Hasmine is torn between love and ambition. No matter what she chooses, someone’s heart is bound to break. This is a beautiful story of first love, heartbreak, second chances, and finding the courage to fall in love again.
View Moreแคว้นเป่ยฉิน
รัชศกหลิงไท่ปีที่ 30
เพล้ง!!!
"ลากมันไปโบยสามสิบไม้ ตายแล้วก็เอาไปโยนทิ้งนอกวังหลวงซะ"
"องค์รัชทายาทโปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ!!! องค์รัชทายาท!!!"
เสียงของขันทีน้อยผู้หนึ่งที่ร้องขอความเมตตาจากหยางจิ่ง องค์รัชทายาทแคว้นเป่ยฉินที่ยามนี้กำลังมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ในดวงตาคู่นั้นไม่มีแม้แต่ความสงสารเห็นใจหรือว่าเมตตาเลยแม้แต่น้อย ผู้ใดที่กล้าล่วงเกินเขาและพูดจาไม่น่าฟังก็จะถูกองค์รัชทายาทผู้นี้สั่งโบยอย่างไร้ความปรานี
หยางจิ่งเขวี้ยงจอกสุราลงพื้นจนแตกกระจาย เหล่าขันทีและนางกำนัลในตำหนักบูรพาต่างพากันก้มหน้างุด ไม่กล้าเปล่งเสียงใดแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ ด้วยเกรงว่าจะทำให้องค์รัชทายาทอารมณ์ร้ายผู้นี้โกรธเคืองเอาได้
หลังจากขันทีผู้นั้นถูกลากตัวออกไปแล้ว หยางจิ่งก็เดินออกจากตำหนักบูรพาเพื่อจะไปพบกับไป๋อี๋ซิน สตรีที่เขาเพิ่งพานางเข้าวังมาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยไม่สนใจต่อคำทัดทานของผู้ใดแม้กระทั่งเสด็จพ่อของตน นางเป็นสตรีที่มาจากหอนางโลมเลื่องชื่อแห่งหนึ่ง เขาหลงรักนางอย่างไม่อาจหักห้ามใจ แต่ด้วยสถานะของนางทำให้เขาไม่อาจเชิดหน้าชูตาและมอบตำแหน่งใดให้แก่นางได้ กว่าเขาจะพานางเข้าวังหลวงมาได้ก็ยากลำบากอยู่ไม่น้อยเลย แต่ทว่านางกลับยินยอมขอเพียงได้อยู่ใกล้ชิดเขา สตรีที่อ่อนหวานงดงามน่าทะนุถนอมถึงเพียงนี้ เขาจะไม่รักนางได้เช่นไรกัน
หยางจิ่งคือองค์รัชทายาทแห่งเป่ยฉิน พระโอรสสายตรงที่กำเนิดเกิดจากอดีตฮองเฮา มีน้องสาวต่างมารดา นามว่าหยางจินจิน และน้องชายต่างมารดานามว่าหยางเฉิง เพราะเสด็จพ่อรักเขามาก อีกทั้งยังทรงตามใจเขาเป็นอย่างมาก เพราะเห็นแก่เสด็จแม่ที่ตายจากไปตั้งแต่เขาคลอดได้เพียงสองวัน จึงทำให้เขามีนิสัยที่ไม่เห็นหัวผู้ใด เอาแต่ใจและบ้าอำนาจ ใช้ชีวิตติดสุราเคล้านารี หยางจิ่งไม่เคยรักราษฎรอีกทั้งยังไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา เขารังเกียจผู้คนที่อยู่ต่างระดับชนชั้นกับตน ทั้งยังถือว่าตนคือองค์รัชทายาทที่ไม่จำเป็นต้องเก่งกาจ หรือต้องเล่าเรียนหาความรู้ใดให้มากเฉกเช่นผู้อื่น เพราะอย่างไรบัลลังก์มังกรก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี และผู้คนต่างต้องก้มหัวยอมศิโรราบให้กับเขา
หยางจิ่งเคยได้ยินข่าวเล่าลือเกี่ยวกับตนเอง ที่ผู้คนต่างกล่าวขานว่าเขานั้นเป็นองค์รัชทายาทที่โง่งมที่สุด!!
เขาล่ะอยากจะเอากรรไกรไปตัดลิ้นโสโครกของพวกมันเสียจริง!!!
ยามนี้ใต้หล้ามีแคว้นทั้งหมดสี่แคว้น คือแคว้นเป่ยฉิน แคว้นเยี่ยน แคว้นฉู่ และแคว้นฉี ทุกแคว้นต่างมีฮ่องเต้ปกครองและมีเมืองหลวงของตน แต่ทว่าแคว้นเป่ยฉินมีอาณาเขตกว้างขวางกว่าอีกสามแคว้น ก่อนหน้านี้ใต้หล้าล้วนมีแต่ความสงบสุข จนกระทั่งฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนและแคว้นฉู่คิดก่อกบฏหวังทำสงครามชิงแคว้น สงครามจึงปะทุขึ้น ท้ายที่สุดก็ต้องยอมจำนนต่อแคว้นเป่ยฉินของเขา
ระยะนี้สงครามสงบ เสด็จพ่อก็ทรงสะสางงานราชกิจเอง เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ใดของเสด็จพ่อเลยแม้แต่น้อย แม้บิดาจะเอ่ยเตือนสักเพียงใดก็ตาม แต่เขาเองกลับไม่เคยใส่ใจ
หยางจิ่งกำลังจะเดินไปที่ตำหนักปีกข้างเพื่อดูไป๋อี๋ซินร่ายรำ แต่ทว่าเขากลับได้พบกับโจวหว่านหรู พระชายาเอกของตนเองเสียก่อน
เขาไม่เคยนึกชอบนางเลยแม้แต่น้อย ที่เขาต้องแต่งกับนางก็เพียงเพราะนางเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ เป็นถึงบุตรสาวของจวนแม่ทัพใหญ่ ตระกูลโจวภักดีต่อฮ่องเต้ทุกพระองค์ของแคว้นเป่ยฉินมาอย่างช้านาน ทำให้เสด็จพ่อทรงไว้วางพระทัยตระกูลโจวไม่น้อย อีกทั้งยามสมัยที่ยังวัยเยาว์ เสด็จพ่อที่ยังเป็นเพียงองค์ชายก็ได้แม่ทัพใหญ่โจวช่วยสนับสนุนให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ อีกทั้งยังสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาหลายสิบปี จนสนิทสนมและสาบานเป็นสหายร่วมตายกัน
ช่างน่ารังเกียจที่สุด เพียงเพราะนางเกิดมาในตระกูลเรืองอำนาจจึงได้มีโอกาสที่ดีกว่าสตรีคนอื่น ๆ แต่ทว่าไป๋อี๋ซินของเขากลับต้องเป็นสตรีไร้ตำแหน่ง เพียงเพราะมีฐานะตำต้อยกว่าโจวหว่านหรู
หยางจิ่งปรายตามองโจวหว่านหรูคราหนึ่งโดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
"ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ"
"อืม"
"พระองค์จะทรงเสด็จไปที่ใดเพคะ?"
หยางจิ่งที่ได้ยินโจวหว่านหรูเอ่ยถามเช่นนั้นก็ปรายตามองนางด้วยแววตาที่เย็นเยียบ
"ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะสอดรู้"
"แต่วันนี้เป็นวันที่พระองค์จะต้องทรงอยู่กับหม่อมฉันนะเพคะ"
"เจ้าเคยเห็นข้าทำตามกฎหรือ? หึ"
หยางจิ่งเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปโดยมิได้หันมาสนใจโจวหว่านหรูเลยแม้แต่น้อย โจวหว่านหรูดวงตาแดงก่ำ ทำได้เพียงมองดูหยางจิ่งเดินจากไปโดยมิอาจห้ามปรามได้
นางรู้ดีว่าเขาไม่เคยรักนาง ตั้งแต่เข้าวังมาเขาไม่เคยแตะต้องนางเลยสักครา สตรีที่เขารักคือไป๋อี๋ซิน เมื่อหนึ่งเดือนก่อน หยางจิ่งรับไป๋อี๋ซินเขาวังโดยไม่สนใจคำทัดทานของผู้ใด ส่วนนางก็เป็นเพียงดอกไม้งามที่เอาไว้ประดับบารมีให้เขาดูมีอำนาจเท่านั้น
เขาลืมนางสิ้นแล้ว เขาจำไม่ได้หรือว่าแกล้งไม่จำกันแน่ ในครั้งวัยเยาว์นางและเขาเคยพบกัน ยามนั้นนางอายุเพียงแปดขวบปี ส่วนหยางจิ่งอายุสิบเอ็ดขวบปี นางในวัยเด็กนั้นซุกซนอยู่ไม่น้อย และยังชอบติดตามท่านพ่อเข้าวังหลวงอยู่บ่อยครั้ง จนครั้งหนึ่งนางพบกับหยางจิ่งที่กำลังปีนอยู่บนต้นไม้ ก่อนจะร่วงตกลงมาร้องไห้ นางในยามนั้นไม่รู้ว่าเขาคือองค์ชาย จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้นมา และใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนมากดบาดแผลเขาเอาไว้เพื่อช่วยห้ามเลือด จนกระทั่งมีแม่นมมาพบนางกับหยางจิ่ง นางจึงได้รู้ว่าเขาคือองค์ชายแห่งเป่ยฉิน
ไม่นานนักสงครามเริ่มปะทุ ทั้งท่านพ่อและพี่ชายต้องไปร่วมรบเพื่อปกป้องแว่นแคว้น ท่านพ่อเป็นห่วงนางและท่านแม่เพราะในจวนไม่มีบุรุษคอยดูแลเกรงว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ นางจึงต้องติดตามท่านพ่อไปอยู่ที่ชายแดน นับแต่นั้นเขาและนางก็ไม่ได้พบกันอีกเลย จนกระทั่งวันที่นางกลับมาเมืองหลวงในวัยสิบสามปี นางจึงได้พบกับเขาอีกครา ยามนั้นเขายังเป็นเพียงองค์ชายเสเพล นางจำดวงตาคู่นั้นของเขาได้ไม่เคยลืม วันนั้นนางไม่คิดว่าพี่ใหญ่จะพานางไปพบกับหยางจิ่งด้วย เดิมทีพี่ใหญ่บอกว่าจะพานางไปเดินเล่นเพียงเท่านั้น
การพบกันอีกครา ทำให้นางหลงรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
โจวหว่านหรูทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังของหยางจิ่งที่เดินออกไปจนลับสายตา โดยไม่อาจทักท้วงอันใดได้เลยแม้แต่น้อย
หยางจิ่งมุ่งหน้ามาที่ตำหนักปีกข้าง เมื่อมาถึงเขาก็พบกับไป๋อี๋ซินที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ เมื่อเห็นว่าเขามา นางก็รีบโผเข้ามากอดเขาทันทีด้วยความรักใคร่
"จิ่ง ข้าคิดว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว"
หยางจิ่งยิ้มให้ไป๋อี๋ซินอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยกับนาง
"ไม่มาได้เช่นไรกัน หัวใจของข้าอยู่ที่นี่"
ไป๋อี๋ซินยิ้มด้วยความเขินอาย หยางจิ่งที่เห็นเช่นนั้นจึงอุ้มนางขึ้นไปบนเตียง ก่อนที่คนทั้งสองจะร่วมรักกันจนถึงรุ่งสาง
"พระชายาเพคะ อย่าทรงรอองค์รัชทายาทอีกเลยเพคะ"
สาวใช้น้อยนามว่า เย่หยวน เอ่ยบอกโจวหว่านหรูด้วยความห่วงใย พลางหยิบผ้าคลุมขนจิ้งจอกมาห่มให้เจ้านายตน โจวหว่านหรูยิ้มให้เย่หยวนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"ข้านอนไม่หลับ เย่หยวน หากย้อนเวลากลับไปได้ ข้าจะไม่เข้าร่วมคัดเลือกเป็นพระชายาองค์ชาย ข้าจะตามท่านพ่อและพี่ใหญ่เข้าค่ายทหาร ใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบจนชั่วชีวิต"
นางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตน ใบหน้าสวยหวานพลันโศกเศร้าและเจ็บปวดจนเกินจะบรรยาย
หยางจิ่งมักจะไปที่ตำหนักของไป๋อี๋ซินเกือบทุกวัน จวบจนกระทั่งไป๋อี๋ซินเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา ราชสำนักเริ่มระส่ำระสาย เนื่องจากพระชายาเอกยังไม่ทรงตั้งครรภ์ แต่สตรีไร้หัวนอนผู้นี้กลับชิงตั้งครรภ์ขึ้นมาเสียก่อน นี่นับไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย
หลายเดือนต่อมา ไป๋อี๋ซินก็ให้กำเนิดพระโอรส นั่นทำให้สถานะของโจวหว่านหรูเริ่มสั่นคลอน
สามปีให้หลังฮ่องเต้หลิงไท่บิดาของหยางจิ่งเสด็จสวรรคต ใต้หล้าเกิดสงครามใหญ่ คนในก่อกบฏ แคว้นเป่ยฉินตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก ราชสำนักถูกเหล่ากบฏยึดครอง และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หยางจิ่งตาสว่างและได้รู้ว่าตนเองเห็นผิดเป็นชอบ!!!
หยางจิ่งถูกบุรุษผู้หนึ่งลากตัวมาที่ด้านหน้าตำหนักบูรพา ก่อนจะเอ่ยกับเขาอย่างดูแคลน
"มองสิ!! มองตำหนักบูรพาที่ยามนี้กำลังจะมอดไหม้ไปพร้อมกับโจวหว่านหรู สตรีที่เจ้าเกลียดหน้านางนักหนา ยามนี้นางกำลังจะตายจากเจ้าไปแล้ว แม้กระทั่งนางยังทอดทิ้งเจ้า!!!"
"เจ้าให้นางทำสิ่งใด!!!"
หยางจิ่งหันไปเอ่ยถามบุรุษผู้นั้นด้วยแววตาที่เกลียดชัง บุรุษผู้นั้นยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ย
"ข้ายื่นข้อเสนอให้นาง ข้อแรก หากนางยอมเป็นของข้า ข้าจะเลี้ยงดูนางอย่างดี โดยไม่สนใจว่านางจะเคยเป็นของเจ้ามาก่อนหรือไม่ หากนางยอมสวามิภักดิ์ต่อข้า นางจะสุขสบายไปทั้งชีวิต ส่วนข้อสอง หากนางไม่ตอบตกลง ก็จงฆ่าตัวตายเสีย ในเมื่อข้าไม่ได้นาง เจ้าก็ไม่สมควรได้ครอบครองนาง แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่านางช่างโง่งมยิ่งนัก นางเลือกไม่ยอมรับข้อเสนอของข้า ทั้งที่ข้าก็รักนางมากกว่าเจ้า!!! ในเมื่อนางเลือกเช่นนี้ ข้าก็จะสงเคราะห์นางให้ตายตามตระกูลโจวไปเสีย หยางจิ่ง เจ้ารู้หรือไม่ ว่าพระโอรสที่ไป๋อี๋ซินให้กำเนิด แท้จริงไม่ใช่บุตรของเจ้า และข้าจะบอกความจริงให้เจ้าตาสว่าง ความจริงแล้วเขาคือบุตรชายของข้า ยังมีอีกหลายเรื่องที่คนโง่งมเช่นเจ้ายังไม่รู้ แต่เจ้าอย่ารู้ให้เจ็บปวดเลย รีบไปปรโลกเถิด ฮ่า ๆ !!!! เจ้าคนหน้าโง่ ข้าต้องขอบใจเจ้ามากที่เลี้ยงดูบุตรของข้ามานานหลายปี โอ้ววว บิดาเจ้าข้าก็เป็นคนวางยาเขาเองกับมือเชียวนะ วางทีละน้อย ๆ ค่อย ๆ ตายอย่างช้า ๆ ฮ่า ๆ ส่วนเจ้า ข้าก็ให้ไป๋อี๋ซินวางยาพิษที่มีฤทธิ์กล่อมประสาทให้เจ้ากินวันน้อย จนเจ้ามีสภาพเช่นนี้อย่างไรเล่า"
หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็หวนนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ ระยะหลังมานี้เขามักจะมองเห็นภาพหลอน ไล่ทุบตีเหล่าขันทีเพียงเพราะคิดว่าคนเหล่านั้นด่าทอเหยียดหยามเขา บางคราก็ฝันร้ายทำให้ไม่ได้นอนทั้งคืน ทุกคราที่ไปพบไป๋อี๋ซินนางมักจะนำสุรามาให้เขาดื่ม สุรานั้นหอมหวานไม่เหมือนสุราจากที่ใด เขาชื่นชอบมันมากจึงดื่มมันทุกเวลา
เมื่อคิดได้เช่นนั้นหยางจิ่งก็กำมือแน่น ก่อนจะสบถด่าทอคนผู้นั้นด้วยความเกลียดชัง
"เจ้ามันคนสารเลว!!!!"
"ผู้ใดใช้ให้เจ้าโง่เขลากันเล่า มีสตรีที่ดีงามอยู่ข้างกายไม่รัก แต่กลับมาใช้ภรรยาร่วมกับข้าอยู่นานหลายปี เจ้าไม่รู้เลยหรือว่านางตั้งครรภ์กับข้าก่อนจะเข้าวังไปเป็นของเจ้า ทั้งหมดมันคือแผนของข้า แผนที่คนหน้าโง่เขลาเช่นเจ้าไล่ไม่ได้ตามไม่ทันอย่างไรเล่า"
หยางจิ่งตัวสั่นเทาด้วยไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใดออกมา รู้สึกโกรธแค้นจนแทบคลั่ง เพราะความหลงใหลจนหน้ามืดตาบอด ความหลงทะนงตน และความเชื่อใจในตัวคนที่ไม่เคยคิดว่าจะหักหลังเขาได้
เมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ภาพของสตรีนางหนึ่งก็ปรากฏเด่นชัดในความคิดของเขา
"จิ่ง ท่านหยุดดื่มสุราบ้างเถิด มันไม่ดี อีกเดี๋ยวเสด็จพ่อจะทรงกริ้วเอาได้"
"ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!!!"
"จิ่ง ข้าทำขนมมาให้ท่าน มันดีต่อสุขภาพท่านมากเลยนะ"
"เอาไปโยนทิ้ง!!"
"จิ่ง ข้ารักท่าน ท่านไม่เคยรักข้าเลยหรือ"
"ในใจข้าไม่เคยมีเจ้า"
ไป๋อี๋ซินสตรีที่เขารักแท้จริงแล้วหลอกลวงเขามาโดยตลอด
แต่ทว่าโจวหว่านหรูสตรีที่เขาเกลียดชัง นางกลับตัดสินใจเลือกความตายและไม่ยอมตกเป็นของบุรุษอื่น
เขารู้แล้ว!!! ยามนี้เขารู้แล้วว่าเขามันโง่งมมาตลอด
หยางจิ่งกำมือแน่น เขาตะโกนจนสุดเสียง หวังว่าเสียงของเขาจะดังมากพอทำให้โจวหว่านหรูได้ยิน
"ไม่นะ!!! หว่านหรู ออกมา อย่านะ!!! หว่านหรู ข้าผิดไปแล้ว หว่านหรู ข้ารู้สำนึกแล้ว เจ้าออกมาเถิด เจ้าห้ามทำเรื่องสิ้นคิดเด็ดขาดนะ เจ้าออกมาสิ!!!"
"ร้องเรียกให้ตายนางก็ไม่มีวันออกมาพบเจ้าได้อีกแล้วหยางจิ่ง!"
ตำหนักบูรพา
ยามนี้โจวหว่านหรูกำลังให้เย่หยวนช่วยบรรจงแต่งหน้าและเลือกเครื่องประดับที่งดงามที่สุดให้กับนาง นางจ้องมองตนเองในกระจก ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเย่หยวน
"ไปสืบข่าวมาได้ความใดบ้าง"
"เอ่อ..."
"พูดมาเถิด"
"ท่านแม่ทัพใหญ่และนายน้อยเสียชีวิตในสนามรบแล้วเพคะ คนของแคว้นเราร่วมมือกับกบฏลอบสังหารแม่ทัพตระกูลโจวจนตกตาย ยามนี้ฮูหยินใหญ่ผูกคอตนเองตายแล้ว ตระกูลโจว ฮึก ล่มสลายแล้วเพคะ"
โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็หลับตาลงช้า ๆ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบใบหน้างามของนางจนเปียกชุ่ม นางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเย่หยวน
"เจ้าออกไปเถิด รักษาตัวให้ดี จำทางลับที่ข้าบอกเจ้าได้หรือไม่ รีบหนีไปเสีย"
"ไม่เพคะพระชายา หม่อมฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งพระองค์!!!"
"ของมีค่าที่ข้ามอบให้เจ้าจงใช้มันให้เกิดประโยชน์ ยามนี้ข้าไม่เหลือผู้ใดแล้ว ท่านปู่เพิ่งล้มป่วยตายจากไป ท่านพ่อและพี่ใหญ่ก็มาตายในสนามรบเพราะปกป้องราษฎร ท่านแม่ก็ผูกคอตายหนีข้าไปแล้ว คนในตระกูลโจวทิ้งข้าไปหมดแล้ว ข้าหมดสิ้นทุกอย่างแล้วเย่หยวน"
"ฮือ พระชายา"
"ออกไป!!! นี่คือคำสั่ง!!!"
โจวหว่านหรูยื่นมือไปจับมือของเย่หยวนเอาไว้ ก่อนจะพานางมาที่ประตูลับด้านหลังตำหนัก แล้วจึงผลักสาวใช้ผู้จงรักภักดีออกจากตำหนัก หลังจากนั้นนางก็จัดการปิดประตูอย่างแน่นหนา ก่อนจะยื่นมือไปปัดเชิงเทียนทุกอันในตำหนักจนล้มลงกับพื้น เพลิงไหม้ค่อย ๆ ลุกโหมทั่วทั้งตำหนักบูรพา โจวหว่านหรูทิ้งกายนั่งลงหน้ากระจก ก่อนจะหยิบหวีขึ้นมาหวีผมของตนอย่างไม่รีบไม่ร้อน ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปโดยรอบอย่างเลื่อนลอยราวกับว่าใต้หล้าแห่งนี้ไม่มีผู้ใดให้นางพึ่งพาได้อีกแล้ว
"จิ่ง ข้าเหนื่อยแล้ว หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราทั้งสองอย่าได้พบเจอกันอีกเลย"
โจวหว่านหรูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและสั่นเครือ พลันนึกถึงทุกคนในตระกูลโจวของนาง
นางคิดถึงท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ใหญ่เหลือเกิน
นางช่างโง่งมเหลือเกิน โง่งมเพราะคำว่ารักเพียงคำเดียว
โจวหว่านหรูเหม่อมองไปโดยรอบตำหนักบูรพา รอบตัวนางมีเพียงควันล่องลอย นางไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ ในจิตใจ ก่อนที่ร่างบางระหงจะล้มลงไปบนพื้น กองเพลิงลุกโหมมอดไหม้ทุกสิ่งในตำหนักบูรพาไม่เหลือแม้กระทั่งร่างของโจวหว่านหรู
ยามนี้หยางจิ่งถูกทุบตีจนขาหัก ลนลานคลานไปข้างหน้าเพื่อหวังจะเข้าไปหาโจวหว่านหรู
"หว่านหรู!!!"
ข้าผิดไปแล้วโจวหว่านหรู!!! ข้าผิดไปแล้ว!!!
แม้แต่วาระสุดท้ายเจ้าก็ยังไม่ยอมออกมาพบข้า เจ้าเกลียดข้าแล้วใช่หรือไม่!!!
เจ้าออกมาฟังคำขอโทษจากข้าก่อนไม่ได้หรือ!!!
บุรุษผู้นั้นเงื้อดาบขึ้นสูงแล้วจึงแทงมาที่ร่างของหยางจิ่ง เขากระอักโลหิตออกมา ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าไปมองบุรุษผู้นั้นด้วยแววตาที่เย็นเยียบ
"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยคนชั่วช้าเช่นเจ้าที่ทำร้ายแม้กระทั่งญาติพี่น้องตนเอง"
หยางจิ่งกำมือแน่น ก่อนจะกระอักโลหิตออกมาอีกครา
"ยังไม่รีบสังหารเขาอีกหรือ?"
"ข้ากำลังจะสังหารเขาแล้ว"
หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมอง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำ ความเจ็บปวดที่ถูกทำร้ายทางกาย ยังไม่สู้ความอัปยศในใจเขายามนี้เลย
"เสด็จแม่"
"ข้าไม่เคยนับเจ้าเป็นลูก เจ้าก็แค่บุตรของสตรีที่ข้าเกลียดชัง ข้าทนเลี้ยงเจ้ามาจนเติบใหญ่ก็นับว่าเมตตามากแล้ว"
"เสด็จ..."
"น่ารำคาญเสียจริง รีบฆ่ามันสิ!!!"
สิ้นสุดคำสั่งของสตรีวัยกลางคนนางนั้น ดาบในมือของบุรุษปริศนาก็แทงลงมาที่ร่างของหยางจิ่งอีกครา เขาหมดลมหายใจตายอยู่ที่ด้านหน้าตำหนักบูรพาซึ่งถูกไฟไหม้ ก่อนจะสิ้นใจ เขาเอื้อมมือไปด้านหน้าหวังจะเข้าไปคว้าจับโจวหว่านหรูเอาไว้ แต่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า
หากชาติหน้ามีจริง ข้าจะตามชดใช้ให้เจ้าอย่างไม่บิดพลิ้ว ข้าจะยอมเจ้าทุกอย่าง ข้าจะทำทุกอย่างให้เจ้าไม่เจ็บปวด ข้าจะดีต่อเจ้าไปชั่วชีวิต!!!
ข้าสัญญา!
Pushing someone away no matter how dear he is could be the hardest decision one could ever make. At kapag tuluyan nang lumayo ang taong ‘yon, magsisimula naman ang panghihinyang, ang pananabik.Tinotoo ni Luke ang sinabi nito. He kept his distance. Suddenly, they became strangers to each other again. Noong minsang dinaanan nito si Voltaire sa bahay, ni hindi man lang siya nito tinapunan ng tingin. Kahit isang sulyap man lang. Mas mabuti pa nga noon, pinapansin siya ni Luke. Tinatadtad man siya ng pambubuska, napapansin pa rin siya.Lihim na nasasaktan siya sa nangyayari. May mga araw na natutulala na lang siya habang nakatitig sa kawalan. May mga gabi na hindi siya makatulog sa kakaisip dito. Minsan, kapag nasa bungad na siya ng gate, naiisip niya nab aka nandoon na si Luke at naghihintay sa kanya.Nakaka-miss din naman pala.Ang baliw niyang puso, name-miss na si Luke. Tunay.Minsan, nakita niya ang facebook profile nito sa timeline ni Lyn-Lyn, naengganyo siyang makisilip sa kung ano
Pushing someone away no matter how dear that person is could be the hardest decision one could ever make. At kapag tuluyan nang lumayo ang taong ‘yon, magsisimula naman ang panghihinyang, ang pananabik.Tinotoo ni Luke ang sinabi nito. He kept his distance. Suddenly, they became strangers to each other again. Noong minsang dinaanan nito si Voltaire, ni hindi man lang siya nito tinapunan ng tingin. Mas mabuti pa nga noon, pinapansin siya ni Luke.Lihim na nasasaktan siya. May mga araw na natutulala na lang siya. May mga gabi na hindi siya makatulog kakaisip dito.Ang baliw niyang puso, nami-miss na si Luke. Kahit ang pangungulit nito. Minsan, nakita niya ang facebook profile nito sa timeline ni Lyn-Lyn, naengganyo siyang makisilip sa kung ano nang kaganapan sa buhay nito. Ngayon siya nagsisisi kung bakit sa kaengutan niya ay d-in-elete pa niya ang friend request nito. Ilang ulit din itong nangulit, ganoon din kadaming beses niyang ni-reject. Nong minsang pabiro din nitong hiniling ang
"Promise," nakataas ang kamay na sagot ni Luke. Ramdam niya ang tuwa sa boses nito. ‘Di sinasadyang napadako ang tingin niya sa katabing kotse. Kita mula sa labas ng hindi tinted na bintana ang paghahalikan ng mga nasa loob. Mali, ‘di lang basta naghahalikan, naglalaplapan pa. Walang pakialam na may makakita. Nakakaeskandalo ang tagpo pero ang mga mata niya ay nanatiling nakamasid sa dalawa.Ano kaya ang pakiramdam ng may kahalikan? Ewan niya ngunit tila nag-iinit ang sulok ng kanyang pisngi. "Gusto mo i-try natin?"Napapahiya siya nang matuklasang ngingiti-ngiti si Luke na nakalingon sa kanya. Natampal niya si Luke sa balikat. "Sira! Mag-drive ka na nga lang.”Ang gago, tumawa lang nang malakas. “Di nagtagal at narating nila ang destinasyon. Buong akala niya ay sa isang kainan siya dadalhin ng binate pero residential area sa kung saang sulok ng Maynila siya nito dinala. Isang bakanteng lote sa ‘di kalayuan ang pinasukan nila na ang tanging nasa loob ay mga halaman sa iba-ibang var
Valentine's Day.Sumisigaw ng araw ng mga puso ang bawat sulok sa paligid. Wala naman siyang pakialam dati sa okasyon pero ngayon, pakiwari niya naiinggit siya sa mga magkakapareha at sa mga babaeng may hawak na bulaklak, balloons at chocolates. Ang kahera ng tiyahin sa palengke ay abot hanggang tainga ang ngiti habang ipinagmamalaki ang bulaklak na bigay ng kasintahan nitong kargador.‘Sarap lang ihambalos ng bulaklak na hawak,’ sa isip-isip niya kanina. Walang katuturang inggit pero wala siyang magagawa, ganoon ang nararamdaman niya sa ngayon.Kahit sina Tiya Letty at Tiyo Roman ay may date ngayon. Hayun at maaga raw na magsasarado ng pwesto. Sina LynLyn naman at Voltaire naman ay pare-parehong may lakad kasama ang mga kaibigan. Samantalang siya, heto, stuck sa daan. Namatayan ba naman ng makina ang jeep na sinasakyan niya. Sa kamalas-malasan. Kaya, nagbaka-sakali siya na may masakyan ulit. Punuan pa man din ang mga sasakyan ngayon.Nayayamot at nababahala na siya habang tumatakbo a
Naging mailap ang antok kay Hasmine nang nagdaang gabi. Pabiling-biling na siya sa higaan ay ayaw pa rin siyang dalawin ng antok. Ang ikinaiinis pa niya, bigla na lang lumilitaw ang imahe ni Luke sa kanyang isipan. Idilat man o ipikit ang mga mata, mukha nito ang nai-imagine niya. Ang nangyari tuloy ay inumaga siya ng gising. Napabalikwas siya ng bangon nang matanto ang oras sa wall clock na kanyang namulatan. "Inay ko po! Mabubungangaan ako ni Tiyang."Halos lundagin na niya ang higaan at hindi na pinagkaabalahang magsuot ng sapin sa paa. Pahablot niyang kinuha ang nakasabit na tuwalya at halos patakbo nang lumabas ng silid. Ang ayusin ang gusot na buhok ang pinakahuli niyang pagtutuunan ng pansin. bahala na, sila-sila lang naman ang tao sa bahay. 'Yon ang pagkakamali niya. Naratnan niyang kasalukuyan nang nagbi-breakfast ang lahat at naroroon si Luke, kasalo ng mga ito. Panandaliang nag-ugnay ang mga titig nila. Bigla tuloy niyang natsek ang sarili. Wala sa ayos ang buhok, baka m
Hindi inaasahan ni Hasmine na makikita si Luke na naghihintay sa kanya sa labas ng eskwelahan. Nakaupo ito sa motor at nakangiting nakaantabay sa kanya. Looking as handsome as ever with that usual sweet smile na nagpapakabog ng puso niya. Nginitian lang siya ni Luke, nagiging abnormal na kaagad ang tibok ng puso niya. Ilang araw din itong hindi napadaan sa bahay kaya siguro tila excited siyang makita ito, ipinagpalagay niya na lang."Saan ka ba nagsususuot? Ilang araw ka ring di napadaan sa bahay." At least, ngayon ay nagagawa na niya itong biruin ng ganito.Sumilay ang pilyong ngiti ni Luke. "Miss me?""Kapal." Kahit 'yon ang totoo, syempre hindi siya aamin. Pinatulis pa niya ang nguso. Umakto siyang disinterested sa lalaki.Simula nang manggaling sila sa Batangas dalawang linggo na ang nakararaan ay mas naging magaang na ang pakikitungo nila ni Luke sa isa't-isa. Minsan nga kapag dumadaan ito sa bahay ay may kung anu-ano itong iniaabot sa kanya. Aaminin niya, habang lumalaon ay nag
Maligayang pagdating sa aming mundo ng katha - Goodnovel. Kung gusto mo ang nobelang ito o ikaw ay isang idealista,nais tuklasin ang isang perpektong mundo, at gusto mo ring maging isang manunulat ng nobela online upang kumita, maaari kang sumali sa aming pamilya upang magbasa o lumikha ng iba't ibang uri ng mga libro, tulad ng romance novel, epic reading, werewolf novel, fantasy novel, history novel at iba pa. Kung ikaw ay isang mambabasa, ang mga magandang nobela ay maaaring mapili dito. Kung ikaw ay isang may-akda, maaari kang makakuha ng higit na inspirasyon mula sa iba para makalikha ng mas makikinang na mga gawa, at higit pa, ang iyong mga gawa sa aming platform ay mas maraming pansin at makakakuha ng higit na paghanga mula sa mga mambabasa.
Comments