื่องนี้กับพรรณนารา “พ่อพี่..เป็นคนแบบนี้โดยที่พี่กับแม่..ไม่เคยรู้เลย ถึงว่าเมื่อก่อนที่บ้านพี่ แม่บ้านคนไหนที่ยังสาวมักอยู่ไม่ทน” เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของเธอทำให้เขาเป็นห่วงเมื่อนึกถึงวันอื่นที่เขาไม่อยู่ที่นี่ ธีทัตไปที่ห้อง จัดที่นอนเหมือนตัวเขาเองนอนคลุมโปงอยู่ ปิดไฟปิดประตูเรียบร้อยก็โทรให้พรรณนาราออกมาเจอเขาหน่อย “พี่อยู่หน้าห้อง ขอคุยด้วยได้มั้ย?” เธอเปิดประตูแง้มดูเขาด้วยความระแวง จนธีทัตต้องมามองสบตาใกล้ๆที่บานประตู “ขอพี่เข้าไปได้มั้ย?” คำขอที่ไม่ใช่การร้องขอ เขาเบียดตัวเองดันประตูเข้ามาจนได้ก่อนจะปิดอย่างเบามือและล็อกประตูไว้ด้วย พรรณนาราไม่พูดอะไรแต่ทำคิ้วขมวด “ตั้งแต่มีอะไรกัน พี่เห็นหนูทำหน้าแบบนี้ใส่พี่ตลอด มีอะไรในใจบอกได้มั้ย? รู้สึกผิดเหรอ? อย่าคิดแบบนั้นเพราะคนที่ผิดคือพี่คนเดียว” “พี่ธีต้องไปเรียนต่อที่อังกฤษใช่มั้ยคะ? ธีทัตตกใจที่เธอได้ยินสิ่งที่เขาคุยกับพ่อที่หน้าห้อง “พี่ไม่อยากไป ถ้าจะเรียนก็อยากเรียนที่นี่ พู่แค่บอกพี่ว่าอย่าไป พี่จะอยู่” “พี่ต้องสานต่อกิจการเพราะเป็นลูกคนเดียว มันก็สมเหตุสมผลอยู่นะคะ” พรรณนาราตอบด้วยหน้าตาหงอยๆ ไม่สบตาด้วยเวลาพูด แม้เธอจะชอบเขามากแค่ไหนก็จะไม่รั้งเขาไว้เพื่ออนาคตของตัวเขาเอง “ช่างปะไร พ่อจะมีลูกคนใหม่ พี่ไม่ได้อะไรก็ไม่เป็นไร อาจหางานทำค่อยๆตั้งตัว สร้างจากตัวเองก็ดีเหมือนกัน จะได้มีอิสระจากทุกคน ทุกอย่าง” “เสียดายที่พ่อหนูไม่มีลูกชาย คงจะดีกว่านี้ถ้าหนูเกิดเป็นผู้ชาย เรื่องราวแย่ๆทุกอย่างที่เกิดกับหนู มันคงไม่เกิดขึ้น” “เรื่องแย่ๆ…หมายถึงเรื่องของเราด้วยเหรอ?” การที่เธอไม่ตอบแต่ถอนหายใจ มันทำให้เขาเสียใจว่าเป็นหนึ่งในเรื่องแย่ๆในชีวิตเธอไปแล้ว “พี่จะไม่ไปเรียนต่อ แต่จะหางานทำแล้วรับผิดชอบชีวิตพู่เอง” “พี่ธีไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังพูดอะไรออกมา” “พู่กลัวแม่จะโดนพ่อพี่ทิ้งจริงๆเหรอ พวกเขากำลังจะมีลูกด้วยกันนะ” “เขาจะเอาแต่เด็ก แล้วเทแม่หนูทิ้งถ้าหนูไม่เชื่อฟังเขา จนกว่าเขาจะโอนให้แม่แปดล้านก่อน หนูถึงจะสบายใจและคิดไปจากที่นี่ได้ แล้วพี่ธีจะรับผิดชอบชีวิตหนูยังไง? ค่าเรียน ค่ากิน ค่าจิปาถะ ค่าหอ จะยังไงคะ? เดินไปบอกพ่อหนูว่าเรามีอะไรกัน จะขอพาหนูไปอยู่หอเพราะพ่อพี่ล่วงเกินหนูแบบนี้เหรอ? เรื่องจะบานปลายใหญ่โตแจ้งความขึ้นโรงขึ้นศาล พี่ก็จะไม่ได้คบหนูอยู่ดี แถมพี่จะโดนด้วยข้อหาพรากผู้เยาว์ หนูก็อายเพื่อนอายสังคม พวกเราทุกคนต้องอายกันหมด หนูบอกแล้วว่ามันไม่ง่าย..พวกเราทำผิดเอง..ทุกอย่างมันมีผลลัพธ์ที่ต้องชดใช้” “บอกพี่ทีสิ..เรื่องของเรา..มันคือเรื่องที่แย่ในชีวิตพู่ด้วยเหรอ?” “สำหรับหนู มันเป็นสิ่งที่เต็มใจให้เพราะไม่อยากเสียใจทีหลังถ้าต้องเกิดอะไรต่อจากนี้..พี่จะเป็นคนแรกของหนูตลอดไป” “พี่จะเป็นของพู่ตลอดไปเหมือนกัน” “พูดแบบนี้กับแฟนด้วยใช่มั้ยคะ?” “ไม่เคย” “โกหกเก่งนะคะ” “ไม่ขอให้เชื่อ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีรักแรกแล้วจะเป็นรักตลอดไป พู่เองก็อาจคิดแบบนี้ แต่พี่เจอแล้ว..แม้ว่าวันข้างหน้าหนูอาจเจอคนอื่นที่อยากอยู่ด้วย..มากกว่าพี่” “สัญญากับหนูได้มั้ยว่าจะไม่บอกใครเรื่องที่เรามีอะไรกัน ถ้าจะมีคนรู้ก็บอกว่าแค่คุยกันเท่านั้น” “กลัวพี่โดนตำรวจจับเหรอ?” พรรณนาราแค่พยักหน้า แต่จริงๆแล้วเธอจะเก็บเอาไว้ต่อรองกับชรัน ถ้าเขารู้ว่าเธอมีอะไรกับธีทัตแล้วเขาอาจจะปู้ยี้ปู้ยำเธอได้ ธีทัตเข้ามาสวมกอด เริ่มหอมแก้ม จูบไปตามวงหน้าของพรรณนารา มือที่ลูบไล้แผ่นหลังจนถึงสะโพก ลมหายใจที่ร้อนแรงของเขาทำให้เธอรู้ตัว “พี่ธีกลับห้องเถอะค่ะ เดี๋ยวพ่อพี่มาจับผิดเราละแย่แน่” “ไม่ต้องสนใจหรอก เขากำลังมีอะไรกับแม่บ้านอยู่” sds ธีทัตจะไม่เสียเวลาพูดต่อและเริ่มจูบเธออย่างเร่าร้อน มือที่สัมผัสไปทั่วตัวสาวน้อยอย่างสะเปะสะปะ แล้วอุ้มเธอไปที่เตียง ทำให้พรรณนารากลัวว่าชรันจะมาเปิดประตูห้องเธอตอนไหนก็ได้ จึงคิดว่าจะทำในสิ่งที่เคยทำเพื่อให้มันจบลงไวๆ เธอผลักธีทัตให้นอนหงายและจูบเขาไม่หยุดหย่อน มือที่ล้วงเข้าไปในกางเกงนอนของชายหนุ่ม ลูบไล้แก่นกายที่แข็งตัวรอแล้ว ธีทัตใช้มือหนึ่งดึงกางเกงนอนและบ็อกเซอร์ลงไปนิดหน่อยเพื่อให้เธอทำสะดวก “อาา..พู่ ช้าหน่อย..” เขาแอ่นตัวรับที่เธอใช้มือรูดขึ้นลงให้เร็วๆจนดูรีบเร่ง ตอนนั้นน้ำใสๆออกมาจากส่วนหัวจนไหลเยิ้มเปื้อนมือเธอที่กำลังทำให้ “อยากให้หนูทำอะไรให้..?” ธีทัตเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อเธอเพื่อขยำหน้าอกเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนอิริยาบถให้เธอนอนตะแคงส่วนเขาเลื่อนตัวเอาแก่นกายจ่อไปที่ปากเล็กๆนั้น พรรณนาราอายจนหน้าแดงและหลับตาเพื่อไม่อยากเห็นความเป็นชายของเขาใกล้ขนาดนั้น เสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจ ความรู้สึกเร่าร้อนในอารมณ์รักที่ถูกสัมผัสอยู่ในช่องปากที่ข้างในนั้นนุ่มนิ่ม ลิ้นที่สัมผัสรอยหยักที่ไวต่อการถูกกระตุ้น เขาดันเข้าออกช้าๆโดยมองหน้าสาวน้อยที่เขาหลงรักไปด้วย ยิ่งทำให้อารมณ์พลุ่งพล่านกระเจิดกระเจิง “อาา พู่ นี่ครั้งแรกด้วยใช่มั้ย? …” “อื้อ…” คำตอบนี้ทำให้เขาสาวเอวเร็วขึ้น..เร็วขึ้น พรรณนาราที่อยากทำให้เขาเสร็จจึงตอบรับด้วยการดูดกลืนที่แรงตอบเช่นกัน “โอยย.. พู่ อ๊าาา…อาาา” ร่างกายเขากระตุกอยู่หลายที พร้อมกับหายใจหอบแรงจนเห็นรอยซี่โครงได้อย่างชัดเจน บ่งบอกว่าเขาเสร็จสมเรียบร้อย พรรณนารารีบลุกวิ่งไปเข้าห้องน้ำเพื่อคายทิ้งและบ้วนปาก ธีทัตเดินไปหาเธอที่ห้องน้ำ กอดจากด้านหลังอย่างรักใคร่ “เดี๋ยวมานะ” ธีทัตรีบเดินออกจากห้องของเธอ มองซ้ายมองขวาก่อนจะไปหยิบเอาเงินในกระเป๋าเอามาให้พรรณนาราสามพันบาท “อย่าเข้าใจผิด พี่อยากให้ไว้พู่ใช้ เผื่ออยากได้อะไร ถ้าทำงานได้จะให้อีก ส่งเลขบัญชีไว้ให้พี่ทีนะ ถ้าไม่ได้เจอกันก็ยังโอนให้ได้” พรรณนารายื่นมือรับเงินปุ๊บ เขาก็บรรจงจูบเธออย่างอ้อยอิ่งเพราะต้องกลับห้องแล้ว ก่อนที่ชรันจะมาเห็นเข้า “พี่รักพู่นะ..พี่จะไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ” “กลับห้องได้แล้วค่ะ” ธีทัตกลับออกไปแล้ว แต่พรรณนารามองเงินในมือตัวเองอย่างครุ่นคิด ผู้ชายเป็นแบบนี้สินะ..ใช้เงินเพื่อจบปัญหาทุกอย่าง..งั้นฉันจะทำเพื่อมันบ้างก็คงไม่ผิดหรอก …………………………………….🔥💳💵ธีทัตอยากบอกพ่อของเขาด้วยซ้ำว่าพรรณนาราเป็นของเขาแล้ว แต่ต้องอดทนเก็บความลับเอาไว้เพราะเขาไม่อยู่ในจุดที่ปกป้องเธอได้จากทุกอย่างถ้าเขาพูดมันออกไป “ผมจะเรียนต่อก็ได้ แต่ขอเรียนที่ไทย เพราะไม่งั้นแม่ต้องอยู่คนเดียวมีแค่แม่บ้าน ผมกับแม่ไม่เคยแยกกันอยู่”“พ่อคุยกับแม่เรียบร้อยแล้ว แม่เห็นด้วย ก็แค่สองปีจะอะไรนักหนา มีเวลาอีกเท่าไหร่เตรียมตัวซะตั้งแต่เนิ่นๆ”“ผมจบเดือนนี้แล้ว แต่ต้องรอมหาวิทยาลัยประกาศผลจบการศึกษาแล้วอนุมัติให้ก่อน ถึงจะขอ Transcript ได้ อย่างต่ำใช้เวลาสองเดือน”“ดี จัดการซะ อย่าทระนงตัวให้มากนักว่าเป็นลูกชายคนเดียวแล้วจะดื้อด้านยังไงก็ได้ เพราะถ้าน้องแกเกิดมาไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็เท่ากับว่าพ่อมีทายาทอีกคนที่ฝากฝังกิจการได้ อย่าลืมว่าพ่ออายุแค่ 51 ยังอยู่ได้อีกนานพอจะเห็นน้องแกโต แม่แกก็ไม่ได้มีธุรกิจอะไรนอกจากเงินที่ได้จากการหย่าไป อยากเสียตรงนี้ไปก็แล้วแต่”ชรันหันหลังจะกลับออกไปแต่เหมือนนึกอะไรได้จึงหันกลับมาพูดด้วยอีกครั้ง “ไม่ต้องมานอนค้างที่นี่อีก ถ้าจำเป็นก็ไปเปิดโรงแรมนอน พ่อจ่ายเอง”“ทำไมครับ?”“ที่นี่มีพ่อเป็นผู้ชายคนเดียวก็พอแล้ว”ชรันออกจากห้องของธีทัต ก็มองที
“ไม่เห็นมีใครถามความเห็นจากผมเลย ถ้าต้องไปเรียนผมต้องเตรียมตัวหลายอย่างมาก แล้วทำไมต้องไปที่เดียวกับแบม ในเมื่อที่อื่นก็มี ในไทยก็เรียนได้ มีมหาวิทยาลัยดีๆก็เยอะ ที่ผมเรียนอยู่ก็มี ป.โท ชื่อเสียงก็ระดับประเทศ”“ลูกคบกับลูกสาวของนังชู้ใช่มั้ย? ถึงไปบอกเลิกแบม บอกแม่ตามตรงธี แม่ก็คือแม่นะ อย่าโกหก”“ผมรู้สึกมาปีกว่าๆแล้วว่าผมกับแบมความสัมพันธ์มันถอยหลัง ไม่คืบหน้า เราต่างคนต่างอยู่มีแค่โทรคุยกันสั้นๆถึงจะทุกวันก็ตาม ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”“พ่อของลูกบอกแม่ว่า ทางนั้นเองก็ไม่เห็นด้วยเรื่องคบหากัน ถ้าลูกและนังเด็กนั่นพยายามที่จะดื้อรั้น พ่อจะยกทุกอย่างให้ลูกใหม่ที่จะเกิดกับอีนั่น ธี..แม่ขอร้องเถอะ มันคือสิทธิ์ของลูก อย่าให้ใครมาแย่งกิจการที่ต้องเป็นของลูกไป โดยเฉพาะลูกชู้นั่น”“แม่หยุดเรียกพวกเขาแบบนั้นได้มั้ยครับ?”“ตกลงจะไม่เลิกกับมันใช่มั้ย?”“แม่พูดอะไร น้องยังเด็กกำลังจะสิบหก” “ทำเพื่อแม่ได้มั้ยธี? แม่เสียครอบครัว เสียสามีให้นังนั่นไปแล้ว แม่ต้องทนดูลูกเสียกิจการของพ่อไปอีกไม่ได้นะ เอางี้..เรื่องเด็กนั่น ถ้าลูกอยากคบ ก็รอให้เด็กอายุสักยี่สิบเป็นไง ช่วงนี้ก็เออๆออๆกับพ่อไปก่อน จนกว่
ชรันได้ไปหาครอบครัวของแบมแต่เช้าเพื่อพูดคุยเรื่องหมั้นหมาย ซึ่งจบลงด้วยดีเพราะพ่อแม่ของเธอก็ชอบในตัวของธีทัต บวกกับความเป็นทายาทคนเดียวของกิจการขนส่งทางเรือใหญ่ระดับประเทศ“รอให้หลังเรียนจบดีมั้ยครับ? ก่อนแบมจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ”พ่อของแบมเสนอขึ้นมา ส่วนชรันก็เห็นด้วย“ดีครับ ผมเองก็อยากส่งลูกชายไปเรียน ป.โท ด้วยเหมือนกันแล้วค่อยมารับช่วงกิจการ จากนั้นค่อยให้หนุ่มสาวเค้าแต่งงานกัน อายุอานามจะได้เหมาะสม”เมื่อคุยธุระจบ ชรันแจ้งข่าวนี้กับอดีตภรรยาทันที “คุณหาทางบีบให้ธีหมั้นให้ได้ ไม่งั้นผมไม่ยกกิจการอะไรให้ทั้งนั้น จะเซ็นยกให้ลูกของผมกับพิชามญช์แทน จะบีบน้ำตาทำยังไงก็ได้ให้หมั้นก่อน แล้วผมจะส่งธีไปเรียน ป.โท กับแบมที่อังกฤษ”กชกร อดีตภรรยาของชรันกดวางสายโดยไม่ตอบอะไร ส่วนชรันก็รู้ดีถึงความคิดของเธอว่าหวงสมบัติของเขาให้ลูกชายคนเดียวของทั้งคู่มากขนาดไหน เท่ากับว่าเขากดดันสองแม่ลูกให้ต้องทำตามช่วงเที่ยงณัฐวีย์ได้ขับรถพาพรรณนาราผู้เป็นลูกสาวไปรับแฟนใหม่ของเขาที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านรามคำแหงเพื่อไปทานข้าวและทำความรู้จักกัน ซึ่งเป็นคอนโดที่ดูสภาพค่อนข้างเก่า สักพักก็มีสาวผมตรงยาว การแต่งตัวด
แบมนั่งมองธีทัตที่ไม่สบตากับเธอเลยอยู่พักหนึ่งโดยไม่พูดอะไรกัน จนเธอต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา“ห่างกันดูสักพักก็ได้ธี แบมขอเวลาทำใจหน่อย จริงอยู่ว่าสองปีหลังนี้เราดูไม่ค่อยมีกิจกรรมด้วยกัน ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเพราะต่างคนต่างมีเพื่อนของตัวเอง ใกล้จบด้วยมันเลยหนัก แล้วก็เรื่องอย่างว่าที่แบมเข้าใจดีว่ามันขาดหายไปนานมาก ปีแรกเรามีอะไรกันบ่อยทุกครั้งที่มีโอกาส หลังจากนั้นความถี่ก็ลดลงเรื่อยๆ เพราะเรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย?”“อย่างที่บอก มันไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ทางกาย มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ยังไม่ลึกซึ้งพอ เอาเป็นว่าธีนิสัยไม่ดีเอง”“ลองห่างกันดู อาจทำให้เรารู้ใจตัวเองว่ายังต้องการกันอยู่มั้ย”แบมลุกขึ้นเดินกลับไปที่รถโดยไม่รอฟังคำตอบจากเขาอีก แล้วขับรถตรงไปที่บ้านแม่ของธีทัต“สวัสดีค่ะคุณแม่..หนูโดนพี่ธีบอกเลิกแบบงงๆเลยค่ะ วันนี้คงเรียนไม่รู้เรื่อง..”เธอพูดพร้อมเช็ดน้ำตาไปด้วย แม่ของธีทัตรีบมานั่งข้างๆพร้อมกับลูบหลังเบาๆ“สองสามวันก่อนแม่ถามหาแบมกับธี เขายังบอกว่าหนูยุ่งๆแต่ก็คุยกันทุกวัน ทำไมมาบอกเลิกอะไรกันน่ะ”“เขาบอกว่ามีใจให้คนอื่นค่ะ คือ..หนูมาที่นี่ไม่ได้จะมาตีโพยตีพายนะคะ แ
คุณป้าแม่บ้านได้ทำแผลให้พิชามญช์ที่ห้องรับแขก ส่วนชรันก็นอนแช่จากุซซี่เพื่อให้ใจเย็นลง ในขณะที่ธีทัตเริ่มคิดว่าถ้าเข้าไปตอนนี้น่าจะโดนกันท่าอีก จึงคิดว่าจะจอดรถไว้ไกลบ้านแล้วเดินเข้ามาเพื่อไม่ให้คนในบ้านรู้ว่าคืนนี้เขามาอีก “พี่ธี มาแล้วเหรอ? หนูอยู่ในห้องน้ำของคุณป้าแม่บ้าน”“พู่ หนูขอคุณป้าเอาชุดนักเรียนมาให้ได้ไหม? พี่ว่าจะพาไปอยู่ที่อื่นก่อน ให้พวกเขาคิดว่าหนูอยู่ห้องคุณป้าคืนนี้ก็ได้มั้ง”“ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาตามหนูมั้ย แล้วถ้ารู้ว่าหนูไม่อยู่คงแย่แน่”“ไม่กล้าหรอก เพราะกลัวพู่ไปบอกพ่อหรือตำรวจ มีเรื่องแบบนี้พวกเขาทำอะไรไม่ได้มากหรอก พี่จะจอดรถรอที่นอกบ้านนะ เดินมาไม่ไกล หนูรีบมาจะได้รีบไป”“ค่ะ”ธีทัตขับรถเข้าหมู่บ้านและไปจอดใกล้ๆบ้านหลังหนึ่งแล้วโทรบอกพรรณนารา ไม่นานนักเธอก็เดินมาตัวเปล่ามีแค่โทรศัพท์ที่เอามา เขารีบลงไปเปิดประตูรถให้เธอแล้วรีบขับออกไปจากหมู่บ้านอย่างเร็ว “ไม่เอาอะไรมาเลยเหรอ? พรุ่งนี้จะไปเรียนยังไง?”“หนูบอกเพื่อนไว้ว่า ปวดท้องเมนส์ เผื่อคุณครูเช็กชื่อ”เขาเลือกโรงแรมสี่ดาวซึ่งราคาพอรับได้ เพื่อให้เธอได้นอนพักสบายๆ ซึ่งตอนเช็กอินนั้นพวกเขาต่างเขินเจ้าหน้าที่ขอ
ธีทัตอุ้มไปส่งเธอในห้องน้ำเพื่อให้ชำระร่างกาย จนกระทั่งเธอทำอะไรเสร็จแล้วเปิดประตูออกมา เขารีบไปประคองให้มานั่งบนเตียง “เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อยามาให้นะ ขอโทษที่พี่ลืมตัวทำพู่เดือดร้อน”“พี่ธี..ถ้าเขาแอบไขห้องหนูอีกแล้วรู้ว่าเรามีอะไรกัน หนูต้องโดนแน่ๆ แล้วนี่ยังเจ็บอยู่ ถ้าเขาทำอะไรหนูรับไม่ไหวหรอก”“พี่มีวิธี หนูรอแป๊บนึง พี่ไปร้านขายยานอกนี้ก่อนนะ”ธีทัตรีบบึ่งออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้ แล้วจัดการขนหมอนและผ่าห่มมาให้เธอนอนที่ห้องรับแขก โซฟาเข้ามุมขนาดใหญ่รูปตัวแอลพอที่จะนอนสองคนได้ เขานั่งเปิดโน้ตบุ้คทำงานอะไรไป โดยมีสาวน้อยที่นอนอยู่ส่งยิ้มให้ “พี่จะมานอนค้างที่นี่ทุกวันที่พู่อยู่ แล้วก็..พี่จะเคลียร์เรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อยระหว่างที่รอพู่อายุสิบแปด เข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ เราคงต้องคุยกันจริงจังอีกทีว่าต้องอยู่ที่ไหน แต่ไม่ใช่ที่นี่”“ค่ะ เพราะถ้าแม่ท้องบวกกับมีน้อง พู่น่าจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะได้หาเรื่องไปอยู่หอไม่ก็บ้านพ่อ”“ไม่อยากอยู่กับพี่เหรอ?”พรรณนาราได้ยินคำถามนี้ เธอขยับตัวนอนหันหลังเข้าพนักผิงโซฟาพร้อมกับถอนหายใจแรง“เอ้า..ไหงงั้นล่ะ?”“ให้ทุกอย่างมันถูกต้องกว่านี้