"เอาแต่บอกให้เจิ้นออกพระราชโองการบีบบังคับสตรี ให้พวกนางมาคัดเลือกเข้าวัง พวกท่านคิดว่าวังหลังนี้เป็นดินแดนสวรรค์กันหรือ จึงตั้งหน้าตั้งตาจะอาศัยพระราชโองการของเจิ้นไปบีบบังคับบุตรและหลานสาวของพวกตนเองให้มาเข้าวัง บุตรและหลานสาวเหล่านั้นพวกนางก็เป็นคนเช่นกัน ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่พอเติบโตก็จะขายแลกเงินแลกผลประโยชน์สนองกิเลสมากล้นของบุรุษเช่นพวกท่าน!""อาศัยแค่คำว่ากตัญญูก็บีบคั้นบอกนางให้มาตกนรกทั้งเป็นอยู่ภายในวังหลัง พวกท่านยังเป็นคนมีจิตใจกันอยู่อีกหรือ ถึงจะเป็นบุตรเป็นหลานสาว แต่พวกนางก็ล้วนเป็นคน นับจากนี้การคัดเลือกสตรีเข้าวังหลังนั้นเจิ้นขอเปลี่ยนให้เป็นการสอบขุนนางหญิงแทน ใครเต็มใจให้มาสอบ แต่สอบนี้ใช่ใช้มาเป็นพระสนม แต่ให้มาเป็นนางกำนัล นางข้าหลวง สตรีในยุคของเจิ้น ฉางตี้ฮ่องเต้ยังไม่ต้องถูกบีบบังคับ ใครใคร่จะเข้ามาก็ให้สมัครสอบ การสอบนี้จะจัดขึ้นในทุกห้าปี เพราะเจิ้นจะอนุญาตให้นางกำนัลและนางข้าหลวงสามารถเกษียณตนเองออกจากวังไปแต่งงานไปมีครอบครัวได้ในทุกห้าปี"เรื่องนี้ซ่างกวนโทวได้ปรึกษากับน้องชายเช่นซ่างกวนไท่มาได้หลายปีแล้วแต่ก็เป็นดังโม่กงกงกล่าว ทุกสิ่งรีบร้อนไม่ได้ ยิ่งเข
หลังจากเมื่อราตรีที่ผ่านมาซ่างกวนโทวแอบหนีไปเติมกำลังใจมาจากจีเมี่ยวหลัวดังนั้นในเช้านี้ท้องพระโรงว่าราชการของแผ่นดินต้าเซี่ยบรรยากาศมิได้อึมครึมดังที่ผ่านมาร่วมสามเดือนหลังจากที่ฉางตี้ฮ่องเต้ นั้นทั้งมึนตึงและเย็นชา โดยเฉพาะกับพวกขุนนางสูงวัยที่อยู่มาตั้งแต่สมัยอดีตฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่ช่วงนี้ขยันกันเหลือเกิน ขยันช่วยกันกดดันและพยายามจะให้เขาออกพระราชโองการให้ตระกูลใหญ่ส่งบุตรสาวอายุตั้งแต่แปดถึงสิบหกปีเข้าวังหลวง"ฝ่าบาทเรื่องรับสตรีเข้าวังนี้ถือว่าเป็นประเพณี จัดขึ้นทุกสามปี บัดนี้ครบวาระแล้วขอฝ่าบาทได้โปรดออกพระราชโองการด้วยพ่ะย่ะค่ะ"แต่บรรยากาศที่แจ่มใสก็จบลงรวดเร็วยิ่งเนื่องจากขุนนางเฒ่าแซ่เสวี่ยกับพรรคพวก ที่เปิดฉากนำเรื่องรับสตรีเข้าคัดเลือกเข้าวังหลวง ที่ฉางตี้ฮ่องเต้ปัดตกการประชุมมาหลายวาระแล้วตลอดสามเดือนขึ้นมาอีกแล้ว ในใจของซ่างกวนโทวบังเกิดโทสะขึ้นมาอีกระลอกใหญ่ทั้งที่เขาเพิ่งจะอารมณ์แจ่มใสแท้ๆตาเฒ่าบัดซบพวกนี้คงไม่อยากแก่ตายแล้วเป็นแน่!"เรื่องที่สมควรเสนอเจิ้นนั้นยังมองว่ามีอีกหลายเรื่องที่สำคัญกว่านี้ เช่นปัญหาปากท้องของชาวบ้าน ภัยแล้ง การเพาะปลูก ไหนจะสร้างเขื่อนกับ
แสงเทียนในเรือนส่วนตัวของคุณหนูลิ่วจียังคงสว่างวับแวม บอกได้ว่าผู้เป็นเจ้าของยังคงไม่ได้เข้านอน ทั้งที่เป็นปลายยามซวีแล้วแต่จีเมี่ยวหลัวยังคงจมอยู่กับการเขียนรายงาน กับอ่านผลการชันสูตรกับคดีฆาตกรรมยกครอบครัวที่นอกเมือง ถึงจะเป็นเพียงครอบครัวชาวนายากจนแต่คนตายถึงหกคนมีทั้งเด็ก คนแก่และผู้พิการ มันทำให้จีเมี่ยวหลัวหดหู่ใจนักใบหน้าที่ยังเรียวไม่อวบอิ่มเช่นเก่าก่อนกำลังก้มต่ำคิ้วเรียวรับกับดวงตาดอกท้อขมวดเป็นปมบ่งบอกได้ว่านางกำลังตึงเครียดไม่น้อยพรึบ!"โอ๊ะ!"ซ่างกวนโทวจับจ้องนางอยู่นานแต่ดูเหมือนจีเมี่ยวหลัวจะไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้กระโดดข้ามหน้าต่างเข้ามาหาคนหน้านิ่วคิ้วขมวดมันเสียเลย"โจร!…เอ่อ ฝ่าบาท เหตุใดจึงเป็นท่านเพคะ"ปีศาจดำคนนี้ไม่พบกันสามเดือนเศษกลับทำตัวเป็นโจรร้ายลักลอบปีนหน้าต่างเรือนผู้อื่นเสียแล้ว น่าทุบให้หลังแอ่นเสียจริง‘ฉางต้ฮ่องเต้ เขาคือฉางตี้ฮ่องเต้ เจ้าจะทุบใครย่อมได้นะเมี่ยวเมี่ยว แต่เจ้าจะบันดาลโทสะทุบหลังฉางต้ฮ่องเต้ไม่ได้เด็ดขาด!’"คิดถึงเจ้านะสิ กลับมาถึงเสียนหยางจะสองเดือนแล้วเจ้ากลับใจดำอำมหิตยิ่งนัก ไม่คิดจะไปพบหน้าข้าเลย เมี่ยวเมี่ยวนะเมี่ยว
"นายท่าน ได้โปรดให้เกียรติน้องสาวของกระหม่อมด้วย"พอได้ฟังเสียงจีเมี่ยวหลัวย่อมจำได้ว่าเป็นผู้ใด นางกลับบ้านมาเดือนกว่าซานเกอของนางกลับบ้านไม่น่าจะเกินสามครั้งแล้ววันนี้ผีตนใดไปเข้าฝันให้ใต้เท้าซานจีกลับจวนได้ ดวงตาทรงดอกท้อถึงกับกลอกกลิ้งไปมาด้วยระอาใจนัก ซานเกอของนางเป็นสุนัขหรือไรจมูกดีเหลือเกิน"ต้าเกอ! ต้าเกอ! ท่านแม่! ใครก็ได้เอาซานเกอไปเก็บเร็วเข้า ปีนี้ข้ายี่สิบแล้วเขายังจะเข้มงวดอยู่อีก ซานเกอ เรื่องให้เกียรตินั้นท่านต้องทบทวนให้ดีเป็นใครที่ต้องให้เกียรติใครกันแน่"เสียงที่จีเมี่ยวหลัวตะโกนออกไปแน่นอนว่าไม่เบานัก นอกจากไม่เบาแล้วยังดังก้องอีกด้วย จีหย่วนโจวพอได้ฟังคำพูดของเจ้าน้องสาวตัวดีของตนก็ถึงกับกำหมัด ฝ่ายจีม่อชงนั้นทำเพียงหัวเราะไม่มีเสียงขบขันคนงานยุ่งแต่พอทราบว่ามีบุรุษแอบปีนกำแพงมาพบน้องสาวใต้เท้าซานจีก็แทบจะบินกลับจวนแทบไม่ทันส่วนเหล่าฮูหยินจีทำเพียงส่ายหน้าแล้วหันกายเดินกลับไปเรือนส่วนตัวพร้อมกับสาวใช้คนสนิทเลิกสนใจเรื่องของคู่รักหนุ่มสาวอีกต่อไป เพราะสำหรับนางแล้วที่สมควรกังวลน่าจะเป็นฉางตี้ฮองเต้หาได้เป็นบุตรสาวของนางแม้แต่น้อย ก็จีเมี่ยวหลัวนางเลี้ยงมากับมือบุ
ไหนจะยังงานส่วนตัวคือกิจการร้านเผยอัน แล้วนางยังคิดจะเพาะปลูกสมุนไพรเอาไว้ปรุงสูตรยารักษาศพด้วยตนเองอีก เรียกว่านางยุ่งจนหัวหมุนเลยทีเดียว"คุณหนูไม่คิดจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทบ้างหรือเจ้าค่ะ"เนื่องจากเรื่องที่จีเมี่ยวหลัวกับฉางตี้ฮ่องเต้คบหาดูใจกันในฐานะคนรักนี้ไม่ใช่ความลับอันใด ทุกคนในครอบครัวของจีเมี่ยวหลัวและญาติสนิทฝ่ายของซ่างกวนโทวต่างก็รับรู้แล้วทั้งหมด แม้แต่กับ สาวใช้ใกล้ชิดทั้งสอง"ไม่ดีกว่าช่วงนี้งานของข้ายังไม่ลงตัว ฝ่าบาทเองก็คงมีงานมาก ข้าไม่อยากไปรบกวนเขา"เรื่องปราบกบฏโซ่วอ๋องเพิ่งผ่านมาได้เพียงสามเดือนเศษแน่นอนว่าราชกิจของคนที่เป็นฮ่องเต้ย่อมมีไม่น้อย ถึงแคว้นอิ๋งโจวบัดนี้มีชินอ๋องซ่างกวนไท่ย้ายไปปกครองแล้ว ทว่าเรื่องพัฒนาแคว้นกับการคัดเลือกขุนนางที่ดีไปช่วยชินอ๋องย่อมบังเกิดขึ้น ถึงนางไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทว่าพี่ชายทั้งสองก็เป็นคนสนิทของปีศาจดำ ช่วงนี้ทั้งต้าเกอและซานเกอแทบไม่ค่อยได้กลับจวนก็บอกได้แล้วว่ามีงานกันล้นมือเพียงใด"แต่นี่สามเดือนกว่าแล้วนะเจ้าค่ะ"จางลี่กับเสี่ยวม่านรู้สึกว่าคุณหนูของตนเองออกจะเย็นชากับความสัมพันธ์นี้เกินไปแล้ว หากเป็นสตรีอื่นคงเลื
ก็มิอาจทราบได้ว่าในวันนั้นมันเกิดอันใดขึ้น เพราะจีเมี่ยวหลัวดันตอบตกลงคบหาเป็นคนรักของปีศาจดำอย่างง่ายดาย แม้จนกลับมาถึงตำหนักโซ่วอ๋องแล้วนางยังมึนงงอยู่เลยก็ตาม ซึ่งอาจเป็นจุมพิตหรือเป็นเพราะเสียงหัวแต่สุดท้ายนางกับปีศาจดำก็กลายเป็นคนรักกันแล้วจริงๆและนี่ก็ผ่านมาสามเดือนกว่าแล้ว จีเมี่ยวหลัวย้ายกลับมาอยู่เสียนหยางได้เดือนกว่าแล้ว กลับมารับตำแหน่งหัวหน้านักชันสูตรขั้นสองของราชสำนักต้าเซี่ย และนางยังเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้อยู่ประจำที่กรมอาญาแต่กลับไม่มีขุนนางหัวเก่าผู้ใดออกมาคัดค้านเลยสักคน เพราะนางมีความดีความชอบ สองปีที่อิ๋งโจวกับแผนส่วนเปิดประตูเมืองให้กองทัพของชินอ๋องและฉางตี้ฮ่องเต้เข้าไปกำจัดกบฏโซ่วอ๋องจนสามารถรักษาชีวิตของทหารและไม่ทำร้ายชาวบ้านนี้นับเป็นบุญคุณต่อแผ่นดินต้าเซี่ยอย่างยิ่งแค่เพียงขุนนางขั้นสองนี้ยังนับว่าน้อยไปด้วยซ้ำ หากแต่จีเมี่ยวหลัวกลับยอมรับเอาไว้เพียงเท่านี้ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งท่านหญิง หรือเงินทอง นางไม่ได้รับเอาไว้ นางขอเพียงตนเองได้เป็นขุนนางและทำงานในหน้าที่ของตนเองก็เพียงพอแล้วนอกเหนือจากนั้นจีเมี่ยวหลัวไม่สนใจกลับมาได้เดือนเศษแล้วแต่นางกับ