บทที่ 2
อย่าหาว่าไม่เตือน (2)
“ยัยมีน แกทำอะไร” น้ำรีบจับมือเพื่อนสนิทและเค้นถามคำตอบให้รู้แล้วรู้รอด ปกติก็มาเที่ยวเล่นกันสองคนออกบ่อยแล้วทำไมวันนี้ถึงได้บอกว่าเหงาขึ้นมาได้
“เอาดิน้อง ดี ๆ มีสาวสวยมานั่งด้วยจะได้สนุก”
“หยุดเจ้าชู้ก่อนเลยไอ้เสือ นั่นรุ่นน้องครับ” เพื่อนอีกคนถึงกับต้องออกปากห้ามและรีบดึงเจ้าตัวกลับมานั่งประจำที่เพราะรู้นิสัยเพื่อนตัวเองดีว่าเรื่องผู้หญิงนั้นร้ายกาจไม่แพ้ใคร
“อย่างพี่เขาไม่ชอบหนูหรอก ต้องขาว ๆ อึ๋ม ๆ อกโต ๆ แบบวันก่อนเนอะ” หญิงสาวแทรกขึ้นพร้อมกับยกยิ้มร้ายเนื่องจากเมื่อวันก่อนเธอนั้นเห็นเต็มสองตาว่ารุ่นพี่ร่วมคณะนั้นขับรถสปอร์ตคันหรูไปรับสาวสวยหน้าห้างสรรพสินค้าหลังเลิกกิจกรรมรับน้อง
“เชี่ย! ใครวะไอ้โอ๊ต นี่มึงหมกเหรอวะ”
“โห่น้องมีน จำผิดคนหรือเปล่า” อีกฝ่ายถึงกับยิ้มเจื่อนและรีบปฏิเสธพัลวันแต่มีหรือที่เพื่อนสนิทจะเชื่อในคำพูดของเขา
“น้องเขาน่ะจำถูกแล้ว แต่มึงอะมานี่เลย สรุปใครครับบอกกูมาเดี๋ยวนี้”
“น้องแม่งร้ายโคตร ยินดีต้อนรับเข้าแก๊งครับโผม!” คนตัวโตเฉไฉพลันมองหน้าหญิงสาวที่ดูท่าแล้วร้ายกาจไม่แพ้ตัวเขาเองเลย เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้แต่ความร้ายระดับตัวแม่ เผลอ ๆ ยิ่งกว่าเสืออย่างเขาอีก
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ” มีนายิ้มรับกับคำพูดนั้น เธอไม่ได้รู้อะไรแถมยังดีใจด้วยซ้ำเพราะผู้หญิงอย่างเธอรู้ทันผู้ชายทุกคนและแน่นอนว่าเธอน่ะแสบเกินใครเป็นไหน ๆ
“ก็เอาไปคนละช็อตเลยสิค้าบ!” รุ่นพี่หนุ่มส่งแก้วช็อตให้กับมีนาและน้ำก่อนที่ทั้งสองจะยกขึ้นดื่มจนหมดเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
มือเล็กวางแก้วช็อตลงบนโต๊ะพร้อมกับยักคิ้วส่งให้คนตรงหน้าเป็นการท้าทายซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พีทเงยหน้ามองขึ้นมาด้วยความรู้สึกบางอย่าง
“น้องแม่งโคตรเจ๋ง”
“มีนกับน้ำนี่ไม่ธรรมดานะพี่”
“ถึงไม่บอกพี่ก็รู้ ดีเหมือนกันจะได้สนุกหน่อย” รุ่นพี่หนุ่มหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวทั้งสองคนตรงหน้า ดูท่าแล้วคงจะแก่นเซี้ยวแสบสนแน่ ๆ
“อ้าวไอ้พีทจะไปไหนวะ” เสียงเข้มเรียกเอาไว้เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทเดินออกจากโต๊ะไปโดยไม่บอกกล่าวหรือหันมาตอบคำถามเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้เวรนี่ เย็นชาโคตร” ชายอีกคนมองตามเพื่อนสนิทก่อนจะส่ายหน้าออกมาเบา ๆ พยายามจะทำความเข้าใจกับนิสัยของเพื่อนแต่ก็ยังไม่ชินชาเสียที
“ช่างมันเหอะ สงสัยไปสูบบุหรี่มั้ง”
“เฮ้ย! โทรศัพท์ฉัน!” มีนาร้องขึ้นเมื่อหาโทรศัพท์ของตัวเองไม่พบทั้งที่ก่อนหน้าที่เธอมั่นใจว่าใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้นของตัวเองไว้
“มีอะไรเหรอมีน”
“โทรศัพท์ฉันหายอะน้ำ”
“แล้วแกเอาไปวางที่ไหนหรือเปล่า เดี๋ยวฉันลองโทรดูแล้วกัน”
“อยู่ที่โต๊ะเราหรือเปล่าลองดูดีก่อน” ชายหนุ่มทั้งสองคนช่วยกันมองหาอีกแรง
“ไม่ใช่หรอกพี่มีนมั่นใจว่าใส่กระเป๋ากางเกงไว้แล้ว”
“หรือว่าจะลืมไว้ที่ห้องน้ำ” น้ำพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เธอและมีนาได้ไปเข้าห้องน้ำกันซึ่งอาจจะเป็นจังหวะที่ทำให้เผลอวางทิ้งไว้ก็เป็นได้
“งั้นเหรอ...อืม...ฉันขอกลับไปดูก่อนแล้วนะ แกก็รออยู่นี่แหละเดี๋ยวฉันมา”
“เอางั้นก็ได้” น้ำพยักหน้ารับตามคำบอกของเพื่อนสนิททำให้มีนารีบเดินกลับไปยังห้องน้ำเพื่อหาโทรศัพท์ของตัวเองทันที
ขาเล็กก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังห้องน้ำที่ตอนนี้แทบจะไม่มีคนอยู่เลยทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะต้องต่อคิวกันเข้าห้องน้ำ อาจจะเป็นเพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ดีเจขึ้นบนเวทีหรือเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ช็อตสำคัญของทางร้านที่จะไม่มีใครอยากพลาดเลยทำให้บริเวณนี้คนน้อยกว่าทุกครั้ง
มีนาชะงักไปชั่วครู่เมื่อสายตาของเธอหันไปเห็นชายหนุ่มที่เข้ามาขอเบอร์ของเธอเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วและเธอเองก็ปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างไร้เยื่อใยเพราะไม่คิดสนใจหรืออยากสานต่อในความสัมพันธ์
หญิงสาวหันหน้าหนีและพยายามเดินเลี่ยงไปอีกทางเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาโทรศัพท์ของตัวเองให้เธอเท่านั้น
ทว่า...
“หาโทรศัพท์อยู่เหรอครับ” เสียงเข้มเอ่ยเมื่อร่างบางเดินผ่านไปได้เพียงไม่กี่ก้าว
มีนารีบหันขวับกลับมามองชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังถือโทรศัพท์ของเธอเอาไว้ในมือและเธอมั่นใจว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นคือโทรศัพท์ของเธอแน่นอน
“ขอโทรศัพท์ฉันคืนด้วยค่ะ” เสียงเล็กเอ่ยก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองกลับคืนแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับชักมือกลับจนทำให้ร่างของเธอเซถลาเข้าหาอกแกร่งโดยไม่ทันตั้งตัว
หมับ!
ทันทีที่คนตัวเล็กเสียหลักวงแขนแกร่งจึงจับไหล่มนให้ร่างของเธอแนบชิดกับกำแพงก่อนที่ร่างสูงจะตามทาบทับโดยที่ใบหน้าอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงหนึ่งคืบ
“ทำอะไร ปล่อยฉัน!”
แม้ว่าตอนนี้จะกลัวคนตรงหน้ามากแค่ไหนแต่ก็ต้องสกัดกลั้นความรู้สึกตัวเองเอาไว้ เธอไม่มีทางแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นเด็ดขาด
“หยิ่งจริง ๆ เลยนะคนสวย” คนตัวโตยกยิ้มพร้อมกับเค้นหัวเราะเมื่อเห็นความเย่อหยิ่งของหญิงสาวตรงหน้า
“ปล่อย อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” มีนากดเสียงต่ำและจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว ถึงจะเป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าเธอหลายเท่าแต่ในเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้เธอก็ต้องสู้เพื่อปกป้องตัวเอง
“น่ากลัวจังเลยนะครับ”
“อย่าเอามือสกปรกของแกมาแตะต้องตัวฉัน!”
เสียงเล็กสั่นเทาเมื่อมือหนาจับที่เอวคอดกิ่วของเธออย่างถือวิสาสะ ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็ไม่พบผู้คนที่จะสามารถร้องขอความช่วยเหลือได้
“ปากดีแบบนี้สงสัยต้องสั่งสอนสักหน่อย”
มีนาหลับตาแน่นเมื่อคนตรงหน้าโน้มใบหน้าลงมา หญิงสาวตัวสั่นระริกด้วยความกลัวเมื่อคิดหาหนทางแต่ก็ไม่พบ ทั้งพยายามดีดดิ้นหรือผลักไสด้วยแรงทั้งหมดที่มีแต่ก็ไม่สามารถต้านแรงคนตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่า...
หมับ!
ตุ้บ!
“อึก! มึงเป็นใครวะ!!” ร่างของคนตรงหน้าถูกกระชากก่อนจะล้มลงที่พื้นอย่างแรงพลันทำให้หญิงสาวรีบลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ
“แล้วมึงล่ะเป็นใคร” เสียงทุ้มที่เคยได้ยินทำให้มีนายิ่งแปลกใจความเดิมเพราะคน ๆ นั้นคือ ‘พีท’ คนที่เธอมีปัญหาด้วย!
“พะ...พี่” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วเธอทั้งตกใจและแปลกใจที่เจอเขาอยู่ตรงนี้
“ถ้ายังทำตัวต่ำ ๆ อย่าหาว่ากูไม่เตือน” พีทกดเสียงต่ำมองคนตรงหน้าด้วยความเรียบนิ่งแต่ทว่าสายตาคู่นั้นกลับเหมือนกับมีดแหลมคมที่ทิ่มแทงจนรู้สึกเจ็บแสบ
“รู้ไหมว่ากูเป็นใคร”
“แต่กูเป็นเจ้าของที่นี่” ชายหนุ่มย้ำชัดในคำพูดของตัวเองพลันทำให้มีนาที่ยืนอยู่ด้านหลังถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“นี่พี่เป็น...”
“กลับไปในตอนที่ยังมีโอกาส อย่าหาว่ากูไม่เตือน!”
บทที่ 3เปลี่ยนความคิด“พะ...พี่ พี่พีทคะ” มีนาตะโกนเรียกพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินตามร่างสูงออกไปด้วยความร้อนรน หลังจากที่พีทเข้ามาช่วยเธอจากเหตุการณ์เมื่อครู่เจ้าตัวก็รีบเดินออกไปโดยที่เธอยังไม่เอ่ยคำใดเลยแม้แต่น้อยใบหน้าหล่อเหลาหันมองคนตัวเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่งซึ่งสายตาคู่นั้นทำให้หญิงสาวหยุดชะงักราวกับถูกสาป“มีอะไร” เสียงเข้มเอ่ยพลางมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้เอาแต่เดินตามเขาไม่เลิก“เอ่อ...เอ่อคือ...คือมีน” หญิงสาวกำมือตัวเองแน่นและนึกหงุดหงิดตัวเองในใจ อุตส่าห์เตรียมคำพูดไว้มากมายแต่พอเจอสายตากลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้นพีทมองคนตัวเล็กชั่วครู่ก่อนจะหมุนตัวและเดินต่อไปแต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักตามเสียงเรียกของเธออีกครั้ง ในครั้งนี้มีนารวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงและยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว“มีนขอบคุณพี่มากเลยนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ช่วยมีนไว้” มีนากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จากเหตุการณ์เมื่อครู่มันทำให้เธอกลัวเป็นอย่างมากแต่เธอก็ต้องสกัดกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น“นมเธอ” ประโยคนั้นทำให้มีนารีบเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจก่อนจะรีบยกมือปิ
บทที่ 4แสร้งเป็นแฟน (1)ช่วงเช้าสำหรับมีนาและเป็นเวลาสายสำหรับการไปเรียน คลาสแรกที่เริ่มเรียนสิบโมงแต่ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงห้าสิบแล้วเจ้าตัวยังคงวิ่งวุ่นรอบห้องไม่รู้ว่าจะหยิบจับอะไร มีนาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนล่วงหน้าถึงสองชั่วโมงแต่ก็ไม่รู้ทำไมพอถึงเวลากลับไม่ได้ยินเสียงผลที่ตามมาก็คืออาการเร่งรีบวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนหยิบจับอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน“สาย! สายแล้ว สายแล้ว!” หญิงสาวหยิบกระเป๋าผ้าสีขาวสะอาดขึ้นมาสะพายก่อนจะหยิบคีย์การ์ดและรีบสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วลิฟต์แก้วก็ดันเป็นใจเหมือนรู้โชคชะตาว่ามีคนกำลังไปเรียนสายเปิดรอให้เข้าไปโดยไม่มีคนอยู่สักคน ทันทีลิฟต์มาถึงชั้นล่างขาเล็กก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่หันมองทางซ้ายขวาเพราะสิ่งเดียวที่จดจ่อก็คือพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่หน้าคอนโดฯ เท่านั้น“ให้ตายเถอะ! พี่วินหายไปไหนหมด!” มือเล็กลูบใบหน้าตัวเองเมื่อวิ่งออกมาด้านนอกแต่ไม่เห็นรถวินมอเตอร์ไซด์สักคันเดียวมีนาหันมองและชะเง้อหาหวังว่าจะเจอสิ่งที่หวังแต่ก็ไม่พบ ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นร่างสูงของรุ่นพี่ต่างคณะที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถพอดิบพอดี และเป็นจังหวะเดียวกันท
บทที่ 4 แสร้งเป็นแฟน (2)“นิ่งทำไม ทีเมื่อกี้ยังเล่นละครเป็นฉาก ๆ” ชายหนุ่มเปิดประเด็นขึ้นทำลายความเงียบขณะที่สายตายังคงจดจ้องกับหนทางตรงหน้า“มีนช่วยพี่ต่างหาก” มีนากอดอกมอง หากเธอไม่เข้าไปช่วยเขาก็คงถูกแฟนเก่าตามตื๊อไม่เลิก“ช่วย? หึ แบบนี้น่ะเหรอที่เรียกว่าช่วย”“อย่างน้อยก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นหน้าหงายแล้วกัน” ถึงจะช่วยได้ไม่มากแต่เธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงต้องมีอาการ ‘เงิบ’ กับคำพูดของเธอแน่นอนพีทแค่นเสียงหัวเราะแต่ยังคงให้ความสนใจกับการขับรถ จนกระทั่งรถยนต์คันหรูขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามกับตึกคณะบริหารธุรกิจ ใบหน้าหวานหันมองคนข้าง ๆ ด้วยความตกใจ ก่อนจะชะเง้อมองโดยรอบว่ามีใครอยู่บริเวณนั้นหรือไม่หากมีคนเห็นว่าเธอเดินลงมาจากรถของเขาคงถูกเอาไปพูดเป็นแน่!“ทำไมพี่ถึงมาจอดตรงนี้ล่ะคะ”“ทำไม?” พีทเลิกคิ้วมองเป็นเชิงคำถาม ทั้งที่ปกติแล้วเขาก็จอดในที่ตรงนี้อยู่ทุกวันเพราะลานจอดรถที่ตึกคณะนิติศาสตร์รถค่อนข้างเยอะ จึงทำให้เขาเลือกที่จะมาจอดบริเวณนี้เสียส่วนใหญ่“เดี๋ยวเพื่อนพี่ก็เห็นหรอก” มีนาเอ่ยพลางมองไปยังรอบ ๆ เขาก็รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาเรียนอยู่คณะเดียวกันกับเธอ หากเดินลงไปแล้วเป
บทนำ“ขอโทษนะพีทแต่เอมเลือกเขา เราเลิกกันเถอะ”“อืม”คำพูดที่ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวที่ไม่ว่าจะพยายามสลัดมันออกเท่าไหร่แต่ก็ไม่เป็นผล หนำซ้ำภาพวันวานที่เคยรักกันยังย้อนหวนกลับมาให้เจ็บใจเล่นอีก“เห้ย ไอ้พีท! มึงเลิกคิดถึงเขาสักทีเถอะกูไหว้ล่ะ” เสียงเรียกและแรงสะกิดของเพื่อนสนิททำให้ ‘พีท’ หลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนที่เขาจะค่อย ๆ หันไปมองยังต้นเสียงด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใด ๆ‘พีท’ หนุ่มหล่อสุดฮอตประจำคณะนิติศาสตร์ ผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ผิวขาวเนียนละเอียด ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสี่เซนติเมตร เขาหล่อ ฮอต เนี้ยบ และเนิร์ด! ทั้งยังหยิ่ง…ยโส และขี้เก๊กเป็นที่สุด!“เออ! มึงจะไปสนใจทำไมกับผู้หญิงแบบนั้นวะ” เพื่อนสนิทอีกคนเอ่ยเสริมพลางมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างนึกหงุดหงิดที่เอาแต่ทำหน้านิ่งไม่สนใจสิ่งรอบข้างตั้งแต่ที่เขามาถึงทั้งสามคนอยู่ในห้องชมรมซึ่งเป็นห้องประจำที่พวกเขาชอบมานั่งคุยกันอยู่บ่อย ๆ พวกเขาทั้งสามคนเป็นหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยที่สาว ๆ หลายคนอยากควงมากที่สุดเนื่องด้วยหน้าตา ความฉลาด และฐานะของ ‘พีท’ ‘โอ๊ต’ และ ‘จอมทัพ’ ที่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนในมหาวิทยาลัยกลับต้องเป็นจุดสนใจข
บทที่ 1บทลงโทษในวันรับน้อง (1)“ไปทำบุญมายังน้องมีนา หวังว่าวันนี้คงไม่โดนทำโทษสามเกมติดเหมือนเมื่อวานนะ”เสียงทักทายของรุ่นพี่เอ่ยขึ้นหลังจากที่เธอเดินเข้ามาหาห้องเอนกประสงค์ ทันทีที่รุ่นพี่เอ่ยต่างก็ทำให้เพื่อน ๆ และรวมถึงรุ่นพี่คนอื่นหันมามองเธอเป็นตาเดียว“มาเหอะพี่ หนูไม่กลัวหรอก จะเต้นไก่ย่างหรือว่าเต้นฮิปโปหนูก็พร้อม!” หญิงสาวตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นใจก่อนจะเดินไปนั่งกับกลุ่มเพื่อน ๆเดิมทีแล้วมีนาเป็นที่คนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เนื่องจากเธออัธยาศัยดีและเป็นมิตรกับทุกคน ทั้งยังชอบร่วมทำกิจกรรมกับคนอื่น ๆ ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรถ้าหากต้องออกไปเต้นหน้าห้องต่อหน้าทุกคน“เห้ย! ไอ้โอมมึงจัดบทลงโทษหนัก ๆ ให้น้องเขาสักทีดิ น้องแม่งปากแจ๋วโคตร”กิจกรรมรับน้องยังคงดำเนินไปด้วยความสนุกสนานและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ วันนี้เป็นวันรับน้องวันสุดท้ายเลยทำให้มีการเข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่ช่วงสายจนถึงช่วงเย็นของวันจนกระทั่งมาถึงเกมสุดท้าย มีนาเข้าร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดีซึ่งในเกมสุดท้ายนั้นจะเป็นเกมที่ให้ทุกคนยืนขาเดียวอยู่บนกระดาษเอสี่เพียงแผ่นเดียวทั้งกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีห้าคน
บทที่ 1 บทลงโทษในวันรับน้อง (2)“น่ารำคาญ” เสียงทุ้มเอ่ยและผลักมือเล็กออกก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและเดินผ่านร่างบางไปอย่างไม่ใส่ใจมีนายืนชะงักราวกับถูกสาปเป็นหินเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนเย็นชาจากปากของอีกฝ่ายที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหรือใยดีเธอเลยสักนิด เธอกำมือตัวเองแน่นพลางนึกโมโหอยู่ในใจจนแทบอยากจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด กล้าดียังไงถึงได้เมินและเย็นชากับเธอแบบนี้!“นี่! เมื่อกี้พี่ว่าไงนะ” ใบหน้าหวานหันขวับไปมองร่างสูงที่กำลังเดินออกไปด้วยความโมโหอย่างหนัก เสียงเล็กตะโกนกร้าวทำให้ชายหนุ่มค่อย ๆ หันหน้ามามองเธอด้วยความนิ่งเรียบเช่นเคยคนตรงหน้าเลิกคิ้วถามพลางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างนึกรำคาญเมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวชักจะตอแยเขามากขึ้น ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแต่ท่าทางและสายตากลับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขารู้สึกเช่นไร‘ไม่มีมารยาท!’ มีนาบ่นกับตัวเองในความคิดแค่เห็นสายตาของเขาก็ทำให้เธออยากจะตรงไปตระกุยหน้าหล่อ ๆ ให้รู้แล้วรู้รอด“เมื่อกี้พี่บอกว่าน่ารำคาญเหรอคะ” เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบเธอจึงถามเขาอีกครั้ง“หูตึงหรือไง” ชายหนุ่มกอดอกมองร่างบางอย่างไม่ลดละเขาว่าสิ่งที่พูดออกไปก็ชัดเจนมา
บทที่ 2อย่าหาว่าไม่เตือน (1) MD NIGHTภายในคลับหรูใจกลางเมืองที่มีเสียงเพลงบีทหนักและแสงไฟสลัวสาดส่องคอยขับกล่อมให้ทุกคนลุกขึ้นเต้นกันอย่างสนุกสนานรวมถึงหญิงสาวและเพื่อนอีกหนึ่งคนที่ตอนนี้กำลังอยู่ที่โต๊ะชั้นล่างซึ่งเป็นที่สนใจกับหนุ่ม ๆ รอบข้างเป็นอย่างมาก“โต๊ะนั้นเขามองฉันด้วยแหละ”“จ้ะ คุณน้ำคนสวย สวยที่สุด!” มีนากลอกตาไปมาเมื่อตั้งแต่มาถึงก็ได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทที่พูดไม่หยุดปากจนทำให้นึกหมั่นไส้เสียไม่ได้“ดีใจอะที่วันนี้แกมาด้วย ปกติชวนทีไรก็ขี้เกียจตลอด”“วันนี้เบื่อ ๆ อะแถมยังเจอรุ่นพี่ขี้เก๊กอีก” ว่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในช่วงบ่าย“เออดีอยากให้เจอบ่อย ๆ แกจะได้ออกมาตี้กับฉัน”“แล้ววันนี้แกไม่มีฝึกเหรอถึงชวนออกมาตี้ได้เนี่ย” มีนาถามถึงเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังเรียนพยาบาลปีสองถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีเวลาว่างแต่ก็ชอบออกมาเที่ยวอยู่บ่อย ๆมีนาอายุยี่สิบปีเดิมทีเรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ก่อนจะซิ่วมาเรียนบริหารธุรกิจเนื่องจากถูกกดดันกับทางครอบครัวที่อยากให้เรียนสายนี้มากกว่าเพราะมีธุรกิจร้านเครื่องเพชรที่ต้องกลับไปบริหารหลังเรียนจบในเมื่อทนกับความกดดันไม่ได้เธ
บทที่ 4 แสร้งเป็นแฟน (2)“นิ่งทำไม ทีเมื่อกี้ยังเล่นละครเป็นฉาก ๆ” ชายหนุ่มเปิดประเด็นขึ้นทำลายความเงียบขณะที่สายตายังคงจดจ้องกับหนทางตรงหน้า“มีนช่วยพี่ต่างหาก” มีนากอดอกมอง หากเธอไม่เข้าไปช่วยเขาก็คงถูกแฟนเก่าตามตื๊อไม่เลิก“ช่วย? หึ แบบนี้น่ะเหรอที่เรียกว่าช่วย”“อย่างน้อยก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นหน้าหงายแล้วกัน” ถึงจะช่วยได้ไม่มากแต่เธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงต้องมีอาการ ‘เงิบ’ กับคำพูดของเธอแน่นอนพีทแค่นเสียงหัวเราะแต่ยังคงให้ความสนใจกับการขับรถ จนกระทั่งรถยนต์คันหรูขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามกับตึกคณะบริหารธุรกิจ ใบหน้าหวานหันมองคนข้าง ๆ ด้วยความตกใจ ก่อนจะชะเง้อมองโดยรอบว่ามีใครอยู่บริเวณนั้นหรือไม่หากมีคนเห็นว่าเธอเดินลงมาจากรถของเขาคงถูกเอาไปพูดเป็นแน่!“ทำไมพี่ถึงมาจอดตรงนี้ล่ะคะ”“ทำไม?” พีทเลิกคิ้วมองเป็นเชิงคำถาม ทั้งที่ปกติแล้วเขาก็จอดในที่ตรงนี้อยู่ทุกวันเพราะลานจอดรถที่ตึกคณะนิติศาสตร์รถค่อนข้างเยอะ จึงทำให้เขาเลือกที่จะมาจอดบริเวณนี้เสียส่วนใหญ่“เดี๋ยวเพื่อนพี่ก็เห็นหรอก” มีนาเอ่ยพลางมองไปยังรอบ ๆ เขาก็รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาเรียนอยู่คณะเดียวกันกับเธอ หากเดินลงไปแล้วเป
บทที่ 4แสร้งเป็นแฟน (1)ช่วงเช้าสำหรับมีนาและเป็นเวลาสายสำหรับการไปเรียน คลาสแรกที่เริ่มเรียนสิบโมงแต่ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงห้าสิบแล้วเจ้าตัวยังคงวิ่งวุ่นรอบห้องไม่รู้ว่าจะหยิบจับอะไร มีนาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนล่วงหน้าถึงสองชั่วโมงแต่ก็ไม่รู้ทำไมพอถึงเวลากลับไม่ได้ยินเสียงผลที่ตามมาก็คืออาการเร่งรีบวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนหยิบจับอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน“สาย! สายแล้ว สายแล้ว!” หญิงสาวหยิบกระเป๋าผ้าสีขาวสะอาดขึ้นมาสะพายก่อนจะหยิบคีย์การ์ดและรีบสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วลิฟต์แก้วก็ดันเป็นใจเหมือนรู้โชคชะตาว่ามีคนกำลังไปเรียนสายเปิดรอให้เข้าไปโดยไม่มีคนอยู่สักคน ทันทีลิฟต์มาถึงชั้นล่างขาเล็กก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่หันมองทางซ้ายขวาเพราะสิ่งเดียวที่จดจ่อก็คือพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่หน้าคอนโดฯ เท่านั้น“ให้ตายเถอะ! พี่วินหายไปไหนหมด!” มือเล็กลูบใบหน้าตัวเองเมื่อวิ่งออกมาด้านนอกแต่ไม่เห็นรถวินมอเตอร์ไซด์สักคันเดียวมีนาหันมองและชะเง้อหาหวังว่าจะเจอสิ่งที่หวังแต่ก็ไม่พบ ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นร่างสูงของรุ่นพี่ต่างคณะที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถพอดิบพอดี และเป็นจังหวะเดียวกันท
บทที่ 3เปลี่ยนความคิด“พะ...พี่ พี่พีทคะ” มีนาตะโกนเรียกพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินตามร่างสูงออกไปด้วยความร้อนรน หลังจากที่พีทเข้ามาช่วยเธอจากเหตุการณ์เมื่อครู่เจ้าตัวก็รีบเดินออกไปโดยที่เธอยังไม่เอ่ยคำใดเลยแม้แต่น้อยใบหน้าหล่อเหลาหันมองคนตัวเล็กด้วยแววตาเรียบนิ่งซึ่งสายตาคู่นั้นทำให้หญิงสาวหยุดชะงักราวกับถูกสาป“มีอะไร” เสียงเข้มเอ่ยพลางมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้เอาแต่เดินตามเขาไม่เลิก“เอ่อ...เอ่อคือ...คือมีน” หญิงสาวกำมือตัวเองแน่นและนึกหงุดหงิดตัวเองในใจ อุตส่าห์เตรียมคำพูดไว้มากมายแต่พอเจอสายตากลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้นพีทมองคนตัวเล็กชั่วครู่ก่อนจะหมุนตัวและเดินต่อไปแต่ทว่ากลับต้องหยุดชะงักตามเสียงเรียกของเธออีกครั้ง ในครั้งนี้มีนารวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงและยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว“มีนขอบคุณพี่มากเลยนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ช่วยมีนไว้” มีนากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จากเหตุการณ์เมื่อครู่มันทำให้เธอกลัวเป็นอย่างมากแต่เธอก็ต้องสกัดกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น“นมเธอ” ประโยคนั้นทำให้มีนารีบเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจก่อนจะรีบยกมือปิ
บทที่ 2อย่าหาว่าไม่เตือน (2)“ยัยมีน แกทำอะไร” น้ำรีบจับมือเพื่อนสนิทและเค้นถามคำตอบให้รู้แล้วรู้รอด ปกติก็มาเที่ยวเล่นกันสองคนออกบ่อยแล้วทำไมวันนี้ถึงได้บอกว่าเหงาขึ้นมาได้“เอาดิน้อง ดี ๆ มีสาวสวยมานั่งด้วยจะได้สนุก”“หยุดเจ้าชู้ก่อนเลยไอ้เสือ นั่นรุ่นน้องครับ” เพื่อนอีกคนถึงกับต้องออกปากห้ามและรีบดึงเจ้าตัวกลับมานั่งประจำที่เพราะรู้นิสัยเพื่อนตัวเองดีว่าเรื่องผู้หญิงนั้นร้ายกาจไม่แพ้ใคร“อย่างพี่เขาไม่ชอบหนูหรอก ต้องขาว ๆ อึ๋ม ๆ อกโต ๆ แบบวันก่อนเนอะ” หญิงสาวแทรกขึ้นพร้อมกับยกยิ้มร้ายเนื่องจากเมื่อวันก่อนเธอนั้นเห็นเต็มสองตาว่ารุ่นพี่ร่วมคณะนั้นขับรถสปอร์ตคันหรูไปรับสาวสวยหน้าห้างสรรพสินค้าหลังเลิกกิจกรรมรับน้อง“เชี่ย! ใครวะไอ้โอ๊ต นี่มึงหมกเหรอวะ”“โห่น้องมีน จำผิดคนหรือเปล่า” อีกฝ่ายถึงกับยิ้มเจื่อนและรีบปฏิเสธพัลวันแต่มีหรือที่เพื่อนสนิทจะเชื่อในคำพูดของเขา“น้องเขาน่ะจำถูกแล้ว แต่มึงอะมานี่เลย สรุปใครครับบอกกูมาเดี๋ยวนี้”“น้องแม่งร้ายโคตร ยินดีต้อนรับเข้าแก๊งครับโผม!” คนตัวโตเฉไฉพลันมองหน้าหญิงสาวที่ดูท่าแล้วร้ายกาจไม่แพ้ตัวเขาเองเลย เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้แต่ความร้ายระดับตัวแม
บทที่ 2อย่าหาว่าไม่เตือน (1) MD NIGHTภายในคลับหรูใจกลางเมืองที่มีเสียงเพลงบีทหนักและแสงไฟสลัวสาดส่องคอยขับกล่อมให้ทุกคนลุกขึ้นเต้นกันอย่างสนุกสนานรวมถึงหญิงสาวและเพื่อนอีกหนึ่งคนที่ตอนนี้กำลังอยู่ที่โต๊ะชั้นล่างซึ่งเป็นที่สนใจกับหนุ่ม ๆ รอบข้างเป็นอย่างมาก“โต๊ะนั้นเขามองฉันด้วยแหละ”“จ้ะ คุณน้ำคนสวย สวยที่สุด!” มีนากลอกตาไปมาเมื่อตั้งแต่มาถึงก็ได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทที่พูดไม่หยุดปากจนทำให้นึกหมั่นไส้เสียไม่ได้“ดีใจอะที่วันนี้แกมาด้วย ปกติชวนทีไรก็ขี้เกียจตลอด”“วันนี้เบื่อ ๆ อะแถมยังเจอรุ่นพี่ขี้เก๊กอีก” ว่าแล้วก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในช่วงบ่าย“เออดีอยากให้เจอบ่อย ๆ แกจะได้ออกมาตี้กับฉัน”“แล้ววันนี้แกไม่มีฝึกเหรอถึงชวนออกมาตี้ได้เนี่ย” มีนาถามถึงเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังเรียนพยาบาลปีสองถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีเวลาว่างแต่ก็ชอบออกมาเที่ยวอยู่บ่อย ๆมีนาอายุยี่สิบปีเดิมทีเรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ก่อนจะซิ่วมาเรียนบริหารธุรกิจเนื่องจากถูกกดดันกับทางครอบครัวที่อยากให้เรียนสายนี้มากกว่าเพราะมีธุรกิจร้านเครื่องเพชรที่ต้องกลับไปบริหารหลังเรียนจบในเมื่อทนกับความกดดันไม่ได้เธ
บทที่ 1 บทลงโทษในวันรับน้อง (2)“น่ารำคาญ” เสียงทุ้มเอ่ยและผลักมือเล็กออกก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและเดินผ่านร่างบางไปอย่างไม่ใส่ใจมีนายืนชะงักราวกับถูกสาปเป็นหินเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนเย็นชาจากปากของอีกฝ่ายที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหรือใยดีเธอเลยสักนิด เธอกำมือตัวเองแน่นพลางนึกโมโหอยู่ในใจจนแทบอยากจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด กล้าดียังไงถึงได้เมินและเย็นชากับเธอแบบนี้!“นี่! เมื่อกี้พี่ว่าไงนะ” ใบหน้าหวานหันขวับไปมองร่างสูงที่กำลังเดินออกไปด้วยความโมโหอย่างหนัก เสียงเล็กตะโกนกร้าวทำให้ชายหนุ่มค่อย ๆ หันหน้ามามองเธอด้วยความนิ่งเรียบเช่นเคยคนตรงหน้าเลิกคิ้วถามพลางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างนึกรำคาญเมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวชักจะตอแยเขามากขึ้น ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแต่ท่าทางและสายตากลับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขารู้สึกเช่นไร‘ไม่มีมารยาท!’ มีนาบ่นกับตัวเองในความคิดแค่เห็นสายตาของเขาก็ทำให้เธออยากจะตรงไปตระกุยหน้าหล่อ ๆ ให้รู้แล้วรู้รอด“เมื่อกี้พี่บอกว่าน่ารำคาญเหรอคะ” เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบเธอจึงถามเขาอีกครั้ง“หูตึงหรือไง” ชายหนุ่มกอดอกมองร่างบางอย่างไม่ลดละเขาว่าสิ่งที่พูดออกไปก็ชัดเจนมา
บทที่ 1บทลงโทษในวันรับน้อง (1)“ไปทำบุญมายังน้องมีนา หวังว่าวันนี้คงไม่โดนทำโทษสามเกมติดเหมือนเมื่อวานนะ”เสียงทักทายของรุ่นพี่เอ่ยขึ้นหลังจากที่เธอเดินเข้ามาหาห้องเอนกประสงค์ ทันทีที่รุ่นพี่เอ่ยต่างก็ทำให้เพื่อน ๆ และรวมถึงรุ่นพี่คนอื่นหันมามองเธอเป็นตาเดียว“มาเหอะพี่ หนูไม่กลัวหรอก จะเต้นไก่ย่างหรือว่าเต้นฮิปโปหนูก็พร้อม!” หญิงสาวตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นใจก่อนจะเดินไปนั่งกับกลุ่มเพื่อน ๆเดิมทีแล้วมีนาเป็นที่คนเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เนื่องจากเธออัธยาศัยดีและเป็นมิตรกับทุกคน ทั้งยังชอบร่วมทำกิจกรรมกับคนอื่น ๆ ทำให้เธอไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรถ้าหากต้องออกไปเต้นหน้าห้องต่อหน้าทุกคน“เห้ย! ไอ้โอมมึงจัดบทลงโทษหนัก ๆ ให้น้องเขาสักทีดิ น้องแม่งปากแจ๋วโคตร”กิจกรรมรับน้องยังคงดำเนินไปด้วยความสนุกสนานและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ วันนี้เป็นวันรับน้องวันสุดท้ายเลยทำให้มีการเข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่ช่วงสายจนถึงช่วงเย็นของวันจนกระทั่งมาถึงเกมสุดท้าย มีนาเข้าร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดีซึ่งในเกมสุดท้ายนั้นจะเป็นเกมที่ให้ทุกคนยืนขาเดียวอยู่บนกระดาษเอสี่เพียงแผ่นเดียวทั้งกลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีห้าคน
บทนำ“ขอโทษนะพีทแต่เอมเลือกเขา เราเลิกกันเถอะ”“อืม”คำพูดที่ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวที่ไม่ว่าจะพยายามสลัดมันออกเท่าไหร่แต่ก็ไม่เป็นผล หนำซ้ำภาพวันวานที่เคยรักกันยังย้อนหวนกลับมาให้เจ็บใจเล่นอีก“เห้ย ไอ้พีท! มึงเลิกคิดถึงเขาสักทีเถอะกูไหว้ล่ะ” เสียงเรียกและแรงสะกิดของเพื่อนสนิททำให้ ‘พีท’ หลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนที่เขาจะค่อย ๆ หันไปมองยังต้นเสียงด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกใด ๆ‘พีท’ หนุ่มหล่อสุดฮอตประจำคณะนิติศาสตร์ ผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ผิวขาวเนียนละเอียด ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสี่เซนติเมตร เขาหล่อ ฮอต เนี้ยบ และเนิร์ด! ทั้งยังหยิ่ง…ยโส และขี้เก๊กเป็นที่สุด!“เออ! มึงจะไปสนใจทำไมกับผู้หญิงแบบนั้นวะ” เพื่อนสนิทอีกคนเอ่ยเสริมพลางมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างนึกหงุดหงิดที่เอาแต่ทำหน้านิ่งไม่สนใจสิ่งรอบข้างตั้งแต่ที่เขามาถึงทั้งสามคนอยู่ในห้องชมรมซึ่งเป็นห้องประจำที่พวกเขาชอบมานั่งคุยกันอยู่บ่อย ๆ พวกเขาทั้งสามคนเป็นหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยที่สาว ๆ หลายคนอยากควงมากที่สุดเนื่องด้วยหน้าตา ความฉลาด และฐานะของ ‘พีท’ ‘โอ๊ต’ และ ‘จอมทัพ’ ที่ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนในมหาวิทยาลัยกลับต้องเป็นจุดสนใจข