แกรบ...
เฮ้ย!
เด็กหนุ่มก้มมองเท้าตัวเองที่เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือซองเอกสารของลุงตฤณที่ฝากมาแล้วเข้าเผลอทำหลุดมือโดยไม่รู้ตัว
ไม่นะ!
คิระตาค้าง ภาพที่เห็นคือรอยรองเท้าเด่นชัดที่มีขนาดเล็กกว่าซองเอกสารเอสี่ไม่มาก เขาเพิ่งฝ่าฝนตอนรีบมาเทสต์เสียงจนไม่ได้ระวังว่ารองเท้าของตนจะสกปรกเพียงใด
แต่รอยเบ้อเริ่มขนาดนี้ ชัดเลย...
คิระหน้าเสียเพราะไม่อยากตกงานตั้งแต่ยังไม่เริ่ม!
แต่...
“อะไรอีกคะ!... ภามม์!”
หญิงสาวยื้อร่างกึ่งเปลือยที่ผุดลุกพรวดพราดขึ้น ภามม์ชะงักหันไปหาหญิงสาวแล้วแกะมือเธอ
“ผมได้ยินเสียงอะไรที่หน้าประตู”
“นี่มันห้องเชือดของคุณ ใครจะกล้าขึ้นมาล่ะคะภามม์ นอกซะจาก...”
หา!
ที่นี่เป็นห้องเชือดเลยเหรอ!
เชือดอะไร เชือดแบบไหน แบบในข่าวรึเปล่า!!
คิระถอยกรูดหันรีหันขวางมองหาทางหนีทีไล่ แต่ไม่มีที่ไหนให้หลบได้เลย กระทั่ง
“ ลินีว่าเรามาต่อกันดีกว่า”
“ดูคุณจะหมกมุ่นกับเซ็กส์จังนะ ลินี”
“ก็บอกแล้วว่าลินีรักคุณ” เธอว่าน้ำเสียงออดอ้อน
“ผมว่าคุณรักเงินผมมากกว่า”
หญิงสาวค้อนขวับที่ถูกคำพูดของอีกฝ่ายเสยปลายคางเข้าให้ แต่เธอหรือจะยอมแพ้ ไหนๆ นานๆ จะได้ขึ้นมาถึงถ้ำเสือสักที เธอจะต้องใช้โอกาสอันดีนี้รั้งตำแหน่งคุณนายพสวัฒน์มาให้ได้
คิระถอนหายใจที่ดูเหมือนว่าคุณภามม์จะถูกอีกฝ่ายปล้ำจูบอย่างลืมตาย จนเบี่ยงเบนความสนใจไปได้ เขาได้ยินคล้ายเสียงหัวเราะเยาะหยันของชายหนุ่มดังมาก็ถึงกับขนลุกเกรียว
“ภามม์... ภามม์คะ”
“คุณนี่เหลือเกินจริงๆ” ภามม์ผละออกอีกครั้ง แต่กลับถูกรั้งไว้เช่นเดิม ในที่สุดเขาก็เหลืออดสนองตอบเธอจนได้ “ก็ได้ อยากได้นักใช่ไหม คุณอย่าร้องขอชีวิตละกัน”
หูย...
ถึงกับต้องร้องขอชีวิตเลยเหรอ!
คิระหลับตาปี๋ขณะฟังเสียงจ๊วบจ๊าบจากสองร่างเปลือยเปล่าที่ต่างแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม ไม่เพียงเท่านั้นสัมผัสของทั้งสองยังร้อนแรงแม้เห็นได้ในเงารางๆ ของความมืด
คิระรู้สึกว่ายิ่งมองนานๆ เข้าก็เหมือนยิ่งสร้างความปั่นป่วนมวนท้องให้แก่เด็กหนุ่มแรกผลิอย่างเขามาก
ละสายตาไม่ได้!
เหมือนถูกมนต์สะกด!
เกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของเขากัน!
คิระลืมสิ้นว่ากำลังถ้ำมองในสิ่งที่ไม่สมควร อย่างน้อยภามม์ก็คือเจ้านายและเขากำลังทำหน้าที่แทนลุงตฤณที่มอบหมายมา
แต่ทว่า...
ห้ามอะไรก็ห้ามได้ แต่ห้ามความอยากรู้ของคนน่ะ...
ยาก...
คิระจ้องภาพตรงหน้าตาไม่กะพริบแม้จะอยากเบือนหนีไม่มอง แต่ก็ซ่อนความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เผลอปล่อยมือที่แง้มประตูออก มันแง้มกว้างกว่าเดิมจนเห็นทั่วทั้งห้องแม้อยู่ในแสงสลัวของไฟเพดานสีเหลืองจางๆ นั้น
“ภามม์ขา ลินีรักคุณนะคะ”
ชายหนุ่มแสยะยิ้ม ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น
ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็ทิ้งตัวลงทาบทับร่างนวลนิ่มครู่หนึ่งจึงถอนตัวผุดลุกแต่กลับถูกฉุดรั้งไว้อีก
“ภามม์ขา...”
“หืม”
“ครั้งเดียวพอเหรอคะ”
“คุณก็รู้ผมไม่ชอบคนเซ้าซี้นะ”
“แต่อยู่ต่ออีกนิดสิคะ ลินีจะทำให้คุณเบาสบายกว่าเดิม” เธอว่าทั้งแววตาวิบวับเจ้าชู้
“แต่ผมต้องรีบลงไปที่ผับ” เขาตอบน้ำเสียงเย็นชาแล้วผุดลุกยืนเผยให้เห็นส่วนกลางลำตัวที่หันข้างให้ประตูกำลังถูกชายหนุ่มจัดการกับสิ่งแปลกปลอมที่สวมใส่มันอยู่แล้วถอดทิ้งลงถังขยะไม่ใยดี
คิระเห็นความเขื่องใหญ่เต็มสองตาถึงกับตะลึงไม่หายก็ต้องรีบหลบหลังประตูเพราะยังตาค้างเมื่อชายหนุ่มที่คิดว่าเป็นชายแก่กลับหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวแถมยังกล้ามใหญ่เป็นมัดๆ ไหนจะลอนท้องที่แค่มองเห็นลางๆ ก็เสียวท้องวูบวาบ แล้วยังไอ้นั่นอีก
เป็นคุณภามม์แน่เหรอ คนที่คิระคิดว่าน่าเกรงขาม ใจดี แต่เขาคือคนที่เพิ่งทำเรื่องบัดสีเมื่อครู่!
เสียงครวญครางยามสุขสมของเขาทำให้คิระถึงกับหน้าแดงก่ำรู้สึกเลือดลมสูบฉีดพลุ่งพล่าน จินตนาการไปถึงร่างที่นอนบนเตียงนั่นว่าหากเป็นเขาล่ะ!
เฮ้ย!
บ้าไปแล้ว! ไอ้คิว!
คิดอะไรบ้าๆ ฟะ!
รีบไปดีกว่าก่อนจะถูกจับได้...
คิระหมุนตัวหันหลังออกห่าง แต่ชนเข้ากับขาโต๊ะติดผนังที่วางตุ๊กตากระเบื้องเคลือบจนมันล้มลง รีบหยิบมันขึ้นตั้งอย่างลวกๆ แล้วค่อยๆ ถอยออกห่างจากประตู
เสียงขลุกขลักที่ดังด้านนอกไม่รอดพ้นรัศมีการได้ยินของภามม์ไปได้ ชายหนุ่มหรี่ตามองประตูที่เปิดแง้มแล้วรีบปลิดมือเรียวน่ารำคาญของหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังเหนี่ยวรั้งเขาไม่หยุด เธอดื้อดึงจนเขาต้องส่งสายตาดุใส่
“ปล่อยได้แล้ว ไปซะทีได้ไหม”
“ทำไมคะ! ลินีทำไม่ถูกใจคุณเหรอคะ!”
“เปล่า แต่ผมต้องรีบเคลียร์งาน”
“หรือว่าคุณซุกผู้หญิงใหม่เอาไว้”
“อย่ามาสู้รู้เรื่องของผมน่า”
“แต่ว่าลินี...”
เสียงเธอออดอ้อนจนคิระลอบกลืนน้ำลาย ปทุมถันคู่งามที่ผ่านการใช้งานมาเมื่อครู่กำลังเย้ยฟ้าท้าทายสายตาอย่างไม่ปิดบัง มันกำลังเบียดชิดอกแกร่งของคุณภามม์อย่างย่ามใจ แต่กลับถูกเขาผลักไสออกห่างอีกจนหญิงสาวถลาลงนั่งบนเตียง
“ช่วงนี้ร้อนเงินเหรอ”
“อะไรนะคะ ภามม์”
ข้าวต้มปลากระพงหอมกรุ่นที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอาหารทั้งสองชามเริ่มจางไอร้อนลงแล้ว แต่คุณตรีก็ยังไม่ลงมาสักที ระหว่างรอผมจึงจัดแจงรินอเมริกาโน่ร้อนไม่ใส่น้ำตาลใส่แก้วเคลือบที่เป็นรูปผมกับเขาคู่กันไม่ใช่ผมหรอกนะที่จัดหามันแต่เป็นคุณตรีต่างหากที่มีมุมคิกขุชนิดหาตัวจับยาก คอยทำนั่นทำนี่ มีเซอร์ไพรส์ต่างๆ นานาให้เขาเหมือนคนเก็บกดเลย...หึหึ...แต่ผมชอบที่คุณตรีเอาใจใส่ ให้ความรัก ส่วนผมก็สรรหาสิ่งดีๆ ให้เขา ไม่ว่าจะอาหาร เสื้อผ้า ของใช้จำเป็น ไม่ต้องลำบากเป็นหน้าที่ของสนธยาเช่นเคย ผมนั่งเช็คยอดวิวคลิปล่าสุดที่ลงในยูทูปไปพลางก็อดยิ้มอย่างดีใจไม่ได้ ตอนนี้ช่องยูทูปของผมมีคนติดตามกว่าสามแสนคน และคลิปที่เพิ่งลงล่าสุดก็มียอดวิวแค่ข้ามคืนเกือบหนึ่งแสน ผมได้แต่ปลาบปลื้มอยากจะอวดคุณตรีแทบบ้า แต่เขาก็ช้าเหลือใจจนผมต้องร้องเรียก“เสร็จรึยังฮะ” “เกือบแล้วที่รัก” หูยยยย...คำก็ที่รัก สองคำก็ที่รัก เขากำลังทำให้ผมสำลักความรักจากเขาจนเคยตัวแล้ว “เร็วๆ สิฮะ เดี๋ยวข้าวต้มเย็นหมดนะ” “กำลังจะลงแล้วที่รัก” แหม...เขาเรียกผมว่าที่รักตล
เราสองคนสบตากันโดยไม่มีคำพูด ริมฝีปากเราแนบชิดส่งต่อความหวานอบอุ่นผ่านความคิดถึงที่แทบล้นออกมาจากอก เสียงหัวใจของเขาเต้นแรงไม่ต่างจากผม เราสองคนส่งต่อความคิดถึงผ่านรสจูบลึกล้ำเนิ่นนานกว่าที่คีตาจะผละลุกนั่งหายใจหายคอไม่ทันดวงหน้าคีตาแดงก่ำ ทรงผมยุ่งเหยิง ริมฝีปากวาววับจนผมอยากจะกลืนกินเขาไปทั้งตัว แต่ผมต้องยั้งใจแล้วผุดลุกนั่งตรงข้ามกับเขาบนโชฟาเดียวกัน“คุณตรีหื่น” เขาตัดพ้อผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก็ใครกันแน่ที่หื่น จู่ๆ ผมเองต่างหากที่โดนจูบไม่ใช่เขา“นายแหละหื่น” ผมหยอกไม่พอเอื้อมมือทั้งสองไปลูบผมของเขา จัดทรงให้เรียบร้อยคีตาจับมือทั้งสองของผมมาแนบแก้ม มือของเขาอบอุ่นมากจนผมเผลอยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“มาถึงก็อ้อนกันขนาดนี้ ทำอะไรผิดกับฉันรึเปล่าคี” ผมถามหยั่งเชิง คีตามุ่นคิ้วหรี่ตามองผมพลางส่ายหน้าเบาๆ“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”“แต่นายมาไม่บอก”“ก็ผมอยากให้คุณเซอร์ไพรส์”เขาบอกแค่นั้นก็ผละไปที่หน้าประตู ผมมองตามคีตาที่รื้อกระเป๋าเดินทางอย่างกระตือรือร้น ก็นึกสงสัยจึงลุกตามไปดูใกล้ๆ เขาเงยหน้ามองแล้วยิ้มกว้างก่อนจะยื่นซองสีขาวขนาดเท่าเอสี่ส่งให้“นี่ฮะ”“อะไร”ผมรับมาแต่ยังไม่
ผมผุดลุกนั่งอย่างช้าๆ หย่อนเท้าลงบนพื้นเย็นเฉียบ รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเดินไปเปิดม่านหน้าต่างริมระเบียงที่มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนได้อย่างชัดเจนที่สุดที่ร้านอาหารฝั่งโน้นคงมีงานถึงเปิดไฟสีสันสว่างไสว ผมเพ่งมองไปในความมืดของแม่น้ำเจ้าพระยาเชี่ยวกราก เห็นเรือหรูแล่นผ่านไปมา ผู้คนบนเรือนั้นคงมีความสุข สนุกสนานเนื่องจากใกล้เทศกาลปีใหม่ผมก็อยากให้ปีใหม่ปีนี้มีคีตาอยู่เคียงข้าง แต่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากหลังจากที่เราทะเลาะกันวันนั้น“ผมคิดถึงคุณจัง”วันนั้นผมยิ้มออกหลังได้ยินคำหวานโปรยมา ครั้งนี้เขาไม่ให้ผมเห็นหน้าบอกไม่สะดวกคุยวิดีโอคอลด้วยทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้งผมตะหงิดในใจแต่ก็ถามเขาไปด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ ที่ไม่คิดกดดัน “จะกลับวันไหนจะได้ไปรอรับ”“เอ่อ... ผมยังติดธุระอยู่เลยฮะ” เขาตอบ“ทันปีใหม่ไหม”“ไม่แน่ใจฮะ”ผมอึ้งไป นี่ผมต่อเวลาให้คีตาจากสองเป็นสี่ปีแล้วนะ เพราะเห็นแก่ที่เขาสอบติดมหาวิทยาลัยในสาขาเปียโนที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตอนนั้นเราทะเลาะกันครั้งหนึ่งเรื่องที่คีตาขอเรียนปริญญาตรีให้จบ ผมก็ยอมเพราะเห็นแก่ความมานะพยายาม“ไหนว่าเรียนจบแล้วจะร
ผมหัวเราะออกเพราะเขาดูงอนๆ หน้าก็บึ้งตึงไม่น่ารักเหมือนเคย ผมอาศัยทีเผลอพลิกตัวขึ้นคร่อมเขาแล้วระดมจูบดวงหน้าของเขาไปทั่วอย่างหนักหน่วงเอาใจ คุณตรีกอดผมแน่นโยกตัวไปมาราวกับว่าเรากำลังเต้นรำทั้งที่นอนอยู่บนเตียงด้วยกัน “โอ๋ๆ อย่างอนนะฮะบอสที่รักของผม” “คีรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงรักคี” “ไม่รู้สิฮะ คงเพราะผมดื้อมั้ง” ผมเย้า เขายีผมของผมทันทีจนผมเบี่ยงตัวหนีแต่ไม่พ้น เขาจั๊กจี้ผมที่สีข้างจนผมที่บ้าจี้อยู่แล้วถึงกับร้องลั่น แต่เขาก็ยังไม่นำพาจนผมต้องยอมแพ้ “ก็ได้ๆ ผมอยากรู้ฮะ” ผมตอบตามที่คิดจริงๆ ผมอยากรู้ว่าระหว่างเรามันคือเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตา “เพราะคีเข้ามาในเวลาที่ใช่ หากเป็นก่อนหน้านั้นฉันคงไม่เปิดใจ คีทำให้ฉันรู้ว่าความรักไม่จำกัดนิยามเป็นยังไง” “หมายถึงว่าไม่มีนิยามหญิงชายอะไรงี้เหรอฮะ” “อืม...แล้วก็ต้องขอบคุณพ่อฉันกับปู่คีด้วยที่เจ้ากี้เจ้าการจับคีให้ฉัน” “ตากับปู่เปล่าจับผมให้คุณซะหน่อย คุณน่ะโมเม”“นั่นสินะ ไม่โมเมจะได้คีเป็นเมียเหรอ”“ชิ คุณน่ะ แถไปเรื่อย”“แถแล้วรักไหม”“รักมาก”“ถ้ารั
“ทำไมมั่นใจในตัวฉัน” เขาถาม น้ำเสียงดูไม่มั่นใจ ไม่รู้คุณตรีกลายเป็นคนคิดเยอะตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมคิดว่าผมรู้ใจเขามากพอจะรู้ว่าเขาต้องยอมเพราะผมรู้จักคุณดีพอ” ผมตอบพลางยิ้มหวาน ไม่รู้ว่าเป็นยิ้มที่หวานสุดชีวิตได้หรือยัง ผมตื้นตันใจมากที่เขาคิดถึงอนาคตของผม แต่ผมก็อยากจะเป็นคนที่คู่ควรกับเขา ผมอยากเอารางวัลมาฝากบอสบนเตียงของผม...“แต่ถ้ากลับมาคนเดียวฉันต้องเหงาแน่เลย นายทิ้งฉันลงเหรอคี” “ผมจะทิ้งคุณได้ไงฮะ คุณเป็นสามีผมนะ” “แต่ก็ยังจะไปตั้งสองปี...” “แค่สองปีเอง คุณรอผมไมได้เหรอฮะ” ผมย้อนถาม ไม่ได้อยากได้คำตอบจริงจังหรอกเพราะผมรู้ว่าเวลาสองปีนานพอที่จะทำให้อะไรต่อมิอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ โดยเฉพาะคนอย่างคุณตรีที่มีดีกรีความเหงาเป็นที่หนึ่งเขาอาจจะเหงา เปลี่ยนไป และบางทีอาจมีคนใหม่ ถ้าเขาเปลี่ยนไป ผมก็จะได้ทำใจยอมรับว่าเราอาจไม่ใช่คู่กันถึงผมจะไม่อยากให้วันนั้นมาถึงก็ตาม“ฉันไม่อยากให้คีไปเลย กลัวใจหมอนั่นจะทำคีไขว้เขว” “หมายถึงพี่จุลเหรอฮะ”“หมอนั่นแหละจะใครซะอีกล่ะ”คุณตรีค้อนผมขวับใหญ่ ผมกอดเขา จูบแก้มฟอดใหญ่“คุณ
“คีของฉัน... น่ารักใช่ไหมล่ะ”“แหม ของฉันเลยนะตรี” พิมมี่หยอก “แต่น่ารักจริงไม่อิงนิยาย คีน่ารักมากเลยจ้ะ”“แน่อยู่แล้ว นอกจากคีจะเป็นครูสอนนาราแล้วยังเป็นภรรยาผมด้วย” “คุณตรี! พูดอะไรอย่างนั้นฮะ!” “ก็มันจริง” เขาตอบ ผมอายแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ก็หยิกต้นแขนเขาไปที “คุณพิมอย่าไปฟังคนเพ้อเจ้อนะฮะ” ผมแก้เก้อ “พิมเห็นด้วย” เธอว่าเท่านั้นแต่ทำให้คุณตรียืดเลย “ก็มันจริงนี่ ใช่ไหมนารา” คุณตรีโยนคำถามไปให้น้องนาราทันที ทำให้ผมพูดไม่ออก ลำพังคุณตรีผมย้อนไม่ยั้งแน่ แต่กับน้องนาราที่น่ารักและผมก็รักเอ็นดูเธอ คำน้อยก็ไม่อยากให้ระคายใจ ไหนจะพิมมี่ที่ไม่ได้สนิทกันด้วย ผมได้แต่อ้ำอึ้ง... พิมมี่กับนาราหัวเราะคิกคักให้กันแล้วเป็นนาราที่พูดเสียงอ่อย “เห็นไหมคุณแม่ นาราบอกแล้วว่าพี่คีเป็นแฟนคุณพ่อจริงๆ” “โซ พริตตี้ ยูเวรี่ไนซ์” พิมมี่ชมไม่หยุด “ขอบคุณที่ดูแลลูกสาวให้ฉันค่ะ” “ลูกสาว? คุณหมายถึงน้องนาราน่ะเหรอฮะ” “ใช่จ้ะ” “เธอไม่ใช่... เอ่อ.