บทที่ 2
อย่าหาว่าไม่เตือน (1)
MD NIGHT
ภายในคลับหรูใจกลางเมืองที่มีเสียงเพลงบีทหนักและแสงไฟสลัวสาดส่องคอยขับกล่อมให้ทุกคนลุกขึ้นเต้นกันอย่างสนุกสนานรวมถึงหญิงสาวและเพื่อนอีกหนึ่งคนที่ตอนนี้กำลังอยู่ที่โต๊ะชั้นล่างซึ่งเป็นที่สนใจกับหนุ่ม ๆ รอบข้างเป็นอย่างมาก
“โต๊ะนั้นเขามองฉันด้วยแหละ”
“จ้ะ คุณน้ำคนสวย สวยที่สุด!” มีนากลอกตาไปมาเมื่อตั้งแต่มาถึงก็ได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทที่พูดไม่หยุดปากจนทำให้นึกหมั่นไส้เสียไม่ได้
“ดีใจอะที่วันนี้แกมาด้วย ปกติชวนทีไรก็ขี้เกียจตลอด”
“วันนี้เบื่อ ๆ อะแถมยังเจอรุ่นพี่ขี้เก๊กอีก” ว่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในช่วงบ่าย
“เออดีอยากให้เจอบ่อย ๆ แกจะได้ออกมาตี้กับฉัน”
“แล้ววันนี้แกไม่มีฝึกเหรอถึงชวนออกมาตี้ได้เนี่ย” มีนาถามถึงเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังเรียนพยาบาลปีสองถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีเวลาว่างแต่ก็ชอบออกมาเที่ยวอยู่บ่อย ๆ
มีนาอายุยี่สิบปีเดิมทีเรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ก่อนจะซิ่วมาเรียนบริหารธุรกิจเนื่องจากถูกกดดันกับทางครอบครัวที่อยากให้เรียนสายนี้มากกว่าเพราะมีธุรกิจร้านเครื่องเพชรที่ต้องกลับไปบริหารหลังเรียนจบในเมื่อทนกับความกดดันไม่ได้เธอจึงต้องเลือกทำตามที่ครอบครัวบอกก็คือการซิ่วมาเรียนปีหนึ่งใหม่ในคณะบริหารธุรกิจ
“ให้ฉันได้พักบ้างเถอะเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” หญิงสาวพยักหน้ารับเพราะรู้ดีว่าการฝึกพยาบาลช่วงนี้หนักหนามากแค่ไหน
“เออก็จริงเรียนหนักเวอร์”
“แล้วที่สำคัญนะยัยมีน คืนวันเสาร์เราจะนอนเหงาได้ไง”
“อะจ้า” หญิงสาวลากเสียงยาวและมองเพื่อนสนิท สายตาหวานหันมองไปยังรอบ ๆ ภายในร้านที่ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากเนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดที่ใครหลาย ๆ คนเฝ้ารอมากที่สุด
ทั้งสองคนสั่งเครื่องดื่มและสังสรรค์กันไปอย่างสนุกสนานและลุกขึ้นเต้นไปตามเสียงเพลงถึงแม้ว่าจะมากันเพียงสองคนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกลดน้อยลงไปเลยเพราะทั้งคู่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวแซบที่ชื่นชอบการเที่ยวเป็นที่สุด
เรียกได้ว่าเป็นคนเทา ๆ วัดก็เข้า เหล้าก็กิน!
“ปวดฉี่ว่ะ” หลังจากที่ดื่มและออกสเต็ปจนเริ่มเหนื่อยทั้งสองก็นั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองพลางหยิบแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่ม
“เออฉันก็ปวด”
สองสาวเดินลุกจากโต๊ะตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของที่นั่งตัวเอง ระหว่างทางมีผู้คนมากมายเต็มไปหมดทำให้กว่าจะเดินมาถึงก็เล่นหอบเพราะกว่าจะฝ่าฝูงคนที่กำลังสนุกสนานกับเสียงเพลงมาได้
แต่ทว่า...
มีนาหยุดชะงักฝีเท้าเมื่อมีร่างสูงของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางเธอและน้ำเอาไว้ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจเพราะเธอเองก็ไม่รู้จักอีกฝ่ายเช่นกัน
“ขอโทษนะครับ”
ทั้งมีนาและน้ำต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจเพราะเธอมั่นใจว่าไม่รู้จักผู้ชายตรงหน้าแน่นอน
“ผมอยากจะขอเบอร์คุณได้ไหมครับ”
“คะ?”
“ผมเห็นว่าคุณน่ารักดีก็เลย...”
“ฉันมีแฟนแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” มีนารีบตัดบทสนทนาอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะจูงมือเพื่อนสนิทเดินผ่านชายตรงหน้าไปทันทีโดยไม่คิดจะหันมองกลับไปเลยแม้แต่น้อย
“นี่ยัยมีน แกใจร้ายกับเขาเกินไปหรือเปล่า” เมื่อเดินมาถึงห้องน้ำเพื่อนสนิทอย่างน้ำก็โพล่งขึ้น ชายคนนั้นหน้าตาก็ไม่ได้แย่ค่อนข้างไปทางหล่อเลยด้วยซ้ำแล้วอีกอย่างเพื่อนของเธอก็ไม่ได้มีแฟนอย่างที่อ้างไปไม่รู้ทำไมถึงไม่คิดจะเปิดใจคบใครสักที
“ใจร้ายตรงไหน”
“ก็แกปฏิเสธเขาแบบไม่ใยดี แฟนก็ไม่มียังโกหกเขาอีก”
“ก็ฉันไม่ชอบ” มีนาตอบออกไปตามตรง ถึงเธอจะเป็นสาวโสดแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเหงาหรือลำบากอะไรหนำซ้ำยังรู้สึกดีมากกว่ามีแฟนเสียอีก
“แกนี่จริง ๆ เลยนะยัยมีน”
“โอ๊ยพอเลย รีบไปเข้าห้องน้ำเลย” มีนาเดินเลี่ยงเข้าไปด้านในห้องน้ำขืนอยู่ต่อมีหวังโดนเพื่อนตัวแสบเป่าหูให้มีแฟนไม่หยุดแน่
เมื่อจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยทั้งสองคนก็เดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเองเนื่องจากช่วงนี้ก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้วเพลงภายในร้านรวมถึงแสงไฟก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะอีดีเอ็มซึ่งนับว่าเป็นที่โปรดปราณสำหรับสาวนักเที่ยวอย่างทั้งสองคนเป็นที่สุด
“อ้าวเฮ้ยนั่นน้องปากแจ๋วนี่หว่า” แต่ทว่าไม่ทันที่เธอจะเดินกลับไปถึงที่โต๊ะของตัวเองกลับถูกเสียงเรียกของคนกลุ่มหนึ่งเรียกไว้เสียก่อน
มีนาและน้ำหันไปมองยังต้นเสียงก็พบว่าชายกลุ่มนั้นคือรุ่นพี่ที่เธอเจอในงานรับน้องเมื่อวานและที่สำคัญมีไอ้รุ่นพี่ขี้เก๊กที่เธอมีปัญหาอยู่ในโต๊ะนั้นด้วย!
“อะไรเนี่ยน้องอายุถึงแล้วเหรอถึงได้มาเที่ยวที่นี่ได้”
“ใครเหรอมีน” น้ำกระซิบข้างหูเพื่อนสนิทเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดคุยกับมีนาราวกับว่ารู้จักกัน
“รุ่นพี่ที่คณะอะ” หญิงสาวตอบอย่างไม่ใส่ใจนักพลางกลอกตาไปมา เพียงแค่เห็นหน้าของรุ่นพี่คนนั้นก็ทำให้เธอนึกหงุดหงิดขึ้นมาพลันจนนึกถึงเหตุการณ์ช่วงบ่ายที่เธอต่อฝีปากกับอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ
“เป็นเด็กไม่ควรมาเที่ยวที่แบบนี้นะน้อง”
“โอ๊ยพี่ มีนอายุยี่สิบแล้ว”
“ปีหนึ่งทำไมอายุยี่สิบ”
“มีนซิ่วมา ถ้าเทียบแล้วตอนนี้มีนอยู่ปีสอง”
“อ๋อ...ที่แท้ก็ซิ่วมานี่เอง”
“แล้วนี่มากันสองคนเหรอ นั่งโต๊ะไหนกันล่ะ” รุ่นพี่อีกคนถามขึ้นเมื่อเห็นว่ามีเพียงผู้หญิงสองคนเท่านั้น
“สองคนนี่แหละพี่ นั่งโต๊ะโน้นใกล้ ๆ กับเวที”
“เหอะ”
เสียงเข้มเค้นหัวเราะในลำคอก่อนจะกอดอกมองไปทางอื่นทำให้หญิงสาวมองตาแข็งใส่ตัวเจ้าอย่างไม่พอใจ เธออุตส่าห์ไม่สนใจแล้วยังจะส่งเสียงให้เธอหงุดหงิดขึ้นมาอีก
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามและมองไปยังคนตัวโตอย่างไม่พอใจ หากมีอะไรก็ควรพูดออกมาตรง ๆ ดีกว่ามาทำตัวให้เธอรำคาญใจเช่นนี้
“ไอ้พีทมึงอยู่เฉย ๆ” เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกายเป็นต้องกระทุ้งแขนเตือนชายหนุ่มเพราะยังจดจำเหตุการณ์ที่ทั้งสองคนมีปากเสียงกันที่มหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี
“กูยังไม่ได้ทำไรเลย” ชายหนุ่มยักไหล่มองเพื่อนสนิทด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน
จนกระทั่งเป็นจังหวะที่พนักงานเดินมาเสิร์ฟเครื่องประจำร้านที่โต๊ะพอดีซึ่งเป็นแก้วช็อตเล็ก ๆ ผสมกับน้ำหวานหลากสีรวม ๆ แล้วประมาณสิบแก้ว ใบหน้าหวานหันมองตามด้วยความสนใจจึงนึกสนุกขึ้นมา
“มีนนั่งด้วยได้ไหมพี่ มากันสองคนเหงาอะ”
“ยัยมีน แกทำอะไร” น้ำรีบจับมือเพื่อนสนิทและเค้นถามคำตอบให้รู้แล้วรู้รอด ปกติก็มาเที่ยวเล่นกันสองคนออกบ่อยแล้วทำไมวันนี้ถึงได้บอกว่าเหงาขึ้นมาได้
บทที่ 2อย่าหาว่าไม่เตือน (2)“ยัยมีน แกทำอะไร” น้ำรีบจับมือเพื่อนสนิทและเค้นถามคำตอบให้รู้แล้วรู้รอด ปกติก็มาเที่ยวเล่นกันสองคนออกบ่อยแล้วทำไมวันนี้ถึงได้บอกว่าเหงาขึ้นมาได้“เอาดิน้อง ดี ๆ มีสาวสวยมานั่งด้วยจะได้สนุก”“หยุดเจ้าชู้ก่อนเลยไอ้เสือ นั่นรุ่นน้องครับ” เพื่อนอีกคนถึงกับต้องออกปากห้ามและรีบดึงเจ้าตัวกลับมานั่งประจำที่เพราะรู้นิสัยเพื่อนตัวเองดีว่าเรื่องผู้หญิงนั้นร้ายกาจไม่แพ้ใคร“อย่างพี่เขาไม่ชอบหนูหรอก ต้องขาว ๆ อึ๋ม ๆ อกโต ๆ แบบวันก่อนเนอะ” หญิงสาวแทรกขึ้นพร้อมกับยกยิ้มร้ายเนื่องจากเมื่อวันก่อนเธอนั้นเห็นเต็มสองตาว่ารุ่นพี่ร่วมคณะนั้นขับรถสปอร์ตคันหรูไปรับสาวสวยหน้าห้างสรรพสินค้าหลังเลิกกิจกรรมรับน้อง“เชี่ย! ใครวะไอ้โอ๊ต นี่มึงหมกเหรอวะ”“โห่น้องมีน จำผิดคนหรือเปล่า” อีกฝ่ายถึงกับยิ้มเจื่อนและรีบปฏิเสธพัลวันแต่มีหรือที่เพื่อนสนิทจะเชื่อในคำพูดของเขา“น้องเขาน่ะจำถูกแล้ว แต่มึงอะมานี่เลย สรุปใครครับบอกกูมาเดี๋ยวนี้”“น้องแม่งร้ายโคตร ยินดีต้อนรับเข้าแก๊งครับโผม!” คนตัวโตเฉไฉพลันมองหน้าหญิงสาวที่ดูท่าแล้วร้ายกาจไม่แพ้ตัวเขาเองเลย เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้แต่ความร้ายระดับตัวแม
บทที่ 3เปลี่ยนความคิด“พะ...พี่ พี่พีทคะ” มีนาตะโกนเรียกพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินตามร่างสูงออกไปด้วยความร้อนรน หลังจากที่พีทเข้ามาช่วยเธอจากเหตุการณ์เมื่อครู่เจ้าตัวก็รีบเดินออกไปโดยที่เธอยังไม่เอ่ยคำใดเลยแม้แต่น้อยใบหน้าหล่อเหลาหันมองคนตัวเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่งซึ่งสายตาคู่นั้นทำให้หญิงสาวหยุดชะงักราวกับถูกสาป“มีอะไร” เสียงเข้มเอ่ยพลางมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้เอาแต่เดินตามเขาไม่เลิก“เอ่อ...เอ่อคือ...คือมีน” หญิงสาวกำมือตัวเองแน่นและนึกหงุดหงิดตัวเองในใจ อุตส่าห์เตรียมคำพูดไว้มากมายแต่พอเจอสายตากลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้นพีทมองคนตัวเล็กชั่วครู่ก่อนจะหมุนตัวและเดินต่อไปแต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักตามเสียงเรียกของเธออีกครั้ง ในครั้งนี้มีนารวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงและยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว“มีนขอบคุณพี่มากเลยนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ช่วยมีนไว้” มีนากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จากเหตุการณ์เมื่อครู่มันทำให้เธอกลัวเป็นอย่างมากแต่เธอก็ต้องสกัดกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น“นมเธอ” ประโยคนั้นทำให้มีนารีบเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจก่อนจะรีบยกมือปิ
บทที่ 4แสร้งเป็นแฟน (1)ช่วงเช้าสำหรับมีนาและเป็นเวลาสายสำหรับการไปเรียน คลาสแรกที่เริ่มเรียนสิบโมงแต่ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงห้าสิบแล้วเจ้าตัวยังคงวิ่งวุ่นรอบห้องไม่รู้ว่าจะหยิบจับอะไร มีนาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนล่วงหน้าถึงสองชั่วโมงแต่ก็ไม่รู้ทำไมพอถึงเวลากลับไม่ได้ยินเสียงผลที่ตามมาก็คืออาการเร่งรีบวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนหยิบจับอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน“สาย! สายแล้ว สายแล้ว!” หญิงสาวหยิบกระเป๋าผ้าสีขาวสะอาดขึ้นมาสะพายก่อนจะหยิบคีย์การ์ดและรีบสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วลิฟต์แก้วก็ดันเป็นใจเหมือนรู้โชคชะตาว่ามีคนกำลังไปเรียนสายเปิดรอให้เข้าไปโดยไม่มีคนอยู่สักคน ทันทีลิฟต์มาถึงชั้นล่างขาเล็กก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่หันมองทางซ้ายขวาเพราะสิ่งเดียวที่จดจ่อก็คือพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่หน้าคอนโดฯ เท่านั้น“ให้ตายเถอะ! พี่วินหายไปไหนหมด!” มือเล็กลูบใบหน้าตัวเองเมื่อวิ่งออกมาด้านนอกแต่ไม่เห็นรถวินมอเตอร์ไซด์สักคันเดียวมีนาหันมองและชะเง้อหาหวังว่าจะเจอสิ่งที่หวังแต่ก็ไม่พบ ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นร่างสูงของรุ่นพี่ต่างคณะที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถพอดิบพอดี และเป็นจังหวะเดียวกันท
บทที่ 4 แสร้งเป็นแฟน (2)“นิ่งทำไม ทีเมื่อกี้ยังเล่นละครเป็นฉาก ๆ” ชายหนุ่มเปิดประเด็นขึ้นทำลายความเงียบขณะที่สายตายังคงจดจ้องกับหนทางตรงหน้า“มีนช่วยพี่ต่างหาก” มีนากอดอกมอง หากเธอไม่เข้าไปช่วยเขาก็คงถูกแฟนเก่าตามตื๊อไม่เลิก“ช่วย? หึ แบบนี้น่ะเหรอที่เรียกว่าช่วย”“อย่างน้อยก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นหน้าหงายแล้วกัน” ถึงจะช่วยได้ไม่มากแต่เธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงต้องมีอาการ ‘เงิบ’ กับคำพูดของเธอแน่นอนพีทแค่นเสียงหัวเราะแต่ยังคงให้ความสนใจกับการขับรถ จนกระทั่งรถยนต์คันหรูขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามกับตึกคณะบริหารธุรกิจ ใบหน้าหวานหันมองคนข้าง ๆ ด้วยความตกใจ ก่อนจะชะเง้อมองโดยรอบว่ามีใครอยู่บริเวณนั้นหรือไม่หากมีคนเห็นว่าเธอเดินลงมาจากรถของเขาคงถูกเอาไปพูดเป็นแน่!“ทำไมพี่ถึงมาจอดตรงนี้ล่ะคะ”“ทำไม?” พีทเลิกคิ้วมองเป็นเชิงคำถาม ทั้งที่ปกติแล้วเขาก็จอดในที่ตรงนี้อยู่ทุกวันเพราะลานจอดรถที่ตึกคณะนิติศาสตร์รถค่อนข้างเยอะ จึงทำให้เขาเลือกที่จะมาจอดบริเวณนี้เสียส่วนใหญ่“เดี๋ยวเพื่อนพี่ก็เห็นหรอก” มีนาเอ่ยพลางมองไปยังรอบ ๆ เขาก็รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาเรียนอยู่คณะเดียวกันกับเธอ หากเดินลงไปแล้วเป
บทนำ“ขอโทษนะพีทแต่เอมเลือกเขา เราเลิกกันเถอะ”“อืม”คำพูดที่ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวที่ไม่ว่าจะพยายามสลัดมันออกเท่าไหร่แต่ก็ไม่เป็นผล หนำซ้ำภาพวันวานที่เคยรักกันยังย้อนหวนกลับมาให้เจ็บใจเล่นอีก“เห้ย ไอ้พีท! มึงเลิกคิดถึงเขาสักทีเถอะกูไหว้ล่ะ” เสียงเรียกและแรงสะกิดของเพื่อนสนิททำให้ ‘พีท’ หลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนที่เขาจะค่อย ๆ หันไปมองยังต้นเสียงด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใด ๆ‘พีท’ หนุ่มหล่อสุดฮอตประจำคณะนิติศาสตร์ ผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ผิวขาวเนียนละเอียด ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสี่เซนติเมตร เขาหล่อ ฮอต เนี้ยบ และเนิร์ด! ทั้งยังหยิ่ง…ยโส และขี้เก๊กเป็นที่สุด!“เออ! มึงจะไปสนใจทำไมกับผู้หญิงแบบนั้นวะ” เพื่อนสนิทอีกคนเอ่ยเสริมพลางมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างนึกหงุดหงิดที่เอาแต่ทำหน้านิ่งไม่สนใจสิ่งรอบข้างตั้งแต่ที่เขามาถึงทั้งสามคนอยู่ในห้องชมรมซึ่งเป็นห้องประจำที่พวกเขาชอบมานั่งคุยกันอยู่บ่อย ๆ พวกเขาทั้งสามคนเป็นหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยที่สาว ๆ หลายคนอยากควงมากที่สุดเนื่องด้วยหน้าตา ความฉลาด และฐานะของ ‘พีท’ ‘โอ๊ต’ และ ‘จอมทัพ’ ที่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนในมหาวิทยาลัยกลับต้องเป็นจุดสนใจข
บทที่ 1บทลงโทษในวันรับน้อง (1)“ไปทำบุญมายังน้องมีนา หวังว่าวันนี้คงไม่โดนทำโทษสามเกมติดเหมือนเมื่อวานนะ”เสียงทักทายของรุ่นพี่เอ่ยขึ้นหลังจากที่เธอเดินเข้ามาหาห้องเอนกประสงค์ ทันทีที่รุ่นพี่เอ่ยต่างก็ทำให้เพื่อน ๆ และรวมถึงรุ่นพี่คนอื่นหันมามองเธอเป็นตาเดียว“มาเหอะพี่ หนูไม่กลัวหรอก จะเต้นไก่ย่างหรือว่าเต้นฮิปโปหนูก็พร้อม!” หญิงสาวตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นใจก่อนจะเดินไปนั่งกับกลุ่มเพื่อน ๆเดิมทีแล้วมีนาเป็นที่คนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เนื่องจากเธออัธยาศัยดีและเป็นมิตรกับทุกคน ทั้งยังชอบร่วมทำกิจกรรมกับคนอื่น ๆ ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรถ้าหากต้องออกไปเต้นหน้าห้องต่อหน้าทุกคน“เห้ย! ไอ้โอมมึงจัดบทลงโทษหนัก ๆ ให้น้องเขาสักทีดิ น้องแม่งปากแจ๋วโคตร”กิจกรรมรับน้องยังคงดำเนินไปด้วยความสนุกสนานและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ วันนี้เป็นวันรับน้องวันสุดท้ายเลยทำให้มีการเข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่ช่วงสายจนถึงช่วงเย็นของวันจนกระทั่งมาถึงเกมสุดท้าย มีนาเข้าร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดีซึ่งในเกมสุดท้ายนั้นจะเป็นเกมที่ให้ทุกคนยืนขาเดียวอยู่บนกระดาษเอสี่เพียงแผ่นเดียวทั้งกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีห้าคน
บทที่ 1 บทลงโทษในวันรับน้อง (2)“น่ารำคาญ” เสียงทุ้มเอ่ยและผลักมือเล็กออกก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและเดินผ่านร่างบางไปอย่างไม่ใส่ใจมีนายืนชะงักราวกับถูกสาปเป็นหินเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนเย็นชาจากปากของอีกฝ่ายที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหรือใยดีเธอเลยสักนิด เธอกำมือตัวเองแน่นพลางนึกโมโหอยู่ในใจจนแทบอยากจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด กล้าดียังไงถึงได้เมินและเย็นชากับเธอแบบนี้!“นี่! เมื่อกี้พี่ว่าไงนะ” ใบหน้าหวานหันขวับไปมองร่างสูงที่กำลังเดินออกไปด้วยความโมโหอย่างหนัก เสียงเล็กตะโกนกร้าวทำให้ชายหนุ่มค่อย ๆ หันหน้ามามองเธอด้วยความนิ่งเรียบเช่นเคยคนตรงหน้าเลิกคิ้วถามพลางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างนึกรำคาญเมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวชักจะตอแยเขามากขึ้น ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแต่ท่าทางและสายตากลับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขารู้สึกเช่นไร‘ไม่มีมารยาท!’ มีนาบ่นกับตัวเองในความคิดแค่เห็นสายตาของเขาก็ทำให้เธออยากจะตรงไปตระกุยหน้าหล่อ ๆ ให้รู้แล้วรู้รอด“เมื่อกี้พี่บอกว่าน่ารำคาญเหรอคะ” เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบเธอจึงถามเขาอีกครั้ง“หูตึงหรือไง” ชายหนุ่มกอดอกมองร่างบางอย่างไม่ลดละเขาว่าสิ่งที่พูดออกไปก็ชัดเจนมา
บทที่ 4 แสร้งเป็นแฟน (2)“นิ่งทำไม ทีเมื่อกี้ยังเล่นละครเป็นฉาก ๆ” ชายหนุ่มเปิดประเด็นขึ้นทำลายความเงียบขณะที่สายตายังคงจดจ้องกับหนทางตรงหน้า“มีนช่วยพี่ต่างหาก” มีนากอดอกมอง หากเธอไม่เข้าไปช่วยเขาก็คงถูกแฟนเก่าตามตื๊อไม่เลิก“ช่วย? หึ แบบนี้น่ะเหรอที่เรียกว่าช่วย”“อย่างน้อยก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นหน้าหงายแล้วกัน” ถึงจะช่วยได้ไม่มากแต่เธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงต้องมีอาการ ‘เงิบ’ กับคำพูดของเธอแน่นอนพีทแค่นเสียงหัวเราะแต่ยังคงให้ความสนใจกับการขับรถ จนกระทั่งรถยนต์คันหรูขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามกับตึกคณะบริหารธุรกิจ ใบหน้าหวานหันมองคนข้าง ๆ ด้วยความตกใจ ก่อนจะชะเง้อมองโดยรอบว่ามีใครอยู่บริเวณนั้นหรือไม่หากมีคนเห็นว่าเธอเดินลงมาจากรถของเขาคงถูกเอาไปพูดเป็นแน่!“ทำไมพี่ถึงมาจอดตรงนี้ล่ะคะ”“ทำไม?” พีทเลิกคิ้วมองเป็นเชิงคำถาม ทั้งที่ปกติแล้วเขาก็จอดในที่ตรงนี้อยู่ทุกวันเพราะลานจอดรถที่ตึกคณะนิติศาสตร์รถค่อนข้างเยอะ จึงทำให้เขาเลือกที่จะมาจอดบริเวณนี้เสียส่วนใหญ่“เดี๋ยวเพื่อนพี่ก็เห็นหรอก” มีนาเอ่ยพลางมองไปยังรอบ ๆ เขาก็รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาเรียนอยู่คณะเดียวกันกับเธอ หากเดินลงไปแล้วเป
บทที่ 4แสร้งเป็นแฟน (1)ช่วงเช้าสำหรับมีนาและเป็นเวลาสายสำหรับการไปเรียน คลาสแรกที่เริ่มเรียนสิบโมงแต่ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงห้าสิบแล้วเจ้าตัวยังคงวิ่งวุ่นรอบห้องไม่รู้ว่าจะหยิบจับอะไร มีนาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนล่วงหน้าถึงสองชั่วโมงแต่ก็ไม่รู้ทำไมพอถึงเวลากลับไม่ได้ยินเสียงผลที่ตามมาก็คืออาการเร่งรีบวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนหยิบจับอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน“สาย! สายแล้ว สายแล้ว!” หญิงสาวหยิบกระเป๋าผ้าสีขาวสะอาดขึ้นมาสะพายก่อนจะหยิบคีย์การ์ดและรีบสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วลิฟต์แก้วก็ดันเป็นใจเหมือนรู้โชคชะตาว่ามีคนกำลังไปเรียนสายเปิดรอให้เข้าไปโดยไม่มีคนอยู่สักคน ทันทีลิฟต์มาถึงชั้นล่างขาเล็กก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่หันมองทางซ้ายขวาเพราะสิ่งเดียวที่จดจ่อก็คือพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่หน้าคอนโดฯ เท่านั้น“ให้ตายเถอะ! พี่วินหายไปไหนหมด!” มือเล็กลูบใบหน้าตัวเองเมื่อวิ่งออกมาด้านนอกแต่ไม่เห็นรถวินมอเตอร์ไซด์สักคันเดียวมีนาหันมองและชะเง้อหาหวังว่าจะเจอสิ่งที่หวังแต่ก็ไม่พบ ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นร่างสูงของรุ่นพี่ต่างคณะที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถพอดิบพอดี และเป็นจังหวะเดียวกันท
บทที่ 3เปลี่ยนความคิด“พะ...พี่ พี่พีทคะ” มีนาตะโกนเรียกพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินตามร่างสูงออกไปด้วยความร้อนรน หลังจากที่พีทเข้ามาช่วยเธอจากเหตุการณ์เมื่อครู่เจ้าตัวก็รีบเดินออกไปโดยที่เธอยังไม่เอ่ยคำใดเลยแม้แต่น้อยใบหน้าหล่อเหลาหันมองคนตัวเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่งซึ่งสายตาคู่นั้นทำให้หญิงสาวหยุดชะงักราวกับถูกสาป“มีอะไร” เสียงเข้มเอ่ยพลางมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้เอาแต่เดินตามเขาไม่เลิก“เอ่อ...เอ่อคือ...คือมีน” หญิงสาวกำมือตัวเองแน่นและนึกหงุดหงิดตัวเองในใจ อุตส่าห์เตรียมคำพูดไว้มากมายแต่พอเจอสายตากลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้นพีทมองคนตัวเล็กชั่วครู่ก่อนจะหมุนตัวและเดินต่อไปแต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักตามเสียงเรียกของเธออีกครั้ง ในครั้งนี้มีนารวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงและยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว“มีนขอบคุณพี่มากเลยนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ช่วยมีนไว้” มีนากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จากเหตุการณ์เมื่อครู่มันทำให้เธอกลัวเป็นอย่างมากแต่เธอก็ต้องสกัดกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น“นมเธอ” ประโยคนั้นทำให้มีนารีบเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจก่อนจะรีบยกมือปิ
บทที่ 2อย่าหาว่าไม่เตือน (2)“ยัยมีน แกทำอะไร” น้ำรีบจับมือเพื่อนสนิทและเค้นถามคำตอบให้รู้แล้วรู้รอด ปกติก็มาเที่ยวเล่นกันสองคนออกบ่อยแล้วทำไมวันนี้ถึงได้บอกว่าเหงาขึ้นมาได้“เอาดิน้อง ดี ๆ มีสาวสวยมานั่งด้วยจะได้สนุก”“หยุดเจ้าชู้ก่อนเลยไอ้เสือ นั่นรุ่นน้องครับ” เพื่อนอีกคนถึงกับต้องออกปากห้ามและรีบดึงเจ้าตัวกลับมานั่งประจำที่เพราะรู้นิสัยเพื่อนตัวเองดีว่าเรื่องผู้หญิงนั้นร้ายกาจไม่แพ้ใคร“อย่างพี่เขาไม่ชอบหนูหรอก ต้องขาว ๆ อึ๋ม ๆ อกโต ๆ แบบวันก่อนเนอะ” หญิงสาวแทรกขึ้นพร้อมกับยกยิ้มร้ายเนื่องจากเมื่อวันก่อนเธอนั้นเห็นเต็มสองตาว่ารุ่นพี่ร่วมคณะนั้นขับรถสปอร์ตคันหรูไปรับสาวสวยหน้าห้างสรรพสินค้าหลังเลิกกิจกรรมรับน้อง“เชี่ย! ใครวะไอ้โอ๊ต นี่มึงหมกเหรอวะ”“โห่น้องมีน จำผิดคนหรือเปล่า” อีกฝ่ายถึงกับยิ้มเจื่อนและรีบปฏิเสธพัลวันแต่มีหรือที่เพื่อนสนิทจะเชื่อในคำพูดของเขา“น้องเขาน่ะจำถูกแล้ว แต่มึงอะมานี่เลย สรุปใครครับบอกกูมาเดี๋ยวนี้”“น้องแม่งร้ายโคตร ยินดีต้อนรับเข้าแก๊งครับโผม!” คนตัวโตเฉไฉพลันมองหน้าหญิงสาวที่ดูท่าแล้วร้ายกาจไม่แพ้ตัวเขาเองเลย เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้แต่ความร้ายระดับตัวแม
บทที่ 2อย่าหาว่าไม่เตือน (1) MD NIGHTภายในคลับหรูใจกลางเมืองที่มีเสียงเพลงบีทหนักและแสงไฟสลัวสาดส่องคอยขับกล่อมให้ทุกคนลุกขึ้นเต้นกันอย่างสนุกสนานรวมถึงหญิงสาวและเพื่อนอีกหนึ่งคนที่ตอนนี้กำลังอยู่ที่โต๊ะชั้นล่างซึ่งเป็นที่สนใจกับหนุ่ม ๆ รอบข้างเป็นอย่างมาก“โต๊ะนั้นเขามองฉันด้วยแหละ”“จ้ะ คุณน้ำคนสวย สวยที่สุด!” มีนากลอกตาไปมาเมื่อตั้งแต่มาถึงก็ได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทที่พูดไม่หยุดปากจนทำให้นึกหมั่นไส้เสียไม่ได้“ดีใจอะที่วันนี้แกมาด้วย ปกติชวนทีไรก็ขี้เกียจตลอด”“วันนี้เบื่อ ๆ อะแถมยังเจอรุ่นพี่ขี้เก๊กอีก” ว่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในช่วงบ่าย“เออดีอยากให้เจอบ่อย ๆ แกจะได้ออกมาตี้กับฉัน”“แล้ววันนี้แกไม่มีฝึกเหรอถึงชวนออกมาตี้ได้เนี่ย” มีนาถามถึงเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังเรียนพยาบาลปีสองถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีเวลาว่างแต่ก็ชอบออกมาเที่ยวอยู่บ่อย ๆมีนาอายุยี่สิบปีเดิมทีเรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ก่อนจะซิ่วมาเรียนบริหารธุรกิจเนื่องจากถูกกดดันกับทางครอบครัวที่อยากให้เรียนสายนี้มากกว่าเพราะมีธุรกิจร้านเครื่องเพชรที่ต้องกลับไปบริหารหลังเรียนจบในเมื่อทนกับความกดดันไม่ได้เธ
บทที่ 1 บทลงโทษในวันรับน้อง (2)“น่ารำคาญ” เสียงทุ้มเอ่ยและผลักมือเล็กออกก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและเดินผ่านร่างบางไปอย่างไม่ใส่ใจมีนายืนชะงักราวกับถูกสาปเป็นหินเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนเย็นชาจากปากของอีกฝ่ายที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหรือใยดีเธอเลยสักนิด เธอกำมือตัวเองแน่นพลางนึกโมโหอยู่ในใจจนแทบอยากจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด กล้าดียังไงถึงได้เมินและเย็นชากับเธอแบบนี้!“นี่! เมื่อกี้พี่ว่าไงนะ” ใบหน้าหวานหันขวับไปมองร่างสูงที่กำลังเดินออกไปด้วยความโมโหอย่างหนัก เสียงเล็กตะโกนกร้าวทำให้ชายหนุ่มค่อย ๆ หันหน้ามามองเธอด้วยความนิ่งเรียบเช่นเคยคนตรงหน้าเลิกคิ้วถามพลางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างนึกรำคาญเมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวชักจะตอแยเขามากขึ้น ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแต่ท่าทางและสายตากลับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขารู้สึกเช่นไร‘ไม่มีมารยาท!’ มีนาบ่นกับตัวเองในความคิดแค่เห็นสายตาของเขาก็ทำให้เธออยากจะตรงไปตระกุยหน้าหล่อ ๆ ให้รู้แล้วรู้รอด“เมื่อกี้พี่บอกว่าน่ารำคาญเหรอคะ” เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบเธอจึงถามเขาอีกครั้ง“หูตึงหรือไง” ชายหนุ่มกอดอกมองร่างบางอย่างไม่ลดละเขาว่าสิ่งที่พูดออกไปก็ชัดเจนมา
บทที่ 1บทลงโทษในวันรับน้อง (1)“ไปทำบุญมายังน้องมีนา หวังว่าวันนี้คงไม่โดนทำโทษสามเกมติดเหมือนเมื่อวานนะ”เสียงทักทายของรุ่นพี่เอ่ยขึ้นหลังจากที่เธอเดินเข้ามาหาห้องเอนกประสงค์ ทันทีที่รุ่นพี่เอ่ยต่างก็ทำให้เพื่อน ๆ และรวมถึงรุ่นพี่คนอื่นหันมามองเธอเป็นตาเดียว“มาเหอะพี่ หนูไม่กลัวหรอก จะเต้นไก่ย่างหรือว่าเต้นฮิปโปหนูก็พร้อม!” หญิงสาวตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นใจก่อนจะเดินไปนั่งกับกลุ่มเพื่อน ๆเดิมทีแล้วมีนาเป็นที่คนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เนื่องจากเธออัธยาศัยดีและเป็นมิตรกับทุกคน ทั้งยังชอบร่วมทำกิจกรรมกับคนอื่น ๆ ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรถ้าหากต้องออกไปเต้นหน้าห้องต่อหน้าทุกคน“เห้ย! ไอ้โอมมึงจัดบทลงโทษหนัก ๆ ให้น้องเขาสักทีดิ น้องแม่งปากแจ๋วโคตร”กิจกรรมรับน้องยังคงดำเนินไปด้วยความสนุกสนานและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ วันนี้เป็นวันรับน้องวันสุดท้ายเลยทำให้มีการเข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่ช่วงสายจนถึงช่วงเย็นของวันจนกระทั่งมาถึงเกมสุดท้าย มีนาเข้าร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดีซึ่งในเกมสุดท้ายนั้นจะเป็นเกมที่ให้ทุกคนยืนขาเดียวอยู่บนกระดาษเอสี่เพียงแผ่นเดียวทั้งกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีห้าคน
บทนำ“ขอโทษนะพีทแต่เอมเลือกเขา เราเลิกกันเถอะ”“อืม”คำพูดที่ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวที่ไม่ว่าจะพยายามสลัดมันออกเท่าไหร่แต่ก็ไม่เป็นผล หนำซ้ำภาพวันวานที่เคยรักกันยังย้อนหวนกลับมาให้เจ็บใจเล่นอีก“เห้ย ไอ้พีท! มึงเลิกคิดถึงเขาสักทีเถอะกูไหว้ล่ะ” เสียงเรียกและแรงสะกิดของเพื่อนสนิททำให้ ‘พีท’ หลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนที่เขาจะค่อย ๆ หันไปมองยังต้นเสียงด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใด ๆ‘พีท’ หนุ่มหล่อสุดฮอตประจำคณะนิติศาสตร์ ผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ผิวขาวเนียนละเอียด ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสี่เซนติเมตร เขาหล่อ ฮอต เนี้ยบ และเนิร์ด! ทั้งยังหยิ่ง…ยโส และขี้เก๊กเป็นที่สุด!“เออ! มึงจะไปสนใจทำไมกับผู้หญิงแบบนั้นวะ” เพื่อนสนิทอีกคนเอ่ยเสริมพลางมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างนึกหงุดหงิดที่เอาแต่ทำหน้านิ่งไม่สนใจสิ่งรอบข้างตั้งแต่ที่เขามาถึงทั้งสามคนอยู่ในห้องชมรมซึ่งเป็นห้องประจำที่พวกเขาชอบมานั่งคุยกันอยู่บ่อย ๆ พวกเขาทั้งสามคนเป็นหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยที่สาว ๆ หลายคนอยากควงมากที่สุดเนื่องด้วยหน้าตา ความฉลาด และฐานะของ ‘พีท’ ‘โอ๊ต’ และ ‘จอมทัพ’ ที่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนในมหาวิทยาลัยกลับต้องเป็นจุดสนใจข