ซุยหลันซีกลับมายุ่งมากอีกครั้ง เมื่อต้องออกแบบชุดสำหรับการประกวดในรอบที่สอง
เธอเร่งออกแบบอยู่หนึ่งสัปดาห์ สุดท้ายผลงานการออกแบบของเธอก็เสร็จลง จากนั้นจึงเดินทางไปที่โรงงานเฟิงหยุนเพื่อนำแบบไปส่งให้กับหวงเสี่ยวเหมย
พอนั่งลงก็ยื่นแบบไปตรงหน้าให้หวงเสี่ยวเหมยดู
“ให้ตายเถอะ สวยมาก พี่ว่าชุดที่เราเพิ่งชนะมาสวยมากแล้วนะ พอมาเห็นชุดนี้บอกตรงบอกๆ พี่ไม่เคยเห็นชุดไหนที่สวยแปลกตาแบบนี้มาก่อน ว่าแต่ไหนลองอธิบายชุดนี้ให้พี่ฟังหน่อย”
สายตาของหวงเสี่ยวเหมยมองแบบในมือสลับกับมองหน้าซุยหลันซี แววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ผู้หญิงคนนี้เป็นเพชรเม็ดงามจริงๆ
“ชุดนี้ฉันตั้งชือว่า หยวนหลานผลิบาน การตัดเย็บใช้ผ้าไหมเจียงหนาน สีขาวงาช้าง ที่เลือกใช้ผ้านี้ นี่เป็นการประกวดในรอบที่สอง ฉันต้องการเพิ่มความหรูหราขึ้นมาอีกเล็กน้อย ผ้าไหมเจียงหนานเป็นผ้าไหมที่มีราคาไม่แพงเท่าผ้าไหมหางโจว หาซื้อได้ง่าย มีความเงางามเป็นธรรมชาติ เนื้อผ้าก็นุ่ม พลิ้วไหว ฉันเลือกสีเขียวกับสีขาวครีม ส่วนตรงนี้ต้องใช้การปักเดินลายเส้น
พี่เสี่ยวเหมย ชุดนี้เราจะมีเวลาปักงานถึงหนึ่งเดือนเต็มๆ เราปักท
แดดอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิสาดส่องผ่านหน้าต่างร้านเข้ามา ทำให้ชุดที่ถูกจัดแสดงในตู้กระจกดูโดดเด่นสะดุดตาซุยหลันซียืนมองผลงานของตนเองด้วยรอยยิ้มแห่งความภูมิใจ เดือนที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายแต่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต หลังจากกลับมาจากการแข่งขันที่ปักกิ่ง ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว“หลันหลัน วันนี้ลูกค้าสั่งตัดชุดเพิ่มอีกสามคนแล้วนะ”หลี่ชิงหรงเอ่ยขึ้นพลางเดินออกมาจากห้องลองชุด เธอถือสมุดจดรายการสั่งตัดในมือ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ“จริงเหรอคะพี่ชิงหรง พี่ยังจัดตารางการส่งมอบชุดได้อยู่ใช่ไหมคะ?” ซุยหลันซีหันไปหาหุ้นส่วนของเธอด้วยความตื่นเต้น“ทันสิ พี่เผื่อเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินไปอีกเจ้าละสิบวัน”“แล้วลูกค้าไม่ว่าอะไรเหรอคะ” ซุยหลันซีเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย“จะไปว่าอะไรล่ะ เพราะพี่บอกไปว่ากำหนดไว้เผื่อเหตุไม่คาดฝัน แต่ถ้าเสร็จก่อนก็จะรีบแจ้งให้ทราบ แต่ถ้ารอไม่ได้ ก็สามารถใช้บริการร้านอื่นได้”“แหม เก่งใหญ่แล้วนะพี่ชิงหรง มีไม่ง้อลูกค
แสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าสะท้อนกับผนังหินอ่อนของห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูใจกลางเมืองกว่างโจว กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยอวลไปทั่วห้อง เสียงพูดคุยจอแจผสมกับเสียงหัวเราะของผู้คนที่มาร่วมงานดังแว่วไปทั่วซุยหลันซียืนอยู่ข้างเติ้งเว่ยหมิงที่มุมห้องด้านหน้า สวมชุดกี่เพ้าสีน้ำเงินเข้มที่เธอออกแบบเอง สายตากวาดมองความสำเร็จที่เกิดจากความคิดของเธอการจัดงานที่แบ่งพื้นที่อย่างลงตัว โต๊ะด้านหน้าถูกจัดไว้สำหรับแขกผู้ใหญ่และคู่ค้าทางธุรกิจ ถัดมาเป็นโต๊ะของพนักงานระดับหัวหน้า และด้านหลังสุดเป็นพื้นที่สำหรับครอบครัวพนักงานที่มีเด็กเล็กหลิวเจิ้งเย่กับเล่อเล่อก็มาร่วมงานนี้ในฐานะครอบครัวของหลี่ชิงหรงเช่นกันพวกเขานั่งที่โต๊ะด้านหน้าถึงแม้ว่าจะมีเด็กเล็กก็ตาม นั่นเป็นเพราะเล่อเล่อเป็นคนพิเศษของซุยหลันซีนั่นเองหวงเสี่ยวเหมยนั่งอยู่ที่โต๊ะหลัก ใจลอยนึกย้อนไปถึงการสนทนากับซุยหลันซีเมื่อคิดจะจัดงานเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จเมื่อสัปดาห์ก่อน“พี่เสี่ยวเหมยคะ ฉันว่าเราควรจัดงานใหญ่สักครั้ง”ซุยหลันซีเอ่ยขึ้นขณะนั่งจิบชาในห้องทำงาน “ไม่ใช่แค่เพื่อฉลองควา
“หลันหลัน ลุงรู้จักพ่อของหนูมาตั้งแต่ครั้งที่พวกเรายังเป็นทหารรุ่นหนุ่มๆ” ท่านนายพลหยุดไปครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววระลึกถึงความหลัง“ตอนนั้นพวกเราถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจที่ชายแดนด้านตะวันตก มีครั้งหนึ่งที่หน่วยของลุงถูกโจมตีอย่างหนัก ลุงได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกตัดขาดจากกองกำลังหลัก พ่อของหนูเสี่ยงชีวิตฝ่าแนวข้าศึกเข้ามาช่วย แบกลุงเดินทางข้ามเขาสามวันสามคืนจนกลับมาถึงฐานที่มั่นได้”ซุยหลันซีนั่งฟังอย่างตั้งใจ เมื่อได้ยินเรื่องราวของบิดา เติ้งเว่ยหมิงที่นั่งข้างๆ ค่อยๆ เลื่อนมือมาจับมือภรรยาไว้อย่างให้กำลังใจ“ตอนนี้ลุงไม่ได้นิ่งนอนใจเลยนะ” ท่านนายพลกุ้ยเอ่ยต่อน้ำเสียงจริงจัง “ที่เงียบไปหลายเดือนเพราะไม่อยากให้เรื่องกระเทือนไปถึงพวกที่คอยจับตาดูอยู่ แต่ลุงได้ติดต่อกับหลิวป๋อไปรับหลักฐานสำคัญจากคนของเราที่ชายแดน หลักฐานชิ้นนี้จะพิสูจน์ได้ว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมา”“จริงหรือคะ...?” ซุยหลันซีเอ่ยถามเสียงมีความหวัง“คุณพ่อจะได้กลับมาจริงๆ หรือคะ?”ท่านนายพลพยักหน้า “ใช่ ลุงสัญญาว่าไม่เกินสี่เดือน พ่อของหนูจะต้องได้รับอิสรภาพ ทุกข้อก
ห้องบันทึกรายการโทรทัศน์เงียบลงชั่วขณะเหรินหย่าเฟยถูกลากตัวออกไปจากงาน เสียงฝีเท้าของเจ้าหน้าที่ค่อยๆ เงียบหายไป ทิ้งความเงียบงันไว้ชั่วครู่ ก่อนที่พิธีกรสาวจะได้รับสัญญาณจากท่านรัฐมนตรีพิธีกรหญิงหัวไวสมกับที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ เมื่อท่านรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมได้ส่งสัญญาณมาให้ พิธีกรสาวจึงได้หันไปทางท่านประธานคณะกรรมการที่ยืนอยู่บนเวทีแล้ว“ท่านประธานคณะกรรมการคะ เรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ทางท่านประธานและคณะกรรมการมีคำตัดสินเป็นอย่างไรคะ” พิธีกรสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงชัดเจนประธานคณะกรรมการหญิงหันไปมองคณะกรรมการที่นั่งอยู่ด้านข้างเวที สายตาของเธอกวาดมองไปทีละคนอย่างช้าๆ เมื่อเห็นทุกคนพยักหน้าเห็นพ้องต้องกัน จึงหันกลับมาที่ไมโครโฟน ก่อนจะประกาศเสียงดังฟังชัด“ทางคณะกรรมการขอตัดสินให้โรงงานเฟิงหยุนเป็นผู้ชนะในการแข่งขันในวันนี้ค่ะ”เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วห้องส่ง พิธีกรสาวรอให้เสียงปรบมือเบาลงก่อนจะเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้ม“เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้ว ดังนั้น ฉันขอถือโอกาสนี้เริ่มการมอบรางวัลชนะเล
“แล้วหลักฐานล่ะ?” ท่านรัฐมนตรีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “มีเพียงคำให้การของพยานคนเดียวไม่อาจยืนยันได้ว่าโรงงานหย่งเจิ้นเป็นผู้ว่าจ้างหญิงคนนี้ ในทางกลับกัน คุณอาจจะเป็นคนจ้างหญิงคนนี้มาใส่ร้ายโรงงานหย่งเจิ้นก็อาจเป็นไปได้”เติ้งเว่ยหมิงค้อมศีรษะให้กับท่านรัฐมนตรีอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุม “ท่านรัฐมนตรีพูดถูกครับ หญิงคนนี้เป็นเพียงแม่บ้านทำความสะอาด คำพูดของหล่อนอาจจะไม่น่าเชื่อถือ อาจจะจริงอย่างที่ท่านว่า อาจจะเป็นผมที่จ้างหญิงคนนี้มาใส่ร้ายโรงงานหย่งเจิ้น”เขาหยุดชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบางๆ “แต่ว่า... ถ้าพยานเป็นท่านผู้นี้ ท่านรัฐมนตรียังคิดว่าคำพูดของท่านไม่น่าเชื่อถืออยู่อีกไหมครับ?”เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังก้องในห้องที่เงียบกริบทุกสายตาหันไปมองประตูทางเข้า ที่ซึ่งชายสูงวัยในเครื่องแบบทหารยศนายพลกำลังก้าวเข้ามา ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองไปที่เหรินหย่าเฟยนิ่ง จนเธอถึงกับถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ“ท่าน...ท่านนายพลกุ้ย!” ท่านรัฐมนตรีอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจแรง การปร
เมื่อครบหนึ่งชั่วโมง ผู้เข้าร่วมงานทุกคนทยอยกลับเข้าสู่ห้องโถงใหญ่อีกครั้ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง เสียงพูดคุยที่ดังอยู่เบาๆ ค่อยๆ เงียบลงเมื่อพิธีกรก้าวขึ้นเวที“สวัสดีทุกท่านอีกครั้งค่ะ” พิธีกรสาวในชุดกี่เพ้าสีแดงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “หลังจากที่คณะกรรมการได้พิจารณาผลงานทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย นั่นคือการประกาศผลการประกวดค่ะ”เธอหยุดชั่วครู่ ก่อนจะหยิบซองสีทองขึ้นมา “สำหรับการประกวดในครั้งนี้ จากโรงงานที่เข้าร่วมทั้งหมดเจ็ดโรงงาน ทางคณะกรรมการจะมอบรางวัลดังนี้ รางวัลชนะเลิศหนึ่งรางวัล รางวัลรองชนะเลิศหนึ่งรางวัล และที่เหลือเป็นรางวัลชมเชยโดยไม่มีการจัดอันดับ”หวงเสี่ยวเหมยกุมมือซุยหลันซีไว้แน่น ในขณะที่เสี่ยวน่าและเสี่ยวจูก็ไม่ต่างกันอยู่ด้านหลัง“ก่อนที่จะประกาศผลรางวัลชนะเลิศ ฉันขอเรียนให้ทราบว่า รางวัลรองชนะเลิศนั้นจัดไว้ในกรณีที่ผู้ชนะไม่สามารถส่งผลงานเข้าร่วมการเดินแบบในงานเทศกาลแฟชั่นและวัฒนธรรมนานาชาติฮ่องกงที่ฮ่องกงได้”พิธีกรอธิบายด้ว